วันจันทร์ที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2561

Panlong เล่มที่ 8 เดินทางไกลหมื่นกิโลเมตร – ตอนที่ 43 ชุมนุมในเบซิล

เล่มที่ 8 เดินทางไกลหมื่นกิโลเมตร – ตอนที่ 43  ชุมนุมในเบซิล
คืนนั้นลินลี่ย์ร่วมทานมื้อค่ำที่หอโถงใหญ่ของปราสาทที่ทำการ
 “คีน, เจนน์ มาข้างนอกสักเดี๋ยวเถอะ”  หลังจากอาหารค่ำแล้วลินลี่ย์เรียกพวกเขาออกไป จากนั้นเดินออกจากห้องโถงใหญ่เข้าไปในสวนที่เงียบสงบด้านหลัง

คีนและเจนน์มองหน้ากันเอง จากนั้นเดินตามลินลี่ย์เข้าไปในสวนเช่นกัน
สวนในยามราตรีเงียบสงบ ลินลี่ย์มองดูเจนน์กับคีนแล้วยิ้มให้  “เจนน์, คีน มีบางเรื่องที่ข้าต้องแจ้งให้พวกเจ้าได้รับรู้ไว้”
คีนกับเจนน์จ้องมองลินลี่ย์อย่างมึนงง
 “ศาสนจักรเจิดจรัสกับข้ามีความแค้นต่อกันในระหว่างเรา  เราจะไม่มีทางหยุดยั้งจนกว่าอีกฝ่ายจะถูกทำลาย”
คำพูดของลินลี่ย์สร้างความตกตะลึงให้กับเจนน์กับคีนทันที  พวกเขารู้ว่าลินลี่ย์ไม่ใช่คนธรรมดา  แต่พวกเขาไม่รู้ว่าเขาจะเป็นปฏิปักษ์กับศาสนจักรเจิดจรัส
ศาสนจักรเจิดจรัสคือองค์กรใหญ่อย่างมิต้องสงสัย
ลินลี่ย์ลดเสียงลง “ห้าปีที่แล้ว เมื่อข้าสู้กับศาสนจักรเจิดจรัส  เป็นไปได้ว่าจะทำให้พวกเขารู้ว่าข้าอยู่ในจักรวรรดิโอเบรียน  ห้าปีที่แล้วกองกำลังของศาสนจักรเจิดจรัสได้ตระหนักถึงความคงอยู่ของแฮรุ  ข้าเชื่อว่าลำพังแค่เรื่องนี้ พวกเขาคงพบว่าข้าตามพวกเจ้าทั้งสองคนมาที่เมืองเซียร์แล้ว”
หลายคนรู้ว่าตอนนั้นยอดฝีมือลึกลับผู้ขับขี่เสือดำคอยคุ้มครองคีนและเจนน์เดินทางมาเมืองเซียร์จนทำให้คีนได้รับตำแหน่งเจ้าเมือง
นี่ไม่ใช่ความลับ  ไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใดที่ทางศาสนจักรเจิดจรัสจะพบความจริงเรื่องนี้
 “ข้าสงสัยว่าศาสนจักรเจิดจรัสคงซ่อนคนสอดแนมไว้สองสามคนในเมืองเซียร์แห่งนี้”  ลินลี่ย์พูดอย่างใจเย็น
ทันทีที่เขาตัดสินใจมาเมืองเซียร์  ลินลี่ย์เตรียมแผนไว้เรียบร้อยแล้ว
สเตลห์ผู้นั้นเคยปะทะฝีมือกับเขามาก่อน  หลังจากสู้กันครั้งนั้นศาสนจักรเจิดจรัสคงตระหนักได้แน่นอนว่าลินลี่ย์เป็นอันตรายต่อพวกเขามากเพียงไหน  ถ้าพวกเขาไม่ส่งคนมาฆ่าเขาให้เร็วที่สุดเท่าที่ทำได้  อย่างนั้นศาสนจักรเจิดจรัสก็คงเป็นกลุ่มคนโง่จริงๆ
