วันพฤหัสบดีที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2561

Panlong เล่มที่ 8 เดินทางไกลหมื่นกิโลเมตร – ตอนที่ 26 ความไว้วางใจ

เล่มที่ 8 เดินทางไกลหมื่นกิโลเมตร – ตอนที่ 26 ความไว้วางใจ
ราตรีนี้ไม่มีทั้งดวงดาว ไม่มีทั้งดวงจันทร์
ลินลี่ย์และพ่อมดจอมเวทซาสเลอร์, เสือดำเมฆาแฮรุและบีบีผ่านไปตามตรอกซอยที่เงียบสงบ ตอนนี้ลินลี่ย์กลับคืนร่างมนุษย์แล้ว

 “ฟู่...”
กางเกงที่ฉีกขาดของลินลี่ย์ถูกเพลิงเผาทันที และจากนั้นเพียงพลิกมือลินลี่ย์ก็มีกางเกงอีกตัวหนึ่งและเสื้อสีดำขนาดพอดีตัว  ในพริบตาลินลี่ย์ก็แต่งตัวเสร็จ
 “โอว, เจ้าเด็กลินลี่ย์ผู้นี้พิเศษมากกว่าที่ข้าคิดเสียอีก”  ดวงตาเขียวของซาสเลอร์เพ่งมองลินลี่ย์ ซาสเลอร์จะไม่รู้ได้ยังไงว่าเกิดอะไรขึ้น?  เห็นได้ชัดว่าลินลี่ย์มีแหวนมิติเก็บสมบัติ
ซาสเลอร์เองก็มีแหวนมิติเก็บสมบัติเป็นของตนเองเช่นกัน
สี่ร้อยกว่าปีมาแล้ว ในเทือกเขาอสูรวิเศษ เมื่อเขากำลังเลือกหาทาสภูตผีอมตะ  บังเอิญเขายกโครงกระดูกที่หักสลายไปครึ่งหนึ่งซึ่งไม่มีผู้ใดทราบว่าตายมาแล้วกี่ปี  บนนิ้วของโครงกระดูกนั้นมีแหวนมิติเก็บสมบัติอยู่หนึ่งวง
ตอนนั้นซาสเลอร์ดีใจแทบคลั่ง
เมื่อสังเกตดูจากสภาพแวดล้อมของเขา ซาสเลอร์คาดว่าโครงกระดูกนี้มีแนวโน้มว่าจะร่วมต่อสู้กับอสูรเวทเมื่อหลายพันปีจนนับไม่ได้  และจากนั้นตะเกียกตะกายเข้ามาในหุบเขาลึกและใช้เป็นที่ตายเนื่องจากอาการบาดเจ็บหนัก  แต่หลังจากผ่านไปหลายพันปี ภูมิศาสตร์ท้องถิ่นเปลี่ยนไป หุบเขาจึงถูกปิดผนึกไว้
ในฐานะพ่อมดจอมเวทอายุเกินแปดร้อยปี  ถือเป็นเรื่องเข้าใจได้สำหรับเขาที่ได้ครอบครองแหวนมิติเก็บสมบัติ  แต่ชายหนุ่มผู้นี้ที่อยู่ต่อหน้าเขาเห็นได้ชัดว่ายังอายุเยาว์มาก  เขาไปได้แหวนนี้มาจากไหน?
 “รีบไปกันเถอะ”  ลินลี่ย์แต่งตัวเสร็จก็ออกคำสั่งเบาๆ
 “ลินลี่ย์,  ข้าพบว่าตัวข้าเองสนใจเรื่องของเจ้ามากขึ้นเรื่อยๆ”  เสียงหัวเราะของซาสเลอร์น่ากลัวมาก
