Panlong เล่มที่ 10 บาลุค – ตอนที่ 46 ล้มโต๊ะเจรจา

เล่มที่ 10 บาลุค – ตอนที่ 46 ล้มโต๊ะเจรจา

โอเซนโนลอบประหลาดใจมาก  “วะ..ไวมาก!”  เพียงแค่นั้น ร่างเงาร่างมายาทั้งสี่ของเขาถูกฟันแทบจะพร้อมกัน  ถ้าเขาไม่รีบใช้เทวทูตชั้นเซียนทั้งสองเป็นโล่  เขาอาจจะถูกลินลี่ย์ฆ่าตายในการลงมือโจมตีคราวเดียว

ความจริงในร่างมนุษย์ลินลี่ย์ไม่ได้แข็งแกร่งกว่าโอเซนโนมากนัก

เรื่องใหญ่ก็คือลินลี่ย์แค่ลอบโจมตีเขา  เนื่องจากความเร็วของกระบี่เลือดม่วง โอเซนโนแทบไม่มีเวลาตอบสนองก่อนที่กระบี่ของลินลี่ย์จะมาถึงต่อหน้าเขา  ถ้าโอเซนโนเตรียมตัวก่อน เขาจะไม่ถูกฟันในสภาพอย่างนั้น

 “ลินลี่ย์! ทำอย่างนี้หมายความว่ายังไง!”  เสียงเยือกเย็นของไฮเดนส์สะท้าน

ขณะเดียวกัน ไฮเดนส์และท่านใบไม้ร่วงลุกขึ้นยืนเช่นกัน  ฝ่ายของนิกายเงา อัฟเฟล็ค โอคาซีย์และเครเมอร์สันก็ลุกขึ้นยืนเช่นกัน  ทั้งหมดจ้องมองลินลี่ย์เย็นชา  ผู้นำของศาสนจักรเจิดจรัสและนิกายเงาเป็นผู้นำสองศาสนาใหญ่ในทวีปยูลานมีศัตรูร่วมกัน....

ลินลี่ย์!

เมื่อไฮเดนส์เห็นท่าทีเช่นนั้นกับตา  อัฟเฟล็ค ท่านใบไม้ร่วงและคนอื่น  ความจริงลินลี่ย์รู้สึกยินดีในใจ

 “ปู่เดลิน ปู่เห็นภาพนี้บ้างไหม?”

ยี่สิบปี!

เมื่อเขาออกจากเมืองเฮสและเข้าสู่เทือกเขาอสูรวิเศษ  ตอนนั้นเป็นปีศักราชยูลานที่ 10000  ในเวลานั้นลินลี่ย์อายุยี่สิบปี  ตอนนั้นลินลี่ย์สาบานว่าเขาจะทำลายศาสนจักรเจิดจรัสถอนรากถอนโคน  แต่เขารู้...  เขาต้องทำทีละก้าว

ศาสนจักรเจิดจรัสให้ความสำคัญกับคุณค่าพลังศรัทธา

ตอนนี้สหภาพศักดิ์สิทธิ์เสียดินแดนไปหนึ่งในสาม  และมีประชากรเพียงสี่หรือห้าร้อยล้าน  ในสองร้อยล้านมาจากดินแดนของศาสนจักรเจิดจรัสในแดนอนารยชน  ถ้าลินลี่ย์รวบรวมดินแดนแถบนี้และห้ามเผยแพร่ศาสนา...

นี่จะเกิดผลกระทบต่อศาสนจักรเจิดจรัสอย่างคาดไม่ถึง

 “ในอดีต ในสายตาข้า ศาสนจักรเจิดจรัสเป็นองค์กรขนาดใหญ่  แต่ตอนนี้..”  ลินลี่ย์ชำเลืองมองโอเซโนที่ยังคงกุมหน้าอกที่มีเลือดไหล  “แม้แต่ตุลาการโอเซนโนก็ยังห่างเกินกว่าจะเป็นคู่ต่อกรข้า”  ลินลี่ย์รำพึงในใจ  “ปู่เดลิน  ดูสิ, ในไม่ช้า ในไม่ช้า วันนั้นจะมาถึง วันที่ข้าทำลายศาสนจักรเจิดจรัสถอนรากถอนโคนได้ทั้งหมด  ข้าเพียงแต่ต้องไปอีกก้าว!”

ในหัวใจลินลี่ย์ เดลิน โคเวิร์ทมีสถานะที่สูงส่งมาก

แม้ว่าตั้งแต่อายุน้อย เขาจะได้รับการสั่งสอนจากเดลิน โคเวิร์ท  เดลิน โคเวิร์ทเสียสละให้อย่างไม่มีปิดบัง  ไม่ว่าจะเป็นการฝึกเวทหรือในการฝึกของโรงเรียนสิ่วตรง เดลิน โคเวิร์ทสอนทุกอย่างให้ลินลี่ย์  และเมื่อเผชิญกับวิกฤติ ปู่เดลินยังเสียสละพลังวิญญาณตนเองช่วยลินลี่ย์

ลินลี่ย์รอคอยมาเป็นเวลานานในการส่งคืนการตอบโต้ที่ร้ายกาจนี้กับศาสนจักรเจิดจรัส

และตอนนี้ ศาสนจักรเจิดจรัสก็พาตัวเองเข้าหาหอกของเขา?  ลินลี่ย์จะไม่แสดงน้ำใจได้ยังไง?

