วันพุธที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2561

ยอดยุทธไร้เทียมทาน ตอนที่ 513 เพชรฆาตอิง


ตอนที่  513  เพชรฆาตอิง
ครืนนน
เสียงดังกึกก้องออกมาจากกับดักทางเข้า  พลังระเบิดสั่นสะเทือนม่านพลังแสงอย่างเห็นได้ชัด  รังสีแพรวพราวทะลุผ่านม่านพลังสว่างเจิดจ้าในท้องฟ้ายามราตรี

 “ข้างในนั้นมีคนอยู่กี่คนกันแน่?”  เริ่นหรูไห่ถามอย่างเคร่งเครียด
 “เก้าคน” ถงเก๋อรายงาน
 “เจ้าคิดว่าเขาจะทนการโจมตีอย่างนี้ได้นานแค่ไหน?”  เริ่นหรูไห่ถาม
 “ข้าไม่สามารถระบุได้อย่างแน่นอน”  ถงเก๋อตอบด้วยสีหน้าหงุดหงิด  เขาส่ายหัว “หลังจากการต่อสู้ของมอนตาแล้ว  ข้าคิดว่าเขาไม่น่าจะมีเรี่ยวแรงเหลือทนต่อการโจมตีของเรา!  ข้าคาดไม่ถึงเลยว่า แม้จะส่งเซียนเข้าไปต่อเนื่องถึงสามคน  ก็ไม่มีใครโค่นเขาลงได้ คนผู้นี้น่าหวั่นเกรงนัก”
 “ไม่ว่าแข็งแกร่งเพียงไหน  ก็ยังมีเวลาที่เขาต้องล้มลงจนได้”  หลี่รั่วกล่าว
 “ถูกแล้ว!” ถงเก๋อพยักหน้า  “อย่างไรก็ตาม  เราจำเป็นต้องหาคนเพิ่ม  ถ้าไม่อย่างนั้น เมื่อมีโอกาสที่เราจะเอาชนะเขาได้  เราอาจไม่มีพลังพอจะเอาชนะเขาได้”
อีกสองคนเห็นด้วย
แม้ต้องสูญเสียในการต่อสู้ไปมาก  แต่ก็ยังมีคลื่นนักสู้ชั้นเซียนพร้อมจะเดินหน้าเข้าไปในป้อมปราการประตูเดี่ยว  การสู้แต่ละครั้งดูเหมือนจะทอดเวลานานออกไปอีก จนเวลาเกือบสองชั่วโมง อาจได้ข้อสรุปว่าศัตรูที่อยู่ภายในฐานกำลังดิ้นรนต่อสู้
เซียนทุกคนนับถือที่นักสู้ผู้คุ้มกันทางเข้ายังยืนหยัดต่อสู้ภายในป้อมได้เป็นเวลานาน  แม้แต่บุรุษเหล็กคงไม่สามารถอยู่ได้นานภายใต้สถานการณ์ต่อสู้ที่เข้มข้นเช่นนี้  พวกเขาเชื่อว่าศัตรูจะพ่ายแพ้ในเวลาไม่ช้า
ดังนั้นทุกคนกำลังแข่งขันกันแย่งเข้าไปในป้อมปราการ พวกเขาเดิมพันความหวังทุกอย่างว่าพวกเขาจะเป็นผู้ประสบความสำเร็จเอาชนะคู่ต่อสู้ที่น่ากลัวได้
ทางเข้าป้อมปราการประตูเดียวตอนนี้สับสนวุ่นวาย  แม้แต่เซียนเองก็ทะเลาะแก่งแย่งกันเข้าไปในประตูให้ได้ก่อน  ในความสับสนวุ่นวายนั้น  แม้แต่เริ่นหรูไห่ที่เป็นนักสู้ผู้น่ากลัวก็ยังไม่กล้าดูเบา
 “นอกจากนี้เราอาจไม่จำเป็นต้องเป็นกลุ่มแรกที่เข้าไป”  ถงเก๋อตอบ  “อย่าลืมสิ, ในนั้นยังมีฟู่จงซานและหยางเฮ่าหรัน  พลังของพวกเขาน่ากลัวเช่นกัน เราจะประมาทพวกเขาไม่ได้  ถ้าพวกเขาร่วมกำลังกันตอบโต้  ก็อาจน่ากลัวก็เป็นได้”
 “นั่นก็ถูก”  เริ่นหรูไห่พยักหน้าและตอบ  “เราจำเป็นต้องหานักสู้ชั้นแนวหน้าที่กล้านำบุกเข้าไป