ลินลี่ย์ชำเลืองมองเขาจากด้านข้าง  “ซาสเลอร์, จำไว้ด้วยว่าต่อไปในอนาคต  เมื่อข้าไม่อนุญาตอย่าเรียกชื่อจริงของข้า  ให้เรียกข้าว่าลีย์”
ซาสเลอร์ขมวดคิ้ว  “ข้าเข้าใจ เจ้ากลัวว่าสถานะของเจ้าจะถูกเปิดเผย”
ความจริง ชื่อจริงของลินลี่ย์มีชื่อเสียงมากจริงในจักรวรรดิโอเบรียนเช่นกัน  แต่ชื่อนี้จะรู้จักกันในวงการประติมากรเป็นหลัก   ผู้สนใจงานประติมากรรมจะรู้เรื่องลินลี่ย์ดี อัจฉริยะอายุสิบหกปีผู้สามารถแกะสลักงานได้ในระดับเดียวกับสิบงานชิ้นโบว์แดงในประวัติศาสตร์? และพวกเขาจะไม่ชื่นชมยินดีต่อเขาได้ยังไง?
น่าเสียดาย ซาสเลอร์ชายชราจากเผ่าอนารยชนไม่สนใจเรื่องงานประติมากรรม
พวกเขารีบเร่งตลอดทาง
 “เรากำลังจะไปไหนกัน?”  ซาสเลอร์ถามเบาๆ ขณะที่รักษาการเคลื่อนที่ในระดับสูง
 “นอกเมือง” ลินลี่ย์กล่าวอย่างใจเย็น
 “แต่นี่ไม่ใช่ตำแหน่งของประตูเมืองนี่?”  ซาสเลอร์ถามอย่างประหลาดใจ
 “นี่เราต้องออกจากเมืองโดยใช้ประตูเมืองด้วยหรือ?”  ลินลี่ย์ชำเลืองมองซาสเลอร์ซึ่งตอนนี้เข้าใจความหมายของลินลี่ย์
 “แต่นี่มัน 10.00 น. ประตูเมืองยังไม่ทันปิด เราสามารถออกจากประตูเมืองได้ถ้าเราต้องการ”  ซาสเลอร์คัดค้าน
 “ข้าไม่แน่ใจว่ากองกำลังไหนที่ศาสนจักรเจิดจรัสได้วางไว้ในเมืองเซียร์บ้าง  บางทีพวกเขาอาจมีคนปะปนอยู่ในกลุ่มทหารเฝ้าประตูเมืองก็ได้  ถ้าท่านไปตามถนนนั้น... เป็นไปได้ว่าพวกเขาจะจำท่านได้  ที่สำคัญนอกจากยอดฝีมือทั้งหกจากสำนักงานใหญ่ของศาสนจักรเจิดจรัสแล้ว  ยังมีคนอื่นที่พบเห็นท่านและรู้ว่าท่านมุ่งหน้าไปยังที่พักนั้นในวันนี้”  ลินลี่ย์ตอบอย่างใจเย็น
ซาสเลอร์ผงกศีรษะ
ในระหว่างทางที่ถูกคุมขังไว้ในที่พัก ต้องมีคนกลุ่มอื่นที่อยู่ในที่พักแน่นอน  เห็นได้ชัดว่าทั้งหมดนั้นเป็นคนของศาสนจักรเจิดจรัสที่อยู่ในเมืองเซียร์  เดิมทีมีคนรับใช้หลายคนคอยรับใช้แลมพ์สันและคนอื่นด้วยเช่นกัน
แต่แลมพ์สันเป็นคนที่ระมัดระวังตัวอย่างที่สุด  เขาเกรงถึงความเป็นไปได้ว่าคนเหล่านี้อาจมีการแทรกซึม ดังนั้นจึงส่งคนรับใช้ทุกคนออกไปข้างนอก
….

