วันอาทิตย์ที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

Panlong เล่มที่ 10 บาลุค – ตอนที่ 45 ไร้ยางอาย


เล่มที่ 10 บาลุค – ตอนที่ 45 ไร้ยางอาย
เหนือแม่น้ำลิวยันที่มีกระแสไหลแรง  เรือลำใหญ่กำลังแล่นไปตามลำน้ำ แต่ไม่ได้มีคนเดียวที่อยู่บนกราบเรือ
ชั้นบนสุดในดาดฟ้าเรือมียอดฝีมือมากมายเหมือนเมฆ

ทุกคนที่อยู่ภายในดาดฟ้าเรือเป็นยอดฝีมือระดับเซีน  ภายในห้องโถงใหญ่มีเก้าอี้เก้าตัวแบ่งเป็นข้างละสาม
ลินลี่ย์ บาร์เกอร์และซาสเลอร์นั่งอยู่ด้านหนึ่ง
จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ไฮเดนส์ ตุลาการโอเซนโนและท่านใบไม้ร่วงนั่งอยู่อีกด้านหนึ่ง  ขณะที่อีกด้านหนึ่งคือกองกำลังของลัทธิเงา, ประมุขนิกายเงาอัฟเฟล็ค, ตุลาการอาวุโสโอคาซี่ย์ หัวหน้าเทวทูตตกสวรรค์เครเมอร์สัน
เบื้องหลังแต่ละคนจะมีเทวทูตระดับเซียนหรือเทวทูตตกสวรรค์ระดับเซียนคนละสอง
ไฮเดนส์กับอัฟเฟล็คมองหน้ากัน  ความรู้สึกแปลกประหลาดเกิดขึ้นในใจพวกเขา  ทั้งสองเป็นผู้นำกองกำลังใหญ่และเป็นศัตรูกัน
แต่วันนี้ พวกเขาเป็นพันธมิตรกัน
สาเหตุของการเปลี่ยนแปลงที่แปลกประหลาดนี้ก็คือลินลี่ย์  อัจฉริยะที่น่าทึ่งผู้เติบโตแข็งแกร่งในระดับที่เร็วมาก  แม้เขายังเยาว์วัย  แต่เขาก็เป็นหนึ่งในยอดฝีมือที่มีพลังสูงสุดยอดในทวีป  แม้แต่คนที่ได้รับการยกย่องอย่างจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์และประมุขลัทธิเงาก็ต้องก้มหน้าให้ต่ำกว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าลินลี่ย์และพูดคุยเจรจากับเขาดีๆ
 “ไฮเดนส์ อัฟเฟล็ค” ใบหน้าของลินลี่ย์มีรอยยิ้ม  “ข้าไม่ทราบว่าเหตุใดพวกท่านถึงได้เชิญข้ามาที่นี่  มีเรื่องอะไรกัน?”  บีบีหมอบอยู่บนต้นขาของลินลี่ย์อย่างสบายใจ  ดวงตาของมันจ้องมองจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์และประมุขลัทธิเงา
ผิวของประมุขลัทธิเงาขาวนวลราวกับเด็กสาว  เสียงของเขานุ่มนวล  “มีเหตุผลมากมายที่ทำให้เราหลายคนจากนิกายเงาต้องมาโดยหลักก็คือขอร้องเจ้าก่อน ลินลี่ย์, ช่วยควบคุมและให้คลื่นทหารและหนูของเจ้าหยุดโจมตีก่อน  ข้าคิดว่าไฮเดนส์มาที่นี่ก็เพราะเหตุผลที่คล้ายกัน ถูกไหม ไฮเดนส์?”
ไฮเดนส์พยักหน้าเล็กน้อย  จากมองดูลินลี่ย์  สายตาเขาอ่อนโยนให้ความรู้สึกเหมือนสายลมฤดูใบไม้ผลิ  “ลินลี่ย์ เจ้าจะยอมยกเลิกการโจมตีได้ไหม?”
