วันจันทร์ที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2561

ยอดยุทธไร้เทียมทาน ตอนที่ 658 ป้อมกวงจื้อเป่า


ตอนที่  658  ป้อมกวงจื้อเป่า
ศัตรูถูกบดขยี้ในทุกตำแหน่ง  แต่สีหน้าของปิงไม่เปลี่ยน  “เดินหน้าต่อไป!”
นี่เป็นระลอกที่สี่ของศัตรูที่พวกเขาเอาชนะได้ระหว่างเดินทาง  สะพานลอยปัจจุบันนี้เสียหายอย่างหนัก  และกลุ่มโจรสลัดหลายกลุ่มจะเข้ามาทางรอยแตกแยก  ขณะที่โจรสลัดย่ามใจอย่างหนัก จึงทำให้สะพานลอยแทบจะใช้งานไม่ได้ และไม่มีคาราวานสินค้าดีๆ กล้าใช้เส้นทาง

ทวีปฝานซิงโจวได้เกณฑ์พลเมืองก่อนนั้นมาซ่อมแซมสะพานลอย  แต่เนื่องจากกระบวนการซ่อมแซมช้ามาก  จึงเหลือช่องว่างอีกมากมาย  ขณะที่สายแนวพลังงานสายหนึ่ง  ถ้าไม่มีช่องว่างใดๆ   ก็ยากที่จะผ่านไปได้
สะพานลอยทะเลแสงมีศัตรูธรรมชาติด้วยเช่นกัน  และนั่นก็คือพลังกัดกร่อนในทะเลพลังงานไร้ขอบเขต  พลังงานกัดกร่อนในทะเลพลังงานจะค่อยๆ ทำอันตรายสะพานลอย  และถ้ายืดยาวพอ  ช่องว่างจะถูกกัดกร่อนจนสะพานลอยหลุดออก  หลังจากผ่านเวลาไปนาน  ทวีปฝานซิงโจวจำเป็นต้องส่งคนไปซ่อม
ปัจจุบันนี้ช่องว่างทั้งหมดเหล่านี้กลายเป็นจุดให้โจรสลัดโจมตีเป็นอย่างดี  ปิงไม่มีกำลังพลเพิ่มแม้แต่จะทำการซ่อมแซม
ปิงไม่ใส่ใจแม้แต่น้อย  เขาไม่สนใจเรื่องช่องว่างทั้งหมด  มันเป็นแค่ความไม่สะดวกที่ไม่ส่งผลต่อสถานการณ์  สิ่งที่เขาเห็นว่าสำคัญก็คือป้อมปราการที่สร้างโดยทวีปฝานซิงโจวบนสะพานลอยทะเลแสง  ป้อมปราการทั้งหมดนี้ตั้งอยู่ในทางแยกที่สำคัญและหลังจากเสริมกำลังหลายปี ป้อมเหล่านั้นก็มั่นคงมาก
ตราบใดที่เขาควบคุมป้อมที่มั่นเหล่านี้ได้  พวกเขาจะอยู่ในสภาพไร้พ่าย และนั่นเป็นเคล็ดสำคัญในมือของปิง
แม้ว่าป้อมเหล่านั้นจะถูกปิด  แต่ป้อมที่ไม่มีทหารอยู่ดูแลประจำ  อาจเป็นปัญหาสำหรับโจรสลัดกลุ่มเล็กได้  แต่สำหรับโจรสลัดที่มีความเข้มแข็ง ก็คงไม่มีปัญหา  แม้ว่าพวกเขาจะไม่มีเรือรบหรือเรือธรรมดา  การตีฝ่าเข้าไปเป็นเรื่องของเวลา
ใช่แล้ว ทุกอย่างเป็นเรื่องของเวลา
ปิงกำลังแข่งกับเวลา
ตราบใดที่ป้อมที่มั่นใดๆ ถูกโจรสลัดครอบครอง  สถานการณ์ของปิงจะย่ำแย่น่ากลัว  กองทัพที่อยู่กับเขานั้นเล็กไม่มีเรือรบ เรือโจมตี  พวกเขาไม่มีกำลังพอโจมตีป้อมที่ถูกยึดครองได้
เพราะมีเวลาน้อย ปิงต้องการครอบครองป้อมปราการเหล่านี้ และใช้ควบคุมสะพานลอยก่อนที่โจรสลัดหรือมหาอำนาจอื่นจะทันรู้ตัว
เนื่องจากเรือขนส่งช้าเกินไป  ปิงสั่งให้พวกเขาออกจากเรือ  แม้ว่านี่อาจจะทำให้ทหารเหนื่อยมากขึ้น  แต่ทุกวินาทีที่ผ่านไป ความเร็วยังเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดของแผนการ
มีแต่เพียงเรือที่เหลืออยู่ก็คือเรือรบธนูดำ มันคือเรือเร็วที่ทรงพลังและสามารถทำให้กองทัพพวกเขามีความสามารถโจมตีได้
ผลจากการฝึกในทะเลพลังงานผลิดอกออกผล
ไม่ว่าจะเป็นกองกำลังนางแอ่นหรือหน่วยกะโหลก  ความเคลื่อนไหวของกองทัพพวกเขาไม่ช้าเลย  และทุกคนปฏิบัติตามมาตรฐานได้  เทียบกับอันตรายและสภาพแวดล้อมที่น่ากลัวของทะเลพลังงานแล้ว  สะพานลอยเป็นเหมือนสวรรค์
นอกจากกองกำลังนางแอ่น, หน่วยกะโหลกและกองกำลังปีศาจทวีปโยวโจวแล้ว  ยังมีกลุ่มเฉพาะอีกหน่วยหนึ่งอยู่ในมือของปิง  นั่นก็คือกลุ่มดาวคนธนูแห่งดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์ที่นำโดยอาเฮ่อและกลุ่มดาวแกะที่นำโดยหลิงซิ่ว
ในห้ากลุ่มดาวจากเกาะใต้ทั้งหมดก็คือ กลุ่มดาวคนธนูและกลุ่มดาวแกะทั้งสองกลุ่มดาวนี้มีพลังรุกสู้ที่แข็งแกร่งที่สุด  กลุ่มดาวกรกฏรับหน้าที่ป้องกัน  กลุ่มดาวกุมภ์และดาวคันชั่งรับหน้าที่ควบคุม
เพื่อแข่งขันกับเวลา พวกเขาจำเป็นต้องทำทุกอย่างให้พร้อมกัน  ชนะให้รวดเร็ว ดังนั้นสองกลุ่มดาวที่มีพลังรุกแข็งแกร่งที่สุดจึงถูกเลือก
ปิงรู้ว่า แม้ว่าศิษย์ของห้าตระกูลทุกคนจะมีความแข็งแกร่ง  แต่พวกเขายังเป็นมือสมัครเล่นแน่นอน
โชคดีที่พวกเขา ได้รับการฝึกอบรมขัดเกลามาบ้าง
ศิษย์ของห้าตระกูลมีความก้าวหน้ามากมายในการใช้อาวุธดวงดาวของพวกเขา  และภายใต้คำขอของถังโฉ่ว  พวกเขาได้เรียนรู้กลยุทธ์ประสานงานรบขั้นพื้นฐาน