ลินลี่ย์และซาสเลอร์มาถึงกำแพงเมืองสูงอย่างรวดเร็ว  กำแพงเหล่านั้นสูงราวยี่สิบเมตรสูงเสียจนซาสเลอร์พูดไม่ออก
 “ไม่มีทางที่ข้าจะปีนข้ามได้” ซาสเลอร์พูดตรงๆ
เขาเป็นพ่อมดจอมเวท สภาพร่างกายของเขาเทียบเท่ากับนักสู้ระดับสามธรรมดา  แต่จะให้เขากระโจนกำแพงสูง 20-30 เมตรเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
 “แฮรุ”  ลินลี่ย์มองดูเสือดำเมฆาของเขา
 “โกรววว” แฮรุ เสือดำตัวนี้สูงสองเมตรและยาวสี่เมตรดูสง่างามจ้องมองซาสเลอร์พ่อมดจอมเวทด้วยสายตาเย็นชา
 “ขี่หลังแฮรุ” ลินลี่ย์สั่ง
ซาสเลอร์ไม่ลังเลต่อไป เขากระโจนขึ้นหลังแฮรุทันที  บีบียืนอยู่บนคอของแฮรุอยู่แล้วยังคงมีท่าทีท้าทายซาสเลอร์  อย่างไรก็ตามซาสเลอร์ไม่กล้าสู้กับอสูรเวททั้งสองตัวนี้แน่
เขาได้เห็นผลการต่อสู้ตอนนั้นชัดเจนแล้ว ถ้าให้เขาตัดสิน เขาสามารถบอกได้ว่าทั้งหนูเงาสีดำและเสือดำทั้งสองนี้ต้องเป็นอสูรเวทระดับเก้า เมื่อไม่มีลูกน้องภูตผีอมตะของเขาแล้ว เขาในฐานะพ่อมดจอมคาถาไม่กล้าท้าทายอสูรเวทระดับเก้าแน่นอน
 “ไปกันเถอะ”
เพียงกระโจนครั้งเดียว ลินลี่ย์ก็บินขึ้นไปในอากาศเหมือนลูกธนูพลิกตัวข้ามกำแพงและลงไปยืนอยู่ที่ด้านตรงข้ามอย่างง่ายดาย
 “ควั่บ” ด้วยพลังกระโจนทีเดียว แฮรุกลายเป็นเงาดำเลือนรางพุ่งผ่านกำแพงเมืองสูงยี่สิบเมตรไปได้อย่างง่ายดาย
บนทุ่งหญ้านอกเมือง
 “โว้ว.. เสือดำตัวนี้ว่องไวมาก”  ซาสเลอร์กอดอก ระบายลมหายใจ ขณะที่พูดเขาเตรียมลงจากหลังของมัน
 “ขี่ต่อไป” ลินลี่ย์พูดต่อทันที “แฮรุ กลับกันเดี๋ยวนี้”
ลินลี่ย์ร่ายเวทความเร็วเสียงทันที ลินลี่ย์รีบกลับไปยังหุบเขาที่พักของพวเขาอย่างรวดเร็วราวกับสายลม  แต่แฮรุยังคงรักษาระยะห่างจากเขาได้อย่างง่ายดาย
ไม่กี่นาทีต่อมา ซาสเลอร์และลินลี่ย์ก็มาถึงหุบเขา
 “ตั้งแต่วันนี้ไป ท่านจะพักอยู่ที่นี่ ถ้าท่านต้องการจากไป จะดีที่สุดท่านควรแปลงโฉมเสียก่อน”  ลินลี่ย์พูดอย่างใจเย็น  เมื่อมองดูรอบตัว ซาสเลอร์พยักหน้าด้วยความพอใจ  “ข้าชอบพื้นที่เงียบสงบ  สถานที่เช่นนี้เหมาะกับการฝึกของข้ามาก”