 “พวกท่านทุกคนกำลังฝันหรือเปล่า?”  ลินลี่ย์ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี
ไฮเดนส์หัวเราะอย่างเยือกเย็น  “ลินลี่ย์, ตราบใดที่เจ้ายินดีจะยกเลิกการโจมตีนี้  ศาสนจักรเจิดจรัสของเรายินดีจะชดเชยในราคาที่สูง  เขาจะทำให้เจ้าพอใจได้อย่างแน่นอน”
 “ทางเราก็เหมือนกัน  เราจะชดเชยให้เจ้าจนพอใจอย่างแน่นอน ลินลี่ย์”  อัฟเฟล็คกล่าว
ผู้นำกองกำลังทั้งสองกำลังทำหน้าที่เจรจายอมแพ้ลินลี่ย์
พวกเขาไม่ต้องการสู้กับลินลี่ย์โดยตรง  ประการแรกพวกเขาไม่มีเหตุผลที่จะทำเช่นนั้น  ถ้าพวกเขาสู้กับลินลี่ย์โดยตรง  ก็จะเปิดโอกาสให้ฝ่ายเดลี่มีเหตุผลเข้าแทรกแซง  และประการที่สองศาสนจักรเจิดจรัสอย่างน้อยที่สุดยอมตกลงเห็นด้วยว่าภายในยี่สิบปีนี้พวกเขาจะไม่โจมตีลินลี่ย์ ขีดจำกัดของเวลายังไม่หมด
 “ลินลี่ย์!  เจ้าคิดว่าไงบ้าง?”  ไฮเดนส์มองดูลินลี่ย์
ลินลี่ย์รู้สึกเกลียดศาสนจักรเจิดจรัสอย่างลึกซึ้ง  ลินลี่ย์เก็บงำความไม่ชอบคนโหดร้าย ป่าเถื่อน  แต่สำหรับคนที่เสแสร้งเป็นมีเมตตาอย่างไฮเดนส์ และพวกที่แสร้งใจดีเป็นพ่อพระ แต่ความจริงกลับไร้เมตตา โหดร้าย เลือดเย็น  ลินลี่ย์รู้สึกขยะแขยงเป็นที่สุด
ผู้นำศาสนจักรเจิดจรัสและลัทธิเงามองดูลินลี่ย์
ลินลี่ย์ยิ้ม แต่พูดออกมาไม่กี่คำ  “ไม่มีทาง!
หน้าของไฮเดนส์และอัฟเฟล็คชะงักค้าง ขณะเดียวกันหัวหน้าของเทวทูตตกสวรรค์อย่างเครเมอร์สันแค่นเสียงเย็นชา  “ลินลี่ย์  หรือว่าเจ้าคิดเอาเองว่าตัวเจ้าเองจะสามารถต่อต้านทั้งศาสนจักรเจิดจรัสและลัทธิเงาได้?”
 “เครเมอร์สัน”  ประมุขนิกายเงาอัฟเฟล็คดุเขาทันที
ลินลี่ย์มองดูผู้นำกลุ่มเทวทูตตกสวรรค์ เครเมอร์สันและหัวเราะเบาๆ  “เท่าที่ข้ารู้ สำหรับเทวทูตประทับ พวกเขาจำเป็นต้องได้ร่างที่ทรงพลัง  ท่านเครเมอร์สัน ท่านทรงพลังมาก ดังนั้นร่างนี้อย่างน้อยก็ต้องมีพลังระดับเจ็ดหรือระดับแปด  นิกายเงาของพวกท่านไปหาร่างที่ทรงพลังอย่างนั้นมาจากไหน?”
ในอดีตห้าพี่น้องบาร์เกอร์ก็ถึงระดับแปด เฉพาะแค่ฝึกพลังภายนอกอย่างเดียวเท่านั้น
ลินลี่ย์รู้ดีว่าคนทั้งหมดสามารถฝึกพลังภายนอกได้ถึงระดับหกเท่านั้น  ไม่ว่าพวกเขาจะมีพรสวรรค์มากมายเพียงใดก็ตาม  ระดับเจ็ดก็ยังแทบจะเป็นไปไม่ได้ บางทีอาจจะปรากฏมีหนึ่งในล้าน  มีแต่เพียงเชื้อสายของสี่สุดยอดนักรบจึงจะสร้างความอัศจรรย์นั้นได้ต่อเนื่องจากฝึกฝนพลังภายนอก
