วันพฤหัสบดีที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2561

Panlong เล่มที่ 8 เดินทางไกลหมื่นกิโลเมตร – ตอนที่ 33 เส้นทางของสี่พี่น้อง

เล่มที่ 8 เดินทางไกลหมื่นกิโลเมตร ตอนที่ 33 เส้นทางของสี่พี่น้อง
ซาสเลอร์เดินตามมาด้านหลังด้วยเช่นกัน  เมื่อได้ยินบุรุษวัยกลางคนเรียกชื่อลินลี่ย์ถูก  เขาเพิ่มความระมัดระวังทันที  แต่หลังจากเขามาถึงข้างตัวลินลี่ย์  เขาเห็นว่าเมื่อลินลี่ย์อ่านจดหมาย  ใบหน้าของเขาปรากฏรอยยิ้ม  เป็นรอยยิ้มที่เปี่ยมสุข

ซาสเลอร์สามารถบอกได้ว่าลินลี่ย์ไม่ใช่คนน่ากลัว เขาค่อนข้างเย็นชาเพราะมุ่งมั่นอยู่กับการฝึกฝน
เขาไม่เคยเห็นลินลี่ย์ยิ้มอย่างมีความสุขด้วยท่าทีสดใสอย่างนั้นมาก่อน
 “ซาสเลอร์”  ลินลี่ย์หัวเราะ  “ท่านรออยู่ที่นี่ก่อน  ข้าต้องไปพบกับสหาย”
 “ได้เลย”  ซาสเลอร์พยักหน้า
 “บีบี”  ลินลี่ย์ตะโกนเรียกบีบีซึ่งยังนอนอยู่บนพื้น  บีบีลืมตางัวเงียมองลินลี่ย์ด้วยความสงสัย
 “มาเถอะ, ไปกับข้า”
 “แฮรุ,  เจ้ารออยู่ที่นี่ก่อน”
บีบีดีใจเชิดหัวใส่แฮรุอย่างหยิ่งยโส  จากนั้นวิ่งไปอยู่บนไหล่ของลินลี่ย์  มันคุยกับลินลี่ย์ในใจอย่างมีความสุข  “เจ้านายเราจะไปทำอะไร?”
 “เจ้าจะรู้เมื่อเราไปถึงที่นั่น”  ลินลี่ย์หัวเราะ
 “เชิญนำทาง”  ลินลี่ย์พูดกับบุรุษวัยกลางคน
ภายในสิบห้านาที ลินลี่ย์และบุรุษวัยกลางคนก็มาถึงคฤหาสน์ใหญ่โตโอฬาร  มองจากระยะไกลลินลี่ย์จำร่างที่ยืนอยู่ในกลางห้องโถงคฤหาสน์ได้
 “น้องสาม!  เสียงที่คุ้นนั้นเรียกด้วยความตื่นเต้น
 “พี่ใหญ่เยล” ลินลี่ย์ก็หัวเราะเช่นกัน
 “ควีคคค!  บีบีก็ร้องเรียกดีใจด้วยเหมือนกัน  เมื่อพวกเขาอยู่ที่สถานบันเอินส์  บีบีก็อยู่ร่วมกับเยล เรย์โนลด์และจอร์จด้วย  จึงคุ้นเคยกันเองเป็นธรรมดา
เยลเป็นผู้ใหญ่ขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับเมื่อสามปีก่อน  ตอนนี้เยลสูงเท่ากับลินลี่ย์เกือบสองเมตร  แต่เยลผอมกว่าลินลี่ย์ทำให้ดูเหมือนเป็นบุรุษผอมสูง
สูทสุภาพบุรุษสีดำเหมาะพอดีตัว มีกลิ่นน้ำหอมเจือจางทำให้เยลดูเหมือนจะมีเสน่ห์ดึงดูดใจมาก
 “น้องสาม,  สามปีมานี้ข้าเป็นห่วงแทบตายแล้ว”  เยลสวมกอดลินลี่ย์
ได้กอดสหายรักทำให้ลินลี่ย์รู้สึกมีความสุขเช่นกัน
ในช่วงสามปีที่ผ่านมา  เขาไม่ได้พบเห็นสหายรักเลยสักคน