แต่น่าเสียดายที่กลยุทธ์ประสานพลังขั้นพื้นฐานนี้ยังไม่เพียงพอทำให้พวกเขากลายเป็นหน่วยทหารที่แข็งแกร่ง  ปิงมอบหมายให้มือใหม่เหล่านี้อยู่ในความดูแลของอาเฮ่อและหลิงซิ่ว  เนื่องจากพวกเขาไม่สามารถตั้งกลุ่มกระบวนรบได้  อย่างนั้นพวกเขาจะสามารถปลดปล่อยพลังของพวกเขาได้
อาเฮ่อและหลิงซิ่วทั้งสองคนเป็นนักสู้ที่แข็งแกร่ง และสามารถสอนวิธีใช้สมบัติของพวกเขาได้
สะพานลอยไม่ใช่สถานที่กว้างขวาง  ดังนั้นจึงเหมาะใช้พลังส่วนบุคคล  อาเฮ่อและหลิงซิ่วมีความสามารถในการสู้ที่เฉียบขาด พวกเขาแสดงพลังได้หลายเท่าผ่านการสู้รบมาหลายครั้งหลายคราแล้ว
 “ท่านหลิง, วิชาหอกของท่าน  ท่านไปเรียนมาจากไหน?”
หวีชิงอี้ไม่อาจทนต่อไปได้ ไม่ใช่เพียงแต่เขาเท่านั้น  ศิษย์คนอื่นๆ จากตระกูลหวีก็ยืดคอมองดูทุกคน  หน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความสงสัย
มันคล้ายกันมาก
วิชาหอกของหลิงซิ่วคล้ายกันมากกับวิชาหอกตระกูลหวี  ความคล้ายไม่ใช่หยุดอยู่ที่รูปลักษณ์ของมัน แต่จิตวิญญาณก็คล้ายกัน รังสีที่เปล่งออกมาจากวิชาหอกของเขาก็คล้ายกับพวกเขามาก  สิ่งที่ทำให้พวกเขารู้สึกประหลาดใจเหลือเชื่อก็คือ  ความสามารถของหลิงซิ่วในการใช้วิชาหอกทำให้พวกเขาตะลึง
 “อาจารย์ของข้า”  หลิงซิ่วมองพวกเขา  เขารู้ว่าทุกคนมาจากตระกูลหวี และเป็นตระกูลต้นกำเนิดของกลุ่มดาวแกะ  ดังนั้นเขาจึงสงสัยพอกัน และไม่ตอแยพวกเขา  แต่ในเวลาอันรวดเร็ว  เขาก็ยิ่งผิดหวัง เพราะวิชาหอกของศิษย์ตระกูลหวีดูเหมือนจะด้อยกว่าหอกดาวแกะของเขา
ปัจจุบันนี้ พลังของหลิงซิ่วและการรู้แจ้งของเขาแข็งแกร่งยิ่งกว่าสิ่งที่เขาเป็นในอดีต  แค่มีเพียงความคิดเดียวเขาก็มองเห็นหลายอย่างได้ชัดเจน  หอกดาวแกะซึ่งต้นเดิมมาจากตระกูลหวี  เพราะสวรรค์วิถีมีพลังงานเบาบาง จึงกลายเป็นวิชาที่อ่อนแอมาก  ดังนั้นภายใต้การฝึกฝนหนักและการรู้แจ้งของนักสู้ในอดีต  พวกเขาเดินตามวิถีวิทยายุทธใหม่หมด และค่อยๆ เปลี่ยนและสร้างเป็นหอกดาวแกะซึ่งต้นแหล่งเดิมมาจากกฎธรรมชาติ
แต่เนื่องจากพลังงานในดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์มีอยู่เหลือเฟือ  วิชาหอกของตระกูลหวีจึงเป็นเหมือนกับวิทยายุทธอย่างหนึ่งในดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์  พวกเขาไม่จำเป็นต้องขัดเกลาวิทยายุทธพวกเขาและพวกเขาก็ถือว่ามีพลังอำนาจมากอยู่แล้ว  และพลังงานที่หนาแน่นเป็นเหมือนหิมะหนาที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้พวกเขาได้แต่ในขณะเดียวกันทำให้การรู้แจ้งในกฎธรรมชาติของพวกเขาทำได้ยากขึ้น
นั่นคือความต่างกันระหว่างสวรรค์วิถีและดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์
คนของดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์เกิดมาก็เป็นเซียนทันที  และดูแข็งแกร่งมากกว่าคนของสวรรค์วิถี  แต่ในที่พลังงานเบาบาง กลับช่วยให้เขาเข้าใจกฎธรรมชาติได้  ดังนั้นเมื่อก้าวเข้าไปสู่ระดับเซียน  พวกเขาจะแข็งแกร่งมากกว่าคนในดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์
ที่หนึ่งแข็งแกร่งในตอนแรกและอ่อนแอทีหลัง  ขณะอีกที่หนึ่งอ่อนแอก่อนจากนั้นจึงแข็งแกร่งทีหลัง  นี่คือวิถีชีวิตที่แตกต่างทั้งสองแบบที่ถูกสร้างขึ้นมาในสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกัน  สร้างขึ้นมาในวิถีวิทยายุทธที่ต่างกัน
 “พี่ใหญ่หลิง, อาจารย์ของท่านสกุลหวีหรือเปล่า?”  หวีชิงอี้โพล่งออกมา เมื่อเขาเห็นสีหน้าของหลิงซิ่วที่คล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม  หน้าของเขาแดง  ศิษย์คนอื่นๆ ก็รู้สึกละอายเช่นกัน  วิชาหอกของหลิงซิ่วอยู่ในระดับที่ไม่มีใครในตระกูลหวีที่ถึงระดับนี้
 “อาจารย์ข้าไม่ได้บอกข้าไว้ว่าท่านแซ่ใด”  น้ำเสียงของหลิงซิ่วค่อนข้างหม่นหมอง  เมื่อคิดถึงอาจารย์ของเขา  เขาจะรู้สึกเศร้า  แต่ก็รีบกำจัดความเศร้าออกไปโดยเร็ว  ปัจจุบันนี้ เขามีคุณสมบัติพอให้อาจารย์ของเขารู้สึกภูมิใจได้แล้ว!
เมื่อเห็นศิษย์ของตระกูลหวีทุกคนคิดมาก  เขาบอกตรงๆ  “วิชาหอกของอาจารย์มีที่มาจากกลุ่มดาวแกะ”
 “กลุ่มดาวแกะ? เอ๊ะ.. กลุ่มดาวแกะ นั่นคือชื่อที่ใช้เรียกกลุ่มเราใช่ไหม?”
 “เดี๋ยวก่อน, ไม่นะ, เป็นกลุ่มดาวแกะต้นกำเนิดของสมบัติวิญญาณเราใช่ไหม?”
 “หรือว่ามีสถานที่เรียกว่ากลุ่มดาวแกะอยู่จริงๆ?”
……

