วันเสาร์ที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

Panlong เล่มที่ 10 บาลุค – ตอนที่ 44 คำเชิญร่วมประชุม


เล่มที่ 10 บาลุค – ตอนที่ 44 คำเชิญร่วมประชุม
ชั้นที่เก้า วิหารเจิดจรัส เกาะศักดิ์สิทธิ์
ในขณะนี้บรรยากาศทำให้คนหดหู่ใจเหลือประมาณ อากาศแน่นและน่าอึดอัดดูเหมือนแทบจะกลายเป็นของแข็งไปได้

จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ไฮเดนส์ ตุลาการโอเซนโน ผู้บัญชาการซีล็อทเลห์แมน และท่านใบไม้ร่วงผู้นำจิตวิญญาณของกลุ่มโยคี  ผู้บริหารระดับสูงทั้งสี่คนนี้มารวมตัวกันในปัจจุบันนี้ทั้งหมด  พวกเขาจ้องดูข่าวที่พวกเขาได้รับ  หน้าของพวกเขาบิดเบี้ยวน่าเกลียดทุกคน
เงียบ!
หลังจากได้รับข่าวนี้  ไม่มีใครพูด  ทุกคนเข้าใจความสำคัญอย่างร้ายแรงจากข่าวนี้ บางทีลินลี่ย์... อำนาจในโลก แผ่นดินและอาณาจักรจะกลายเป็นไม่มีความหมาย  ต่อให้อาณาจักรบาลุคสูญสลายไป ก็ไม่มีความหมายอะไรต่อเขามากนัก
แต่สำหรับศาสนจักรเจิดจรัสนั้นแตกต่างออกไป
 “คลื่นหนู มันคือคลื่นหนูล้างโลก!  ท่านใบไม้ร่วงแสดงอาการหงุดหงิดรุนแรง  หน้าผอมแห้งของเขามีลักษณะขมขื่น  “คลื่นหนูที่น่ากลัวแห่งไพรทมิฬ ทำไมพวกมันถึงเชื่อฟังลินลี่ย์ได้?  นี่คือสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน”
ไฮเดนส์พูดเสียงต่ำ  “เป็นไปได้ว่าเป็นเพราะอสูรเวทของลินลี่ย์  หนูเงาดำระดับเซียนตัวนั้นควบคุมพวกมันไว้”
 “อสูรเวทหนูระดับเซียนควรจะเป็นจ้าวมุสิกม่วงทอง!  โอเซนโนส่ายศีรษะ  “แม้ว่าอสูรเวทหนูของลินลี่ย์จะเป็นระดับเซียน,  แต่.. จ้าวมุสิกแห่งไพรทมิฬก็คือจ้าวมุสิกม่วงทอง  หนูเงาและหนูกินศิลาทั้งหมดที่อยู่ที่นั่นล้วนฟังคำสั่งสายพันธุ์จ้าวมุสิกม่วงทอง”
นี่คือความจริง  ยอดฝีมือทุกคนของทวีปรู้ความจริงเรื่องนี้
ระดับนักสู้ที่สูงสุดของทวีปยูลานก็คือห้าเทพ มีราชันย์แห่งไพรทมิฬเป็นหนึ่งในนั้น  ในบันทึกทั้งหมดของศาสนจักร  แม้แต่ผู้ที่อยู่มาก่อนมหานักพรตจะปรากฏตัว ก็มีบันทึกเกี่ยวกับราชาแห่งไพรทมิฬผู้นี้แล้ว
แก่ที่สุดในบรรดาห้าเทพ
ลึกลับที่สุด
ไม่เคยปรากฏตัว  ไม่เคยดิ้นรนไขว่คว้าอำนาจ
ไม่มีใครกล้าตอแยเขา  ไม่ว่าจะทรงพลังขนาดไหน ก็ไม่มีใครกล้ารุกรานเขา
มหาอำนาจทั้งหมดรู้ว่าราชาลึกลับแห่งไพรทมิฬนี้มีงานอดิเรกอยู่อย่างหนึ่ง  เขารักอสูรเวทประเภทหนูมาก  ด้วยความช่วยเหลือของเขา  อสูรเวทหนูกลายเป็นเผ่าพันธุ์ที่มีมากและแข็งแกร่งมากในไพรทมิฬ  และจ้าวมุสิกม่วงทองเป็นอสูรเวทระดับเซียนชั้นสูงสุดอีกด้วย
