วันศุกร์ที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2561

ยอดยุทธไร้เทียมทาน ตอนที่ 516 ขอต้อนรับสู่แดนมรณะ

ตอนที่  516  ขอต้อนรับสู่แดนมรณะ
นอกจากถังเทียนแล้ว เสี่ยวเอ้อก็เตรียมพร้อมสู้ตายกับฝูอิงด้วย
ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากฝีมือของฝูอิงและเขาเกือบจะเสียชีวิต  เรื่องแบบนี้เสี่ยวเอ้อที่มีความหยิ่งทรนงอยู่เสมอจะทนรับได้ยังไง?

ยอมไม่ได้!
เสี่ยวเอ้อยังคงเงียบขณะที่เขาฟังถังเทียนกับมอนตาพูดคุยกัน  เขาตั้งใจฟังพวกเขาตลอดเวลา  หลังจากฟังพวกเขาพูดคุยกันเสร็จ  เสี่ยวเอ้อร่าเริงและประหลาดใจที่รู้ว่ามอนตาเป็นคนที่เก่งมาก และอาศัยความคาดหวังของเขาอย่างชาญฉลาด
ความคิดจะใช้ทะเลเมฆและหุ่นเชิดเพื่อให้เกิดความไขว้เขวคิดขึ้นโดยมอนตา  สำหรับเสี่ยวเอ้อซึ่งน่ากลัวกว่ามอนตามาก  เขารู้สึกว่ากลยุทธ์ที่จะเอาชนะฝูอิงนี้ยังร้ายกาจไม่เพียงพอ
เสี่ยวเอ้อไม่ต้องการให้ถังเทียนช่วยเขาล้างแค้น  เมื่อเขาล้มก็เพื่อต้องการให้คนอื่นช่วยเขาแก้แค้นงั้นหรือ
หึ หึ!
เสี่ยวเอ้อยิ้มขณะที่รังสีฆ่าฟันเดือดอยู่ภายในตัว
แม้ว่าจะถูกทำร้ายและถูกกักตัวให้ทำสมบัติวิญญาณ  เขารู้สึกว่าเขายังคงมีความกล้าเหลือพอจะสู้  สำหรับเขาเป็นเรื่องง่ายที่จะใช้สมบัติวิญญาณต่อต้านฝูอิง  นั่นเพียงพอสร้างกลลวงแล้ว
การฝึกแนวคิดของมอนตาและระดับความสำเร็จของกลยุทธ์ของเขามีสูง  เสี่ยวเอ้อรู้สึกว่ากลยุทธ์ของเขาง่ายเกินไปและไม่มีองค์ประกอบของการลวง  แต่ไม่ต้องกังวลเนื่องจากเสี่ยวเอ้อรู้สึกว่าเขาสามารถใช้กลยุทธ์รุกและสร้างองค์ประกอบของกลลวงได้
การใช้ทะเลเมฆเป็นกับดักลวงตาที่มีรัศมีกว้างขวาง  แต่เนื่องจากศัตรูมีประสบการณ์กลยุทธ์นี้อาจไม่ได้ผลกับเขา
เสี่ยวเอ้อคิดว่าน่าจะเพิ่มชั้นแสงกระจกที่ชั้นนอกของทะเลเมฆซึ่งเป็นเหมือนภาพลวงตาเพื่อปกปิดการโจมตีที่เป็นแผนเสริม  นอกจากนี้เสี่ยวเอ้อผู้ร้ายกาจคิดจะทำภาพลวงตาให้คล้ายกับเมืองหานกู่ซึ่งจะทำให้ฝูอิงหลงเข้าไป
เขาจินตนาการว่าฝูอิงคิดว่าเขาจะหลบหนีจากภาพลวงตาของทะเลเมฆและตกเข้าไปในจุดลวงตาอีกจุดหนึ่งซึ่งสามารถดักเขาไว้ได้
เขาตื่นเต้นมากเกี่ยวแผนใหญ่ของเขานี้
ถ้าพวกเขากระตุ้นแสงลวงตาซึ่งเป็นกลยุทธ์หลักจากนั้นพวกเขาก็กระตุ้นสมบัติลับจากกลุ่มดาวปลาซึ่งใช้ประโยชน์ในภาพลวงตาต่อศัตรูเป็นอย่างมาก
ด้วยการใช้วิชาลวงตากับฝ่ายตรงข้ามโดยไม่ใช้ไม้ตาย  เสี่ยวเอ้อรู้สึกว่ายังไม่เพียงพอและเหมาะกับเขา  เขาคิดว่าอะไรเป็นจุดอ่อนของกลยุทธ์นี้  จะเกิดอะไรขึ้นหากฝูอิงผ่านปริศนาลวงตาได้  และฝูอิงจะทำอะไรจากนั้น?
เสี่ยวเอ้อคำนวณความน่าจะเป็นอย่างอื่นที่อาจเกิดขึ้นได้
ทันใดนั้นเขาคิดถึงสมบัติวิญญาณ
หึ หึ!
เขาไม่สามารถรอการต่อสู้ที่แท้จริงเพื่อจะได้ใช้มัน
*********