 “ข้านึกไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะเติบโตสูงเท่าข้า  สามปีมานี้เจ้าเปลี่ยนไปจริงๆ”  เยลถอนหายใจ  เทียบกับสามปีที่แล้วเยลไม่เปลี่ยนเท่าใดนัก  แต่ลินลี่ย์เปลี่ยน
ลินลี่ย์หัวเราะลั่น  “เจ้าแก่กว่าข้าตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ตอนนี้เจ้าไม่เติบโตมากไปกว่านี้อีกแล้ว ข้าก็ต้องโตทันเป็นเรื่องธรรมดา”
บีบีร้องทักอยู่ข้างๆ
บีบีก็มีความสุขมากเหมือนกัน  มันไม่ได้เห็นลินลี่ย์หัวเราะหยอกล้อเช่นนี้มานานแล้ว
 “โอว บีบี!” เยลกอดบีบีและลูบศีรษะน้อยๆ ของมันอย่างสนิทสนม  “ข้ารู้ว่าเจ้าจะต้องมา  ข้าเตรียมอาหารดีๆ ไว้ให้เจ้าแล้ว”
เยลหันไปมองคนรับใช้ของเขาซึ่งเข้าใจความต้องการของเจ้านาย  หลังจากนั้นบ่าวรับใช้เกินกว่าสิบคนก็เข็นรถที่เต็มไปด้วยอาหารเข้ามา
 “นี่คือเนื้อย่างที่อร่อยจากทั่วโลก บีบี, เจ้าลองชิมดู”  เยลหัวเราะลั่น
จมูกน้อยๆ ของบีบีสูดอากาศ จากนั้นตาของมันเริ่มฉายประกายทันที  มันกลายสภาพเป็นเป็นเงาดำตรงเข้าหารถอาหารเหล่านั้น  เมื่อเห็นเช่นนี้ลินลี่ย์และเยลเริ่มหัวเราะ
 “พี่ใหญ่เยล, ไปคุยกันข้างในเถอะ”  ลินลี่ย์พูดพลางหัวเราะ
สองพี่น้องเข้าไปในห้องโถงใหญ่ซึ่งมีอาหารเลิศรสและไวน์ชั้นดีจัดเตรียมรออยู่แล้ว  สองพี่น้องเริ่มกินและสนทนากัน
 “จริงสิ, เยล, เกิดอะไรขึ้นกับสถาบันเอินส์?”  ลินลี่ย์ถามทันที
 “มันจบแล้ว”  เยลส่ายศีรษะและถอนหายใจ  “สถาบันเอินส์อยู่ติดกับเมืองหลวงเฟนไลมากและตกอยู่ภายใต้การบุกโจมตีอย่างหน่วงจากเหล่าอสูรเวท  เจ้าก็รู้ แม้แต่อาจารย์ผู้สอนในสถาบันก็มีระดับแปดเป็นอย่างมาก  นักเรียนเกือบทุกคนยังอ่อนแอมาก เมื่อเผชิญหน้ากับอสูรเวทเหล่านั้น... พวกเขาจะต่อต้านพวกมันได้ยังไง?”
ลินลี่ย์พยักหน้า
นักเรียนปีหกซึ่งเป็นนักเรียนระดับสูงที่สุดก็เป็นเพียงนักเวทระดับหก  แต่อสูรเวทมีพลังระดับห้า หก เจ็ด และแปดมีไม่กี่ตัว  เมื่อกองทัพอสูรเวทบุกเข้ามา จึงนับเป็นหายนะอย่างแท้จริง
 “ในโลกนี้ไม่มีสถาบันเอินส์อีกต่อไปแล้ว”
เยลถอนหายใจ  “ข้า เรย์โนลด์และจอร์จออกจากสหภาพศักดิ์เมื่อสามปีที่แล้ว  ช่วงเวลาสามปีมานี้ข้าไปมาระหว่างจักรวรรดิโอเบรียนและยูลาน  สำหรับเรย์โนลด์เขากลับไปที่ตระกูลตามปกติ  ขณะที่จอร์จกลับไปจักรวรรดิยูลานเช่นกัน  ข้าได้ยินมาว่าจอร์จกำลังไปได้ดีเลยทีเดียว  เขาเข้ารับราชการในฝ่ายบริหารของจักรวรรดิยูลาน”
