วันพุธที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2561

Panlong เล่มที่ 8 เดินทางไกลหมื่นกิโลเมตร – ตอนที่ 39 เวลาผ่านไปเชื่องช้า

เล่มที่ 8 เดินทางไกลหมื่นกิโลเมตร – ตอนที่ 39 เวลาผ่านไปเชื่องช้า
จักรวรรดิโอเบรียนเข้มงวดกวดขันการนับถือศาสนาอื่นในดินแดนของพวกเขาดังนั้นศาสนจักรเจิดจรัสและลัทธิเงาจึงถูกบังคับให้ต้องซ่อนกองกำลังพวกเขาไว้  ถ้าเมื่อใดกองกำลังพวกเขาถูกค้นพบ จักรวรรดิโอเบรียนจะปราบปรามอย่างไม่ปราณี

ด้วยแนวความคิดนี้ของจักรวรรดิโอเบรียนจึงทำให้ศาสนจักรเจิดจรัสไม่มีโอกาสขยายอิทธิพลของพวกเขาภายในเขตแดนของจักรวรรดิได้
ในสถานที่สำคัญอย่างพระราชวังหรือเมืองหลวงแต่ละมณฑล  ศาสนจักรเจิดจรัสยังคงมีที่ซ่อนกองกองไว้ไม่มาก  ถ้าในเมืองปกครอง พวกเขาจะมีอยู่ไม่กี่สิบคน
สำหรับเมืองธรรมดาบางที่ก็มีเพียงสองสามคน  หรือบางทีก็ไม่มี
และในเมืองชนบทเล่า? ไม่จำเป็นต้องพูดถึงเลย
ความหนาแน่นของเครือข่ายอิทธิพลของพวกเขาไม่ได้สูงมาก  ดังนั้นกองกำลังของศาสนจักรเจิดจรัสซึ่งถูกส่งออกไปประจำไม่สามารถติดตามค้นหาร่องรอยของลินลี่ย์ได้  พวกเขาไม่รู้ว่าลินลี่ย์หนีไปที่ใด
แม้ว่าพวกเขาจะไม่รู้ว่าลินลี่ย์ซ่อนอยู่ที่ใด  แต่หน่วยของลินดอนทั้งหกคนก็ยังออกจากเกาะศักดิ์สิทธิ์และมุ่งหน้าสู่จักรวรรดิโอเบรียน
หมู่บ้านยอดเมฆ นอกเมืองเอกเบซิล มณฑลพายัพ
ลินลี่ย์  ซาสเลอร์ บาร์เกอร์และน้องๆ ของเขา รีเบ็คกาและลีนาใช้ชีวิตอยู่ที่นี่อย่างเงียบๆ จากเวลาที่พวกเขาฝึก  รีเบ็คกาและลีนาจะใช้เวลาตรวจตราดูว่าลินลี่ย์และคนอื่นๆ ได้รับอาหารกันทั้งหมด
ข้ออ้างที่พวกเขาใช้กับชาวท้องถิ่นก็คือ ลินลี่ย์เป็นคนชั้นสูง ซาสเลอร์เป็นพ่อบ้านผู้ดูแล และห้าพี่น้องบาร์เกอร์เป็นผู้คุ้มกันของเขา
กลุ่มของลินลี่ย์จะอยู่ที่ทิศตะวันตกของหมู่บ้าน จะห่างจากที่อยู่อาศัยของคนอื่นหลายร้อยเมตร
 “พี่ลีนา วันนี้โครงกระดูกที่ข้าเรียกออกมาดูน่ารักมาก!  แต่มันดูโง่จังเลย”  รีเบ็คกาและลีนาอยู่ระหว่างเดินทางกลับจากตลาด  พวกนางถือตะกร้าเนื้อและผัก
นอกเหนือจากการฝึกฝน  พวกนางจะใช้เวลาส่วนใหญ่ทำอาหาร
 “รีเบ็คกา อย่าเอาแต่เสียเวลาเล่นอยู่เลย  หลังจากเรียกโครงกระดูกออกมาแล้ว ปล่อยมันกลับไปเถอะ  เจ้ากำลังเสียเวลาเล่นกับโครงกระดูกมากเกินไป”  ลีนาไม่สบายใจ
รีเบ็คกาไม่ค่อยเคร่งครัดมากนัก ทุกวัน นางมักจะเล่นและหยอกล้อกับนักรบกระดูกที่นางเรียกออกมา