แม้แต่อสูรเวทระดับเซียนอย่างจักรพรรดิอสรพิษเก้าหัว, หมีปฐพีและราชสีห์ตาโลหิตก็ยังไม่แข็งแกร่งไปกว่าจ้าวมุสิกม่วงทองเหล่านี้
 “พอได้แล้ว”  ไฮเดนส์หงุดหงิด  “คุยกันพอแล้วเรื่องสาเหตุที่ฝูงหนูฟังคำสั่งของลินลี่ย์  ที่ควรพูดในตอนนี้ก็คือจะคลี่คลายสถานการณ์นี้ยังไง  สถานการณ์คับขันมาก  ข้านึกว่าพวกเจ้าทุกคนจะเข้าใจเรื่องนี้ดีเสียอีก”
โอเซนโน เลห์แมนและท่านใบไม้ร่วงพากันเงียบกันหมด
ไฮเดนส์มองดูพวกเขาแต่ละคน  วันหายนะโลก ก็ทำให้เราสูญเสียสาวกไปถึงร้อยล้าน  มหาเทพเจิดจรัสไม่สบายใจที่ต้องสูญเสียพลังศรัทธไปมากมายขนาดนั้น  เมื่อลินลี่ย์ชิงแผ่นดินอนารยชนไปอีก  อย่างนั้นศาสนจักรจะต้องถูกเขาทำลายอย่างแน่นอน ไม่เกินร้อยปี บางทีอาจเหลือผู้ศรัทธาศาสนจักรเจิดจรัสเหลือในแดนอนารยชนไม่กี่คนก็ได้
ศรัทธา!
นี่เป็นหนึ่งในเหตุผลสำคัญที่สุดที่ศาสนจักรเจิดจรัสคงอยู่ได้  พวกเขาสูญเสียพลังศรัทธาไปมากมายจากเมื่อครั้งล่าสุด  พวกเขายังนับว่าโชคดีมาก  เพราะมหาเทพเจิดจรัสไม่ได้ลงโทษพวกเขาเพราะเรื่องนี้
แต่ถ้าพวกเขายังสูญเสียต่อไปอีก...
ผลที่ตามมามิอาจคาดคิดได้
 “ไม่ว่ายังไงก็ตาม เราจะปล่อยให้รากฐานของศาสนจักรเจิดจรัสในแดนอนารยชนถูกทำลายไม่ได้  พลังศรัทธามหาศาลเหล่านี้ไม่สามารถปล่อยให้สูญหายไปได้” ท่านใบไม้ร่วงพูดเสียงทุ้ม
 “ถูกแล้ว จะปล่อยให้หายไปไม่ได้” ผู้บัญชาการหน่วยซีล็อทเลห์แมนกล่าวเช่นกัน
โอเซนโนยิ้ม  “พลังศรัทธาคือสิ่งที่สำคัญสำหรับเรา  แต่ไม่จำเป็นสำหรับลินลี่ย์  ลินลี่ย์มีแนวโน้มว่าจะไม่สนใจดินแดนอื่นเท่าใดนัก  เราสามารถเจรจากับเขาได้”
 “ใช่แล้ว” ทั้งสามคนตาเป็นประกาย
เรื่องนี้ไม่ใช่ว่าคลี่คลายไม่ได้
ไฮเดนส์ชะงักเล็กน้อย จากนั้นสั่งทันที  “ในเมื่อเป็นแบบนั้น เอาอย่างนี้เป็นไง เลห์แมนตอนนี้เจ้าอยู่เฝ้าเกาะศักดิ์สิทธิ์ก่อน  เรื่องสำคัญในเกาะศักดิ์สิทธิ์ขอให้อยู่ภายใต้การควบคุมดูแลของเจ้า  อย่าปล่อยให้ลินลี่ย์ลอบทำร้ายเราและทำลายฐานทัพใหญ่ของเรา  สำหรับท่านใบไม้ร่วงและโอเซนโน พวกเจ้าทั้งสองมาพร้อมกับข้ารวมทั้งเทวทูตระดับเซียนทั้งหกด้วย”
ท่านใบไม้ร่วงผู้ลี้ลับพยักหน้าเล็กน้อย
โอเซนโนก็รับคำเช่นกัน
ศาสนจักรเจิดจรัสมีเซียนมนุษย์อยู่ด้วยเช่นกัน  แต่ศักยภาพของเซียนมนุษย์มีมากกว่าเทวทูตพวกนั้น  ทางศาสนจักรยังต้องใช้เทวทูตเป็นเหมือนกระสุนปืนใหญ่มนุษย์ ดีกว่าปล่อยให้เซียนมนุษย์ต้องตาย