เวลานั้นกับดักทางเข้าขยายตัวอย่างรวดเร็วครอบคลุมจวนที่ทำการทั้งหมด
 “น่าเสียดาย, คนที่อยู่ภายในมีโอกาสพักฟื้นก่อนได้ต่อสู้ทุกครั้ง”  ถงเก๋อกล่าว คนภายนอกส่วนใหญ่จะคุ้นเคยกับลักษณะพิเศษของป้อมปราการประตูเดี่ยวแล้ว  ป้อมปราการสามารถดูดซับพลังงานขนาดใหญ่ที่ถูกปลดปล่อยออกมาจากการต่อสู้ในแต่ละครั้งก่อเกิดเป็นแนวชั้นป้องกัน
คนโดยรอบถอนหายใจได้ยินชัด  พวกเขาทุกคนรู้สึกว่าทันทีที่พวกเขาส่งคนเข้าไปเพิ่ม ผู้เฝ้าประตูคงไม่สามารถทนอยู่ได้นาน  เมื่อพวกเขาคิดว่าจะชนะในชั่วอึดใจ ก็เกิดชั้นพลังป้องกันเพิ่มขึ้น
ป้อมปราการประตูเดี่ยวเป็นโครงสร้างปราการที่แปลกประหลาด
ทันใดนั้นถงเก๋อให้ความสนใจคนหนึ่งในฝูงชนนั้น
เขาเป็นคนหนุ่มสวมชุดขาว มีสีหน้าเยือกเย็นยืนอยู่ในท่ามกลางกลุ่มผู้คนเด่นสะดุดตายิ่งนัก  ถงเก๋อหรี่ตา เขาจำบุรุษหนุ่มคนนี้ได้
บุรุษหนุ่มรู้สึกถึงสายตาของเขาและหันมามองทางถงเก๋อ  เขาเดินเข้ามาหา
เริ่นหรูไห่และคนที่เหลือก็มองเห็นบุรุษผู้นั้นเช่นกัน  เมื่อพวกเขาเห็นสัญลักษณ์ที่อกเสื้อของบุรุษหนุ่มผู้นั้น  ทุกคนผงะ เขามาจากสมาพันธ์ชาวยุทธ
ขณะที่บุรุษหนุ่มชุดขาวเดินเข้าหาถงเก๋อและถาม  “เย่เฉาเกออยู่ที่ไหน?”
ถงเก๋อกลับคืนความสงบ  “ข้าคาดไม่ถึงเลยว่าจะได้พบท่านที่นี่  ท่านฝูอิง อย่างไรก็ตาม คำถามท่านก็ทำให้ข้าตะลึงเหมือนกัน ข้าหวังว่าท่านจะไม่คิดว่าข้าคือคนที่อยู่เบื้องหลังการหายตัวไปครั้งนี้”
 “เจ้าไม่มีความสามารถพอจะทำเช่นนั้น”  ฝูอิงตอบ
 “ดูเหมือนเย่เฉาเกอจะเป็นที่โปรดปรานของผู้อาวุโสหรงปัวอย่างแท้จริง  ถึงขนาดส่งท่านฝูอิงมาที่นี่  ข้าไม่กล้าหลอกท่านแน่นอน  ถ้าข้าได้ข่าวอะไรเกี่ยวกับเขา  ข้าจะบอกท่านเอง”  ถงเก๋อตอบ
เริ่นหรูไห่และหลี่รั่วได้แต่เงียบด้วยความกลัว
ฝูอิงยังคงเงียบขณะที่เขาหันหลังเดินจากไป
 “ข้าไม่เคยคาดเลยว่าเขาจะมา”  ถงเก๋อตอบ  “เรื่องจะไปกันใหญ่”
 “เขามาที่นี่เพื่อตามหาเย่เฉาเกอ”  หลี่รั่วลนลานอุทาน
เริ่นหรูไห่หน้าซีด
ฝูอิงมักจะอยู่ในแนวหน้า  เขาคือหัวหอกของสมาพันธ์ชาวยุทธและมีฉายาว่าเพชฌฆาตอิง  ในบรรดาเซียนบรอนซ์ เขาถือได้ว่าเป็นหนึ่งในสิบสุดยอด มีเซียนบรอนซ์นับไม่ถ้วนที่ตายภายใต้กระบี่ของเขา
ทุกคนคาดไม่ถึงเลยว่าคนที่แข็งแกร่งขนาดนั้นจะมายังเมืองหานกู่
หลังจากนั้นไม่นาน ที่ฟู่อิงเข้ามายังร้านอาหารเมืองหานกู่  เมื่อเขาออกจากร้านอาหารไป  เขาได้หัวหอกกลุ่มดาวเบเรนิสไว้ในมือ
เขาควงหัวหอกดาวเบเรนิสขณะที่เดินไปไปรอบๆ เมืองหานกู่อย่างไม่มีจุดหมาย