ศิษย์ตระกูลหวีทุกคนส่งเสียงฮือฮา  ตอนแรกพวกเขาคิดว่าชื่อ กลุ่มดาวแกะเป็นชื่อที่เจ้านายสุ่มตั้งขึ้นมาให้พวกเขา  แต่เมื่อได้ยินหลิงซิ่วพูดชื่อนี้ออกมา  หรือว่าจะมีสถานที่เรียกว่ากลุ่มดาวแกะอยู่จริงๆ?’
หลิงซิ่วรู้สึกปวดหัว  คำถามที่ต้องมีคำอธิบายซับซ้อนเป็นสิ่งที่เขาเกลียดมาก
เขาไม่สนใจอาการมึนงงของพวกเขา และกล่าว  “จากวันนี้เป็นต้นไป  ข้าจะสอนวิชาหอกดาวแกะให้กับพวกเจ้าก็แล้วกัน”
แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้คำตอบที่ต้องการ  แต่สามารถได้เรียนรู้วิชาหอกดาวแกะทำให้พวกเขาตื่นเต้นกันทุกคน  พวกเขาได้เห็นประจักษ์กับตาตนเองถึงพลังที่แข็งแกร่งของหอกดาวแกะ
เมื่อเห็นพวกเขาตื่นเต้น  เว่ยถิงถิงที่อยู่ใกล้ๆ อดถามอาเฮ่อไม่ได้  “ท่านอาเฮ่อ, มีกลุ่มดาวคนธนูอยู่จริงๆ หรือเปล่า?”
อาเฮ่อ “ใช่แล้ว, มีอยู่จริงๆ”
ศิษย์ของตระกูลเว่ยกระโดดโลดเต้นดีใจ  พวกเขาล้อมวงเข้ามากันทุกคน  เทียบกับหลิงซิ่วที่อารมณ์ไม่ค่อยดี  อาเฮ่อดูอ่อนโยนและเป็นมิตรมากกว่าจึงได้รับความชื่นชอบจากทุกคน
เว่ยหาวถาม  “ท่านอาเฮ่อ, วิทยายุทธของท่าน ใช่ร่ำเรียนมาจากกลุ่มดาวคนธนูหรือเปล่า?”
 “ไม่”  อาเฮ่อตอบอย่างเป็นกันเอง  “วิทยายุทธของข้ามาจากกลุ่มดาวกระเรียน”
ทุกคนแสดงท่าทีผิดหวัง
อาเฮ่อหัวเราะ  “แต่ราชินีแห่งกลุ่มดาวคนธนูเป็นพี่สาวท่านแม่ของข้าเอง”
 “หวา!”
ศิษย์ตระกูลเว่ยทุกคนมีท่าทีตกใจและเปลี่ยนเป็นยินดีแทน
 “ท่านอาเฮ่อ กลุ่มดาวคนธนูเป็นยังไงบ้าง และสมบัติเหล่านี้ใช้ยังไง?”
 “ท่านอาเฮ่อ  ทำไมท่านไม่เป็นผู้สืบทอดกลุ่มดาวคนธนูล่ะ?”
……