ยามดึกคืนนั้น ลินลี่ย์สร้างห้องไม้ให้ซาสเลอร์ด้วยเช่นกัน
ในเวลาดึก เมื่อลินลี่ย์นั่งอยู่บนพื้นหญ้าเตรียมฝึกอย่างเงียบงัน เขารู้สึกได้ทันทีว่าจากห้องไม้ของซาสเลอร์ มีกลิ่นอายความตายหนาแน่นเต็มอยู่ภายใน  มิน่าเล่าซาสเลอร์ถึงได้ชอบพื้นที่เงียบสงบ  ในที่ซึ่งมีคนอยู่มากมาย  ซาสเลอร์คงไม่กล้าฝึกอย่างเปิดเผยอย่างไม่เกรงใจใครนัก
 “พ่อมดหมอผี” เมื่อคิดถึงข้อมูลที่เขาได้อ่านเกี่ยวกับเรื่องพ่อมด  ลินลี่ย์อดนึกกลัวไม่ได้
กล่าวโดยทั่วไปก็คือพ่อมดที่อาวุโสจะมีพลังจิตที่ทรงกำลังมาก และมีพลังน่ากลัวมาก เพราะเมื่อมีเวลาเพียงพอ  พวกเขาจะสามารถรวบรวมบริวารภูตผีปีศาจได้เป็นจำนวนมาก
 “ที่ลานบ้านปีศาจอมตะของซาสเลอร์ล้วนเป็นระดับเก้าทั้งหมด  มีแนวโน้มว่าเขายังคงมีบริวารภูตผีอมตะที่มีระดับกลางด้วยเช่นกัน” ลินลี่ย์เคยได้ยินว่าหัวหน้าพ่อมดจอมเวทถูกมองว่าสามารถนำกองทัพที่น่ากลัวด้วยตนเองได้
พ่อมดจอมเวทมีความสามารถในการอัญเชิญกองทัพขนาดมหึมาจำนวนเป็นแสนมารบได้
และในสงคราม ตราบใดที่เขาสามารถฆ่าคู่ต่อสู้ของเขาได้ พ่อมดก็สามารถสร้างทาสผีดิบจากซากศพพวกเขาได้ ควบคุมนักรบฝ่ายตรงข้ามที่ตายแล้วก็ได้  ศพของคู่ต่อสู้ของเขาจะถูกสั่งให้รบกับศัตรูของเขา
ทหารของพ่อมดมีแต่จะเพิ่มขึ้นในการรบแต่ละครั้ง
แต่แน่นอนว่า  สิ่งที่จำเป็นก่อนนั้นก็คือพ่อมดจะต้องมีพลังจิตอย่างพอเพียง
 “นอกจากนี้  ข้ายังเคยได้ว่าเขาพูดกันว่า พวกพ่อมดไม่ใช่มีแค่คาถาเรียกภูตผีหรือสร้างทาสผีดิบเท่านั้น  ข้าได้ยินมาว่ายังมีคาถาพ่อมดที่น่ากลัวบางอย่างอยู่ด้วย”
พ่อมดมีชื่อมากที่สุดในเรื่องการสร้างโรคระบาด
จากบันทึกในประวัติศาสตร์ มีกรณีนี้แน่นอน  เพราะเคยมีพ่อมดคนหนึ่งสร้างโรคระบาดครั้งใหญ่ ต้องเซ่นชีวิตผู้คนไปเป็นสิบๆ ล้าน นี่ยังเป็นเหตุผลที่เมื่อลินลี่ย์เห็นว่าโฮลเมอร์ใช้พิษแล้ว เขาสงสัยว่าโฮลเมอร์อาจเป็นพ่อมด
………..