เมื่อต้องทนอุดอู้อยู่ในป้อมปราการตลอดทั้งวัน  ถังเทียนแอบเล็ดลอดเข้าไปในจวนที่ทำการ  แม้จะถูกป้อมปราการประตูเดี่วยผนึกเอาไว้ แต่ปิงก็สร้างทางลับสัญจรเอาไว้  ปิงสร้างทางเข้าลับเพื่อให้ถังเทียนเข้าออกฐานได้  แม้ว่าจะมีความเสี่ยงที่ทำเช่นนี้  แต่ป้อมปราการประตูเดี่ยวในปัจจุบันแข็งแกร่งเพียงพอต่อการแทรกซึมดังกล่าวได้
ตอนแรกการเฝ้าป้องกันป้อมปราการประตูเดี่ยวดูเหมือนจะเป็นงานที่น่าสนใจสำหรับถังเทียน  อย่างไรก็ตาม เขาเกิดความเบื่อมากขึ้นอย่างรวดเร็ว
อะไรก็ตามที่เกี่ยวกับเล่ห์เหลี่ยมหรือกลโกง ปิงสามารถดำเนินการได้อย่างง่ายดาย  ไม่ใช่ว่าเซียนทุกคนมีครอบครัวต้องเลี้ยงดู   เซียนบางส่วนเลือกเส้นทางสันโดษแทน  ดังนั้นเมื่อเผชิญกับบุคคลที่ยากจะรับมือต่างๆ เช่นนี้ ปิงจะใช้การหลอกล่อต่างๆ นานาเพื่อให้พวกเขาเข้าร่วมกับเขา
 “ร่มนี้สวยจริงๆ เลยนะ  เป็นอาวุธปรับแต่งชั้นบรอนซ์ระดับต่ำหรือเปล่า? ไม่ ไม่ นี่ต้องเป็นอาวุธบรอนซ์ระดับกลางแน่นอน”
 “ดูสิ ร่างวิญญาณน่ารักดี, เขาชื่อเสี่ยวเอ้อ เป็นร่างวิญญาณชนิดแรกที่สามารถสร้างสมบัติจิตวิญญาณได้!
 “พวกท่านอาจจะนึกไม่ถึง  แต่เขาสามารถสร้างสมบัติจิตวิญญาณได้อย่างเชี่ยวชาญแน่นอน  เขามีพรสวรรค์เชี่ยวชาญด้านสมบัติวิญญาณ!
หน้าของเสี่ยวเอ้อดำเหมือนก้นหม้อ  เขาหงุดหงิดที่ถูกทำเหมือนเป็นสินค้าที่แสดงให้ทุกคนดู
โธ่เว้ย...
ทำไมมันแตกต่างจากที่ข้าคิดเอาไว้อยู่เรื่อย?  ทำไมเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทุกอย่างถึงได้ลงเอยอย่างผิดพลาดโดยไม่คาดคิดจนควบคุมไม่ได้
ปัญหาคืออะไรกันแน่?
เสี่ยวเอ้อหน้ามุ่ยขณะที่คิดถึงเรื่องที่ผิดพลาด
ช่วงสองสามวันมานี้ ฟู่จือหงรู้สึกเหมือนกับว่านางกำลังฝัน  นางไม่เคยคาดว่าจะได้เห็นวันที่เซียนของจวนที่ทำการจะมีความมุ่งมั่นเหมือนอย่างวันนี้
ภายในวันเดียว เซียนเก้าคนก็สมัครเข้ามาร่วมด้วย  กำลังที่รวบรวมได้อย่างรวดเร็วช่างดูน่ากลัวจริงๆ
ฟู่จงซานและหยางเฮ่าหรันที่ตอนแรกไม่เชื่อมั่นในถังเทียน แต่ตอนนี้กลับเชื่อมั่นเขาอย่างสนิทใจ  ตอนนี้มีเซียนสิบสองคนอยู่ในจวนที่ทำการแล้ว
นี่คือกองกำลังที่น่ากลัว
ขณะที่เดินไปตามถนนยามราตรี ความรู้สึกหนาวเหน็บยาวราตรี ทำให้พลังวิญญาณของถังเทียนถูกปลุกเร้า  ตอนแรกเขาเตรียมจะสู้  แต่คาดไม่ถึงเลยว่าจนป่านนี้แล้วเขายังไม่ได้ออกแรงแม้แต่หมัดเดียว  แม้แต่กล่องตราพลังต้นกำเนิดที่เขาเตรียมไว้ก็ยังไม่ได้ใช้
