เล่มที่ 8
เดินทางไกลหมื่นกิโลเมตร – ตอนที่ 34 ในห้วงวิกฤติ
เมืองเดโกเป็นเมืองขนาดกลางซึ่งมีประชากรสามแสนคน
ในฐานะที่เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ชายขอบระหว่างมณฑลพายัพและแถบเมืองเลียบทะเลเหนือ ในแต่ละวันจึงมีผู้คนเข้าออกจากเมืองกันมาก
“เรามาถึงแล้ว”
เมื่อเห็นเมืองอยู่ในระยะห่าง ลินลี่ย์หยุดชะงัก
การวิ่งเดินทาง 800
กิโลเมตรในหกชั่วโมง ไม่ได้สร้างความเหน็ดเหนื่อยให้ลินลี่ย์แม้แต่น้อย ความจริงนับว่ายังห่าง ห่างจากระดับความเร็วสูงสุดที่ลินลี่ย์ใช้ สำหรับเสือดำเมฆาแฮรุ มันยิ่งเดินทางได้ง่ายๆ
สบายสำหรับมัน
“เรามาถึงแล้ว
พระอาทิตย์ยังไม่ตกดินเลย”
ซาสเลอร์หันศีรษะไปมองดวงอาทิตย์ซึ่งยังลอยสูงอยู่ในทิศตะวันตก เขาถอนหายใจ
ในความทรงจำของเพอร์รี่ เขาเล็งตำแหน่งว่าเป็นเมืองที่จะต้องไปให้ถึง
ก็เพราะเพอร์รี่ตั้งใจจะเดินทางไปเมืองเดโกเพื่อต้อนรับกลุ่มนี้ด้วยตนเอง
ลินลี่ย์กับซาสเลอร์เข้าพักในคฤหาสน์ที่ไม่ไกลจากสถานที่นัดพบ
มีเงินเสียอย่างทำให้อะไรหลายๆ
อย่างง่ายขึ้น!
หลังจากนั้นลินลี่ย์และซาสเลอร์เริ่มฝึกฝนอยู่เงียบๆ
รอการมาถึงของหน่วยคุ้มกันซึ่งกำลังจะตกลงไปในกับดักของพวกเขา
หลังจากผ่านไปราวๆ
สิบวันจากที่เดินทางเกือบสองพันกิโลเมตรบนเส้นทางของเลียบเมืองแถบทะเลเหนือ
คนของสเตลห์ก็มาถึงชายแดนเมืองแถบทะเลเหนือ
“ไฮ่ย่าห์, ไฮ่ย่าห์!”
บุรุษคนหนึ่งหวดแส้ใส่ม้าเร่งให้มันเข้าไปใกล้สเตลห์ เขาพูดด้วยความเคารพ “ใต้เท้า เราได้รับแจ้งข่าวว่าผู้ดูแลกิจการด้านมณฑลพายัพเคานท์เพอร์รี่ถูกฆ่าตาย
เราควรไปต่อตามเส้นทางที่กำหนดไว้ก่อนหน้านี้หรือไม่?”
สเตลห์นั่งอยู่บนหลังม้าเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นกล่าวอย่างใจเย็น “เคานท์เพอร์รี่มีศรัทธาและความซื่อสัตย์ต่อองค์ประมุขอย่างมิต้องสงสัย เขาจะไม่ทรยศต่อองค์ประมุข ไปตามเส้นทางเดิมของเรา”
“ขอรับ ใต้เท้า” อัศวินที่อยู่ข้างเขารับคำอย่างเคารพ
ความจริงอัศวินไม่ต้องกังวลใจอะไรเลย
ที่สำคัญเคานท์เพอร์รี่มีความเชื่อมั่นศรัทธาต่อศาสนจักรเจิดจรัสอย่างไม่คลอนแคลน เขาจะไม่เป็นคนทรยศแน่นอน และประการที่สอง
ถ้าพวกเขาทรมานเพื่อเค้นข้อมูลจากเพอร์รี่
อย่างมากที่สุดพวกเขาก็คงรีดเอาข้อมูลความลับเกี่ยวกับศาสนจักรเจิดจรัส
พวกเขาคงไม่คิดจะถามเรื่องแผนการของหน่วยงานนี้แน่
นอกจากนี้
หน่วยงานนี้อยู่ภายใต้การกำกับของสเตลห์
มีอะไรที่พวกเขายังจะต้องกลัวอีก?
