วันพุธที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2561

ยอดยุทธไร้เทียมทาน ตอนที่ 579 ทางเลือกที่โง่เขลา


ตอนที่  579  ทางเลือกที่โง่เขลา
 “ซื่อสัตย์ไว้!
หลังของสือหย่งเจ็บปวด หลังของเขามีรอยแตกและรอยเลือด   แม้ว่าจะทิ้งไว้เพียงรอยเดียวบนหลังของเขา  สือหย่งก็ยังไม่ส่งเสียง  แต่แววเกลียดชังแฝงอยู่ในดวงตาของเขา  เชือกสีเขียวเข้มบาดลึกลงไปในเนื้อของเขา  เขาสูญเสียความรู้สึกที่มีต่อพลังงาน  ร่างของเขาซีดไม่เหลือเรี่ยวแรงเลยแม้แต่น้อย

เชือกสีเขียวเข้มมีชื่อว่าพันธนาการนักโทษ  ใช้ผูกมัดเชลยโดยเฉพาะ โดยมันจะฝังตัวลงไปในเนื้อของเชลย  ประโยชน์ที่ดีที่สุดก็คือแยกเชลยออกจากความรู้สึกถึงพลังงานในอากาศอย่างสิ้นเชิง
เชลยไม่สามารถจะรวบรวมพลังงานได้  ดังนั้นเขาจะไม่ใช่ภัยคุกคาม
เชือกพันธนาการนักโทษเส้นยาวมัดคนได้เกิน 200 คน พวกเขาเป็นเหมือนกลุ่มสัตว์ที่ถูกล่ามเข้าด้วยกัน
 “เบามือหน่อย อย่าฆ่าเขา”  รองหัวหน้ากองอีกคนหนึ่งตะโกน  พวกเขาไม่ได้ผลลัพธ์ที่ดีนัก  เมืองเป่ากวงมีประชากรน้อยกว่า 8000 คน ยังห่างจากจำนวนที่พวกเขาต้องการได้  ทันใดนั้นพวกเขาตระหนักว่าภารกิจครั้งนี้จะไม่สำเร็จได้โดยง่าย  การลงทัณฑ์ที่รุนแรงทำให้พวกเขารู้สึกหวั่นเกรงอยู่ลึกๆ  พวกเขาไม่สนใจคนอื่นอีก  จึงได้จับคนแก่ คนอ่อนแอและเด็กมาเพิ่มจำนวน
อีกกลุ่มหนึ่งออกไปตามหาสือเซิน
สีหน้าของสือหย่งเย็นชา มุมปากมีรอยยิ้มอย่างใจเย็น ถ้าเพียงแต่คนพวกนี้รู้ว่าสือเซินถูกนายท่านเหมิ่งหนานซื้อตัวไปแล้ว  ข้าสงสัยว่าพวกเขาจะทำสีหน้ายังไง?
ไม่ต้องพูดถึงเรื่องท่านเหมิ่งหนานเลย  เอาแค่กองกำลังปีศาจทวีปโยวโจวภายใต้การนำของท่านสือเซินก็เพียงพอจะทำลายคนพวกนี้ได้แล้ว  เขาเองยังกลัวแทบปัสสาวะราด
อย่างไรก็ตาม คนที่น่ากลัวที่แท้จริงก็ยังคงเป็นนายท่านเหมิ่งหนาน  เฉพาะพลังของเขาล้วนๆ  เขาเอาชนะกองกำลังปีศาจแห่งทวีปโยวโจวถึง 51 คนได้  ถ้าความสำเร็จเช่นนั้นแพร่กระจายไป คงจะไม่มีผู้ใดเชื่อ
เขาอาสาวิ่งกลับไปเตือนให้ระวังความเคลื่อนไหวของคนพวกนี้  เมื่อกองทหารนี้เคลื่อนไหวลงมือ  เขาส่งข้อมูลกลับไปเรียบร้อยแล้ว  และนายท่านเหมิ่งหนานคงได้รับข่าวสารนี้แน่นอน  และเพื่อป้องกันการสูญเสียโดยไม่จำเป็น  เขาปล่อยให้กองทหารรักษาการณ์เมืองเป่ากวงเลิกต่อต้าน