 “อย่างนั้นเราควรจะทำอย่างไรดี?”  คีนและเจนน์สับสนทั้งคู่
 “เจนน์, ก่อนอื่นเลย ข้าขอถามเจ้า  เจ้ายังต้องการติดตามข้าหรือเปล่า?”  ลินลี่ย์จ้องมองเจนน์
เจนน์พยักหน้าโดยไม่ลังเล
ลินลี่ย์พยักหน้าเล็กน้อย  “ข้าเกรงว่าภายในปราสาทของเจ้า จะมีสายลับของศาสนจักรเจิดจรัสอยู่ด้วยเช่นกัน  นั่นคือสิ่งที่ข้าต้องการให้พวกเจ้ารู้...   ข้าตั้งใจจะออกจากเมืองเซียร์คืนนี้”
 “อะไรนะ?”  เจนน์มองลินลี่ย์อย่างประหลาดใจ  “พี่ลีย์, ท่านตั้งใจจะไปตามลำพังตนเองอย่างนั้นหรือ?”
 “ไม่ต้องห่วง, ข้าจะล่วงหน้าไปก่อนพวกเจ้าเล็กน้อย  ไปที่เมืองเบซิลก่อน  และจะเข้าพักในโรงแรมไนล์ทางด้านตะวันออกของเมือง  เมื่อถึงเวลา พวกเจ้าไปหาข้าที่นั่น”  ลินลี่ย์มั่นใจในความสามารถของตนเองมากว่ารับมือคนของศาสนจักรเจิดจรัสได้
อย่างไรก็ตาม เขาไม่สามารถพาเจนน์กับคีนไปพร้อมกับเขา
ถ้าเขาพาคนกลุ่มใหญ่ขนาดนั้นไปด้วย  เขาอาจจะทำร้ายเจนน์กับคีนไปโดยปริยาย
 “โรงแรมไนล์ ทางด้านตะวันออกของเมือง  เป็นโรงแรมที่มีชื่อเสียงมาก  ข้ารู้ว่าอยู่ที่ไหน”  คีนพยักหน้า  ช่วงเวลาห้าปีมานี้  เขาไปเยือนเมืองเอกมณฑลถึงสองสามครั้ง
ลินลี่ย์วางแผนนี้ไว้นานแล้ว
ตอนนี้ไม่ว่าเขาจะฆ่ากองกำลังของศาสนจักรเจิดจรัสได้หรือไม่ก็ตาม  ที่สำคัญการฆ่าคนเหล่านั้นมิได้สร้างความแตกต่างอะไรมากมาให้กับศาสนจักรเจิดจรัสเลย
ถ้าเขาต้องเผชิญหน้ากับพวกเขา  เขาจะฆ่าพวกนั้น  ถ้าไม่อย่างนั้นก็ช่างเถอะ
สำหรับเจนน์ เมื่อเวลาที่พวกเขาไปสมทบกับห้าพี่น้องบาร์เกอร์และซาสเลอร์ ลินลี่ย์คงไม่ต้องกังวลว่าศาสนจักรเจิดจรัสจะมาไม้ไหนอีก
 “อย่างนั้นข้าจะไปเดี๋ยวนี้เลย”  ลินลี่ย์หัวเราะ
 “เดี๋ยวนี้เลยเหรอ?”  เจนน์และคีนสะดุ้ง
 “ทันทีเลย วิธีอย่างนั้นทำให้คนศาสนจักรเจิดจรัสไม่ทันรู้ตัว”  ลินลี่ย์หัวเราะ จากนั้นกลายเป็นร่างเลือนรางบินขึ้นไปในอากาศและหายไปในสวนด้านหลัง
ในขณะนั้น เสือดำเมฆาแฮรุพร้อมทั้งบีบีออกเดินทางด้วยความเร็วสูง