โดยการมีจักรพรรดิศักดิสิทธิ์เป็นผู้นำพวกเขา  เสาหลักของศาสนจักรเจิดจรัสทั้งสาม ไฮเดนส์ โอเซนโนและท่านใบไม้ร่วงร่วมกับหกเทวทูตรีบบินออกจากเกาะศักดิ์สิทธิ์โดยเร็ว ข้ามน้ำข้ามทะเลมุ่งหน้าสู่แดนอนารยชน
ขณะที่ลัทธิเงา พวกเขาก็ให้ความสำคัญกับพลังศรัทธาไม่ด้อยไปกว่าศาสนจักรเจิดจรัสเลย
เซียนต่างๆ ที่เป็นเสาหลักของลัทธิเงา อย่างเช่นเจ้านิกายเงาก็มุ่งหน้าสู่แดนอนารยชนด้วยเช่นกัน
ในดินแดนด้านใต้ของแผ่นดินอนารยชน บนถนนที่ว่างเปล่า คลื่นขบวนหนูจำนวนมหาศาลพร้อมกับนักรบมนุษย์ที่ค่อนข้างดูประหลาดยังคงเดินหน้าบุกโจมตี  หนูนับร้อยล้านและนักรบมนุษย์อีกสองแสนแบ่งออกเป็นสิบกองทัพ
แต่ละกองทัพมีหนูสิบล้านตัวและนักรบมนุษย์อีกสองหมื่น
โดยหลักจะใช้นักรบมนุษย์ปลอบขวัญประชาชนชาวเมือง  ภายในทหารมนุษย์สองหมื่นคน  จะมีรถโดยสารคันหนึ่ง นี่เป็นเพียงรถคันเดียวในกองทัพทั้งหมด
และภายในรถโดยสารมีแต่เพียงบีบีเท่านั้น!
ภายในรถโดยสารพิเศษ บีบีเหยียดเล็บบิดแขนอย่างเกียจคร้านขณะสนทนาทางจิตกับลินลี่ย์  “พี่ใหญ่ ห้ากองทัพภายใต้การควบคุมของข้าตีได้หกหัวเมืองและเมืองน้อยอีกหลายสิบ  แล้วท่านเล่า?  หา..กำลังฝึกอยู่ในห้องมิติเหรอ? ก็ได้.. ข้าไม่กวนใจท่านอีกแล้ว”
 “น่าเบื่อเป็นบ้า”
บีบีถอนหายใจ
แม้ว่าบีบีจะอยู่ห่างจากเหมืองอัญมณีเวทถึงสองพันกิโลเมตร  แต่ลินลี่ย์กับบีบีมีพลังจิตมากพอ ซึ่งเมื่อรวมกับสัญญาผูกวิญญาณเสมอภาคทำให้พวกเขายังสนทนากันได้แม้อยู่ไกลขนาดนั้น  ระยะของพวกเขาเป็นสองเท่าของระยะติดต่อระหว่างลินลี่ย์กับแฮรุ
สิบสองปีที่แล้ว ลินลี่ย์และแฮรุสามารถพูดคุยทางใจได้ในระยะพันกิโลเมตร
ตอนนี้ลินลี่ย์และแฮรุพูดคุยกันได้ในระยะสองพันกิโลเมตร  ลินลี่ย์และบีบีพูดคุยทางจิตได้ไกลมากกว่านั้น
 “เฮ้, เราอยู่ที่ไหนกันนี่?  ยังไกลจากหัวเมืองต่อไปอีกเท่าใด?”  บีบีพูดกับทหารข้างนอก
ทหารเปิดหน้าต่างรถและพูดด้วยความเคารพทันที  “ใต้เท้า! ถ้าตามแผนที่ เราอยู่ห่างจากหัวเมืองต่อไปอีกห้าสิบกิโลเมตรขอรับ”
 “ไกลขนาดนั้นเชียวหรือ?”  บีบีพึมพำ  จากนั้นหลับตา  “อย่างนั้นข้าหลับสักงีบดีกว่า”
 “ฝูงหนูกำลังใกล้เข้ามาแล้ว!  เสียงร้องหวาดกลัวดังมาจากกำแพงเมือง
บนกำแพงเมืองนี้ หน้าของทหารนับพันซีดขาว  เมื่อเห็นคลื่นฝูงหนูไม่มีที่สิ้นสุดในพื้นที่รกร้างกว้างขวาง พวกเขาดูหวาดกลัวกันหมด  แม้แต่เจ้าเมืองก็มีเหงื่อเม็ดโตผุดขึ้นที่หน้าผาก