 “เข้ารับราชการในวังหลวงน่ะหรือ?”
ลินลี่ย์ไม่ตกใจเท่าใดนัก  ที่สำคัญคือจอร์จเป็นคนฝีมือดีมากในองค์กรและที่หนุนหลังจอร์จอยู่ก็คือตระกูลวอล์ชที่ยิ่งใหญ่ ความสำเร็จจึงไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเขา
 “และน้องสี่เล่า?”  ลินลี่ย์หัวเราะขณะถาม
 “น้องสี่น่ะหรือ?  เขากลับไปยังตระกูลของเขาเองและถูกบิดาของเขาส่งไปเป็นทหาร”  เยลหัวเราะลั่น  “น้องสาม, เจ้าลองนึกภาพดูสิ  น้องสี่อยู่ในกองทัพ มันน่าเหลือเชื่อเลยไม่ใช่หรือ?”
ลินลี่ย์เริ่มหัวเราะเหมือนกัน
น้องสี่เรย์โนลด์ของพวกเขาเป็นคนที่อยู่นิ่งไม่ได้และหัวรั้นเป็นตัวของตัวเอง  แต่ตอนนี้เขาเข้าไปอยู่ในกองทัพ?  ใครๆ ก็นึกถึงภาพว่าเขาจะทุกข์ทรมานขนาดไหนเมื่ออยู่ที่นั่น
 “แต่เมื่อปีที่แล้ว เมื่อข้าได้พบน้องสี่ ดูเหมือนว่าเขาจะเปลี่ยนไปบ้าง  เขาดูเป็นผู้ใหญ่มากกว่าแต่ก่อน และตอนนี้ค่อยดูเหมือนนายทหารคนหนึ่งแล้ว  เพียงแต่แทบไม่นานหลังจากดื่มกับข้า เขาก็กลับคืนสู่บุคลิกเดิมของตนเองเหมือนก่อน”  เยลหัวเราะ
 “พี่ใหญ่เยล แล้วเจ้าเล่าเป็นยังไงบ้าง?  ข้ารู้สึกว่าเทียบกับเมื่อก่อนแล้ว เจ้าดูมีราศีเป็นผู้ดียิ่งกว่าในอดีตที่ผ่านมา”
แน่นอนอยู่แล้ว แต่งตัวในสูทสุภาพบุรุษสีดำ ราศีผู้ดีของเยลใครๆ ก็รู้สึกได้ชัด
 “ไม่มีอะไรมาก”  เยลฝืนหัวเราะ   “หลังจากออกจากสถาบันเอินส์  นอกจากเป็นจอมเวทฝึกหัดธรรมดา  ข้าก็มุ่งเน้นดูแลกิจการให้ตระกูลของข้า เป็นธรรมดาที่ข้าต้องเจองานเลี้ยงกับพวกผู้ดีและขุนนางนับไม่ถ้วน  พอนานเข้าข้าก็เลยเรียนรู้มารยาทธรรมเนียมบางอย่างของพวกเขาไปด้วย”
ลินลี่ย์พยักหน้า
พี่น้องที่รักทั้งสามของเขาได้เดินอยู่บนเส้นทางที่เป็นของตัวเองแล้ว
งานบริหารราชการ, ทหาร, การค้า
 “แล้วตัวข้าล่ะจะเป็นยังไง?”  ในใจของเขาลินลี่ย์รู้จักเส้นทางของตนเองเป็นอย่างดี  “ก้าวเดินไปบนเส้นทางฝึกฝนจนกว่าข้าจะทันระดับนักพรตสูงสุด, เทพสงครามและไดลินยืนอยู่บนจุดสูงสุดของทวีปยูลาน!
ยอดฝีมือระดับสูงสุดซึ่งมีพลังอำนาจแท้จริงในโลกนี้