เงาร่างเลือนรางทั้งสามพุ่งวาบผ่านกำแพงเมืองเซียร์สูงยี่สิบเมตรไปลงอีกฝั่งหนึ่งได้อย่างง่ายดาย  แม้ว่ากำแพงเมืองจะมีประโยชน์ใช้ป้องกันนักสู้ธรรมดาได้ก็ตาม  แต่ยอดฝีมือระดับลินลี่ย์ในปัจจุบัน กำแพงเหล่านั้นไม่มีอะไรมากกว่าประตูที่ค่อนข้างสูง
ลินลี่ย์ขี่อยู่บนหลังของแฮรุ  ลมราตรีพัดผ่านตัวลินลี่ย์
 “ข้าว่าข้าค่อนข้างชอบความรู้สึกการเดินทางยามราตรี”  ความรู้สึกถึงลมพัดเย็นปะทะใบหน้าของเขา ทำให้ลินลี่ย์รู้สึกสดชื่นมาก
แสงจันทร์ดูเหมือนกับทำให้โลกคลุมไปด้วยชั้นผ้าโปร่งบาง ภาพทุกอย่างมองดูเหมือนความฝัน
ราตรีนี้ มีคนกำลังขี่ม้ามุ่งหน้าไปยังสถานที่แห่งหนึ่งด้วยความเร็วสูงเช่นกัน  คนพวกนี้กำลังเร่งรีบไปแจ้งข่าวดีกับลินดอน  อย่างไรก็ตาม ระยะทางห่างเกินร้อยกิโลเมตรจากเมืองเซียร์ไปยังเมืองที่ลินดอนพักอาศัยอยู่
ลินลี่ย์มาถึงเมืองเซียร์ยามราตรีแล้ว  พวกผู้ดูแลกิจการของเมืองเซียร์ก็ได้รับข่าวราวๆ หกโมงเย็น และพวกเขาส่งคนออกไปก็เป็นเวลาเจ็ดนาฬิกาแล้ว
ราวๆ แปดนาฬิกายามค่ำ ลินลี่ย์ก็ออกไปจากเมืองเซียร์
เวลานี้คนส่งข่าวยังคงอยู่บนถนน  เวลาเก้านาฬิกา  คนส่งข่าวมาถึงเมืองที่ลินดอนและพวกพักอยู่ในที่สุด  เมืองมีแสงไฟเล็กน้อย บุรุษผู้น่าสงสารถูกลมหนาวเดือนพฤศจิกายนพัดใส่รู้สึกถึงความอบอุ่นเพียงน้อยนิด
 “ท่านลินดอน”  คนส่งข่าวมาถึงที่พักของลินดอน  เมื่อเห็นลินดอนที่ประตูทางเข้า เขาโดดลงจากหลังม้าทันที  “ท่านลินดอน มีเรื่องสำคัญเกิดขึ้น เราพบว่าลินลี่ย์มาถึงเมืองเซียร์แล้ว”
ตาของลินดอนซึ่งอยู่กับที่มีประกายเย็นชา
 “ลินลี่ย์?”  ลินดอนทั้งตกใจและดีใจพร้อมกัน
นางรอมาเป็นเวลาห้าปีเต็มจนรู้สึกเบื่อหน่าย  และจากนั้นคืนนี้จู่ๆ ก็มีรายงานเข้ามาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
 “ซีค, ซีค!  พวกเจ้าจงออกมากันให้หมด  เสียงเยือกเย็นของลินดอนดังขึ้นสองสามครั้ง และเทวทูตอีกห้าคนรีบออกมาทันที
เทวทูตทั้งหกนี้สิงอยู่ในร่างของมนุษย์ ดังนั้นพลังของพวกเขาจึงจำกัดเพียงเท่ากับนักรบระดับเก้า
แต่แก่นวิญญาณข้างในยังคงเป็นเทวทูต
พวกเขาจะต้องเชื่อฟังคำสั่งแน่นอน  เพื่อประโยชน์แก่ความรุ่งเรืองของมหาเทพของเขา  พวกเขายินดีจะเสียสละชีวิตได้ทุกเมื่อ