ตกยามราตรี หน่วยของสเตลห์ก็มาถึงเมืองเดโกในที่สุด เป็นเวลานานก่อนเพอร์รี่ตาย
กองกำลังของศาสนจักรเจิดจรัสในเมืองเดโกก็ได้รับคำสั่งของพวกเขาไว้แล้ว
พวกเขารอคอยหน่วยนี้เป็นเวลานานแล้ว
“ใต้เท้าทั้งหลาย
คืนนี้โปรดพักสักหน่อยเถิด
อาหารและเครื่องดื่มได้จัดเตรียมไว้ให้พวกท่านแล้ว” ผู้ดูแลกิจการประจำเมืองเดโกกล่าวด้วยความเคารพ
ยอดฝีมือระดับเก้าถาม “เร็วๆ นี้พวกเจ้ามีพบเจอปัญหาอะไรบ้างไหม?”
“ไม่มีเลย”
ผู้ดูแลกิจการกราบเรียนด้วยความเคารพ
“ดี, พวกเจ้าไปได้แล้ว
พนักงานพวกนั้นหลังจากเตรียมอาหารเสร็จแล้วก็ให้ไปด้วยเช่นกัน ที่นี่เราไม่จำเป็นต้องมีพวกเขา” ยอดฝีมือระดับเก้ากล่าว
“ขอรับ”
ผู้ดูแลกิจการพูดอย่างนอบน้อม
สเตลห์ลงจากหลังม้าและตรงเข้าไปในที่พักและเข้าไปพักในห้อง “สกาโรว์, เจ้าค่อยมาเรียกข้าตอนเวลาอาหารค่ำ” เขาปิดประตู
นักสู้ระดับเก้ารับคำอย่างสุภาพ
สกาโรว์คือหัวหน้าหน่วยคุ้มกันนี้ แต่พอสเตลห์มาถึง เขาต้องฟังสเตลห์ในทุกเรื่องเป็นธรรมดา สกาโรว์ตรวจสอบบ่าวทาสที่รับใช้ทุกคนอย่างใกล้ชิด เมื่อเห็นว่าพวกเขาเป็นคนธรรมดากันทุกคน
เขาไม่กังวลอีกต่อไป
“พาพวกเขาออกไปได้” สกาโรว์สั่ง
พี่น้องทั้งห้าคนถูกนำลงมาจากรถทันที โชคดีที่รถโดยสารมีขนาดกว้างขวาง
มิฉะนั้นพี่น้องที่ร่างใหญ่โตทั้งห้าคนคงไม่สามารถนั่งอยู่ได้
“ฟังนะ พวกเจ้าทั้งห้าคน ถ้าพวกเจ้าส่งเสียงตะโกนโหวกเหวก ครั้งแรกที่พวกเจ้าทำเช่นนั้น ข้าจะหักแขนพวกเจ้า ถ้าทำครั้งที่สอง ข้าจะตัดลิ้นของพวกเจ้า” สกาโรว์พูดอย่างเย็นชา
จากนั้นบริวารของเขาแก้ผ้าที่มัดปากพี่น้องทั้งห้าออก
ห้าพี่น้องจ้องมองสกาโรว์อย่างแค้นเคือง
แต่พวกเขารู้ว่าสกาโรว์เป็นคนที่พูดจริงทำจริง ทั้งห้าไม่ตั้งใจจะทำเรื่องโง่ๆ
สร้างความลำบากให้ตัวพวกเขาเอง
“สกาโรว์, คงจะมีสักวันที่เราห้าพี่น้องจะต้องฆ่าพวกเจ้าให้ได้” พี่คนโตของตระกูลบาร์เกอร์พูดเสียงเย็นชา
สกาโรว์หัวเราะเบาๆ
คนอื่นอาจไม่รู้ แต่เขารู้ว่า..นั่นเป็นเรื่องในอนาคต
พี่น้องทั้งห้าคนนี้จะกลายเป็นร่างประทับของทูตสวรรค์ เนื่องจากวิญญาณของพวกเขาจะต้องถูกทำลาย
“ถ้าพวกเจ้ามีโอกาส ข้ายินดีให้พวกเจ้าลอง” สกาโรว์แค่นเสียงเยาะเย้ย
พี่น้องบาร์เกอร์อาศัยอยู่ในแปดแคว้นอิสระดินแดนเหนือ
พวกเขาเป็นกำพร้าที่ชายชราซึ่งพวกเขาเรียกว่าปู่เลี้ยงดูมา
ปู่เป็นเจ้าของร้านอาหารธรรมดาและมีฐานะเพียงพอจะเลี้ยงดูพี่น้องทั้งห้าคนนี้ ตั้งแต่อายุยังน้อย พี่น้องทั้งห้ามีร่างกายที่แข็งแรงมาก ปู่ของพวกเขาเคยเป็นนักรบในกองทัพมาก่อนเช่นกัน