ทันใดนั้น การแสดงความคิดเห็นของคนสองคนแว่วเข้าหูของสือหย่ง  ทำให้สือหย่งตะลึง
 “ชื่อเสียงของท่านซุนเจิ้งจะต้องยิ่งใหญ่แน่นอน  ภารกิจเกณฑ์ชาวบ้าน แม้แต่ท่านซุนเจี๋ยแห่งกองพลที่แปดก็เข้ามาช่วย”
 “เจ้าไม่รู้ว่าท่านซุนเจี๋ยเป็นญาติกับนายท่าน  ทั้งสองคนมีสัมพันธ์ที่สนิทกัน!”
 “ตระกูลซุนจะขึ้นชื่อแท้จริงก็คราวนี้แหละ!”
 “ใช่แล้ว....”
สีหน้าของสือหย่งเปลี่ยน  เขาไม่เคยได้ยินชื่อเสียงของซุนเจิ้งมาก่อนก็จริง  แต่ชื่อของซุนเจี๋ยแห่งทวีปมหาศาล เขาจะไม่เคยได้ยินมาก่อนยังไง?  กองพลที่แปดคือหนึ่งในสามกองพลฝีมือดี  ตระกูลซุนให้การสนับสนุนกองพลนี้มากมายไม่ว่าจะเป็นอาวุธยุทโธปกรณ์หรือมาตรฐานของทหาร  พวกเขาแข็งแกร่งทรงพลังมากกว่ากองทหารทั่วไปในทวีปมหาศาล
หัวใจสือหย่งเต็มไปด้วยความเกลียดชัง  ข่าวสำคัญอย่างนั้น เขาเองความจริงกลับค้นหาไม่เจอ
หมดกัน.... สีหน้าของเขากลายเป็นสีเทาเหมือนคนพ่ายแพ้
 “กองพลที่สามสิบสองมีกำลังพล 1500 นาย มาตรฐานกองทัพนี้ก็แค่ระดับล่างของทวีปมหาศาล  ดังนั้นเครื่องไม้เครื่องมือจึงน่ากลัว  ก่อนที่ซุนเจิ้งจะมา  ข้ารับมือกลยุทธ์สงครามประจำวันและตั้งกระบวนศึกอย่างแน่นหนา  แต่หลังจากซุนเจิ้งมาแล้ว  ผู้คนเบื้องล่างทุกคนล้วนฟังเขา  กินร่วมกัน ดื่มร่วมกันและสนุกสนานกันและวินัยกองทัพหละหลวม”
เมื่อสือเซินสรุปความเห็นเกี่ยวกับกองทัพ  เขารู้สึกอาย ในฐานะผู้บัญชาการ เขาล้มเหลวในการควบคุมกองทัพ  ไม่ใช่ช่วงเวลาที่น่ายินดีเลย
เขายังคงพูดต่อ  “ซุนเจิ้งเองไม่มีฝีมือเท่าใดนัก  เทียบกับซุนเจี๋ยญาติของเขาแล้ว เขายังอ่อนหัดและเป็นคนที่ไร้ประโยชน์อยู่มาก  แต่ซุนเจี๋ยเป็นขุนพลทหารที่พิเศษและมีความสามารถมาก”
 “ขุนพลทหารที่พิเศษ?”  ถังเทียนชะงักค้าง  คำพูดที่คุ้นเคยอย่างนี้ทำให้เขาตกใจ
ปิงก็ตกใจเช่นกัน  แต่ในไม่ช้า เขาก็กลับมาตั้งสติได้ นี่เป็นสถานที่ซึ่งผู้บัญชาการจากมา
 “ใช่แล้ว ความสามารถพิเศษของเขาก็คือ ตาข่ายดาบ”  สีหน้าของสือเซินเคร่งเครียด
 “ตาข่ายดาบ?  มันอะไร?”  ปิงถาม
 “ข้าไม่ทราบ”  สือเซินส่ายศีรษะ  “ข้าไม่เคยเห็นมาก่อน  แต่เขาเคยใช้มาก่อนครั้ง มีบันทึกไว้ว่าเขาสังหารคนไป 700 คน ด้วยกำลังพล 120 นาย”
 “ผู้อาวุโสสือ ท่านเป็นขุนพลทหารพิเศษคนหนึ่งหรือเปล่า?”  ถังเทียนถามสือเซินอย่างสงสัย