เมื่อได้ยินว่ามีข่าวลินลี่ย์กลับมายังเมืองเซียร์เทวทูตอีกห้าคนก็ตื่นเต้นเช่นกัน  ภารกิจของพวกเขาก็คือฆ่าลินลี่ย์
 “ไปกันเดี๋ยวนี้เลย”  ลินดอนสั่งทันที
 “ขอรับ”  อีกห้าคนรับคำโดยไม่ลังเล
ลินดอนและเทวทูตคนอื่นไม่สนใจคนส่งข่าว  ทั้งหกคนอาศัยกำลังขาของตนเองเริ่มมุ่งหน้าไปยังเมืองเซียร์ทันที  ในฐานะนักสู้ระดับเก้าคนหนึ่ง ไม่ต้องสงสัยเลยว่าความเร็วที่พวกเขาใช้อาจเร็วมากกว่าม้าเสียอีก
เช้าวันต่อมา
ภายในคฤหาสน์ธรรมดาในเมืองเซียร์  คืนก่อนนั้นลินดอนและคนของนางใช้พักอยู่ที่นี่เมื่อตอนไปถึงเมืองเซียร์
 “อะไรนะ?  ลินลี่ย์หายไปแล้ว?”  ลินดอนจ้องมองบุรุษชุดขาวข้างหน้านางด้วยสายตาเย็นชา
บุรุษชุดขาวพูดทันที  “ท่านลินดอน คนที่เราวางเป็นสายอยู่ในปราสาทเจ้าเมืองก็ไม่รู้เหมือนกัน  พวกเขาเพียงแต่พบว่าเช้านี้ลินลี่ย์และอสูรเวททั้งสองของเขาหายไป  มีแนวโน้มว่าพวกเขาคงออกไปจากเมืองเซียร์แล้ว
 “บึ้ม!
ลินดอนโกรธใช้หมัดทุกโต๊ะหินข้างหน้านางจนแหลกเป็นชิ้น  เทวทูตอีกห้าคนก็โกรธด้วยเช่นกัน
ทั้งหกคนใช้เวลาห้าปีอยู่ที่นี่  พวกเขาเพิ่งได้รับข่าวการมาถึงของลินลี่ย์  แต่จากนั้นในพริบตาเขาก็หายไปอีก
บุรุษชุดขาวกระวนกระวายใจเช่นกัน   เขารู้ว่าคนทั้งหกที่ด้านหน้าของเขาแข็งแกร่งทรงพลัง  แม้แต่ผู้ดูแลกิจการของมณฑลพายัพก็ยังต้องเชื่อฟังคำสั่งของหกคนนี้
อย่างไรก็ตาม บุรุษชุดขาวนี้ไม่รู้ว่าคนทั้งหกนี้เป็นเทวทูตจริงๆ
ในชั่วเวลาขณะจะตาย เมื่อลินดอนและคนอีกทั้งห้าเลือกที่จะแสดงพลังของเทวทูตออกมา
 “จงไปสืบดู, ไปสืบมา ค้นให้ได้ว่าลินลี่ย์ไปที่ใด นอกจากนี้..จงใช้ทรัพยากรทุกอย่างที่เรามีอยู่ทั่วมณฑลพายัพแห่งนี้  เราต้องหาตัวลินลี่ย์ให้ได้  ลินลี่ย์ต้องอยู่ในมณฑลพายัพแน่นอน”  ลินดอนกล่าวอย่างเยือกเย็น น้ำเสียงอำมหิต
 “ขอรับ”  บุรุษชุดขาวรับคำทันที
พวกเขาไม่สามารถหาลินลี่ย์พบถึงห้าปี  ลินดอนเริ่มกังวลใจว่าลินลี่ย์บางทีอาจจะออกไปจากจักรวรรดิโอเบรียน  ที่สำคัญเนื่องพวกเขาไม่พบร่องรอยของเขาเลย  จึงไม่มีทางที่พวกเขาจะแน่ใจว่าลินลี่ย์อยู่ที่ใดกันแน่
