วันศุกร์ที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

Panlong เล่มที่ 10 บาลุค – ตอนที่ 1 เดเลียกับลินลี่ย์


เล่มที่ 10 บาลุค – ตอนที่ 1 เดเลียกับลินลี่ย์
 “วิ้ววว” ลมหนาวที่อ้างว้างพัดผ่านพื้นปฐพีกวาดใส่เกล็ดหิมะนับไม่ถ้วนที่ปกคลุมพื้น
เดเลียอยู่ในชุดขนสัตว์ยาวสีขาวกำลังยืนอยู่ที่หน้าต่างจ้องมองดูโลกภายนอก  ข้างหลังนางเป็นอสูรเวทสองตัว ตัวหนึ่งคือหมีปฐพีฮัตตัน  อีกตัวหนึ่งคือเหยี่ยวพายุสายฟ้าพาร์รี่ย์  ทั้งสองไม่ส่งเสียงเลยแม้แต่น้อย

เดเลียถอนหายใจผ่านริมฝีปาก
 “ท่านพ่อ, ท่านแม่...”  รอยยิ้มสุดฝืนปรากฏบนใบหน้าของเดเลีย  นางคาดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าบิดามารดาจะหลอกนาง  พวกเขาบอกนางว่าท่านย่าของนางป่วยหนัก  แต่หลังจากนางเร่งรีบขับขี่เหยี่ยวพายุสายฟ้ากลับมาบ้าน  นางพบว่าท่านย่าของนางยังมีสุขภาพเป็นปกติดี
นั่นคือคืนแรกที่นางกลับ...
เดเลียถามบิดามารดาของนางด้วยความโกรธ  “ท่านพ่อ ท่านแม่, ทำไมพวกท่านถึงได้โกหกให้ข้ากลับบ้าน?”
เดิมทีเดเลียตั้งใจจะตามลินลี่ย์ไปด้วย
ดิลยา เลโอน บิดาของเดเลียมองดูเดเลียและถามนาง  “เดเลีย, ลูกหลงรักลินลี่ย์ นักรบเลือดมังกรหรือ?  ตั้งแต่ครั้งแรกที่ลูกกลับมาเมื่อหลายปีก่อน ลูกปฏิเสธไม่ยอมรับไมตรีจากบุรุษอื่น เป็นเพราะเขาใช่ไหม?”
เดเลียประหลาดใจมาก  นางไม่ได้บอกบิดามารดาของนาง
 “ท่านพ่อรู้ได้ยังไง?”  เดเลียถามทันที
มารดาของนางถอนหายใจ  “เดเลีย  ทำไมลูกไม่บอกเราว่าลูกรู้สึกยังไง?  เป็นเพราะอาจารย์ของเจ้า  อาจารย์ลองฮอสแจ้งให้เรารู้เมื่อท่านมาจักรวรรดิ  เขาบอกเราให้เตรียมงานแต่งงานระหว่างเจ้ากับลินลี่ย์”
เดเลียที่โกรธอยู่ก่อนหน้านั้นเปลี่ยนเป็นอายทันที
บิดามารดาของนางมองหน้ากันเองจากนั้นส่ายศีรษะและฝืนยิ้ม  ดิลยาบิดาของนางพูดอย่างจริงจัง  “ลูกรักของพ่อ, พ่อต้องบอกลูกอย่างจริงจังนะว่าเป็นไปไม่ได้ที่ลูกกับลินลี่ย์จะแต่งงานกัน”
 “อะไรนะ?”  เดเลียจ้องมองบิดานาง