ทุกคนเริ่มถามคำถาม
อาเฮ่ออดยิ้มไม่ได้  แต่ในใจของเขาค่อนข้างอึดอัด  ป้าของเขามักจะหวังว่าเขาจะรับสืบทอดกลุ่มดาวคนธนู  แต่เขายังคงเลือกกลุ่มดาวกระเรียนฟ้า  ในอดีตเนื่องจากความขัดใจกัน เขาไม่มีมุมมองที่ดีต่อกลุ่มดาวคนธนู  แต่ปัจจุบันนี้หลังจากเห็นโลกมามาก  เขาไม่เป็นเหมือนในอดีตต่อไป  เขาฉลาดและใจเปิดกว้างขึ้นทั้งบุญคุณความแค้นในอดีตสลายไปหมดแล้ว
ป้าของเขาหวังว่าเขาจะรับสืบทอดกลุ่มดาวคนธนู  เพราะสัมพันธ์ที่ใกล้ชิด  แต่อีกเหตุผลหนึ่งก็คือกลุ่มดาวคนธนูไม่สามารถสร้างผู้เยาว์ที่สามารถรับผิดชอบได้  ศิษย์ตระกูลเว่ยทุกคนและกลุ่มดาวคนธนูมาจากที่เดียวกัน อาเฮ่อเริ่มไตร่ตรอง  บางทีข้าอาจหาคนที่เหมาะสมสักคนจากกลุ่มพวกเขาได้
 “ข้าอาจจะสอนวิชาจากกลุ่มดาวคนธนูให้พวกเจ้าได้สักสองสามอย่าง”  ยิ้มของอาเฮ่อมักจะนำความรู้สึกเหมือนกับฤดูใบไม้ผลิมาเสมอ  “ข้าก็ได้เรียนรู้จากที่นั่นมาบ้างสองสามอย่าง”
 “เยี่ยมเลย!”
 “ว้าว..สุดยอด!”
 “วิทยายุทธของกลุ่มดาวคนธนูจะเหมือนกับตระกูลเว่ยเราไหม?”
***********************