เมืองหานกู่
เซียนอิสระทุกคนในเมืองหานกู่ถูกบังคับให้เดินมาข้างหน้าป้อมปราการประตูเดี่ยว
ฝูอิงยืนอยู่ข้างหลังกองกำลังเซียนปลดปล่อยรังสีฆ่าฟัน  เขาชำนาญในการทำสงครามเนื่องจากเขามีประสบการณ์ต่อสู้มากมาย  ด้วยการช่วยเหลือของเริ่นหรูไห่และความเป็นผู้นำคนของเขา  พวกเขาหาเซียนที่แข็งแกร่งที่สุดในเมืองและบังคับให้กลายเป็นบริวารของเขา  ตอนนี้ฝูอิงมีเซียนอยู่ในบังคับของเขาเจ็ดคน  พวกเขาเป็นเซียนที่แข็งแกร่งที่สุดในเมืองหานกู่
มีเซียนสองคนปฏิเสธ ผลก็คือถูกฆ่าตาย
ฝูอิงลอยอยู่กลางอากาศเหนือเมืองหานกู่  เนื่องจากเซียนที่แข็งแกร่งที่สุดของเขารวบรวมเซียนอื่นๆ จากทั่วเมือง  เซียนที่พยายามหนีออกไปถูกฝูอิงที่เล็งจากท้องฟ้าและฆ่าตาย
หลังจากฆ่าเซียนไปห้าคน  ไม่มีใครอื่นกล้าถอนตัวอีก
เซียนทุกคนในเมืองรวมตัวกันอยู่ที่นี่
 “พวกเจ้าทุกคนจงเข้าไปในป้อมทีละคนๆ ถ้าพวกเจ้าตายในการต่อสู้  ข้าจะไม่แตะต้องครอบครัวของพวกเจ้า!  แต่ถ้าพวกเจ้ายอมแพ้  เจ้าและครอบครัวจะต้องตายด้วยกัน
เสียงเย็นชาของฝูอิงก้องสะท้อนขณะที่เขาลอยลงมาช้าๆ ทำให้เซียนสั่นด้วยความกลัว  พวกเขาทุกคนเหมือนคนกำลังจมน้ำ  แม้ว่าพวกเขาจะรู้เจตนาของฝูอิง  แต่เมื่อฝูอิงพูดสั่ง พวกเซียนรู้สึกอดสูใจ  พวกเขาไม่สามารถทำอะไรเพื่อปกป้องพวกเขาหรือครอบครัวพวกเขาได้ จึงได้แต่สั่นด้วยความกลัว
พวกเขารู้ว่าฝูอิงกำลังทำกับพวกเขาเหมือนกับเป็นโล่มนุษย์เพื่อตัดกำลังของศัตรู  แต่พวกเขาคาดไม่ถึงเลยว่าพวกสมาพันธ์ชาวยุทธจะกดขี่ข่มเหงและไร้ยางอายถึงเพียงนี้
มีความขุ่นเคืองเล็กน้อยขณะที่พวกเซียนทุกคนจ้องมองฝูอิงด้วยความโกรธที่เผาผลาญอยู่ในดวงตาพวกเขา
แต่ร่างเปื้อนเลือดของสหายทั้งห้าที่ตายไปทำให้พวกเขาตื่นจากฝันที่ต้องการสู้ตอบโต้  นอกจากนี้ องครักษ์ที่คอยรับประกันว่าพวกเขาจะหลบหนีไม่ได้อยู่ในบรรดาเซียนที่แข็งแกร่งที่สุด  ทุกคนกลายเป็นเขี้ยวเล็บให้ฝูอิง
พวกเซียนมีสีหน้าท้อแท้ผิดหวัง
ภายในป้อมปราการประตูเดี่ยว  ถังเทียนยิ้มเย็นชา  เนื่องจากเขานึกถึงสิ่งที่ลุงปิงกล่าวเอาไว้  เขาตระหนักว่าลุงปิงเป็นคนศิวิไลที่ชอบใช้ตรรกะเหตุผล
มอนตาเป็นจอมเจ้าเล่ห์แน่นอน!
รอบๆ เขาเป็นเซียนที่โกรธแค้น  เซียนเป็นคนที่หยิ่ง  ดังนั้นพวกเขาจึงโกรธที่เห็นภาพสหายเซียนถูกฝูอิงรังแกอย่างอัปยศอดสูอยู่นอกปราการ
มอนตาตะโกน  “บันทึกภาพไว้อย่างระมัดระวังด้วย จับภาพสีหน้าทุกคนให้ดี โอว โอว โอว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเซียนที่นอนตายจมกองเลือด  นี่มันโหดอำมหิตเกินไปแล้ว!  นี่คือความป่าเถื่อน  สมาพันธ์ชาวยุทธก้าวล่วงเสรีภาพและความภูมิใจของเซียนอิสระได้ยังไง  นี่เป็นการกระทำที่อุกอาจ  ถ้าเราเหล่าเซียนอิสระร่วมมือกันก็จะต่อต้านสมาพันธ์ชาวยุทธได้” 
เขาลืมไปแล้วว่าเขาไม่ใช่เซียนอิสระอีกต่อไป