ตาของสือเซินฉายประกายเจิดจ้าทันที  เขายิ้มจนเห็นฟันเหลืองอ๋อย  “พลังสั่งการของข้าอยู่ 500 คน  ยศทหารของข้าเป็นระดับร้อยโท แต่ก็ยังถูกคนประเมินไว้ต่ำอย่างช่วยไม่ได้  อย่างไรก็ตามนอกจากพี่น้องของข้าเหล่านี้แล้ว  ไม่มีใครอื่นรู้  ข้าคือขุนพลทหารพิเศษคนหนึ่ง  ความสามารถพิเศษของข้าก็คือ พาหนะภูตพราย”
 “พาหนะภูตพราย?”  ถังเทียนสับสน  เขาสามารถเดาได้ตรงๆ ว่าตาข่ายดาบคืออะไร จากชื่อได้  แต่พาหนะภูตพรายมันดูเป็นนามธรรมเกินไป
 “มีเพียงกลุ่มของข้ากองร้อยปีศาจทวีปโยวโจวจึงจะใช้มันได้  แต่พลังของมันแข็งแกร่งมาก”  สือเซินพูดด้วยความภูมิใจ
 “พลังสั่งการของเจ้าสามารถเพิ่มได้อีกไหม?”  ปิงถาม สำหรับผู้บัญชาการทหาร พลังสั่งการสำคัญมากกว่าความกล้าหาญส่วนบุคคล  ความสามารถสั่งการกำลังพล 500 ยังต่ำเกินไปบ้าง และสามารถนำได้แค่หน่วยตระเวนเท่านั้น และไม่สามารถควบคุมกองทัพได้เต็มที่  ไม่ว่ากองทัพจะเล็กยังไงก็ตาม  ปกติพวกเขาจะมีกำลังพลพันนาย  ไม่สามารถเพิ่มพลังสั่งการ ก็หมายความว่าศักยภาพของขุนพลทหารก็ไม่มาก
 “ข้าเพิ่มไม่ได้” สือเซินพูดอย่างเฉยเมย  “อาจเป็นเพราะวิธีฝึกฝนของเรา แต่กองพลปีศาจไม่เคยสร้างขุนพลที่มีชื่อเสียงขึ้นมาได้อีกเลย”
ปิงพยักหน้า  เขาไม่พูดความคิดที่ค้างคาใจของผู้บัญชาการของเขา  กองทัพที่ไม่เคยมีผู้บัญชาการ ทั้งหมดของพวกเขาเป็นคนธรรมดา และการก่อตั้งกองทัพดาวกางเขนใต้ถูกสร้างขึ้นมาด้วยน้ำมือของผู้บัญชาการ
นี่คือภูมิลำเนาของผู้บัญชาการ  เมื่อเห็นสิ่งที่คุ้นเคยหลายอย่าง ทำให้ปิงคิดถึงอดีตโดยไม่รู้ตัว
ผู้บัญชาการ ท่านอยู่ที่ใดกันแน่?
 “ทวีปใดมีวิชาจักรกลเจริญก้าวหน้ามากที่สุด?”  ปิงถามขึ้นทันที
 “วิชาจักรกล?”  สือเซินสะดุ้ง  “นั่นต้องเป็นทวีปทองในภูมิภาคตะวันออก
 “ทวีปทอง ภูมิภาคตะวันออก?”  ปิงพึมพำ
 “ใช่แล้ว ทวีปทองแข็งแกร่งที่ในภูมิภาคตะวันออก  วิชาจักรกลของพวกเขาไร้เทียมทาน แม้ว่าประวัติศาสตร์ของพวกเขาจะสืบย้อนไปถึงสามหมื่นปี”  สือเซินชำเลืองมองพยัคฆ์ฟ้าจักรกลมหึมา ซึ่งให้ความรู้สึกที่ประทับใจกับเขา
 “เฮ้ เฮ้ เฮ้, ลุงปิง รีบบอกแผนรบให้เราทราบเร็วๆ”  ถังเทียนขัดคอคนทั้งสอง
ปิงค่อยตั้งสมาธิใหม่  ดวงตาเขากระจ่าง  “แผนของเราง่ายมาก  เล่าสือ พวกเจ้าจะไปตามหมู่บ้านทุกแห่งสร้างความปั่นป่วน และดีที่สุดพากลุ่มพวกเขากลับมาที่ปราสาทดำ  เราจะรบกับพวกเขาที่นี่”