 “ข้ารู้น่าพี่ ข้าจะไล่ตามท่านทันในไม่ช้านี้”  รีเบ็คกาพูดเสียงเบา  พี่สาวของนางสามารถเรียกซอมบี้ออกมาได้แล้ว
ต้องบอกว่าทั้งรีเบ็คกาและลีนามีพรสวรรค์มาก  พวกนางก้าวหน้าในวิชาเวทพ่อมดหมอผีได้อย่างรวดเร็ว
ทั้งสองสาวเดินไปยังพื้นที่ว่าง ตอนนี้คฤหาสน์ที่ลินลี่ย์ได้ออกแบบยังอยู่ในช่วงก่อสร้าง ดังนั้นลินลี่ย์จึงสร้างกระท่อมไม้เป็นชุดให้พวกนางได้อยู่ไปก่อน
 “วิธีฝึกฝนของพี่ลินลี่ย์แปลกมากเลย”  รีเบ็คกาพึมพำ
ตอนนี้ ลินลี่ย์กำลังควงดาบหนักอดาแมนเทียมในมือข้างหนึ่งและเทพกระบี่เลือดม่วงในมืออีกข้างหนึ่ง  ในมือของลินลี่ย์ ดาบหนักอดาแมนเทียมถูกกวัดแกว่งราวกับไม่มีน้ำหนัก  แต่เทพกระบี่เลือดม่วงกลับตรงกันข้าม  ดูเหมือนมันจะมีน้ำหนักเป็นตันๆ ในการใช้แรงฟันแต่ละครั้ง
 “กวัดแกว่งของหนักเสมือนเป็นของเบา  กวัดแกว่งของเบาเหมือนกับเป็นของหนัก...”
ริมฝีปากลินลี่ย์มีรอยยิ้ม
ไม่ว่าเขาจะใช้กระบี่เลือดม่วงหรือดาบหนักอดาแมนเทียม ระดับความเข้าใจของเขาสามารถประยุกต์ใช้กับอาวุธทั้งสองได้  ตัวอย่างเช่น ระดับ กำหนด สามารถใช้กับการโจมตีรูปแบบใดก็ได้
ดาบ, กระบี่, ไม้เท้า, พลอง, หมัดหรือเตะ
 กำหนด สามารถใช้กับการโจมตีด้วยอาวุธเหล่านี้ได้
นี่คือเหตุผลที่สามารถอธิบายว่า เรียกพลังฟ้าและดินออกมาใช้
สำหรับระดับ กวัดแกว่งของหนักเหมือนกับเป็นของเบา ไม่มีทางใช้ได้กับเทพกระบี่เลือดม่วง  เพราะกระบี่นี้เบามาก  หลังจากไตร่ตรองอยู่เกินกว่าสิบวันขณะที่นั่งสมาธิอยู่กับพื้น  ทันใดนั้นลินลี่ย์ได้รู้ถึงความเฉื่อยของสายลมที่พัดพริ้วอยู่ในท้องฟ้า  ในที่สุดเขาก็จับประกายความคิดความเข้าใจได้
สายลมนั้นไร้ลักษณ์ เมื่อยามพัดพลิ้วแผ่วเบาก็เหมือนกับจุมพิตของคนรัก  แต่เมื่อพัดรุนแรงเป็นพายุที่กล้าแข็ง ก็อาจทำลายภูเขาศิลาลงได้
 “กวัดแกว่งของเบาเสมือนของหนัก”
ลินลี่ย์ใช้กระบี่เลือดม่วงฟันทันที  ตัวกระบี่แทบมองไม่เห็นปลดปล่อยเสียงดังราวกับฟ้าร้องและเกิดพายุหมุนอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
 “คมดาบมิติ เวทรบธาตุลม คือพลังเวทที่ใช้โจมตีต่อสู้ตัวต่อตัวที่ทรงพลังที่สุด  พลังของเวทคมดาบมิติยิ่งใหญ่จนสามารถตัดกำแพงมิติได้เอง  อย่างนั้น... เป็นไปได้ไหมที่จะมีผลเช่นเดียวกับคมมีดมิติโดยผ่านการใช้วิชากระบี่?”
ลินลี่ย์ไตร่ตรองถึงข้อสงสัยนี้
เส้นทางที่ถูกจะนำทั้งหมดไปสู่จุดหมายเดียวกัน แม้จะมีทางแยกบ้างก็ตาม  ระดับที่เหนือกว่า ‘กำหนด’  เมื่อใช้ดาบหนักอดาแมนเทียม ลินลี่ย์สามารถทำได้สำเร็จโดยใช้ความเข้าใจของเขาเกี่ยวกับเรื่องธาตุดิน