 “จะทำยังไงดี?”  เจ้าเมืองรู้สึกตื่นตะลึงทำอะไรไม่ถูก
ที่ปรึกษาเจ้าเมืองที่อยู่ใกล้ๆ พูดอย่างหวาดผวา  “ท่านเจ้าเมือง คลื่นหนูครั้งนี้น่ากลัวเกินไป  เราหยุดพวกมันไม่ได้ คง..คงจะดีกว่าถ้าเรายอมแพ้”  ขณะที่พูดเขาลดเสียงเบาลงและกระซิบบอก  ทหารประจำกำแพงเมืองเห็นฝูงหนูจำนวนมากมายมีแถวของมนุษย์ปะปนอยู่ด้วย
 “ยอมแพ้ จะไม่ถูกประหาร!
 “ยอมแพ้, จะไม่ถูกประหาร!
 “ยอมแพ้, จะไม่ถูกประหาร!
ทหารชาวมนุษย์ท่องคำพูดพร้อมกัน  เสียงที่สั่นสะเทือนพสุธานี้ผสานกับคลื่นหนูที่น่ากลัวทำให้ทหารหลายคนโยนอาวุธ  ที่สำคัญแม้ก่อนที่ฝูงหนูจะมาถึง  มนุษย์เหล่านี้ก็ได้ยินมาแล้วว่าฝูงหนูน่ากลัวเพียงไหน
 “ใต้เท้าบีบี”
รถหยุดชะงักทันทีและบีบีลืมตาน้อยๆทันที  สายตาบีบีเริ่มเพ่งมองรอบๆ และเสียงควับดังขึ้น เขาหายไปจากภายในรถ
เมืองยอมจำนนแล้ว  และหนูนับไม่ถ้วนเตรียมตัวจะเข้าไปในเมือง  แต่ทันใดนั้นไม่มีหนูแม้แต่ตัวเดียวเคลื่อนไหว
นี่เป็นเพราะมีคนกลุ่มหนึ่งกำลังยืนอยู่กับที่ในกลางอากาศ  ผู้นำของพวกเขาเป็นบุรุษศีรษะโล้นร่างผอม รังสีที่น่ากลัวแผ่ออกมาจากไฮเดนส์  หนูที่น่ากลัวข้างล่างรู้สึกแย่พากันคุกเข่ากันหมดไม่กล้าเคลื่อนไหว
 “ยอดฝีมือระดับเซียน!  นักรบมนุษย์ข้างล่างรู้สึกถึงความน่ากลัวในหัวใจพวกเขา
เมื่อเห็นเช่นนี้ รอยยิ้มเยือกเย็นปรากฏอยู่บนใบหน้าของไฮเดนส์
อากาศสั่นสะท้านและบีบีที่ตอนแรกนอนอยู่ในรถโดยสารมาปรากฏตัวในกลางอากาศ  ตาของบีบีจับจ้องมองดูไฮเดนส์นิ่ง  เสียงของเขาแหลมมาก  “คนหัวล้าน แม้แต่โอเซนโนยังยืนอยู่ข้างหลังเจ้า  อย่างนั้นเจ้าก็คือคนที่เขาเรียกว่าจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์แห่งศาสนจักรเจิดจรัสสินะ”
หัวล้าน?
โอเซนโน ท่านใบไม้ร่วงและเทวทูตระดับเซียนสองตนด้านหลังไฮเดนส์รู้สึกขัน
รอยยิ้มเลือนรางปรากฏอยู่บนใบหน้าของไฮเดนส์  เขามองดูบีบีด้วยสายตาอ่อนโยนเหมือนบิดามองดูบุตรพูดอย่างอ่อนโยน  “งั้นเจ้าก็คืออสูรวิเศษของลินลี่ย์  ข้าคือจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ ไฮเดนส์จริงๆ  วันนี้ข้ามาเพราะหวังจะเจรจาดีๆ กับลินลี่ย์”
 “งั้นหรือ?”  ตาน้อยๆ ของบีบีกลอกไปมา
 “ก็ได้ งั้นท่านจงรอ”  บีบีพูดเสียงดัง  “พี่ใหญ่ข้าเพิ่งกลับไปยังอาณาจักร  ข้ายังไม่สามารถแจ้งให้เขาทราบได้  ท่านจำเป็นต้องรอสักครึ่งวัน”