ดังนั้นตั้งแต่พวกเขายังเด็กปู่จึงฝึกฝนพวกเขา
คาดไม่ถึงเลยว่าห้าพี่น้องจะมีพรสวรรค์อย่างน่าประหลาด เมื่อพวกเขาอายุสิบหกปี เฉพาะพลังกล้ามเนื้อของพวกเขาเพียงอย่างเดียวก็ทำให้พวกเขามีพลังถึงระดับหก ตอนนี้พี่น้องทั้งห้าคนอายุสามสิบปี พลังภายนอกของพวกเขาก็เทียบเท่านักรบระดับแปด
หลังจากปู่ของพวกเขาตาย ห้าพี่น้องจึงเข้าร่วมกับกองทัพ
ภายในดินแดนแคว้นของพวกเขาซึ่งเป็นหนึ่งแปดแคว้นอิสระตอนเหนือ
พี่น้องเหล่านี้มีบุคลิกที่เหี้ยมหาญ นำพาทหารโดยไม่พลาดท่า ในการรบพุ่งระหว่างแว่นแคว้น
นักรบระดับแปดนับได้ว่าเป็นนักรบระดับสูง
พี่น้องทั้งห้าคนนี้มีร่างกายที่ทนทานอย่างเหลือเชื่อและมีพลังโจมตีที่รุนแรงมาก
อย่างไรก็ตาม....
ในที่สุด
พวกเขาถูกกองกำลังของศาสนจักรเจิดจรัสพบตัว
ศาสนจักรเจิดจรัสส่งยอดฝีมือระดับเก้าที่อยู่ใกล้เคียงไปสองคนนำกำลังคนไปจับพวกเขา พวกเขาต่อต้าน
แต่เมื่อพวกเขาทำ
คนของศาสนจักรเจิดจรัสกลับกำจัดครอบครัวของพวกเขาหมดสิ้น
พี่น้องบาร์เกอร์จ้องดูคนรอบตัวเหล่านี้ไม่วางตา
ก่อนนี้ห้าพี่น้องมีภรรยาสามคนและลูกสองคนอยู่ในกลุ่มพวกเขา อีกสองคนยังไม่ได้แต่งงาน
แต่พวกเขาก็ยังมีคนที่พวกเขารัก
แต่ตอนนี้ทุกอย่างถูกศาสนจักรเจิดจรัสทำลาย
“พวกเขามาถึงแล้ว”
ลินลี่ย์ให้ความสนใจอยู่ที่ลานบ้านทุกวัน
เขาเห็นว่าคฤหาสน์ที่ว่างเปล่าก่อนหน้านั้นเต็มไปด้วยผู้คนและตัดสินจากเสียงคนสองสามคน
สายตาของซาสเลอร์เป็นประกายแวววาวครู่หนึ่ง เขาหัวเราะอย่างน่ากลัว “เรารอมาเกินกว่าสิบวันแล้ว ในที่สุดก็ได้เวลาเสียที ลินลี่ย์, เราจะลงมือกันเมื่อใด?” ซาสเลอร์มองดูเขา พวกเขามีพลังเหนือกว่าชัดเจน ไม่ว่าลงมือเมื่อไหร่ ก็คงประสบความสำเร็จ
“รอตอนกลางคืน”
ลินลี่ย์ตัดสินใจ
ซาสเลอร์พยักหน้าเช่นกัน
เสือดำเมฆาแฮรุที่อยู่ใกล้ๆ
แกล้งซ่อนตัวอยู่ในหญ้าของลานบ้าน
เวลาผ่านไปเงียบๆ จนกระทั่งตกกลางคืน
เมืองเดโกเงียบขึ้นทุกขณะ
ยิ่งตกดึกก็ยิ่งเงียบสนิท
ลินลี่ย์ยังนั่งขัดสมาธิอยู่ลืมตาขึ้นทันที
“ไปกันเถอะ”
ลินลี่ย์ชำเลืองมองซาสเลอร์ “ระวังให้ดี”
“อย่าห่วง” ซาสเลอร์หัวเราะด้วยความมั่นใจ “ข้ากำลังจะเรียกภูตผีอมตะออกมาเดี๋ยวนี้แหละ” หลังจากนั้นสองวินาที
ซอมบี้ริ้วทองสองตนปรากฏตัวออกมาจากอากาศ
หลังจากนั้นมีร่างมนุษย์คลุมชุดสีดำอยู่ในกลางลาน
“นี่คืออะไร?”