พวกเซียนทุกคนล้วงสมบัติที่สามารถบันทึกภาพได้ออกมากันทุกคน (อัดคลิป)  ขณะที่พวกเขาถ่ายภาพความทรงจำสมบัติจากกลุ่มดาวแท่นบูชาและกลุ่มดาวปลาจำเป็นต้องให้เจ้านายใช้พลังจำนวนมากเพื่อรับมือของแต่ละคนได้
แม้แต่ถังเทียนก็ยังต้องยอมรับว่าความหยิ่งและความหยาบช้าของมอนตาโดดเด่นในโลกจริงๆ
เมื่อภาพบันทึกเหล่านี้ถูกเผยแพร่  จะต้องก่อให้เกิดความขัดแย้งแน่นอน
 “พวกเขากำลังเข้ามา”  ถังเทียนโบกมือพัลวัล  เขาคาดหวังว่าเซียนอิสระจะเข้ามา  เขาไม่คาดว่าฝูอิงจะช่วยพวกเขาด้วยวิธีแบบนั้น
ทุกคนหัวเราะเบาๆ
ด้านนอกป้อมประตูเดี่ยว
ฝูอิงมองดูม่านพลังงานอย่างเฉยชา ม่านพลังหดตัวมากกว่าแต่ก่อนเมื่อเทียบกับครั้งสุดท้ายที่เขาโจมตี  ภายในม่านพลังงาน  รังสีแสงกระพริบไปทั่วทุกที่ ประกอบกับมีเสียงระเบิดเป็นครั้งคราว  ต้องมีการต่อสู้ภายในอย่างดุเดือดเป็นแน่
เซียนคนแล้วคนเล่าเข้าไปในป้อม
ภัยคุกคามของเขามีพลังมาก ไม่มีใครไม่กล้าเชื่อฟังเขา และไม่มีใครกล้ายอมแพ้  เซียนทุกคนเข้าไปต่อสู้  แต่ผู้ป้องกันฐานดูเหมือนจะแข็งแกร่งมากกว่าที่เขาคาด  ขณะที่ม่านพลังยังไม่แตกทำลาย
แต่ฝูอิงรู้ว่าการต่อสู้เพื่อป้องกันจะต้องพังทลายในไม่ช้า  ไม่มีใครสู้ได้ตลอดไป  เมื่อพวกเขาถึงขีดจำกัด อย่างนั้นพลังป้องกันของพวกเขาจะถูกทะลวง
หลังจากได้รับบาดเจ็บจากการสู้ครั้งก่อน  ฝูอิงเต็มไปด้วยความโกรธต่อป้อมประตูเดี่ยว  ป้อมปราการที่หายสาบสูญมานานช่างอันตรายมาก ใครจะรู้ว่ามีไม้ตายอย่างอื่นซ่อนภายใน?
ไม่คุ้มค่าที่จะเสียสละตนเองไปกับการต่อสู้!
ฝูอิงมองดูกระสุนโล่มนุษย์ที่อยู่ใต้เขา ด้วยกระสุนมนุษย์เหล่านี้  เขามั่นใจว่าเขาจะสามารถทำลายแนวป้องกันของป้อมได้  ด้วยกำลังเซียน 36 คน  แม้ว่าพลังของแต่ละคนจะไม่แข็งแกร่ง  แต่เมื่อผนึกพลังเข้าด้วยกันแล้ว  พวกเขาจะแสดงพลังที่น่ากลัวออกมาได้
น่าเสียดายที่พวกเขาเป็นแค่กลุ่มคนใหม่และไม่มีประสบการณ์ต่อสู้
รอยยิ้มเย็นชาปรากฏอยู่ที่ริมฝีปากฝูอิง
เขารู้ว่าคนทั่วไปคงไม่กล้าขัดคำสั่งเขา  แต่ขณะเดียวกัน เขายังคงรู้ว่าเมื่อไม่มีผู้นำของพวกเขา  พวกเซียนจะไม่สามารถรวมตัวกันเพื่อทำอันตรายเขาได้  นั่นคือเหตุผลเมื่อเขาเข้าเมืองหานกู่  เขาได้รับสุดยอดเซียนเจ็ดคนไว้เป็นบริวารของเขา
แม้ว่าเป็นเรื่องยากที่เซียนทั้งเจ็ดคนจะกำจัดเซียนอีก 36 คนได้  แต่ถ้าเซียนทั้งเจ็ดอยู่ใกล้ๆ พวกเขาและคอยให้ความหวังเล็กน้อยว่าพวกเขาสามารถเอาชนะศึกนี้ได้และจะได้เป็นอิสระ  อย่างนั้น 36 เซียนจะได้ไม่มีแรงจูงใจในการสู้ตอบโต้
นี่คือมนุษยชาติ  และความโหดร้ายของมนุษยชาติ!
ฝูงลูกแกะพร้อมจะถูกบูชายัญแล้ว
ฝูอิงรั้งสายตากลับมาจ้องมองที่ป้อมปราการขณะที่เขารอให้แนวป้องกันพังทลาย  เมื่อถึงเวลาเขาต้องการให้ฐานทั้งหมดมีเลือดท่วมและไม่มีคนรอดชีวิต
***************