ไฮเดนส์ยิ้มและพยักหน้า  “ก็ดี  ให้ลินลี่ย์เลือกสถานที่พบปะกัน”  ทัศนคติของไฮเดนส์ค่อนข้างอ่อนน้อม
ตาน้อยๆ ของบีบีกลอกไปมาอีกครั้งและพูดเสียงดัง  “ก็ได้รออยู่ที่หัวเมืองปกครองแห่งนี้  ข้าจะกลับมาพวกเจ้าในเวลาไม่นาน”  บีบีส่งเสียงแหลม และในทันใดนั้นหนูข้างล่างทั้งหมดถอนกำลังออกจากเมืองโดยไม่รุกโจมตีอีกต่อไป
เมื่อเห็นเช่นนี้ ไฮเดนส์ โอเซนโนและท่านใบไม้ร่วงรู้สึกตกใจ
ขณะที่บีบีเปลี่ยนสภาพเป็นสายแสงสีดำบินตรงขึ้นเหนือ ขณะที่เขาบินอยู่บีบีก็เริ่มติดต่อลินลี่ย์  “พี่ใหญ่,  หยุดฝึกก่อน เกิดเรื่องใหญ่แล้ว”
ในส่วนลึกของเหมืองอัญมณีเวทมีลมพัดแผ่วเบา  ร่างลินลี่ย์ปรากฏกลางอากาศ  ขณะที่ซาสเลอร์บินออกมาทันทีเช่นกัน
 “ท่านลอร์ดลินลี่ย์, คุณค่าของห้องมิตินี้เทียบเท่ากับของประดิษฐ์ชั้นเทพเลยทีเดียว”  ซาสเลอร์ถอนหายใจอย่างอัศจรรย์ใจ  นี่เป็นครั้งแรกที่ซาสเลอร์ได้เดินทางเข้าไปฝึกในห้องมิติ  จากนั้นเขากับซาสเลอร์ก็ฝึกฝนอยู่ภายใน
ซาสเลอร์ได้เรียนรู้เวทลับพ่อมด  รู้เรื่องลึกลับหลายอย่างมากยิ่งกว่าลินลี่ย์
ซาสเลอร์รู้ดีว่าเทพชั้นต้นจะไม่สามารถสร้างห้องมิติอย่างนั้นได้
 “ตอนนี้พอแค่นั้นก่อน อสูรวิเศษของบาร์เกอร์แจ้งข้ามาว่ายอดฝีมือของลัทธิเงามาถึงแล้ว  และจากนั้นบีบีก็ติดต่อข้ามาเช่นกัน”  รอยยิ้มน้อยๆ ปรากฏบนใบหน้าของลินลี่ย์  “ทั้งลัทธิเงาและศาสนจักรเจิดจรัสนั่งไม่ติดทั้งคู่แล้วในตอนนี้”
 “ธรรมดามาก”  ซาสเลอร์หัวเราะ  “ท่านลอร์ดลินลี่ย์ ท่านไม่สนใจเรื่องดินแดน  แต่องค์กรศาสนาให้ความสำคัญต่อพลังศรัทธา  ถ้าพวกเขาสูญเสียดินแดนไปมากมาย  พวกเขาอาจจะถูกลงโทษจนล่มสลายจากมหาเทพในพิภพแสง”
 “เมื่อทหารของพวกเขาโจมตีดินแดนของข้า  ข้าอดทนมาตลอดเวลา  แต่ตอนนี้คนพวกนี้ค่อยโผล่หน้าออกมา  ข้าอยากดูจริงๆ ว่าพวกเขาต้องการพูดอะไร!  ตาของลินลี่ย์เป็นประกายเย็นชา
 “ซาสเลอร์  ไปกันเถอะ”
ร่างของลินลี่ย์เปลี่ยนเป็นประกายแสงพุ่งไปทางทิศใต้อย่างสง่างาม  ซาสเลอร์หัวเราะจากนั้นตามเขาไป  เสียงหัวเราะของซาสเลอร์เมื่อจับคู่กับดวงตาที่มีกลิ่นอายของความตายของเขาทำให้ดูน่าสะพรึงกลัว
ขณะที่พวกเขาบินออกไป
ตาของลินลี่ย์เย็นยะเยือกเขาออกคำสั่งทางใจ  “แฮรุ  เจ้ากับเซียนมังกรทั้งสามก็ให้มาด้วย”  ทันใดนั้นอสูรเวทระดับเซียนทั้งสาม เสือดำเมฆา  มังกรหฤโหด  มังกรทองและกิ้งก่าสายฟ้าพากันบินออกมาจากภูเขาแบล็คคราเวน