ขณะที่ลินลี่ย์มองดูนั้น เกี่ยวกับเทพกระบี่เลือดม่วงในระดับที่เหนือกว่าระดับ ‘กำหนด’  เขาจะต้องใช้ความเข้าใจเรื่องกฎของธาตุลม
มีเพียงเลือกเส้นทางฝึกฝนให้ถูกต้องจะไม่ทำให้ไปผิดทาง
ตอนนี้ ลินลี่ย์กำลังไตร่ตรองถึงเส้นทางการฝึกฝนอยู่เงียบๆ  เขาควรจะเริ่มดำเนินการ  แต่กฎพื้นฐานของจักรวาฬนั้นลึกซึ้งมากและเข้าใจได้ยาก  การจะเข้าใจกฎเหล่านี้ยากมาก  โชคดีที่ลินลี่ย์มีสัมพันธ์ธาตุทั้งแก่นธาตุลมและแก่นธาตุดินด้วยเช่นกัน ดังนั้นจึงสามารถเข้าถึงธรรมชาติได้ระดับสูง
แต่แม้กระนั้น หากไม่ใช้เวลาฝึกฝนอยู่หลายปี  ก็แทบเป็นไปไม่ได้ที่จะก้าวหน้า
 “ควั่บ”
เงาภาพสายหนึ่งพุ่งแหวกอากาศ จากนั้นลงยืนที่ด้านหลังลินลี่ย์
 “ท่านซีซาร์”  ลินลี่ย์หันหน้าไปทางเขา  จากนั้นแสดงความคาราวะเขาทันที
ซีซาร์หัวเราะและพยักหน้า  “บาร์เกอร์และน้องอยู่ที่ไหน?”
 “พวกเขาฝึกอยู่ในลานว่างด้านหลังห้องของพวกเขา  ท่านซีซาร์ เชิญตามข้ามา”  ลินลี่ย์ยิ้มเดินไปที่พื้นที่ด้านหลังห้อง  แต่ขณะที่เขากำลังไป  จู่ๆซีซาร์ก็จ้องมองเท้าลินลี่ย์ด้วยความประหลาดใจ
แม้ว่ามองอย่างผิวเผิน ลินลี่ย์จะทำตัวไม่แตกต่างไปจากคนอื่น แต่...
ซีซาร์เป็นคนแบบไหน?  ทำไมเขาจะบอกไม่ได้?
เขาสามารถรู้สึกได้ชัดว่าลินลี่ย์กำลังเดินเป็นจังหวะดีมาก เหมือนกับจะมีแรงสั่นสะเทือนในทุกย่างก้าว  ความจริงสิ่งที่เกิดขึ้นก็คือลินลี่ย์จมอยู่กับการฝึกฝนตนเองเงียบๆเป็นเวลานานจนแม้แต่ยามที่เขาเดิน เขาก้าวเดินตามจังหวะเต้นของชีพจรโลก
 “เขามีพรสวรรค์อย่างแท้จริง”  ซีซาร์ชื่นชมเขาในใจ
หลังจากเดินไปเป็นระยะทางสั้นๆ  ซีซาร์เห็นบาร์เกอร์และน้องๆ  ทั้งห้าคนกำลังอยู่ในพื้นที่ซึ่งเต็มไปด้วยหินก้อนขนาดเท่าบ้านนับไม่ถ้วน หินเหล่านั้นพวกเขาใช้เป็นส่วนหนึ่งของการฝึกยกน้ำหนักของพวกเขา  ทั่วทั้งพื้นที่ปกคลุมไปด้วยชั้นแสงสีเหลืองหม่น
 “ฮ้ากกกก”
กล้ามเนื้อบนร่างของพี่น้องบาร์เกอร์เคลื่อนเป็นระลอกและเป็นมัน เส้นเลือดปูดออกมาเหมือนกับมีงูเลื้อยอยู่บนร่างกายพวกเขา  ทำให้พวกเขาดูเข้มแข็งและมีพลัง
 “ท่านซีซาร์”  เมื่อเห็นซีซาร์  บาร์เกอร์และน้องของเขาหยุดฝึกทันที
 “พวกเจ้าทั้งห้าคนฝึกกันอย่างหนักจริงๆ หรือนี่?”  ซีซาร์ยิ้ม  “พวกเจ้าเห็นผลอะไรจากการฝึก?”