 “แผนนี้ไม่เลวเลย”  สือเซินพยักหน้า  มีความแตกต่างมากมายในเรื่องจำนวนคนระหว่างทั้งสองฝ่าย   ถ้าพวกเขาไม่ได้ยืมพลังป้องกันของปราสาทดำ  ก็คงยากจะชนะได้
ถังเทียนชูแขนทั้งสองข้าและตะโกน “เล่าสือชาวฟ้า ลุย ลุย ลุย!”
สีหน้าของสือเซินชะงักค้างทันที  เขาหันหน้ามามองท่านเหมิ่งหนานอย่างว่างเปล่า  เหมือนกับว่ากำลังมองเด็กปัญญาอ่อน
ปิงปลอบสือเซิน  “อีกหน่อยพวกเจ้าจะชินไปเอง”
เมื่อเห็นว่าสือเซินพาผู้ใต้บังคับบัญลา 45 คนชาวกองพลปีศาจออกไปอย่างเงียบงัน  ถังเทียนพูดทันที  “ลุงปิง  ข้ามีความคิดอย่างหนึ่ง”
 “ความคิดอะไร?”  ปิงประหลาดใจเล็กน้อยและหันหน้ามา
 “หลิงซิ่ว ข้าและที่เหลือจะไปเมืองเป่ากวงเพื่อช่วยทุกคน”  ถังเทียนอธิบาย  “งานของเล่าสือต้องใช้เวลาบ้าง  เราสามารถทำอะไรได้ก่อนนั้น  ถ้าเราช้าเกินไป สือหย่งและชาวเมืองที่เหลืออาจถูกส่งออกไปและนั่นจะเป็นปัญหาอย่างมาก”
ปิงไม่ค่อยเห็นด้วยกับข้อเสนอของถังเทียนซึ่งเป็นความคิดที่ทื่อ  เขาสังเกตว่าหวังจุนเซียนมีท่าทางกังวลอยู่ก่อนแล้ว สือหย่งถูกส่งไปสอดแนม และก็หมายความว่าสถานการณ์ที่เมืองเป่ากวงกำลังย่ำแย่
ตาของหวังจุนเซียนแดง  เขารู้สึกสะเทือนอารมณ์ เขาสูดหายใจลึกและปลอบโยนตนเองให้สงบและคำนับถังเทียน  “จุนเซียนยินดีเป็นผู้นำทาง  ข้าไม่มีความสามารถมาก และอาจจะช่วยคุณชายได้ไม่มาก  แต่ถ้าคุณชายต้องการให้ข้าทำอะไร  ข้าจะทำให้โดยไม่ลังเลหรือขมวดคิ้วเลย”
ถังเทียนมีสายตาที่จริงใจและสงบ  ปิงตระหนักว่าเขาไม่สามารถปฏิเสธได้ เขาได้แต่พูด “งั้นเจ้าต้องลงมือให้เร็ว”
 “รับประกันได้ลุง!”  ถังเทียนโบกมือ และมุ่งหน้าออกไปโดยไม่หันศีรษะกลับมาและกล่าว  “เราจะรีบกลับมาโดยเร็ว”
แนวของผู้คนทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า
ปิงมองดูเงาหลังถังห้าว  ในสายตาของนายทหาร พฤติกรรมของถังเทียนเป็นเรื่องโง่  เป้าหมายคุณค่าต่ำเช่นนั้น  เขาต้องใช้ความเสี่ยงมาก มันขัดกับกลยุทธสงครามอย่างสิ้นเชิง
เพราะพลังป้องกันของปราสาทดำที่ทำให้ปิงมั่นใจ  ชาวบ้านกำลังมีความก้าวหน้าอย่างรวดเร็วในการฝึกประจำวันของเขา พวกเขาอาจไม่สามารถบุกตะลุยได้  แต่ถ้ารักษาที่มั่นและป้องกันพวกเขามีความสามารถทำได้
ใบหน้าไพ่ของปิงอดยิ้มไม่ได้  ใครขอให้เขาอยู่กับเจ้าเด็กห้าวเล่า
เรื่องงี่เง่ากี่เรื่องแล้วที่เขาก่อนขึ้น?  คนงี่เง่าก็ยังงี่เง่าอยู่เรื่อย
***********************