ขณะที่กับดักทางเข้าขยายออกไป  เซียนทุกคนก็พากันถอย  อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ถนนยังคงเงียบ
ถังเทียนยังเดินวิเคราะห์ต่อไป
เจ้าบัดซบนั่น (พ่อ) ยังอยู่หรือว่าตายแล้ว?  เขารู้สึกงงกับความรู้สึกของเขา  ในอดีตเขารู้สึกแต่เพียงว่าเกลียดชังเขา แต่เมื่อถังเทียนรู้เรื่องเขามากขึ้น ความเกลียดในหัวใจของถังเทียนค่อยๆ ลดลง  แม้จะยังไม่เข้าใจสถานการณ์อย่างเต็มที่  แต่เขารู้สึกถึงเรื่องโยงใยที่ยิ่งใหญ่อยู่เบื้องหลัง  อดีตต้องมีอันตรายและซับซ้อนมากกว่าตอนนี้
หลังจากผ่านไปหลายปีแล้ว  เขาตายแล้วหรือว่ายังมีชีวิต?
เชียนฮุ่ยดูเหมือนจะรู้บางอย่าง  นางรู้เรื่องดวงตาเซกซ์แทนส์  บางทีข้าควรถามนางในครั้งต่อไป
สายตาของถังเทียนเปลี่ยนไปเล็กน้อย
เพียงเมื่อเขาเห็นบุรุษสวมชุดขาวเดินเข้ามาจากนั้นให้ความสนใจเขา
 “พาเย่เฉาเกอมาให้ข้า”  ฝูอิงพูดอย่างไม่ใส่ใจ
เป็นพวกสมาพันธ์ชาวยุทธนั่นเอง
ถังเทียนตอบ  “เย่เฉาเกอตอนนี้เป็นเชลยของข้า  ตราบใดที่เจ้าจ่ายค่าไถ่มา ข้าจะคืนเขาให้เจ้า”
 “ค่าไถ่?” ฝูอิงจ้องถังเทียนพลังฆ่าฟันเพิ่มขึ้นพร้อมกับที่เขายกมือขวา  “หาที่ตาย”
ฝ่ามือของเขาฉายรังสีแสงที่คมกล้าและเจิดจ้าเหมือนพระอาทิตย์ดวงน้อยที่ไม่มีใครกล้ามองโดยตรง
ฝ่ามือเพชฌฆาต!
รังสีดาบระยิบระยับพุ่งข้ามถนนเหมือนกับงูเลื้อยตรงเข้าหาถังเทียน
ถังเทียนรู้สึกถึงอันตรายทันทีเมื่อฝูอิงยกฝ่ามือ  เขาตะโกนทันที “เสี่ยวเอ้อ!”
ร่มคันหนึ่งปรากฏอยู่ต่อหน้ารังสีดาบ
ประกายแสงนุ่มนวลฉายออกมาจากผิวร่ม  ร่มหยาหยาเริ่มหมุนเป็นวังวน
ปัง!
พลังแสงจากร่มทำให้ถังเทียนและเสี่ยวเอ้อผงะ  ทั้งสองถูกพลังรุนแรงกระแทกถอยหลัง
โชคดีรังสีที่คล้ายกับงูถูกสะท้อนเบี่ยงเบนวิถีส่งตรงขึ้นไปบนฟ้า
วีดดดด
รังสีแสงแหวกผ่านท้องฟ้าเกิดเสียงดังสนั่นกึกก้องไปทั่วบริเวณ
เมืองหานกู่ตกอยู่ในความเงียบทันที  เซียนทุกคนตกตะลึงกับเสียงแหลมหวีดหวิวนั้น
พลังแสงนั้นแข็งแกร่งรุนแรงที่แม้แต่ภูเขาหิมะบนผิวร่มหยาหยาก็ยังพังทลายไปครึ่งหนึ่ง
พลังที่น่ากลัวนี้สร้างความเกรงขามให้กับถังเทียน  เขาอุ้มเสี่ยวเอ้อที่บาดเจ็บและใช้วิชาเคลื่อนย้ายในพริบตาหนีหายไป
เคลื่อนย้ายในพริบตา?  ฝูอิงประหลาดใจกับวิชาหายตัวของถังเทียน
เซียนส่วนใหญ่ไม่มีวิชารับมือเคลื่อนย้ายในพริบตา  แต่สำหรับฝูอิงซึ่งเคยสังหารยอดฝีมือชั้นสูงทั้งหลายมาก่อน มันเป็นเรื่องเล็กสำหรับเขา  ระยะของเคลื่อนย้ายพริบตานั้นสั้น เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะถอยไปได้ไกลเกิน