บูนน้องชายคนที่สี่ตอบอย่างตื่นเต้น  “ในอดีตเมื่อเรากำลังฝึกฝนเราจะไม่รู้สึกว่ามีความก้าวหน้าเท่าใดนัก  แต่ตอนนี้เรากำลังฝึกอยู่ในสนามพลังโน้มถ่วงนี้ ทั้งกล้ามเนื้อและอวัยวะภายในของเราทั้งสองอย่างมีความแข็งแรงและก้าวหน้า”
พื้นที่ภายใต้ผลสนามพลังโน้มถ่วงจะมีแรงดึงดูดมากกว่าปกติ
แรงดึงดูดที่สูงขึ้นอาจเป็นประโยชน์ต่อกล้ามเนื้ออวัยวะและร่างกายทั้งหมด
 “ยอดเยี่ยม  ข้าเดินทางไกลรอบหนึ่ง และนำคัมภีร์ลับกลับมาพร้อมกับข้า  คัมภีร์นั่นข้าได้คัดลอกกับมือเก็บไว้มาหลายปีแล้ว” พอเขาพลิกมือ ตำราเล่มบางก็ปรากฏอยู่ต่อหน้าซีซาร์
บาร์เกอร์และน้องๆ จ้องมองตำราเล่มนี้ ตาของพวกเขาเป็นประกาย
 “นี่คือคัมภีร์ลับอมตะหรือ?”  เกทส์ น้องคนที่ห้าเบิกตากว้างมองดู เหมือนหิวกระหาย
 “จงรับไป”  ซีซาร์เริ่มหัวเราะ
เกทส์น้องคนที่ห้าชิงรับมา มือของเขาเคลื่อนไหวรวดเร็ว  เขาเปิดคัมภีร์และเริ่มอ่านทันที พร้อมกับพี่อีกสี่คน พวกเขาตัวโตเหมือนหมีต่างชะเง้อจ้องดูด้วยนัยน์ที่เบิกกว้างเหมือนตาวัว
ภาพที่ปรากฏนี้ดูน่าตลก
 “ฮ่าฮ่า”  ซีซาร์เริ่มหัวเราะ ขณะที่ลินลี่ย์ก็ยิ้มด้วยเช่นกัน  ซีซาร์มองดูลินลี่ย์  เขาเตือนด้วยเสียงเบา  “ลินลี่ย์,  ข้าสามารถบอกได้เลยว่าพี่น้องทั้งห้าคนนี้ก็เหมือนกับบรรพบุรุษของเขา  พวกเขาค่อนข้างหยิ่งและเหลวไหล  ถ้าพวกเขาเที่ยวไปตามลำพังกันเองก็มีแนวโน้มว่าจะติดกับดักและถูกคนอื่นล่อลวงได้  ข้าหวังว่าเจ้าจะคอยชี้แนะพวกเขา”
 “ท่านซีซาร์ไม่ต้องกังวล”  ลินลี่ย์รับคำ
ในช่วงเวลาระหว่างนี้ที่ได้คลุกคลีกับห้าพี่น้องบาร์เกอร์  ลินลี่ย์พบว่าทั้งห้าคนนี้จำแนกมิตรและศัตรูชัดเจน  พวกเขาซื่อตรงและไม่มีเล่ห์เหลี่ยม  พวกเขาด่าสาบแช่งคนที่พวกเขาต้องการไม่มีการเก็บซ่อนความคิดไว้
ความจริงลินลี่ย์ชอบคนแบบนี้  พวกเขาจริงใจดี
 “พวกเจ้าทั้งห้าคน เมื่อฝึกฝนไปตามคัมภีร์ลับอมตะก็จะมีความก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว  ไม่ใช่เรื่องยากที่พวกเจ้าทุกคนจะบรรลุระดับเก้าภายในสองสามปีนี้”  ซีซาร์ลอบถอนหายใจ
เขาหันหน้าไปทางลินลี่ย์  “ลินลี่ย์นี้สมกับที่ข้าไว้วางใจ”
เท่าที่ซีซาร์กังวล  ลินลี่ย์ไม่อาจเทียบได้กับห้าพี่น้องบาร์เกอร์ในเรื่องความสำคัญ  ที่สำคัญทั้งห้าคนนี้เป็นลูกหลานของสหายสนิทที่ซีซาร์เคยมี  ส่วนลินลี่ย์  เขาไม่มีอะไรมากไปกว่ายอดประติมากรที่ซีซาร์นิยมชมชอบ
สำหรับลินลี่ย์แล้ว  เขาเพียงรู้สึกขอบคุณ
แต่สำหรับห้าพี่น้อง  เขารู้สึกว่ามีความรักความรู้สึกเหมือนกับหลาน