บิดานางพูดอย่างจริงจัง  “เดเลีย, น้องชายของลินลี่ย์คือพระสวามีขององค์หญิงเจ็ดแห่งจักรวรรดิโอเบรียน  ไม่ต้องสงสัยเลยว่าลินลี่ย์ก็เป็นเซียนชาวจักรวรรดิโอเบรียน  แต่ลูกควรจะเข้าใจสถานะความสัมพันธ์ระหว่างจักรวรรดิยูลานของเราและจักรวรรดิโอเบรียน”
 “ก็จริง จักรวรรดิยูลานของเราและจักรวรรดิโอเบรียนเป็นสองจักรวรรดิที่ทรงพลังเป็นศัตรูกัน  แต่เรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับลินลี่ย์ด้วย?”  เดเลียโกรธจัด  “หรือว่าท่านพ่อเชื่อว่าเมื่อข้าอยู่กับลินลี่ย์จะส่งผลกระทบต่อตระกูล?”
 “ถูกแล้ว”
ดิลยา เลโอนพยักหน้า  “ถ้าตระกูลหนึ่งมีเซียนอยู่คนหนึ่ง ตระกูลนั้นจะเจริญรุ่งเรือง  ถ้าเจ้าและลินลี่ย์แต่งงานกัน.. อย่างนั้นอะไรจะเกิดขึ้นถ้าจักรวรรดิยูลานและจักรวรรดิโอเบรียนทำสงครามขนาดใหญ่?  จักรวรรดิของเราจะไม่กล้าเชื่อถือในตระกูลเลโอนมากอีกต่อไป”
เดเลียโกรธทันที
คำอธิบายของบิดาของนางดูเหมือนน่าขัน
 “เดเลีย, คิดดูสิ ถ้าลูกเป็นจักรพรรดิแล้วลูกพบว่าธิดาของหนึ่งในตระกูลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของลูกแต่งงานกับเซียนฝ่ายศัตรู  ลูกจะกังวลว่าตระกูลนี้จะทรยศเขาไหม?” ดิลยาพูดจริงจัง
เดเลียตะลึง
ไม่มีอะไรที่นางสามารถพูดได้  เพราะมีประวัติศาสตร์ในเรื่องนี้มาแล้ว
ในอดีตธิดาของตระกูลระดับสูงในจักรวรรดิโรฮอลท์ได้สมรสกับราชาของหนึ่งในราชอาณาจักรในที่ราบใหญ่ตะวันออกไกล  ตระกูลทั้งหมดของนางได้ก่อกบฏและเข้าร่วมกับฝ่ายราชอาณาจักรที่ราบใหญ่
ไม่ต้องนึกเลยว่าจักรวรรดิโรฮอลท์จะแข็งแกร่งมากกว่าราชอาณาในทุ่งราบใหญ่
ทุ่งราบใหญ่ทางตะวันออกไกลมีสามราชอาณาจักรรวมกันอยู่
คนของที่ราบใหญ่ดุร้ายกันมากและแต่ละคนเกิดมาเป็นนักรบ  แม้ว่าในแง่ของพลเมืองก็ยังมีจำนวนน้อยกว่าจักรวรรดิโรฮอลท์และจักรวรรดิไรน์กว่ามาก  สามราชอาณาจักรใหญ่เหล่านี้ทำการสู้รบกับสองจักรวรรดิมานานนับปีไม่ถ้วนโดยไม่มีการเพลี่ยงพล้ำแต่อย่างใด
 “ท่านพ่อ, ลินลี่ย์กับข้า...”  เดเลียเริ่มพูด