 “นี่คือกลุ่มดาวเซกซ์แทนส์?”  นายทหารคนสนิทกวาดมองพื้นที่รอบๆ และแสดงความผิดหวัง  “พลังงานของกลุ่มดาวยังสูงไม่พอ”
 “หยุดพูดไร้สาระและไปต่อได้แล้ว!  โจนส์พูดขัดขณะที่เขาหงุดหงิด  “เป้าหมายของเราคือเมืองหานกู่!
ความเคลื่อนไหวของกองพลใบไม้แดงได้ดึงดูดความสนใจจากศัตรูของพวกเขา  ในท่ามกลางสงครามใหญ่  ความเคลื่อนไหวใดๆ ของกองทัพของสมาพันธ์ชาวยุทธล้วนแต่ดึงดูดความสนใจของผู้คนอยู่แล้ว
ก่อนที่อีกฝ่ายหนึ่งจะรู้ตัว  เขาต้องหาทางเข้าไปในเมืองหานกู่
เหตุผลประการเดียวที่เขายินดีส่งกองพลใบไม้แดงออกไปเพราะเขาสนใจป้อมปราการประตูเดี่ยว  ในฐานะผู้นำทหารเขาสนใจใคร่รู้เรื่องป้อมที่สาบสูญมาเป็นเวลานาน  นอกจากนี้เขายังมีสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับฝูอิง  ถ้าไม่ใช่เพราะฝูอิงคอยสนับสนุน  เขาคงไม่ได้อยู่ในกองพลใบไม้แดงเป็นแน่
อย่างไรก็ตาม  เขาไม่ยินดีจะหาเหตุผลอื่นทำสงครามด้วยตนเอง  สมาพันธ์ชาวยุทธและกลุ่มดาวราชสีห์มีการสู้รบอย่างดุเดือด  ถ้าพวกเขามีสงครามในที่อื่นอีก  อย่างนั้นพวกเขาอาจถูกโอบล้อมและป้องกัน และกำลังจะขาดแคลนหากจะต้องกระจายกำลังรบออกไปสองด้าน
โจนส์มุ่งมั่นจะจบการรบให้รวดเร็ว  เขาต้องการจะจบการต่อสู้ก่อนที่อีกฝ่ายหนึ่งจะทันรู้ตัว
เพียงเท่านั้นเขาจะลดการเสี่ยงต่อการสูญเสียคนของเขามากขึ้น
 “ขอรับ!  นายทหารผู้ช่วยตอบทันที  แต่ก็ยังอดพูดแทรกอีกไม่ได้  “แต่ข้ารู้สึกว่าต้องใช้เวลากว่าจะไปถึงที่นั่น ท่านฝูอิงก็คงจัดการป้อมปราการประตูเดี่ยวไปแล้ว”
โจนส์ยิ้มกระตือรือร้น  “ได้แต่หวังว่าเขาจะไม่ทำลายป้อมเสียก่อนที่เราจะไปถึงที่นั่น”
ฝูอิงเป็นคนโหดร้ายน่ากลัว  เขาใช้ชีวิตกับการฆ่า  และการสังหารยกเมืองเป็นเรื่องที่เขาไม่ได้ทำแค่เพียงครั้งเดียว  ตราบใดที่เขาอยู่ในสนามรบ  เขาจะไม่ปล่อยให้มีผู้รอดชีวิต
โจนส์ไม่กังวลเรื่องฝูอิง เนื่องจากเขารู้สึกว่าอาการบาดเจ็บที่เกิดขึ้นกับเขาเป็นเพียงอุบัติเหตุ  ไม่มีความสงสัยพลังต่อสู้ของฝูอิงและโจนส์มั่นใจว่าฝูอิงมีความสามารถจะทำลายศัตรูของเขา