เช้าตรู่ ท้องฟ้าค่อยๆ สางและสว่างสดใส
พ่อมดซาสเลอร์รั้งพลังจิตที่ส่งไปในแดนแห่งความตายกลับเข้ามายังร่างของตน  เขาลืมตา ใบหน้ามีรอยยิ้มเล็กน้อย  “เมื่อวานนี้เป็นวันที่ข้าโชคดีจริงๆ”
 “ไม่เพียงแต่ข้าได้รับเสรีภาพเท่านั้น แต่ในแดนปีศาจอมตะ ข้ายังสามารถปราบแม่ทัพอัศวินดำได้  แม้ว่าจะต้องทุ่มเทเสียสละซอมบี้ริ้วทองไปหนึ่งตนก็ตาม  แต่ก็นับว่าคุ้มค่า”  ซาสเลอร์มีความสุขมาก
แม้ว่าซอมบี้ริ้วทองจะเป็นภูตผีระดับเก้า เมื่อเทียบกับแม่ทัพอัศวินดำแล้ว พวกมันอ่อนแอกว่ามาก  แม่ทัพอัศวินดำมีระดับพลังเท่ากับปีศาจมังกรอมตะ อาจมองได้ว่าเป็นอสูรระดับเก้าชั้นสูงก็ได้
ตอนนี้ ภายใต้การควบคุมของซาสเลอร์ เขามีบริวารปีศาจอมตะระดับเก้าชั้นสูงถึงสามตนคือ มังกรอมตะ ผีดิบโบราณและนายกองอัศวินดำ  ขณะเดียวกัน เขายังคงเรียกใช้ซอมบี้ริ้วทองและพลธนูโครงกระดูกทองได้
สมุนปีศาจระดับเก้าชั้นสูงสามตน  สมุนปีศาจระดับเก้าชั้นธรรมดาอีกสี่
นี่คือกองกำลังที่ทรงพลังมากที่สุดของซาสเลอร์ ขณะที่สมุนภูตผีระดับแปดและระดับเจ็ด เขามีอยู่มาก ที่สำคัญคือในแดนยมโลก ภูตผีระดับสูงสามารถมีบริวารภูตผีระดับต่ำกว่าได้มากมาย
ตัวอย่างเช่น  มือธนูโครงกระดูกทองทั้งสองตนสามารถคุมกองทัพภูตผีโครงกระดูกได้ห้าแสน
ขณะที่แม่ทัพอัศวินดำ มีอัศวินดำระดับแปดอยู่ภายใต้บังคับบัญชาอยู่จำนวนหนึ่ง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งพ่อมดที่อายุเกินแปดร้อยปีขึ้นไปอาจนับได้ว่าเป็นกองทัพในตัวคนเดียวที่น่ากลัว  นี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น
 “หืม?” ขณะที่เขาเดินออกมาจากห้องไม้ ตาของซาสเลอร์เบิกกว้าง
เพราะตอนนี้ลินลี่ย์กำลังยืนเงียบอยู่บนบ่อ เขาหลับตา  ร่างของเขาเบาเหมือนขนนกและเขาไม่จมลงไปในน้ำแม้แต่น้อย
 “นี่มัน....”  ซาสเลอร์ทึ่งอย่างมาก
ซาสเลอร์รู้ดีว่าลินลี่ย์ไม่ใช่นักสู้ระดับเซียน  หลังจากแปลงร่างลินลี่ย์จะอยู่ในระดับเก้าชั้นสูง  ขณะที่อยู่ในร่างมนุษย์เขาจะดูอ่อนแอกว่า  แต่ตอนนี้ ลินลี่ย์กำลังยืนอยู่ราวกับว่าไม่มีน้ำหนักตัวเลย
 “ท่านซาสเลอร์”  ลินลี่ย์ลืมตาทันที  ใบหน้ามีรอยยิ้มที่พบเห็นได้ยาก  ขณะเดียวกันเขาเดินบนผิวน้ำของบ่อได้ เหมือนกับว่ากำลังเดินบนพื้นแข็ง
 “ตอนนี้ถือว่าเราเป็นพันธมิตรกัน  ข้าต้องการรู้สองสามเรื่องเกี่ยวกับศาสนจักรเจิดจรัส”  ลินลี่ย์พูดตรงๆ
ซาสเลอร์พูดเบาๆ จากนั้นพยักหน้า  “ต่อให้เจ้าไม่ถามข้า  ข้าก็จะบอกเจ้าเอง  ก็ได้ แต่ก่อนอื่นเราน่าจะแสดงความไว้วางใจกัน  ข้าไม่รู้เรื่องของเจ้าเท่าใดนัก”
 “ลินลี่ย์, ชื่อเต็มข้าคือ ลินลี่ย์ บาลุค อายุยี่สิบเอ็ดปี นักสู้ที่ต่ำกว่าระดับเซียน ไม่มีใครในโลกนี้สู้ข้าได้”  ลินลี่ย์พูดอย่างใจเย็น  แต่คำพูดของเขาเป็นไปด้วยความมั่นใจมาก