ดิลยาพูดขัดนาง  “เดเลีย ลูกเป็นเด็กฉลาด  ลูกควรจะเข้าใจทุกอย่าง  ตระกูลเลโอนเราสร้างตัวเองมาเป็นพันปีแล้ว  นั่นคือเหตุผลให้เรามีสถานะอย่างในปัจจุบัน  ถ้าลูกจะไปแต่งงานกับลินลี่ย์ให้ได้  ถึงแม้ว่าฝ่าบาทจะไม่ทำอะไรตระกูลเรา  แต่ไม่ต้องสงสัยเลยว่าความเชื่อถือของฝ่าบาทที่มีต่อตระกูลเราจะต้องลดลง!
 “เมื่อความเชื่อถือที่พระองค์มีต่อตระกูลเราลดลง  ลูกหลานของตระกูลเรานับไม่ถ้วนในกองทัพและในราชสำนักก็คงจะพบว่ายากที่จะได้เลื่อนตำแหน่ง”  ดิลยา เลโอนถอนหายใจ  “เดเลีย พ่อหวังว่าลูกจะเห็นแก่ผลประโยชน์ของตระกูลเรา”
 “แต่ท่านพ่อ, ลินลี่ย์ไม่ได้เป็นคนของจักรวรรดิโอเบรียน  เขาไปดินแดนอนารยชนแล้ว”  ดิลยารีบพูดทันที
 “ดินแดนอนารยชน?”  ดิลยา เลโอนตกใจ และมารดาของเดเลียยังคงจ้องมองนางด้วยความประหลาดใจ
เดเลียรีบอธิบาย  “ถูกแล้ว ท่านพ่อ ลินลี่ย์ไม่ได้สนใจจักรวรรดิโอเบรียน  เขาต้องการเริ่มต้นกิจการของตนเองในดินแดนอนารยชน  ในอนาคตเขาจะเป็นส่วนหนึ่งของดินแดนอนารยชน
ดิลยาเงียบอยู่ชั่วขณะก่อนที่จะพยักหน้าช้าๆ
นี่เป็นเรื่องจริง ในทวีปทั้งหมดมีกองกำลังเพียงแห่งเดียวที่คู่ควรให้จักรวรรดิยูลานมองว่าเป็นศัตรูของพวกเขาได้ก็คือจักรวรรดิโอเบรียน
ขณะที่แดนอนารยชน ใครจะคิดกันว่าแผ่นดินที่วุ่นวายยุ่งหยิงเหล่านี้มีเจ้าครองแคว้นปกครองหลายคนจะกลายเป็นศัตรูได้?
 “ถ้าลินลี่ย์สร้างตัวเองได้ในดินแดนอนารยชน  อย่างนั้นคงไม่มีปัญหาที่ลูกจะแต่งงานกับเขาได้”  ดิลยา เลโอนพูดช้าๆ  คำพูดเหล่านี้เมื่อเข้าหูของเดเลียฟังไพเราะเหมือนทิพยดุริยางค์ ทำให้หัวใจนางสงบลงทันที
ดิลยามองดูเดเลียและพูดอย่างจริงจัง  “ลูกรักของพ่อ, พ่อต้องเตือนลูกไว้ก่อน  เมื่อใดที่ลินลี่ย์ไม่ใช่สมาชิกของจักรวรรดิโอเบรียนอีกต่อไปในสายตาของราชตระกูล ลูกจึงจะได้รับอนุญาตให้อยู่กับเขา  มิฉะนั้น ลูกจะไม่ได้อยู่แน่นอน”
 “ท่านพ่อ, ข้าเข้าใจ”  เดเลียรักบิดามารดาของนาง  ปู่ย่าตายายของนาง พี่ชายนาง ญาติพี่น้องและคนในตระกูลของนาง  นางไม่ต้องการทำลายความสัมพันธ์กับพวกเขา
ดิลยาพยักหน้า  “สำหรับตอนนี้ จงอยู่ในเมืองหลวง  อย่าไปพบกับลินลี่ย์นั่น”
……….