ลินลี่ย์เหลือบมองดูมนุษย์ชุดคลุมดำนั้น
“นี่คือภูตพรายโบราณระดับเก้าชั้นสูง” ซาสเลอร์หัวเราะเบาๆ
ลินลี่ย์พยักหน้า
ฝ่ายเขามียอดฝีมือแข็งแกร่งหลายตน ขณะที่ฝ่ายตรงข้ามียอดฝีมือระดับเก้าสองคน ยิ่งกว่านั้นพวกเขาจะซุ่มโจมตี การต่อสู้นี้จะไม่ต้องพิสูจน์ท้าทายเลย
“ไปกันเถอะ”
ลินลี่ย์กระโดดข้ามกำแพงโดยตรง
มีบีบีและเสือดำเมฆาตามหลังมาติดๆ
ซาสเลอร์ ซอมบี้ริ้วทองและภูตพรายโบราณของเขายังคงตามหลังลินลี่ย์
ในไม่ช้า
พวกเขาก็มาถึงที่พักนั้น
“แยกกันลงมือ
ข้าจะจัดการกับนักสู้ที่เฝ้าดูแลห้าพี่น้อง
และจากนั้นเราจะเข่นฆ่าตรงไปอีกห้องหนึ่ง”
ลินลี่ย์พูดลดเสียง
“ไปกันเถอะ”
ห้าพี่น้องบาร์เกอร์อยู่ในห้องเดียวกัน ข้างนอกห้องมีนักรบระดับแปดสองคนยืนเฝ้า ทั้งสองคนกำลังผ่อนคลาย กวาดตามองดูรอบๆ
ขณะคุยกัน
“หืม?”
ก่อนที่พวกเขาจะตาย ดูเหมือนพวกเขารู้สึกอะไรได้บางอย่าง ขณะที่พวกเขาหันไปมอง แต่ทั้งหมดที่พวกเขาเห็นก็คือประกายแสงม่วงสองสาย
เลือดฉีดพุ่งจากคอของคนทั้งสอง
“ฉัวะ!” บีบี,
แฮรุและภูตพรายโบราณและซอมบี้ริ้วทองทั้งสองบุกเข้าไปอีกห้องหนึ่ง ขณะที่ลินลี่ย์วิ่งเข้าไปในห้องที่มีห้าพี่น้อง
เมื่อเข้าไปในห้อง
พี่น้องตระกูลบาร์เกอร์จ้องมองสัตว์ประหลาดข้างหน้าด้วยความประหลาดใจ
ตลอดทั้งร่างของเขาปกคลุมไปด้วยเกล็ดมังกรสีดำ
และมีหนามงอกออกมาจากหน้าผากและมีสีดำ
ยิ่งกว่านั้นนัยน์ตาสีทองเข้มเยือกเย็นถึงขั้วหัวใจของคนที่เห็น
“เจ้า
เจ้าเป็นใคร?”
ไม่ว่าบาร์เกอร์จะบึกบึนขนาดไหน
ตอนนี้พวกเขาก็ยังตกใจ
แต่สิ่งที่สนองตอบคำถามของเขาก็คือประกายดาบสีม่วง
“ควั่บ!”