แต่อย่างน้อยตอนนี้พวกเขารู้แน่ชัดแล้วว่าลินลี่ย์อยู่ในดินแดนมณฑลพายัพ
ขณะที่ลินดอนได้แต่รู้สึกโกรธจัดและจนใจ ในวันที่สามพวกเขาก็ได้รับข่าวจากเมืองเอกเบซิล
 “ลินลี่ย์ปรากฏตัวที่เมืองเอกเบซิล”
ทันทีที่พวกเขาได้รับข่าว ลินดอนและสหายร่วมงานตื่นเต้นกันมาก
 “ท่านหญิง, เราจะไปกันเดี๋ยวนี้หรือเปล่า”  ทั้งห้าคนมองดูลินดอนอย่างคาดหวัง  ลินดอนคือหัวหน้าหน่วย  ความจริงในบรรดาเทวทูตประทับร่าง  ลินดอนนับว่ามีชื่อมากที่สุด
พวกเทวทูตที่ประทับอยู่ในร่างสามารถสนับสนุนพลังได้ระดับเก้า เกือบทั้งหมดเป็นเทวทูตสองปีก  มีเพียงสามคนที่เป็นเครูบ (ทูตสวรรค์)  เทวทูตสี่ปีกและอีกสามคน มีแต่ลินดอนที่เป็นสตรีเพียงคนเดียว
 “แม็คเคนซี่อยู่ในเมืองนั้นนะ”
ลินดอนขมวดคิ้ว  “แม็คเคนซี่เข้าถึงระดับเซียนมาเกือบหกสิบปีแล้ว จากที่เราได้รับรายงานพลังของเขาเป็นเซียนระดับกลาง  ถ้าเขาเข้ามาขวางหลายๆ อย่างจะซับซ้อนขึ้น”
 “ท่านหญิง ถ้าเราทุ่มกำลังฆ่าแม็คเคนซี่ก็ไม่น่าจะยาก”  เทวทูตที่อยู่ใกล้ๆ อีกคนนามว่าซีคเอ่ยขึ้น
 “ใช่แล้ว  เมื่อเราทุ่มเทสุดกำลัง ร่างประทับของเราจะพังทลายและใช้พลังที่แท้จริงของเราทุกคนได้  พวกเราห้าคนเป็นเทวทูตสองปีก  ขณะที่ท่านเป็นทูตสวรรค์  แม้ว่าจะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ ก็น่าจะมีเวลาพอฆ่าลินลี่ย์ได้
เมื่อได้ยินบริวารของนางกล่าว ลินดอนลังเล
ความจริงถ้าเทวทูตไม่สนใจว่าร่างประทับจะพัง  พวกเขาย่อมใช้พลังที่แท้จริงในช่วงเวลาสั้นๆ ได้แน่นอน  แต่มีแนวโน้มว่าหลังจากโจมตีสองสามครั้ง ร่างของพวกเขาจะสลายเป็นผุยผง
เมื่อทูตสวรรค์เครูบและเทวทูตสองปีตั้งพยุหะและยอมให้ร่างพังทลายจากการใช้พลังเต็มที่  แม้แต่เซียนระดับกลางก็อาจตายในเงื้อมมือพวกเขา
 “ไม่ต้องเร่งร้อน”  ลินดอนกล่าวอย่างใจเย็น  “ทุกคนใจเย็นก่อน  การทุ่มเทกำลังครั้งสุดท้ายจะเป็นการเปลี่ยนแปลงสุดท้ายของเขา  ลินลี่ย์ยังไม่คู่ควรให้ทำอย่างนั้น  เราสามารถหาโอกาสที่ลินลี่ย์อยู่ในร่างของมนุษย์และจัดการฆ่าเขาโดยตรงก็ได้”
 “ท่านหญิง อย่างนั้นท่านตั้งใจก็คือ...”  ทั้งห้าคนมองดูลินดอน