เมื่อคิดย้อนไปถึงคำสนทนานั้น  เดเลียถอนหายใจเบาๆ  เดเลียเข้าใจ.. ลินลี่ย์เป็นเซียนคนหนึ่งแล้ว และมีอายุขัยที่ไม่จำกัด  ในฐานะจอมเวทระดับเจ็ด นางเองก็มีอายุขัยยืนยาวเช่นกัน เนื่องจากนางยังคงฝึกฝนต่อไป
นางไม่กังวลเกินไปนักกับเวลาปีหรือสองปี
ขณะจ้องมองออกไปนอกหน้าต่างทางทิศเหนือ  นางมองเห็นเกล็ดหิมะใหญ่คล้ายปีกนกค่อยๆ ร่วงลงมา  ทั้งโลกดูเหมือนอยู่ในเมฆหมอกไม่สามารถเห็นอะไรได้ชัด  แต่สายตาของเดเลียดูเหมือนจะมองทะลุกำแพงแห่งความเป็นจริงและมองไปไกลถึงดินแดนอนารยชนผ่านไปถึงเมืองแบล็คเดิร์ท...
……..

ด้านนอกเมืองแบล็คเดิร์ท ทหารหน่วยหนึ่งหลังจากที่อีกหน่วยหนึ่งกำลังวิ่งไปรอบเมืองแบล็คเดิร์ทแล้วและข้างๆ หน่วยจะมีนายทหารคอยตะโกนสั่งต่อเนื่อง  “เร็วเข้า เร็วเข้า!  อย่าได้ถูกทิ้งท้าย!  โธ่เว้ย, ถ้าพวกเจ้าถูกทิ้งล้าหลัง จะต้องอดข้าวเช้า!
บนพื้นที่ยกสูง  พี่คนที่สี่ของห้าพี่น้องบาร์เกอร์ บูนและน้องห้าเกทส์สวมชุดเพียงกางเกงขายาว กายท่อนบนของพวกเขาเปลือยเปล่า  พวกเขามองดูการดำเนินการฝึก
เนื่องจากยุคนี้ เมืองแบล็คเดิร์ทไม่มีการโจมตีเมืองอื่น  พวกเขาจึงเอาแต่ฝึก  เมืองอื่นๆ รอบเมืองแบล็คเดิร์ทต่างก็รู้สึกว่าเมืองแบล็คเดิร์ทมีท่าทีคุกคามพวกเขา  และเจ้าเมืองของพวกเขากังวลใจมาก  แต่ขณะเดียวกัน เจ้าเมืองเหล่านั้นไม่กล้าเปิดฉากโจมตีก่อน
ทันใดนั้น ลินลี่ย์เดินเข้ามาหา  เขามองดูทหารฝึกขณะที่เดินไปหาเกทส์และบูน
 “ใต้เท้า  ท่านคิดว่ายังไงบ้าง?”  เกทส์พูดด้วยความภูมิใจ
ลินลี่ย์พยักหน้าด้วยความภูมิใจ  “ดีมาก จริงสิ พวกเจ้าตั้งใจจะเริ่มโจมตีเมืองใกล้ๆ เมื่อใด?”  ลินลี่ย์ไม่รู้เรื่องกลยุทธ์ทหารแม้แต่น้อย  สิ่งเดียวที่เขารู้ก็คือเว้นแต่ถึงจุดวิกฤติหัวเลี้ยวหัวต่อ ก็ไม่มีความจำเป็นต้องให้เขาเข้ามายุ่ง
บูนหัวเราะเต็มที่  “ใต้เท้า  เรายังไม่ได้โจมตีใคร  แต่มีบางคนจากเมืองใกล้ๆ ยอมจำนนต่อเราแล้วและสัญญาว่าพวกเขาจะบ่อนทำลายจากภายในเมือง
 “โอว, อย่างนั้นหรอกหรือ?”  ลินลี่ย์หัวเราะเช่นกัน
เกทส์รีบกล่าว  “แน่นอน,  เราจะทำเรื่องแบบนี้ได้ยังไง? ใต้เท้า พอคิดดูแล้ว หลังจากที่พลังของเราห้าพี่น้องเผยแพร่กระจายไปทั่วดินแดนอนารยชน เมืองหลายเมืองที่อยู่ใกล้ๆ หวาดกลัวเรา เพื่อจัดการกับเมืองทั้งหลายเหล่านั้น ที่สำคัญเราไม่จำเป็นต้องระดมกองทัพเรา  แค่เราเอง เราห้าพี่น้องก็สามารถฆ่าตะลุยเบิกทางเข้าเมืองเหล่านั้นและคว้าชัยชนะกลับมาได้”