ในไม่ช้าซีซาร์ก็จากไปอีก  หลังจากเวลาผ่านไปครึ่งปี คฤหาสน์ก็สร้างสำเร็จ และลินลี่ย์และพวกพ้องก็เข้าไปพักภายในเริ่มต้นการฝึกฝนระยะยาวเงียบๆ
นอกจากซีซาร์แล้ว  บางทีคนที่รู้ว่าลินลี่ย์อาศัยอยู่ที่นั่นก็คือเยล
เยลจัดตั้งระบบส่งคนไปแจ้งข่าวความเคลื่อนไหวของศาสนจักรเจิดจรัสไว้นานแล้ว  ข่าวพื้นฐานเกี่ยวกับทวีปยูลานทั้งหมดรวมทั้งข้อมูลเกี่ยวกับวอร์ตัน
แม้ว่าพวกเขาจะอาศัยอยู่ในหมู่บ้านนี้  ลินลี่ย์ก็ยังเก็บข้อมูลความเป็นไปของทวีปยูลานเช่นกัน
ภายในป่าฝั่งด้านตะวันตกของหมู่บ้านยอดเมฆ  ลินลี่ย์ใช้เป็นที่ฝึกฝนตนเอง
สามปีผ่านไป
พวกเขาใช้เวลาสามปีเต็มอยู่ภายในหมู่บ้านยอดเมฆที่เงียบสงบ  ระหว่างสามปีนี้  กองกำลังของศาสนจักรเจิดจรัสยังคงตามหาพวกเขาอย่างจ้าละหวั่น  สำหรับลินลี่ย์ เขาคร่ำเคร่งอยู่กับการฝึกฝนตนเอง และมีความก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว
สายลมพัดโบก ใบไม้แห้งร่วงลงพื้น
ลินลี่ย์เงยหน้าขึ้นมองฟ้า  ที่อยู่เหนือศีรษะของเขา เหยี่ยววายุน้ำเงินตัวหนึ่งกำลังบินกางปีกถลาลม ใบหน้าของลินลี่ย์มีรอยยิ้มและแทงดาบหนักอดาแมนเทียมใส่อากาศทันที
 “บึ้ม!”
ดาบหนักอดาแมนเทียมของลินลี่ย์จากเดิม มีรอยแยกมิติเลือนลางอยู่รอบสามารถเห็นคลื่นสั่นสะเทือนระเบิดใส่ท้องฟ้าด้วยความเร็วเหลือเชื่อ
ในชั่วกระพริบตา คลื่นสั่นสะเทือนส่งผ่านไปไกลเกือบพันเมตร
 “บึ้ม!”
ร่างของเหยี่ยววายุน้ำเงิน อสูรเวทระดับห้าสั่นและร่วงลงมาจากท้องฟ้า
 “ในที่สุดข้าก็บรรลุถึงระดับ ‘คลื่นร้อยชั้น’  ตาของลินลี่ย์เต็มไปด้วยประกายความมั่นใจ  “ถ้าวันนี้ เจ้าสเตลห์นั่นถูกข้าโจมตีอีกครั้ง เขาคงจะไม่ใช่แค่ได้รับบาดเจ็บเบาๆ ในครั้งนี้แน่”
สัจจะลึกซึ้งแห่งธาตุดิน – พลังคลื่นสามชั้น!
สัจจะลึกซึ้งแห่งธาตุดิน – พลังคลื่นสิบชั้น!
สัจจะลึกซึ้งแห่งธาตุดิน – พลังคลื่นร้อยชั้น!
หลังจากใช้เวลาสามปี  ลินลี่ย์บรรลุความเข้าใจในระดับสูงล้ำเกี่ยวกับเคล็ด สัจจะลึกซึ้งแห่งธาตุดิน และพลังโจมตีของเขาในตอนนี้ก็น่ากลัวเช่นกัน
ภายในระยะพันเมตร เขาสามารถฆ่าอสูรเวทระดับห้าได้
มีแนวโน้มว่า แม้แต่นักสู้ระดับเซียนชั้นต้นก็ยากจะทำเช่นนี้ได้  ที่สำคัญ ปราณยุทธเมื่อส่งผ่านอากาศ จะค่อยๆ อ่อนลงจากแรงต้านอากาศ  เมื่อระยะยาว พลังโจมตีก็แทบจะอ่อนลงไปด้วยเช่นกัน
เทียบกับปราณยุทธ  คลื่นสั่นสะเทือนเหล่านี้อาจจะอ่อนแอเมื่อฝ่าอากาศ แต่ก็ยังมาก  มากกว่าปราณยุทธเล็กน้อย
เมื่อใช้พลังคลื่นสามชั้นในอดีตลินลี่ย์สามารถฆ่าอสูรเวทระดับห้าได้ในระยะสิบเมตร  ไกลกว่านั้นพลังคลื่นจะไม่มีพลังพอฆ่าอสูรเวทระดับห้าได้