ซุนเจี๋ยไม่ได้นำกำลังพลมามากมาย คนที่อยู่กับเขามีเพียงทหารฝีมือดี 500 คน  เขายืนอยู่ในที่สูงมองดูทหารโหดร้ายที่กำลังไล่จับชาวบ้าน สีหน้าของเขามองดูสงบ  “อาเจิ้ง ต่อไปเจ้าอย่าเป็นขุนพลทหารเลยจะดีกว่า ไปเล่นการเมืองเถอะ  ถ้าไม่อย่างนั้นก็ไปทำธุรกิจซะ  ข้าจะได้ไม่กังวลเกินไป”
ซุนเจี๋ยไม่ได้สวมเกราะแต่อย่างใด ใส่แต่เพียงชุดสบายๆ  เขามีรูปร่างสูงลักษณะหล่อเหลาทำให้เขาดูเหมือนบัณฑิตที่คงแก่เรียน ไม่มีรังสีฆ่าฟันแม้แต่เล็กน้อย  เขายังอายุเยาว์  แต่สามารถควบคุมกองทัพด้วยตนเองได้  ไม่ว่าเขาจะอยู่ที่ไหน  ก็จะเป็นจุดเด่นสะดุดตาทุกครั้ง
 “เจ้าคิดว่าข้าต้องการหรือ?”  เทียบกับพี่น้องคนอื่นของเขาไม่ว่าจะเป็นอารมณ์หรือลักษณะ  ซุนเจิ้งยังขาดอยู่มาก  เขาเหยียดมือ  “อย่างไรก็ตาม ข้าก็อยู่ในนี้มาหนึ่งปีแล้ว และเมื่อถึงเวลา ข้าจะมีคุณสมบัติพอเมื่อได้เวลาลงไปหาดาวอื่นเพื่อหางานอื่นข้าจะได้มีเวลาสำหรับดื่มกิน”
 “ยังดีที่เจ้ามีแผนอยู่แล้ว”  ซุนเจี๋ยหัวเราะ
 “อาเจี๋ย ยังดีที่เจ้ามาที่นี่ครั้งนี้เป็นกรณีพิเศษ ป้องกันไม่ให้ข้าไปหาสือเซิน  เมื่อเรากลับไป เราจะแทนที่ตำแหน่งของเขาได้โดยตรง”  ซุนเจิ้งกล่าว
ซุนเจี๋ยหงุดหงิดอย่างช่วยไม่ได้  “นายท่านโกรธจริงๆ คราวนี้ ข้าได้ยินว่าในห้องหนังสือ เขาปาแก้วชาใส่หน้าท่านจื่อชิง  เมื่อท่านจื่อชิงเดินออกมา  ทุกคนตกตะลึง  ถ้าภารกิจครั้งนี้ไม่สำเร็จ เราจะตกเป็นเป้าหมายแน่นอน  ข้าเกรงว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเจ้า ดังนั้นข้าจึงมาดู”
 “นั่นคือเหตุผลที่อาเจี๋ยเข้าใจมากที่สุด!”  ซุนเจิ้งยิ้มอย่างมีความสุข
ทันใดนั้น มีหน่วยสังเกตการณ์รายงาน  “นายท่าน ทางด้านตะวันตกเฉียงใต้ มีคนห้าคนเข้ามาใกล้เรา!”
ซุนเจี๋ยยิ้มและพูดกับซุนเจิ้ง  “ข้าคาดว่าคนที่ได้ทราบข่าวและกำลังคิดหนี ไปเถอะส่งหน่วยย่อยไปไล่จับพวกมันมา”
 “ขอรับ”  ทหารผู้ช่วยตอบ
ในเวลารวดเร็ว ยอดฝีมือดี 10 คนก็แยกย้ายจากฐานใหญ่และบินตรงไปที่ทิศตะวันตกเฉียงใต้
 “สองสามคนที่หลบหนีนี้โชคไม่ดีเลยจริงๆ ถึงได้มาชนกับกองทัพของเจ้า  ชีวิตมันโหดร้ายจริงๆ”  ซุนเจิ้งหัวเราะ  “น่าเสียดายที่มีจำนวนน้อย ถ้าพวกมันมาสักพันคน อย่างนั้นภารกิจของข้าคงจะสบายมากขึ้น”
ซุนเจี๋ยยิ้ม  “ไม่ต้องห่วง  ถ้าได้เวลาและเรามีจำนวนมากพอ ข้าจะช่วยเจ้าโค่นทวีปเซี่ยโจว”
คำพูดที่เขากล่าวเต็มไปด้วยความมั่นใจ
ปัง!
เสียงระเบิดรุนแรงดังมาจากตำแหน่งตะวันตกเฉียงใต้  เปลวไฟปรากฏสะท้อนอยู่ในสายตาทำให้ม่านตาของเขาหดแคบ

5 ความคิดเห็น:

Unknown กล่าวว่า...

ค้างๆ

มีตน กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

windwolf กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Anny กล่าวว่า...

สนุกมากติดงอมแงม😂😂💗💗

แสดงความคิดเห็น