11 ความคิดเห็น:

BeHappy กล่าวว่า...

ขอบคุณ​มาก​ครับ

ท้องฟ้าจะมีความหมาย ถ้ามีคนแหงนมอง กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ ก่อนเจรจาต้องข่มขวัญศัตรูก่อนด้วยสินะ

Unknown กล่าวว่า...

มันตรงกับตอนที่เท่าไรตามมังะคัฟ งงมั้ยรู้จะเริ่มตรงไน๋

สายลมโชย กล่าวว่า...

ตบมันเลยแล้วค่อยคุย อิอิ ขอบคุณครับ

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

มีตน กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

tho กล่าวว่า...

ขอบคุณมากๆครับ

ก็มาดิคร๊าฟ กล่าวว่า...

พี่ลินลี่จัดมันเลย 555

สมประสงค์ อินทรกำแหง กล่าวว่า...

คิดว่ามังงะน่าจะตามไม่ทันอยู่ไกลโขครับ แต่ผมก็เลิกอ่านมังงะไปนานแล้วนะ เนื้อเรื่องไม่ค่อยเหมือนนิยาย นิยายมันส์กว่า

Motto-mk กล่าวว่า...

ขอบคุณมากค่ะ

Anny กล่าวว่า...

ขอบคุณมากค่ะ

แสดงความคิดเห็น