ลินลี่ย์หัวเราะอีกครั้ง
สำหรับเมืองขนาดเล็กแบบนี้ ยอดฝีมือคนเดียวก็ตัดสินได้ทุกอย่าง  ตัวอย่างเช่น ทหารเมืองของเมืองแบล็คเดิร์ทมีจำนวนเพียงไม่กี่พัน  นักรบระดับเก้าก็สามารถฆ่าคนได้ง่ายดายอยู่แล้ว  อีกอย่างหนึ่ง เขาสามารถฆ่าผู้นำได้โดยตรงและบีบบังครับพวกเขาให้ยอมแพ้
อย่างไรก็ตาม การบุกโจมตีเจ้าแคว้นแตกต่างกัน
เจ้าครองแคว้นแต่ละแห่งมีทหารเป็นแสน  ในทำนองเดียวกัน ถ้าในอนาคตพวกเขา
แต่ตราบใดที่ไม่มีเซียนจอมเวท เมื่อสองกองทัพสู้รบเป็นวงกว้าง คุณภาพและความสามารถของทหารในแต่ละกองทัพจะมีความสำคัญอย่างยิ่ง
 “พวกเจ้ากำลังฝึกอะไรให้พวกเขา?”  ลินลี่ย์ขมวดคิ้ว ขณะมองหน่วยทหารกระจัดกระจาย
บูนอธิบาย  “ใต้เท้า นี่คือการฝึกกองพลขนาดกลาง  แต่ละกองพลแบ่งคนออกเป็นกลุ่มละสามร้อยคนฝึกฝนร่วมกัน  ในแต่ละกองพล  ในแต่ละกองพลจะมีแม่ทัพและรองอีกหกคนที่คอยช่วยสั่งการและฝึกฝน  นี่เป็นวิธีที่ได้ผลในการฝึกมาก”
เกทส์และบูนเคยฝึกทหารให้แปดแคว้นอิสระตอนเหนือมาก่อน  พวกเขารู้ว่าอะไรคือวิธีการฝึกที่ดีที่สุด
หลังจากมายังเมืองแบล็คเดิร์ทและรู้สถานการณ์แล้ว ลินลี่ย์ก็กลับไปยังภูเขาแบล็คคราเวน
เหมือนกับควันพุ่งเป็นทางสีฟ้า ลินลี่ย์กลับเข้าไปในส่วนลึกของภูเขาแบล็คคราเวน ปัจจุบันนี้ลินลี่ย์อาศัยอยู่ในตอนกลางที่มีทะเลสาบในภูเขาแบล็คคราเวน  ซึ่งมีโขดหินมากมายอยู่ตรงกลางครอบคลุมพื้นหลายสิบตารางเมตร  ลินลี่ย์พบหินเหล่านั้นจากที่อื่นในภูเขาแบล็คคราเวน จากนั้นใช้ดาบของเขาฟันปรับแต่งจนเรียบ แล้วขนมาที่กลางทะเลสาบใช้เป็นที่พัก
ในกลางทะเลสาบหินต่างๆ มีขนาดครึ่งเมตร แต่สูงจากผิวทะเลสาบมาก ด้านบนของแท่งหินเหล่านั้น ลินลี่ย์สร้างกระท่อมไม้ใช้อยู่อาศัยเอง
 “”บีบี, เกิดอะไรขึ้นกับเจ้า?” ลินลี่ย์เดินเหนือน้ำและมาถึงใจกลางทะเลสาบอย่างสง่างาม  แต่เมื่อเขาทำอย่างนั้น ลินลี่ย์ก็พบว่าบีบีกำลังขุดหินหินแท่งหนึ่ง
 “พี่ใหญ่!  บีบีหันหน้ามาและหัวเราะให้ลินลี่ย์  ขณะเดียวกันเขาใช้กรงเล็บที่แหลมคมขูดแต่งขอบหินต่อไป ส่งผลให้สะเก็ดปลิวไปทุกที่  “ข้ากำลังทำบันไดเวียน ข้าทำไปสองสามขั้นได้แล้ว ด้วยวิธีแบบนั้น ในอนาคตเมื่อข้าเล่นน้ำข้าจะได้มีที่นั่งพักตรงบันไดได้ หรือนอนเล่นในน้ำ นั่นจะทำให้สะดวกสบายมากขึ้น จริงไหมพี่ใหญ่ บีบีฉลาดที่สุดไหมเล่า?”