สำหรับนักสู้ระดับเทพ ทุกอย่างเป็นเรื่องสนุก  ไม่มีใครกล้ารุกรานนักสู้ระดับเทพ  พวกเขาคือกองกำลังสูงสุดที่คงอยู่ในทวีปยูลาน
ลินลี่ย์ไม่ยอมให้อุปสรรคใดๆ ขัดขวางเขาจากการก้าวเดินในเส้นทางสายนี้
ไม่มีอะไรหยุดเขาได้!
 “น้องสาม ตลอดสามปีมานี้ เมื่อข้าไปยังนครหลวง ข้าเห็นน้องชายเจ้าแล้ว”  เยลเอ่ยขึ้นทันที
 “วอร์ตัน?”  ลินลี่ย์ตาเป็นประกาย
เยลพยักหน้าพลางหัวเราะ  “เมื่อเห็นวอร์ตัน เขาห่วงเจ้ามากเนื่องจากเขาไม่รู้ว่าสถานการณ์ของเจ้าเป็นเช่นไร  ข้าบอกเขาว่าเจ้าสบายดี และว่าเจ้ากำลังฝึกฝนตนเองอยู่”
 “วอร์ตันเป็นยังไงบ้าง?”  ลินลี่ย์ถาม
 “อย่าห่วงเลย เขากำลังไปได้ดีเลยทีเดียว”  เยลพูดด้วยความประหลาดใจ  “ข้าคาดไม่ถึงเลยว่าน้องชายของเจ้ากำยำมากกว่าเจ้าเสียอีก  สามปีที่แล้วเขาสูงกว่าข้าเล็กน้อย แต่ตอนนี้น่าจะสูงมากกว่าข้า แขนอย่างงี้ ล่ำปึ้ก!”
ลินลี่ย์หัวเราะพลางพยักหน้า
ความเติบโตของวอร์ตันอยู่ในความคาดการของเขาแล้ว  ที่สำคัญนักรบเลือดมังกรทุกคนในประวัติศาสตร์มีร่างกายเต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อ  อาวุธที่พวกเขาใช้อันดับหนึ่งก็คือดาบศึกประหารปรปักษ์  อันดับสองก็คือพวกทวนหนักหรือไม่ก็ค้อนหนัก
 “ลินลี่ย์, วอร์ตันน้องชายเจ้ารู้พลังลับของตนเองแล้ว  ในช่วงเวลาที่ผ่านมาเขาซ่อนพลังเอาไว้ตลอดเวลา  แต่หลังจากได้รู้สิ่งที่เจ้าได้กระทำลงไป  น้องชายเจ้าจึงหยุดทำเช่นนั้นและเริ่มเผยพลังของเขาช้าๆ  เมื่อไม่นานมานี้ในการแข่งขันประจำปีสำหรับนักเรียนปีเจ็ด  เขาทำให้ทุกคนตื่นตะลึงด้วยการเอาชนะนักรบระดับแปดได้”  เยลถอนหายใจอย่างทึ่ง
ลินลี่ย์ยิ้มอย่างใจเย็น
นักรบระดับแปด?
ตอนนี้ วอร์ตันเป็นนักรบระดับเจ็ดและสามารถแปลงร่างเป็นมังกรได้ เมื่ออยู่ในร่างมังกรเขามีพลังถึงระดับเก้า
 “หลังจากมีชื่อเสียงแล้ว วอร์ตันเป็นยังไงบ้าง?”  ลินลี่ย์ถาม
 “วอร์ตันได้รับบรรดาศักดิ์เคานท์จากวังหลวง ตอนนี้เขาเป็นดาวรุ่งพุ่งแรงในจักรวรรดิโอเบรียน  ในเวลาสองสามปี บางทีเขาอาจได้สิทธิ์เข้าศึกษาในวิทยาลัยเทพสงครามก็ได้”  เยลถอนหายใจ  “ในอนาคตเขามีโอกาสสูงที่จะเข้าสู่ระดับเซียน”
 “วิทยาลัยเทพสงคราม?  ระดับเซียน?”  ความจริงลินลี่ย์ไม่ต้องการให้น้องชายของเขาเข้าเรียนในวิทยาลัยเทพสงครามเลย