ดังนั้น ร่างของเครเมอร์สันผู้นี้มีแนวโน้มว่าจะเป็นของหนึ่งในสี่สุดยอดนักรบ
 “ใช่แล้ว ไปได้ร่างนั่นมาจากไหน?”  บาร์เกอร์จ้องมองฝ่ายลัทธิเงาอย่างเย็นชา
ตอนนั้นเขากับน้องอีกสี่คนเกือบตายและเปลี่ยนตัวเองให้เป็นร่างประทับของเทวทูตแล้ว  ดังนั้นนี่จึงเป็นเรื่องที่อ่อนไหวต่อเขาเป็นพิเศษ
 “นั่นเป็นความลับของนิกายเงาของเรา”  เครเมอร์สันยิ้ม  “พอได้แล้ว, ลินลี่ย์ กลับเข้าเรื่องที่ค้างไว้กันเถอะ  เจ้าไม่ยินดีจะยอมเลิกราแม้แต่น้อยจริงๆ หรือ?  ถ้าเจ้ายินดีจะเลิกรา  เจ้าจะได้รับความซาบซึ้งใจจากนิกายเงาของเราตลอดไป”
ซาบซึ้งขอบคุณ?
ลินลี่ย์ ซาสเลอร์ บาร์เกอร์และแม้แต่บีบีเริ่มกุมท้องหัวเราะลั่นทันที
 “ลินลี่ย์!  เจ้าคิดดูให้ดีๆ”  ไฮเดนส์มองดูลินลี่ย์เช่นกัน
เสียงหัวเราะของลินลี่ย์จางหายไป  และหน้าของเขาเคร่งเครียดขึ้น  เขากวาดตามองคนที่อยู่ต่อหน้าเขาและพูดอย่างจริงจัง  “ไฮเดนส์, อัฟเฟล็ด ฟังให้ดี ข้า, ลินลี่ย์ขอบอกเรื่องนี้กับพวกท่านอย่างชัดเจน  ไม่ว่าข้าจะถอนกำลังทหารของข้าหรือไม่ก็ตาม  การผนวกดินแดนอนารยชนจะต้องเกิดขึ้นและไม่มีอะไรที่จะหยุดยั้งได้!
 “ลินลี่ย์!  อย่าให้มากเกินไปนัก”  โอเซนโนแค่นเสียงเย็นชา
ว่ากันเรื่องความอดทน เห็นได้ชัดเจนว่าโอเซนโนด้อยกว่าไฮเดนส์และท่านใบไม้ร่วง
 “เกินไปหรือ?”  ลินลี่ย์ขมวดคิ้ว, สายตาของเขาจ้องมองโอเซนโนเหมือนกับมีดคมกริบ  “โอเซนโนอย่ามาพ่นลมต่อหน้าข้าเลย  วันนี้ข้าพูดไว้ชัดเจนแล้ว  ถ้าท่านต้องการให้ข้าถอนกำลังทหารของข้า นั่นจะไม่มีทางเกิดขึ้น”
บรรยากาศในห้องประชุมดาดฟ้าเรือกลายเป็นเคร่งเครียดทันที
 “มีอะไรอื่นจะพูดอีกไหม? พูดมาได้เลย”  ลินลี่ย์พูดตามปกติ
บีบีเสริม  “ถูกแล้ว, ถ้าพวกเจ้ามีอะไรอยากบอกก็รีบพูดออกมา  ข้าเตรียมจะนำกองทัพหนูกวาดแผ่นดินใหญ่แล้ว”
สายตาเยือกเย็นสลัวของซาสเลอร์กวาดมองทุกคนในห้อง  เขาหัวเราะหึหึ แต่ไม่พูดอะไร
The cabin was silent for a while.
บนดาดฟ้าเรือเงียบไปชั่วขณะ
 “งั้นก็ดี”  ไฮเดนส์ถอนหายใจ  “ศาสนจักรเจิดจรัสของเราจะตัดสินใจสุดท้ายเอง  เราเสนอแผ่นดินซึ่งเราควบคุมอยู่ให้อาณาจักรบาลุคของเจ้าและให้เจ้าปกครอง”
 “เหรอ?”  ลินลี่ย์ประหลาดใจเล็กน้อย
ไฮเดนส์ตั้งใจจะทำอะไรกันแน่?  ทำไมถึงยอมให้ลินลี่ย์ได้ดินแดนอนารยชนทั้งหมด?
 “เราก็ยินดีจะทำอย่างนี้เช่นกัน”  อัฟเฟล็คกล่าว
ลินลี่ย์ชำเลืองมองไฮเดนส์  จากนั้นก็อัฟเฟล็ค  เขารำพึงในใจ  “ผู้นำศาสนจักรทั้งสองนี้มีแผนอะไรอยู่กันแน่?”