ในฐานะนักรบเลือดมังกรระดับเก้าชั้นสูง เขาอาจมองได้ว่าเอาตัวรอดจากนักสู้ระดับเซียนได้  เมื่อผสานกับดาบหนักอดาแมนเทียมซึ่งเขาสามารถใช้เคล็ด กำหนดขั้นสูงได้ในตอนนี้ และที่สำคัญยิ่งกว่าลินลี่ย์ยังมีความสามารถที่สนับสนุนเขาในฐานะจอมเวทสองสายธาตุระดับแปด...พลังของลินลี่ย์จึงอยู่ในระดับที่น่าตื่นตะลึง
 “นักรบเลือดมังกร มิน่าเล่า”  ตอนนี้ซาสเลอร์เข้าใจแล้วว่าลินลี่ย์ไม่ใช่เผ่ามนุษย์มังกร ทันใดนั้น ซาสเลอร์จ้องทันที “เจ้าว่าไงนะ? อายุยี่สิบเอ็ดเหรอ?”
 “แล้วไง?”  ลินลี่ย์มองดูซาสเลอร์
ลินลี่ย์รู้ดีว่าพ่อมดจอมเวทผู้นี้มีความภูมิใจส่วนตัวแน่นอน  ถ้าลินลี่ย์ไม่สามารถข่มเขาอย่างสิ้นเชิง ก็มีแนวโน้มว่าการร่วมมือจะเป็นไปอย่างยากลำบาก
 “เป็นไปได้อย่างไร?”  ซาสเลอร์ตกใจ  แต่จากนั้น เขาหัวเราะ  “ฮ่าฮ่า ข้าต่างกัน เราเหล่าพ่อมดอาวุโสมีอายุมาก  เราย่อมได้เปรียบกว่า  ปีนี้ข้าจะอายุ 866 ปี”
 “ลินลี่ย์ เจ้าพูดว่านอกจากพวกระดับเซียนแล้วเจ้าไร้เทียมทาน  ข้าไม่อยากเชื่อจริงๆ”  ซาสเลอร์พูดอย่างใจเย็น  “ทหารของข้าปีศาจอมตะมีเป็นล้าน และข้าก็มีบริวารระดับเก้าชั้นสูงถึงสามตน”
ถึงเวลานี้ทั้งสองฝ่ายพยายามข่มกันและกัน  นอกจากนี้ยังบอกให้อีกฝ่ายรู้ว่าพวกเขาแข็งแกร่งขนาดไหน  เพื่อที่ว่าพวกเขาจะสามารถร่วมมือกันได้ดียิ่งขึ้น
 “ซาสเลอร์”  ลินลี่ย์จ้องเขาอย่างใจเย็น  “ข้ายอมรับว่าถ้าข้าสู้กับทหารภูตผีทั้งหมดของท่าน  ข้าคงไม่สามารถสู้ได้ทั้งหมด  อย่างไรก็ตาม  นอกจากข้ามีอสูรเวทระดับสูงเป็นของตนเอง  และข้าลืมบอกท่านไปอย่างหนึ่ง ข้าไม่ได้เป็นแค่นักรบเลือดมังกรเท่านั้น  ข้าเป็นจอมเวทสองสายธาตุระดับแปด  กลยุทธคลื่นมนุษย์ของท่านใช้กับข้าไม่ได้”
ตอนนี้ซาสเลอร์ตะลึงไปแล้ว
เขาสามารถยอมรับว่าในฐานะนักรบเลือดมังกร ลินลี่ย์สามารถบรรลุเป็นนักรบระดับเก้าชั้นสูงได้ในวัยยี่สิบเอ็ดปี
แต่วัยยี่สิบเอ็ดปีกลับเป็นจอมเวทสองสายธาตุระดับแปดด้วย นับว่าน่ากลัวจริงๆ
ที่สำคัญ ส่วนที่ยากที่สุดของการฝึกเป็นจอมเวทก็คือการฝึกพลังจิต  ไม่มีทางอื่นหลีกเลี่ยงได้  สำหรับเด็กอายุยี่สิบเอ็ดปีมีปริมาณพลังจิตที่น่ากลัวขนาดนั้นเป็นเรื่องที่ซาสเลอร์ไม่กล้าคิดเลย
 “จอมเวทสองสายธาตุระดับแปด อายุยี่สิบเอ็ดปีนี่นะ?”  ซาสเลอร์พึมพำ  “นี่คืออัจฉริยะจอมเวทอันดับหนึ่งในประวัติศาสตร์ใช่ไหม?”
เมื่อลินลี่ย์อายุสิบเจ็ดปี เขาบรรลุเป็นจอมเวทระดับเจ็ด  นี่คือจอมเวทที่อายุน้อยที่สุดเป็นอันดับสองในประวัติศาสตร์
แต่อายุยี่สิบเอ็ดปีเป็นจอมเวทสองสายธาตุระดับแปด? นี่คือครั้งแรกในประวัติศาสตร์
 “เมื่อตอนข้าบรรลุเป็นพ่อมดระดับแปด ข้าเชื่อว่าข้าอายุราวๆ สี่ร้อยปี”  เมื่อซาสเลอร์คิดถึงอายุของเขา  ก็พบว่าเขาไม่มีอะไรจะพูด