สำหรับนักรบเลือดมังกร การเข้าสู่ขอบเขตระดับเซียนเป็นเรื่องที่ไม่มีทางพลาดไปได้
ลินลี่ย์คุยกับเยลตลอดเวลาช่วงเช้า  ตอนนี้เขามีความกระตือรือร้นเมื่อรู้ว่าน้องชายของเขามีความเป็นอยู่ที่ดี
หลังจากอาหารกลางวัน
 “น้องสาม นี่คือตราของหอการค้าดอว์สัน เป็นตัวแทนสถานะผู้อาวุโสของเจ้า รับไปซะ”  เยลดึงตราสีดำออกมา
ลินลี่ย์ตกใจเล็กน้อย  “ผู้อาวุโส?”
เมื่อลินลี่ย์อยู่ที่เมืองเฟนไล  เขาก็มีพลังของนักรบระดับเก้าชั้นต้นแล้ว  ตอนนั้นลินลี่ย์อายุเพียงสิบเจ็ดปี  เนื่องจากความสามารถของเขาตามปกติจะเป็นจอมเวท และกับความจริงที่ว่าเขาสามารถแปลงร่างเป็นนักรบเลือดมังกรได้  ผู้อาวุโสของหอการค้าดอว์สันจึงได้ข้อสรุปว่าในไม่ช้าเขาจะต้องเข้าสู่ระดับเซียนแน่นอน
เมื่อเป็นเช่นนั้น การให้ลินลี่ย์มีสถานะเป็นผู้อาวุโสของหอการค้าดอว์สันถือว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า
 “รับไปเถอะน่า  เราเป็นพี่น้องกันเอง”  เยลหัวเราะ
ลินลี่ย์มองเยล  เขาเข้าใจว่าการรับตราเครื่องหมายนี้ ก็มีความหมายว่าถ้าในอนาคต หอการค้าดอว์สันตกอยู่ในสถานการณ์ลำบาก  เขาจะต้องช่วยเหลือ  ที่สำคัญตราสัญลักษณ์นี้เป็นตัวแทนของอำนาจและหน้าที่
 “ก็ได้  ข้าจะรับไว้”  ลินลี่ย์หัวเราะและรับตราตำแหน่งนั้นไว้  แม้ว่าเขาจะไม่มีตราสัญลักษณ์นี้  ถ้าหอการค้าดอว์สันตกอยู่ในที่นั่งลำบากจริงๆ เพื่อพี่ใหญ่เยลที่เขารัก ลินลี่ย์จะไม่ยืนดูเฉยๆ แน่นอน
 “ขอบคุณ”
สองพี่น้องสนิทกันมาก  ดังนั้นไม่มีความจำเป็นต้องพูดอะไรมากเกินไป
 “น้องสาม ข้ารู้สึกว่าราศีของเจ้าเทียบกับเมื่อสามปีที่แล้วเกินกว่าจะควบคุมไปมาก  แน่นอนว่าสามปีมานี้ เจ้ามีพลังไปถึงระดับไหนแล้ว?”  เยลลดเสียงกระซิบถามด้วยความสงสัย
ลินลี่ย์ไม่ปิดบังความจริง  “ต่ำกว่าระดับเซียนลงมาไม่มีใครสู้ข้าได้”
เยลจ้องมองลินลี่ย์ด้วยความรู้สึกทึ่ง
 “ตอนนี้พอก่อนเถอะ  ข้าจะต้องกลับไป แล้วอีกสองสามวันข้าจะกลับมาเยี่ยม”  ลินลี่ย์หัวเราะ
ดินแดนมณฑลพายัพ ภายในเมืองเล็กธรรมดา
ภายในลานบ้านที่เงียบสงบ
 “ใต้เท้าสเตลห์”  นักรบร่างใหญ่ร้องเรียกด้วยเบา “ได้เวลาออกเดินทางแล้วขอรับ”
ชั่วเวลาต่อมา มีเสียงเปิดประตู  สเตลห์กวาดตามองบุรุษผู้นั้นด้วยสายตาเย็นชา  “ไปกันได้”