ไฮเดนส์มองดูลินลี่ย์  “ข้อขอร้องของเราง่ายมาก  ตราบใดเจ้ายินดีให้ศาสนจักรเจิดจรัสเผยแพร่คำสอนในจักรวรรดิของเจ้าและไม่กดขี่ศาสนาของเราไว้สิ้นเชิง  เราก็พอใจแล้ว”
 “เผยแพร่คำสอน? ไม่กดขี่ไว้?”  ลินลี่ย์ขมวดคิ้ว
อัฟเฟล็คพยักหน้าเช่นกัน  “ข้อขอร้องของเราก็เหมือนกัน  ให้นิกายเงาของเราได้เผยแพร่คำสอนอย่างเปิดเผยโดยไม่มีการกดขี่”
ลินลี่ย์หัวเราะ
ตอนนี้เขาเข้าใจความตั้งใจของพวกเขาแล้ว  นิกายเงาและศาสนจักรเจิดจรัสให้คุณค่ากับพลังศรัทธา  เทียบกันแล้ว พวกเขาไม่สนใจเรื่องการปกครองดินแดนเท่าใดนัก
สิ่งที่สำคัญที่สุดอย่างแท้จริงก็คือพลังศรัทธาจะต้องคงเอาไว้
 “ลินลี่ย์!  การเผยแพร่คำสอนของเราในจักรวรรดิของเจ้าในแดนอนารยชนจะไม่ส่งผลต่อการปกครองของเจ้ามากนัก  เจ้าน่าจะยอมรับเรื่องนี้ได้จริงไหม?”  อัฟเฟร็คพูดโน้มน้าว
ไฮเดนส์เพียงแต่มองดูลินลี่ย์อย่างเงียบๆ รอให้ลินลี่ย์ตอบ
 “พวกท่านจะอนุญาตให้ข้ารวมดินแดน  และท่านแค่เผยแผ่ศาสนาน่ะหรือ?”  ลินลี่ย์มองดูทั้งสอง
 “ถูกแล้ว”  ไฮเดนส์พยักหน้าทันที  “นี่เป็นเรื่องหลักที่เราสามารถทำได้  ลินลี่ย์!  ถ้าเจ้าตกลงเห็นด้วย  อย่างนั้นเราทั้งสองฝ่ายจะสามารถดำรงมิตรภาพต่อไปได้  และเราจะลืมเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นในอดีต”
ถ้าลินลี่ย์เห็นด้วย อย่างนั้นศาสนจักรเจิดจรัสและนิกายเงาก็จะเห็นแก่หน้าลินลี่ย์ในอนาคตแน่นอน  ในอนาคต ลินลี่ย์จะเป็นอิสระและไม่ถูกจำกัดในทวีปยูลานเหมือนปลาในน้ำ
แต่...
พวกเขาลืมไปว่าลินลี่ย์ไม่สนใจเรื่องการครอบครอง  ในหัวใจของเขามีสิ่งที่ปรารถนาคือความมั่นใจในตัวเองและถึงที่สุดของการฝึกฝน  ความรักของเขาที่มีต่อครอบครัวและสหาย คำสาบานที่ฝังอยู่ในใจของเขา
คำสาบานที่เขาได้สาบานไว้เมื่อปู่เดลินตาย และตอนที่เขาออกจากเมืองเฮส!
คำสาบานที่เขาจะทำลายศาสนจักรเจิดจรัสทั้งหมดแบบถอนรากถอนโคน!
บิดาของเขาตาย  มารดาของเขาตาย  ปู่เดลินของเขาต้องมาตาย!
 “กลายเป็นสหายกันหรือ?  เป็นมิตรกับศาสนจักรเจิดจรัสน่ะหรือ?”  ลินลี่ย์หัวเราะในใจอย่างเย็นชา  “ดินแดนอนารยชน? ถ้าข้าสามารถได้ท่านพ่อ ท่านแม่และปู่เดลินกลับมามีชีวิต ข้ายอมสละแดนอนารยชนทั้งหมด และแม้กระทั่งพลังของข้าเอง!!!
อารมณ์ของลินลี่ย์เริ่มไม่แน่นอน