21 ความคิดเห็น:

lolay_boy กล่าวว่า...

ขอบคุณครับผม

Frankmartinn กล่าวว่า...

ข่มอายุ ขอยอม แต่ข่มอย่างอื่น ข้าชนะขาด

#ลินลีย์กล่าวไว้

Ray cool กล่าวว่า...

สนุกทุกตอน แปลดีมากครับ

นักอ่านนิรนาม กล่าวว่า...

ขี้ปากเยอะอีกแล้ว ฟหแกหก

donnthai กล่าวว่า...

Thank You

tho กล่าวว่า...

ขอบคุณคับ

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Toffee กล่าวว่า...

ขอบคุณค้า ต่อเลยได้ไมๆๆ

ทิชา กล่าวว่า...

ขอบคุณค่ะ

zyntatar กล่าวว่า...

ตาแก่โดนยิงใส่ 555

มีตน กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Reeds กล่าวว่า...

กะจะโอ้อวดสักหน่อยถึงกับไปไม่เป็น ขอบคุณคะ

neng2006 กล่าวว่า...

ขอบคุณมากครับสนุกที่สุด

Unknown กล่าวว่า...

😀😀😀😀😀

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณมากครับ สนุกมาก

sittichok กล่าวว่า...

ขอบคุณมากนะคับ

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุนคับ

Unknown กล่าวว่า...

เหอะๆจะโม้ก็ดูตีนกาบนหน้าตัวเองก่อนเถอะ พ่อมด800กว่าปี

Unknown กล่าวว่า...

มีข่มกันไปมาถถถ

เซียนเต๋าทุกชั้นฟ้า กล่าวว่า...

ข่มไป

Unknown กล่าวว่า...

สนุกมากครับ ณ ตอนนี้ก็ยังไม่นอนนน😅

แสดงความคิดเห็น