 “ขอรับ”  บุรุษผู้นั้นไม่กล้าหายใจแรง
สเตลห์ออกมาที่ลานบ้าน  เพียงแค่นั้นคนที่อยู่ใกล้จึงค่อยกล้าระบายลมหายใจ  แค่ถูกนักสู้ระดับเซียนชั้นสูงกวาดตามองก็ทำให้หัวใจผู้นั้นสั่นสะท้าน
 “เร็วเข้า” บุรุษผู้นั้นกระตุ้นเตือนทันที
บุรุษคนอื่นๆ คุ้มกันนักรบร่างกายกำยำทั้งห้าคนและเริ่มออกเดินทาง  นักรบร่างใหญ่ทั้งห้าคนนั้นสูง 2.2 เมตร และร่างกายกำยำอย่างน่าประหลาด เพียงแต่พวกเขาถูกมัดด้วยเชือกสีทองเข้มอย่างแน่นหนา ไม่ว่าพวกเขามีพลังมากแค่ไหน ก็ไม่สามารถทำลายเครื่องพันธนาการเหล่านี้ได้
ปากของพวกเขาก็ถูกปิดด้วยเช่นกัน
 “อืมม อืมมม”
พี่น้องทั้งห้าพยายามสาปแช่งอย่างโกรธเคือง
 “พวกเจ้าอยากตายหรือไง?”  หนึ่งในผู้คุ้มกันชุดดำหวดแส้ใส่หนึ่งในพี่น้องทั้งห้า แต่กลับทิ้งรอยขาวจางๆ ให้เห็นเท่านั้น  “บ้าเอ๊ย, ร่างกายแข็งแกร่งทนทานเหลือเชื่อจริงๆ”
ขณะที่กลุ่มของสเตลห์กำลังง่วนกับการเดินไปตามเมืองในมณฑลพายัพ  ลินลี่ย์ฝากรีเบ็คกาและลีนาให้กองกำลังของหอการค้าดอว์สันในเมืองเบซิลช่วยดูแล  และจากนั้นลินลี่ย์, บีบีและแฮรุออกเดินทางไปยังตำแหน่งเมืองเดโก
 “กองกำลังคุ้มกันนักโทษเหล่านี้มีนักรบระดับเก้าเพียงสองคน  นี่จะทำให้ง่ายมาก”  ซาสเลอร์ขี่หลังของแฮรุหัวเราะ  “ข้าสงสัยว่าใครกันที่หน่วยนี้คุ้มกันอยู่”
 “ซาสเลอร์ ข่าวการตายของเพอร์รี่น่าจะไปถึงหัวหน้าผู้ดูแลกิจการของศาสนจักรในจักรวรรดิโอเบรียนแล้ว ใช่ไหม?”  ลินลี่ย์กล่าวทันที
 “ใช่แล้ว ตอนนี้เขาน่าจะรู้แล้ว”  ซาสเลอร์กล่าว  “อย่างไรก็ตามพวกเขาคงไม่สามารถรู้ได้ว่าข้าสามารถเซาะวิญญาณได้”

11 ความคิดเห็น:

Frankmartinn กล่าวว่า...

กรุบๆ

นักอ่านนิรนาม กล่าวว่า...

ได้ฉะกับอซียนแน่นวล

22 กล่าวว่า...

เดียวโชว์โหดตบเซียน

tho กล่าวว่า...

ขอบคุณคับ

Unknown กล่าวว่า...

อีกตอนเมื่อไหร่จะมา

Unknown กล่าวว่า...

F5 รอนานแย้วววววว

geass กล่าวว่า...

จะตบกับเซียนขั้นสูงสุดนี้ยังเร็วไปน่ะ

Unknown กล่าวว่า...

ติดตามต่อเนื่อง แปลได้สนุกมากครับ เป็นกำลังให้ครับ

sittichok กล่าวว่า...

ขอบคุณมากนะคับ

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุนคับ

Unknown กล่าวว่า...

เจอกับเซียนน่าจะหนักแน่

แสดงความคิดเห็น