 “กลายเป็นสหายน่ะหรือ? แล้วให้พวกเจ้าเผยแพร่คำสอนต่อไปน่ะหรือ?”  ความโกรธในใจลินลี่ย์ปะทุขึ้น  แต่หน้าของเขายังคงสงบเหมือนเคย
ในห้องดาดฟ้าเรือเงียบ ทุกคนจ้องมองลินลี่ย์ รอคำตอบของลินลี่ย์
ยอมให้ลินลี่ย์ได้รวบรวมดินแดนอนารยชนขณะที่ทั้งสองลัทธิศาสนายังคงเผยแพร่คำสอนเป็นหลักเพื่อสองลัทธิศาสนาเหล่านี้  ถ้าลินลี่ย์ปฏิเสธ อย่างนั้นเขาจะทำให้สองลัทธิศาสนานี้โกรธไปด้วย
เซียนของศาสนจักรเจิดจรัสและนิกายเงามองดูด้วยความคาดหวัง ริมฝีปากของลินลี่ย์โค้งยิ้มเล็กน้อย  “ในดินแดนของข้า ทุกศาสนาจะต้องถูกห้าม ถ้าข้าพบเจอ  ข้าจะทำลายซะ!
หน้าของไฮเดนส์ อัฟเฟร็ค ท่านใบไม้ร่วงและคนอื่นเปลี่ยนไปทันที
 “พวกท่านยังได้ยินข้าพูดชัดไม่พอหรือ?”  ลินลี่ย์มองดูพวกเขา  “นั่นคือคำตอบของข้า!
 “ฮึ่ม!”  ตุลาการโอเซนโนและผู้เทวทูตตกสวรรค์เครเมอร์สันลุกขึ้นจ้องมองลินลี่ย์อย่างเย็นชาทันที
ครั้งนี้ไฮเดนส์และอัฟเฟล็คไม่ห้ามพวกเขา
 “ลินลี่ย์ นี่คือแก่นสำคัญที่สุดของศาสนจักรเราแล้ว  และเป็นส่วนสำคัญที่สุดของมหาเทพของเรา  เจ้ารู้ไหม... จะมีผลเช่นไรหากเจ้าท้าทายส่วนสำคัญของมหาเทพ?”  ไฮเดนส์หน้ายังคงสงบ
อัฟเฟล็คมองดูลินลี่ย์อย่างเย็นชา
ทันใดนั้นอุณหภูมิในห้องประชุมดาดฟ้าเรือพลันเพิ่มขึ้นสูง  ความเครียดหนาแน่นมากและอัดแน่น  เป็นไปได้ว่าหากผู้ที่อยู่ไม่ใช่ระดับเซียนแล้ว  พวกเขาคงไม่สามารถหายใจได้
 “ปัง!”  ลินลี่ย์ตบพนักวางแขนของเก้าอี้  ตาของเขาเย็นชากวาดมองดูคนข้างหน้า  “อะไรกัน,  พวกท่านเจ้าต้องการคุกคามข้างั้นหรือ?”
เซียนของศาสนจักรเจิดจรัสและนิกายเงายังคงเงียบ  แต่ความตั้งใจของพวกเขาชัดเจนมาก
ความจริงพวกเขากำลังคุกคามเขา
 “ไฮเดนส์ ท่านลืมข้อตกลงที่ทำไว้เมื่อสิบสองปีที่แล้วใช่ไหม?”  ลินลี่ย์จ้องมองทั้งสองฝ่ายอย่างเย็นชา
ตามข้อตกลงของพวกเขา พวกเซียนไม่ได้รับอนุญาตให้เข้ามายุ่งกับการสู้รบทางโลก  แต่ถ้าเซียนไม่มีส่วนร่วม  ไม่มีทางที่พวกเขาจะสามารถหยุดฝูงหนูได้  ดังนั้นเมื่อพวกเขายกเลิกและเปลื้องตัวจากข้อตกลงทั้งหมด ทั้งศาสนจักรเจิดจรัสและลัทธิเงาจะส่งพวกเซียนไปหยุดฝูงหนู
อีกส่วนหนึ่งของข้อตกลงก็คือ ภายในยี่สิบปีศาสนจักรเจิดจรัสไม่ได้รับอนุญาตให้โจมตีลินลี่ย์
 “ลินลี่ย์, เจ้าทำเกินไปแล้ว”  ไฮเดนส์พูดเสียงต่ำ
อัฟเฟล็คกล่าว  “ลินลี่ย์! ลูกผู้ชายควรจะรู้เมื่อถึงคราวต้องถอยหนึ่งก้าว