ด้วยการตัดของเทพกระบี่เลือดม่วง
เชือกสีทองเข้มก็ขาดทั้งหมด
หลังจากเชี่ยวชาญเคล็ด ‘กำหนด’ ลินลี่ย์ก็ใช้ประโยชน์ของเทพกระบี่เลือดม่วงในระดับใหม่ด้วยเช่นกัน
เคล็ด ‘กำหนด’ ไม่ได้จำกัดแค่อาวุธ
หมัดก็สามารถเรียกใช้
‘พลังกำหนด’
ของสวรรค์ได้
ดาบหรือมีดก็สามารถทำได้เช่นกัน
กระบี่เลือดม่วงเดิมก็คมกล้าอยู่แล้ว
ตอนนี้ลินลี่ย์โคจรพลังยุทธเข้าไปจึงทำให้การตัดเชือกเป็นงานที่ง่ายดายมาก
เมื่อเห็นเชือกขาดสะบั้น
ห้าพี่น้องก็เข้าใจได้ทันทีว่าบุรุษผู้นี้มาช่วยเหลือพวกเขา แต่ก่อนที่พวกเขาจะทันได้ขอบคุณ ทันใดนั้น...
“บัดซบเอ๊ย!” เสียงโกรธเกรี้ยวตะโกนขึ้น
“อ๊า...”
เสียงร้องโหยหวนเจ็บปวดดังขึ้น
ลินลี่ย์สีหน้าเปลี่ยน
และเขารีบหันหน้าไปทางลานบ้านทันที
เขาเห็นภูตพรายโบราณชุดดำร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวดบนพื้น ขณะที่ศิลบนพื้นลานบ้านเต็มไปด้วยรอยแตก
เห็นได้ชัดว่ารอยแตกหักเหล่านี้เกิดจากแรงกระแทกพื้นของภูตพรายโบราณ
นอกจากนี้ยังมีรอยเลือดสีเขียวอยู่บนพื้นเช่นกัน
“เกิดอะไรขึ้น?” ลินลี่ย์ตกตะลึง
ซาสเลอร์ก็ประหลาดใจมากเช่นกัน “ไม่ดีแน่
มียอดฝีมืออยู่ที่นี่”
ภูตพรายโบราณเป็นนักสู้ระดับเก้าชั้นสูง
และมันมีร่างที่แข็งแกร่งทนทาน
ยอดฝีมือในห้องสามารถทำร้ายมันจนบาดเจ็บหนักได้และเล่นงานจนมันปลิวกระเด็นในท่าเดียว นี่น่ากลัวเกินไปแล้ว
“บีบี, แฮรุ กลับมา” ลินลี่ย์สั่งทางใจ
บีบีและแฮรุกลายร่างเป็นเงาดำเลือนรางขณะที่ทั้งสองกลับมาที่ลานบ้าน
ถึงตอนนี้ห้าพี่น้องบาร์เกอร์ก็เดินออกมาเช่นกัน แต่ลินลี่ย์ยังคงจับตามองที่ห้องนั้น
“ฮึ่ม”
เสียงแค่นเย็นชา
บุรุษร่างเตี้ยผอมเดินออกมาจากห้อง
ผมสั้นสีเงินของเขาดูเหมือนลวดเหล็ก
คนผู้นี้ดูเย็นชามาก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคนเห็นนัยน์ตาที่เย็นชาของเขา
สเตลห์ชำเลืองมองดูภูตพรายโบราณอย่างเย็นชา “พ่อมดหรือ?”
เมื่อเขาหันไปมองดูลินลี่ย์และซาสเลอร์ เขาแค่นเสียง
“ข้านึกว่าใครเสียอีก ที่แท้ก็คือพ่อมดซาสเลอร์
และยังมีอัจฉริยะนักรบเลือดมังกร ลินลี่ย์”
เบื้องสูงของศาสนจักรเจิดจรัสทุกคนล้วนคุ้นเคยกับลักษณะร่างแปลงมังกรของลินลี่ย์
“ยอดเยี่ยม
พวกเจ้าทุกคนคือเป้าหมายของศาสนจักรเจิดจรัส
วันนี้ข้าจะจัดการพวกเจ้าทั้งหมด”
สเตลห์แสยะยิ้มเย็นชา
“ควั่บ ควั่บ” หางมังกรของลินลี่ย์สะบัดฟาดกับพื้น
ทันใดนั้น
แสงสีน้ำตาลครอบคลุมพื้นที่รอบลานบ้าน