ทันใดนั้นสมบัติดวงดาวจากกลุ่มดาวสามเหลี่ยมของทหารผู้ช่วยเริ่มสั่นสะเทือน  นายทหารผู้ช่วยได้รับรายงานข่าวกรองขณะที่เขาสีหน้าเปลี่ยนไป  “กองทัพจักรกลของกลุ่มดาวหมีใหญ่เพิ่งเข้ามาในกลุ่มดาวเซกซ์แทนส์!
ข่าวด่วนนี้ทำให้บรรยากาศรอบด้านหนักหน่วง
โจนส์ขมวดคิ้ว  “ทำไมกลุ่มดาวหมีใหญ่มาทำอะไรที่นี่?”
 “ข้าไม่ทราบ” นายทหารผู้ช่วยสีหน้าดูไม่ดี  ไม่ใช่แค่เขาเท่านั้น  คนอื่นๆ ก็ดูกังวลเช่นกัน กลุ่มดาวหมีใหญ่และสมาพันธ์เป็นปฏิปักษ์ต่อกัน  สมาพันธ์ชาวยุทธพ่ายแพ้กลุ่มดาวหมีใหญ่มาหลายครั้งแล้ว  ยิ่งมีสงครามติดพันกับกลุ่มดาวราชสีห์  สมาพันธ์ไม่แหล่งทรัพยากรจะไปแก้แค้นกับกลุ่มดาวหมีใหญ่ได้  อย่างไรก็ตาม กลับกลายเป็นปล่อยให้กลุ่มดาวหมีใหญ่มีเวลาเสริมกำลังมากขึ้น
 “พวกเขากำลังไล่ตามเรามา”  โจนส์บอกทหารผู้ช่วย  “เจ้าดูไม่ดีเลยนะ”
นายทหารผู้ช่วยรู้สึกผิดเล็กน้อยเพราะเขาตกใจกับข่าวของกลุ่มดาวหมีใหญ่  ช่างโชคร้ายจริงๆ
 “นี่คือโอกาสที่ดี”  โจนส์ตอบ  “ผู้บริหารเบื้องบนไม่เคยมั่นใจเรา  ถ้าเราสามารถเอาชนะกองทัพจักรกลได้ นั่นจะเป็นเรื่องดีแน่นอน  กลุ่มดาวหมีใหญ่กำลังรบติดพันกับเจ็ดดาวเหนือ  พวกเขาเหลือแค่กองทัพจักรกลเพียงกองทัพเดียวเท่านั้น”
 “ถ้าเราชนะ  อย่างนั้นกลุ่มดาวหมีใหญ่จะต้องได้รับความสูญเสียอย่างหนัก”
โจนส์ชำเลืองมองดูทหารผู้ช่วย  “จากนั้นเราจะได้รับการสนับสนุนจากสมาพันธ์
นายทหารผู้ช่วยสูดหายใจจนคอแห้งทันที

6 ความคิดเห็น:

Unknown กล่าวว่า...

กินเรียบ พี่ถัง

เทพ3บาท กล่าวว่า...

ตำรวจเลว หรือจะสู้ประชาชนถ่ายคลีป นี้มันสมัยไหนแล้ว สมาพันชาวยุทธ์..มุงเจอแน่...

JaOurPaLa กล่าวว่า...

ลาก่อนบักหำ

ชัชวาลย์ บุญฉาย กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ สนุกมาก

windwolf กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ รออ่านต่อนะครับ

Neoplasm24 กล่าวว่า...

มอนตานี่อนาคตไกลแน่นอน ชั่วได้เจ้านายเลย

แสดงความคิดเห็น