 “น่าขายหน้า,  ไร้ยางอายนัก!”  ลินลี่ย์ยืนขึ้น เขาหัวเราะและส่ายศีรษะ  “ข้าไม่เคยเห็นคนที่ไร้ยางอายอย่างพวกเจ้าเลย  เมื่อกองทัพของพวกเจ้าเข้ามารุกรานดินแดนข้า  พวกเจ้าบุกตะลุยตลอดทางจนถึงเหมืองอัญมณีเวท  แต่ข้าไม่ได้เข้าแทรกแซงเพราะว่าข้ายังยึดมั่นข้อตกลงของเรา”
 “แล้วพวกเจ้าเล่า?”
สายตาเยาะเย้ยของลินลี่ย์กวาดมองจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์และประมุขนิกายเงา  “พวกท่านเป็นผู้นำของสองกองทัพใหญ่ ทันทีที่การสู้รบเริ่มและท่านรู้ตัวว่าจะแพ้ พวกท่านก็เข้ามาแทรกแซงทันที  และยังกล่าวว่าข้ากระทำการเกินไปอีกหรือ?  เท่าที่ข้าเห็น พวกท่านนั่นแหละไร้ยางอาย  ไร้ยางอายสิ้นดี!”
คำพูดของลินลี่ย์ทำให้สีหน้าของเซียนทั้งฝ่ายศาสนจักรเจิดจรัสและลัทธิเงาบิดเบี้ยวน่าเกลียด  พวกเขามีสถานะสูงส่งกันทุกคน  เป็นธรรมดาที่พวกเขาจะทนสายตาเยาะเย้ยของลินลี่ย์ไม่ได้
 “ระวังปากของเจ้าไว้”  โอเซนโนแค่นเสียง
ตาของลินลี่ย์เป็นประกายเยือกเย็น  ทั่วทั้งห้องประชุมเต็มไปด้วยแสงสีม่วงทันทีและโอเซนโนผู้น่ากลัวแปลงเป็นร่างเงามายาสี่ร่างถอยไปด้วยความเร็วสูง
 “อ๊า!” “อ๊า!”  เสียงกรีดร้องเจ็บปวดดังต่อเนื่องสองครั้ง
ร่างของเทวทูตสี่ปีกผู้ยืนอยู่ด้านหลังโอเซนโนถูกตัดขาดเป็นสองท่อน ศพของพวกเขาล้มลงพื้นเปรอะนองไปด้วยโลหิต
พลังโจมตีของจังหวะสายลมระดับสอง ผสานกับพื้นที่แช่แข็งและตัดพับพื้นที่
โอเซนโนจับหน้าอกและจ้องมองลินลี่ย์อย่างประหลาดใจ
 “โอเซนโน ด้วยพลังเล็กน้อยที่เจ้ามี อย่ามาตวาดและตะโกนใส่หน้าข้า”  ลินลี่ย์จ้องโอเซนโนเขม็ง  “ต่อให้ข้าไม่แปลงร่างก็ฆ่าคนอย่างเจ้าได้!”

12 ความคิดเห็น:

sittichok กล่าวว่า...

ขอบคุณมากเลยนะคับ

chief กล่าวว่า...

ขอบคุณคับ

สายลมโชย กล่าวว่า...

พระเอกกุโหดสลัดจริงๆ ขอบคุณครับ

tho กล่าวว่า...

แม่งเอ้ยยมันส์สลัด ขอบคุณมากๆๆ ครับ

Blade กล่าวว่า...

555 พลังอันกระจ่อยร่อย

ก็มาดิคร๊าฟ กล่าวว่า...

แหล่มมมมม

ท้องฟ้าจะมีความหมาย ถ้ามีคนแหงนมอง กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ แรงมาแรงกลับไม่โกง^_^

BeHappy กล่าวว่า...

ขอบคุณ​มาก​ครับ​

GG กล่าวว่า...

บวกกันเถอะ รอนานแล้ว

มีตน กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Unknown กล่าวว่า...

บวกเร็วๆ จะได้ไป ฟามที่ใหม่ ขอบคุณคับ

Unknown กล่าวว่า...

ตบแม่มให้หมด

แสดงความคิดเห็น