แต่เมื่อถึงระดับวิชาคลื่นสิบชั้น  ลินลี่ย์สามารถฆ่าอสูรเวทระดับห้าได้ในระยะร้อยเมตร
แต่พลังคลื่นร้อยชั้นยิ่งทรงพลังมากกว่า  แม้อยู่ในระยะสามร้อยเมตรก็ไม่เป็นปัญหา ยังน้อยกว่าระยะพันเมตร
นี่คือไม้ตายที่แท้จริงในแขนเสื้อของลินลี่ย์  เว้นแต่อยู่ในสถานการณ์อันตราย  ลินลี่ย์ไม่ยินดีจะใช้วิชานี้
 “แต่วิธีจะทำลายผ่านม่านพลังสำหรับสัจจะลึกซึ้งแห่งธาตุดิน ?”  เพียงพลิกมือ ลินลี่ย์ก็สอดดาบหนักกลับเข้าฝักได้  จากนั้นชักเทพกระบี่เลือดม่วงออกมา
เกินสามปีมาแล้วลินลี่ย์มีความเข้าใจการใช้กระบี่เลือดม่วงระดับสี่ ‘สัจจะลึกซึ้งแห่งธาตุลม’  แต่ความเข้าใจของเขายังมีอย่างจำกัด อยู่ในระดับง่ายๆ  วิชาระลอกวายุ
 “นี่ไม่น่าจะใช่  เวทสายลมไม่ใช่แค่เร็วและอ่อนหยุ่น  แต่ยังคงมีพลังมากมีความสามารถในการโจมตีตัวต่อตัวที่ทรงพลัง อย่างนั้น จะจัดการใช้คมมีดมิติผ่านการโจมตีด้วยกระบี่ได้ยังไง?”
ลินลี่ย์รู้สึกว่าผลของเวทคมมีดมิติสามารถใช้ผ่านเทพกระบี่เลือดม่วงได้แน่นอน  แต่เหมือนกับว่าถนนสายนั้นยังเต็มไปด้วยหมอกทำให้ลินลี่ย์ไม่รู้ว่าเขาจะตรงไปทางใด
 “พี่ลินลี่ย์, พี่ลินลี่ย์!”  เสียงใสของรีเบ็คกาดังขึ้นจากนอกป่า
ลินลี่ย์หิ้วคอของเหยี่ยววายุน้ำเงินเดินออกมาจากป่า  เหยี่ยวตัวนี้จะกลายเป็นอาหารค่ำ
 “พี่ลินลี่ย์ มีจดหมายมาถึงท่าน”  รีเบ็คกายิ้มสดใสให้ลินลี่ย์
 “เหรอ?”
แต่ละเดือนจดหมายใหม่จะมีมาถึง  ลินลี่ย์โยนเหยี่ยววายุน้ำเงินให้  “รีเบ็คกา, เหยี่ยววายุน้ำเงินนี้จะเป็นอาหารค่ำของเรา”  ขณะที่พูดลินลี่ย์รับจดหมายและฉีกซองเปิดอ่าน

12 ความคิดเห็น:

นักอ่านนิรนาม กล่าวว่า...

เอ่อ...ไทม์สคิปไปงี้เลยเรอะ มันเชื่องช้าตรงไหนฟรเ

ชัชวาล กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

donnthai กล่าวว่า...

Thank You

zyntatar กล่าวว่า...

ลินลี่ย์ อายุ 24แล้ว

มีตน กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

tho กล่าวว่า...

ขอบคุณคับ

ทิชา กล่าวว่า...

ขอบคุณค่ะ

ทิชา กล่าวว่า...

ขอบคุณค่ะ

Bubble กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Unknown กล่าวว่า...

เนื้อเรื่องสนุกมาก ขอบคุณสำหรับผู้แปล

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณคร๊าบบบบบ

เซียนเต๋าทุกชั้นฟ้า กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

แสดงความคิดเห็น