ปิงสังเกตเสียงฮือฮาของหน่วยทั้งสอง  แต่เขาไม่ห้าม  วิทยายุทธของหลิงซิ่วและอาเฮ่อจะช่วยให้พวกเขาเติบโต
บางทีอาจจะไม่ชัดเจนในขณะนี้  ปิงยังไม่หวังอะไรกับพวกเขามากนัก  เนื่องจากผู้เยาว์เหล่านี้เป็นเรื่องของอนาคต
ป้อมปราการข้างหน้ามองเห็นได้อย่างเลือนราง
ทุกคนตึงเครียด ป้อมปราการข้างหน้าเป็นป้อมสำคัญที่สุดของสะพานลอยทะเลแสง  ป้อมกวงจื้อเป่า
ถ้าเราเรียกสะพานลอยว่าแนวเส้นทางแสง  อย่างนั้นป้อมกวงจื้อเป่าก็เป็นเหมือนหินชิ้นหนึ่ง หินที่ฝังอยู่ในเส้นแนวแสงตั้งอยู่ตรงกลางทะเลพลังงาน
ถ้ากองทัพสามารถยึดป้อมได้  ไม่เพียงแต่พวกเขาจะสามารถป้องกันสะพานลอยได้เท่านั้น  แต่พวกเขาจะสามารถเข้าทะเลพลังงานผ่านประตูอื่นนี้  และเริ่มโจมตีได้  ถ้าศัตรูโจมตีป้อมกวงจื้อเป่าจากทะเลแสง  อย่างนั้นสะพานลอยจะมีเส้นทางเสริมกำลังให้มั่นคงได้
สามป้อมปราการที่สำคัญที่สุดของทวีปฝานซิงโจวก็คือป้อมที่คล้ายๆ กับป้อมกวงจื้อเป่า ป้อมทั้งสามนี้จะช่วยเหลือเกื้อกูลกันและสามารถใช้ประโยชน์ได้มาก
ถ้าพวกเขาสามารถยึดป้อมกวงจื้อเป่าได้ พวกเขาจะสามารถยึดจุดยุทธศาสตร์สำคัญแรกไปได้
ทันใดนั้น ปิงหรี่ตา เขาเห็นร่องรอยแผลพลังงานตัดผ่านผนังแสงของสะพานลอย มีรอยกระพริบ
มีคนโจมตีป้อมกวงจื้อเป่า!
เขาออกคำสั่งทันที  “กองทัพทั้งหมด เดินหน้า!”

5 ความคิดเห็น:

22 กล่าวว่า...

ลุยๆเข้าไป

BeHappy กล่าวว่า...

ขอบคุณ​มาก​ครับ​

Thevone กล่าวว่า...

ขอบคุณคับ

ท้องฟ้าจะมีความหมาย ถ้ามีคนแหงนมอง กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ วันหยุดได้อ่านจุใจเลยครับ^_^หลายๆอย่างอดีตเริ่มคลี่คลาย เรื่องราวใหม่ๆเข้ามาให้แก้ สู้ๆหนุ่มชาวฟ้า

มีตน กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

แสดงความคิดเห็น