เขาเหาะขึ้นไปบนฟ้าและหลับตาขณะที่พยายามขยายความรู้สึกออกไป
ทันใดนั้นเขาลืมตาและยกฝ่ามือไปตรงตำแหน่งอาคารที่ห่างออกไป 70 เมตร
คลื่นรังสีดาบพุ่งออกมาจากฝ่ามือของเขา  เมื่อรังสีถูกยิงออกมาจากฝ่ามือของเขา ก็หายไปในอากาศที่เบาบาง  ทันใดนั้นรังสีดาบไปปรากฏอยู่ในระยะ 70 เมตรห่างจากฝูอิงและกลืนบ้านทั้งหลังที่อยู่ในวิถีโจมตี
บึ้ม!
ทุกอย่างในระยะสิบเมตรจากระยะโจมตีไหม้เกรียม  สิ่งที่เหลือก็คือหลุมที่ไฟไหม้
ฟู่อิงลูบคิ้วด้วยความตกใจ  เขาพลาด
ในชั่ววับเดียวฝูอิงเทเลพอร์ตผ่านระยะร้อยเมตรมาข้างหน้า  และหยุดเพื่อโจมตีไปข้างหน้าอีกครั้ง
บึ้ม!
วิชาที่น่ากลัวฉีกแผ่นดินที่อยู่ใต้เขา ทุกสิ่งที่อยู่ในเส้นทางผ่านของเขามอดไหม้หมด  ขณะที่เซียนเผ่นออกมาจากบ้านของพวกเขา  พวกเขาเตรียมโกรธใส่เขา  แต่เมื่อพวกเขาเห็นเครื่องหมายสมาพันธ์ชาวยุทธ พวกเขาก็เงียบทันที
ฝูอิงไม่สนใจพวกเขายังคงมองหาต่อไป  การโจมตีใส่ถังเทียนของเขาพลาดอีกครั้ง
ศัตรูของเขามีสัญชาตญาณที่แข็งแกร่ง  ฝูอิงคิดและนอกจากนี้ เขาสามารถเบี่ยงวิถีพลังโจมตีของฝูอิงโดยไม่ได้รับบาดเจ็บ  เขาแข็งแกร่งมากกว่าที่ฝูอิงคิด
เขาโฉบอยู่ในกลางอากาศขณะที่พยายามรู้สึกถึงเป้าหมายโดยไม่ประสบความสำเร็จ
เป็นไปไม่ได้!
เขาจับปราณของเป้าหมายได้แล้ว  ตราบใดที่พวกเขายังอยู่ในเมืองหานกู่ พวกเขาจะไม่มีทางหลบหนีจากการค้นหาของเขาไปได้
ฝูอิงยังคงหาต่อไปและแสงม่านพลังสะดุดความสนใจของเขา  เขาตระหนักได้ว่าเขาไม่สามารถส่งความรู้สึกเข้าไปในม่านพลังนี้  ถ้าเป็นอย่างนั้น ก็มีความเป็นไปได้ประการเดียว!
เป้าหมายของเขาซ่อนตัวอยู่ในกับดักทางเข้า!
แม้ว่าป้อมปราการที่อยู่ต่อหน้าของเขาจะดูแปลกประหลาด  แต่เขาไม่ได้พิจารณาถึงผลที่จะเกิดตามมาถ้าเขาโจมตีใส่
ในเมื่อมันซ่อนตัวอยู่ในกระดองเต่า  ข้าจะเป่าให้มันกระจายเป็นเศษซาก
เขายกฝ่ามือขวาเล็งไปที่ทางเข้าป้อมประตูเดี่ยว  ฝ่ามือเพชฌฆาต!

7 ความคิดเห็น:

windwolf กล่าวว่า...

หนุกๆ ต่อไวๆครับ

มีงาน กล่าวว่า...

ของแก้เบื่อมาพอดีพี่ถังจะได้รองของใหม่ซะที

Sunrise กล่าวว่า...

ขอบใจหลายยย

Neoplasm24 กล่าวว่า...

สงสัยจะได้ค่าไถ่เพิ่ม

JaOurPaLa กล่าวว่า...

ชนะเย่เฉาเกอได้ คนกลัวเป็นแถบ ถ้าชนะไอ้หมอนี่ได้อีก หืมมม 555

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

jan กล่าวว่า...

ลุ้นๆจะตกเป็นเหยื่อของเฮียถังอีกคนหรือเปล่า

แสดงความคิดเห็น