ลินลี่ย์เริ่มหัวเราะ
 “ฉับ ฉับ”  บีบีตวัดกรงเล็บอีกและขุดสร้างบันไดอีกหกขั้น  บันไดแต่ละขั้นสูงเพียงสิบเซนติเมตร  ขั้นสุดท้ายอยู่ในน้ำ  บีบีนั่งแช่อยู่ที่ชั้นล่างสุดเอาขาทั้งสี่ตีน้ำอย่างมีความสุข
ลินลี่ย์หัวเราะเบาๆ  ดูเหมือนมีหินอยู่หลายก้อนอยู่รอบทะเลสาบ ลินลี่ย์โบกมือครั้งหนึ่ง...
 “วืดดด”  เสียงลมเริ่มหวีดหวิว และปรากฏพายุหมุนหอบเอาหินขนาดเท่ามนุษย์มาตกอยู่หน้าลินลี่ย์  สภาพโดยรอบที่งดงามของภูเขาแบล็คคราเวนทำให้ลินลี่ย์รู้สึกเป็นสุขมาก และเขาอดคิดถึงคนผู้หนึ่งในใจมิได้
ริมฝีปากลินลี่ย์โค้งลงเล็กน้อย เป็นรอยยิ้มบนใบหน้าของเขา
ลินลี่ย์พลิกมือก็มีสิ่วสกัดตรงอยู่ในมือและเริ่มแกะสลักทันที เศษก้อนหินปลิวกระไปทั่ว  รูปมนุษย์คนหนึ่งค่อยๆ เริ่มปรากฏเป็นรูปร่างอยู่ภายในหิน  บีบีพาดกรงเล็บที่บันได เงยหน้าจ้องมองรูปสลัก
 “โอ้โห พี่ใหญ่ ท่านสลักรูปสตรีหรือนี่?  ฮะฮะ  ข้ารู้แล้ว ต้องเป็นรูปเดเลียแน่”  บีบีล้อเลียน
แต่ลินลี่ย์ยังคงซึมซาบอยู่กับงานสลักของเขา  สิ่วสกัดตรงเป็นประกายว่องไวราวสายฟ้า แฝงไว้ด้วยความอ่อนโยน นุ่มนวลของสายลม  ลินลี่ย์มีฝีมือแกะสลักถึงระดับปรมาจารย์แล้ว ในตอนนี้เขาสามารถแกะสลักได้ดังใจปรารถนา
ลินลี่ย์จดจ่ออยู่กับการสลักของเขาและรายละเอียดเริ่มปรากฏ...
ตั้งแต่เช้าจนกระทั่งถึงบ่ายสามโมงในวันถัดไป  หลังจากใช้เวลามากกว่าหนึ่งวันและหนึ่งคืน ในที่สุดลินลี่ย์ก็วางสิ่วตรง
 “เฮ้อ” ลินลี่ย์รู้สึกเพลียเล็กน้อย เขาปัดฝุ่นออกจากรูปสลัก  สตรีที่เขาแกะสลักมีราศีเฉพาะตนไม่เหมือนใคร  โดยเฉพาะดวงตาของนาง... ทำให้รูปแกะสลักดูเหมือนจะมีชีวิตจริงๆ
ลินลี่ย์มองดูรูปสลักด้วยความพอใจ  จากนั้นหันไปมองทางทิศตะวันตกเฉียงใต้  ในหัวใจของเขา เขาคิดกับตัวเอง  “เดเลีย,  ตอนนี้เจ้าควรจะได้รับจดหมายข้าแล้ว”

8 ความคิดเห็น:

มีตน กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

sittichok กล่าวว่า...

ขอบคุณมากเลยนะคับ

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

BeHappy กล่าวว่า...

ขอบคุณ​มาก​ครับ​

ทิชา กล่าวว่า...

ขอบคุณค่ะ

ทิชา กล่าวว่า...

ขอบคุณค่ะ

Unknown กล่าวว่า...

นักแกะสลักมันต้องแบบนี้55

สายลมโชย กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

แสดงความคิดเห็น