 “ลินลี่ย์ไม่รู้จักพวกเราทั้งหกคน”  รอยยิ้มอำมหิตปรากฏบนใบหน้าของลินดอน
วันนั้น กลุ่มของลินดอนนำโดยคนชุดขาวขี่ม้าออกไปจากเมืองเซียร์เช่นกัน
 “ท่านหญิง รถม้าของทางการเป็นของกองกำลังประจำเมืองเซียร์”  บุรุษชุดขาวรายงานลินดอนด้วยน้ำเสียงเบาทันทีที่เห็นพวกเขา
 “โอว? เป็นเจนน์และคีนใช่ไหม?”  ลินดอนมองดูขบวนอยู่แต่ไกล
ความสัมพันธ์ของเจนน์และคีนกับลินลี่ย์เป็นเรื่องที่ลินดอนค่อนข้างรู้ดีอยู่แล้ว
 “มีบริวารของเจ้าปะปนเข้าไปในขบวนพวกเขาด้วยหรือไม่?”  ลินดอนลดเสียง
 “ขอรับ, ท่านหญิง” บุรุษชุดขาวพยักหน้า  ลินดอนกล่าวยิ้มๆ “ก็ดีแล้ว ตอนนี้เราไม่จำเป็นต้องสนใจพวกเขา
กลุ่มของลินดอนเดินทางได้รวดเร็วมากกว่ากลุ่มของคีนและเจนน์มาก   ในพริบตาพวกเขาก็แซงผ่านไป  สาเหตุที่คีนและเจนน์ต้องเดินทางไปเมืองเบซิลในคราวนี้เป็นเพราะพวกเขาต้องไปร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำประจำปี
กลุ่มของลินดอนและขบวนของเจนน์ต่างก็มุ่งหน้าไปยังเมืองเอกเบซิล  สำหรับลินลี่ย์พอมีเวลาเขาไปจองห้องพักในโรงแรมด้านทิศตะวันออกของเมือง
มีบ้านหลังน้อยตั้งอยู่ด้านหลังโรงแรม  ลินลี่ย์พักอยู่ที่นั่น
 “ข้ามาเมืองเอกเบซิลเป็นขบวนใหญ่อย่างนั้น  มีแนวโน้มว่าคนของศาสนจักรเจิดจรัสจะจำข้าได้  สงสัยจริงๆ ว่าศาสนจักรเจิดจรัสจะส่งใครมาในครั้งต่อไป
ลินลี่ย์ไม่ร้อนใจแม้แต่น้อย  เขากระตือรือร้นมากเป็นปกติอยู่แล้ว
 “ข้ายังไม่เผชิญหน้ากับคนที่สามารถสู้กับข้าโดยตรง หรือบังคับให้ข้าใช้พลังคลื่นร้อยชั้นแห่งเคล็ดสัจจะลึกซึ้งแห่งธาตุดินได้เลย”

10 ความคิดเห็น:

Unknown กล่าวว่า...

จะฟัดกันแล้ววววว

Toffee กล่าวว่า...

ขอบคุณค่ะ ต่อๆๆ

ทิชา กล่าวว่า...

ขอบคุณค่ะ

tho กล่าวว่า...

ขอบคุณมากคับ

Bubble กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ ^^

นักอ่านนิรนาม กล่าวว่า...

ขออย่าเลย...

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณคร๊าบบบบบ

sittichok กล่าวว่า...

ขอบคุณมากนะคับ

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุนคับ

แสดงความคิดเห็น