ทุกคนในลานบ้านรู้สึกว่าศีรษะมึนงง
ซาสเลอร์อดคุกเข่ากับพื้นข้างหนึ่งไม่ได้
แต่จากนั้นก็มีแสงสีน้ำตาลคลุมซาสเลอร์ ภูตพรายโบราณ ซอมบี้ริ้วทอง
บีบีและแฮรุไว้ชั้นหนึ่งทันที
พวกเขาไม่ต้องทนทรมานจากผลของพลังแรงดึงดูดนี้
เวทธาตุดิน – สนามพลังโน้มถ่วง
“งั้นตามรายงานของเรา เจ้าไม่เพียงแต่เป็นนักรบเลือดมังกร เจ้ายังเป็นจอมเวทอัจฉริยะดวยเช่นกัน” สเตลห์หัวเราะอย่างใจเย็น “สนามพลังโน้มถ่วงของเจ้าราวๆ
แปดเท่านั่นธรรมดา
ข้าคาดไม่ถึงเลยว่าเพียงแค่เวลาไม่กี่ปี
เจ้าก้าวหน้าจากจอมเวทระดับเจ็ดเป็นจอมเวทระดับแปดแล้ว น่าเสียดาย อัจฉริยะอย่างเจ้าจะต้องตายในวันนี้”
สเตลห์เดินก้าวหนึ่งเข้าหาลินลี่ย์
“โจมตี” ซาสเลอร์ตวาดเสียงต่ำ
ซอมบี้ริ้วทองทั้งสองคำรามเบาๆ
จากนั้นโจมตีใส่สเตลห์
ขณะเดียวกันซาสเลอร์และพันธมิตรของลินลี่ย์พากันหนีหมดทุกคน ราวกับว่าตกลงร่วมกันไว้ก่อน
ประกายกระบี่เย็นวาบขึ้น
ซอมบี้ริ้วทองทั้งสองถูกฟันขาดครึ่งทันที
ร่วงลงอยู่ภายในลานบ้าน
“พวกเจ้าต้องการหนีหรือ?”
ในพริบตาเดียวสเตลห์ก็ปรากฏตัวอยู่ในอากาศหน้ากลุ่มของลินลี่ย์
เขายืนอยู่ในกลางอากาศควงกระบี่ยาวซึ่งเปื้อนเลือดของซอมบี้ริ้วทอง
“เป็นนักสู้ระดับเซียนจริงๆ” ซาสเลอร์ฝืนหัวเราะ
ความจริง
ก่อนหน้านั้นเมื่อพวกเขาเห็นว่าภูตพรายระดับเก้าชั้นสูงบาดเจ็บสาหัสในท่าเดียว ลินลี่ย์ก็รู้แล้วว่าหลายอย่างท่าจะไม่ดี
เขารู้ว่าคนผู้นี้มีแนวโน้มว่าจะเป็นนักสู้ระดับเซียน และตอนนี้พวกเขาก็รู้ว่าเป็นความจริง นักสู้ระดับเซียนสามารถบินได้ด้วยความเร็วที่น่าทึ่ง
ไม่มีทางที่พวกเขาจะหนีได้
ลินลี่ย์กับซาสเลอร์ต่างจ้องมองกัน พวกเขารู้แน่ชัดว่าจะต้องพบกับสถานการณ์แบบไหน
“ข้าคิดว่างานวันนี้จะไม่มีอะไรเครียดเสียอีก
ใครจะคิดกันว่าเรากลับต้องมาเจอกับนักสู้ระดับเซียน?” ลินลี่ย์ไม่สบายใจกับเรื่องนี้เป็นอย่างมาก ดวงตาสีทองเข้มจ้องสเตล์เขม็ง “ไม่มีทางเลือก ก็ต้องทุ่มสุดตัว”
16 ความคิดเห็น:
รอน่านแล้วววว
แต่ก้อมา ขอบคุณน้าา
ค้างสิครับ น่าจะบวกกันอีก 2-3 ตอนได้ 555
ขอบคุณคับ
มีต่อเลยมั้ยครับ ^^ ขอบคุณครับ
เดี่ยวไม่ไหวก็สู้ด้วยหมู่ ชื่อตอนนี้เหมือนสปอยล์เนื้อหาตอนหน้า
ขอบคุณครับ
สองบูมหนึ่ง สิวๆ 55
จะยากอะไรครับ ให้แอดลงทีสองตอนเลยจะได้เร็วๆ
ลินลีย์ก็เข้าสู่นะดับเกือบเซียนแล้ว ถ้าสู้ดีๆชนะได้
ขอบคุณคร้าบ
ขอบคุนครับ สนุกมาก
ขอบคุณมากครับ สนุกมาก
ขอบคุนคับผม
ขอบคุณครับ
สนุกมาก
แสดงความคิดเห็น