 “อะไร?”  ลินลี่ย์มองดูกลุ่มคนในประชุม  “ท่านต้องการจะลงมือด้วยใช่ไหม?”  ขณะที่ไฮเดนส์และอัฟเฟล็คเตรียมตัวพูด ร่างของลินลี่ย์เริ่มมีเกล็ดมังกรสีน้ำเงินคลุมทันที และชุดยาวที่เขาสวมอยู่ระเบิดไปข้างหน้าเศษผ้าพุ่งออกไปเหมือนกับลูกธนู

ยอดฝีมือศาสนจักรเจิดจรัสและนิกายเงาป้องกันเศษผ้าที่ระเบิดไปทุกทิศทางได้อย่างง่ายดาย

หางมังกรที่คมเหมือนน้ำแข็งสะบัดอยู่ด้านหลังของเขาสร้างระลอกในอากาศ  ดวงตาสีทองเข้มของลินลี่ย์กวาดมองผู้คนที่อยู่ด้านหน้าเขา  “ถ้าพวกเจ้าต้องการลงมือ ข้าก็พร้อมสนอง!”

 “ข้ากำลังรออยู่เหมือนกัน” เสียงทุ้มลึกของบาร์เกอร์ดังขึ้น  ขณะเดียวกันร่างของเขาเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงทันที  ขนาดของร่างกายของเขาขยายออกเป็นสูงสามเมตร  ผิวของเขาเปลี่ยนเป็นสีเขียวและมีเส้นเลือดสีเขียวปูดโปนอยู่บนกล้ามเนื้อของเขามีขนาดเท่างูมองดูน่ากลัว

เปลือกเกราะสีขาวเหมือนหินอ่อนผุดขึ้นจากผิวของเขาคลุมไปทั้งร่างของบาร์เกอร์

สุดยอดนักรบระดับเซียน – นักรบอมตะ!

 “เหอ เหอ” เสียงหัวเราะสยองขวัญดังขึ้น และซาสเลอร์กวาดสายตามองคนในตอนนี้  “ข้าซาสเลอร์ นับตั้งแต่ได้เป็นระดับเซียนยังไม่เคยได้ต่อสู้เต็มๆ สักที  ศาสนจักรเจิดจรัส.. ‘ความเมตตา’ ที่เจ้าแสดงกับข้าในอดีต ข้าจะชดใช้ให้เดี๋ยวนี้แหละ”

 “อะฮ้า! จะสู้กันแล้วเหรอ? ทิ้งข้าบีบีไว้ได้ยังไง”  บีบีลอยตัวอยู่ด้านข้างลินลี่ย์

สถานการณ์ในห้องดาดฟ้าเรือเลวร้ายย่ำแย่ทันที

จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ไฮเดนส์และประมุขนิกายอัฟเฟล็คมองหน้ากันเอง  พวกเขารู้อยู่ก่อนแล้วว่าฝ่ายลินลี่ย์มียอดฝีมือที่แข็งแกร่งอยู่สี่คน ในเรื่องพลัง ซาสเลอร์เพิ่งจะถึงระดับเซียนและบางทีอาจยังไม่สามารถคุกคามไฮเดนส์และอัฟเฟล็คได้

แต่บาร์เกอร์คือนักรบอมตะระดับเซียน  เขาค่อนข้างจะตึงมือไปบ้าง

บีบีนั้นก็ยังคุกคามไม่น้อยไปกว่าบาร์เกอร์

แต่ที่คุกคามที่ใหญ่ที่สุดก็คือ...ลินลี่ย์  ไม่เพียงแต่เขาเป็นนักรบเลือดมังกรระดับเซียนเท่านั้น  แต่เขายังมีระดับความรู้แจ้งกฎธาตุในระดับที่น่ากลัว  บรรดาสุดยอดนักรบรุ่นก่อนทั้งหมดจะมีความเข้าใจกฎธาตุต่ำมากและไม่มีใครบรรลุถึงการรู้แจ้งระดับเดียวกับลินลี่ย์

เขาคือนักรบเลือดมังกรที่ทรงพลังมากที่สุดในประวัติศาสตร์!

 “ข้าจะใช้เวทศักดิ์สิทธิ์ ข้าน่าจะตรึงลินลี่ย์ไว้ได้  เมื่อมีใบไม้ร่วงร่วมพลังกับข้า เป็นไปได้ว่าจะเอาชนะเขาได้”  ไฮเดนส์ลอบคำนวณในใจ  พลังของเวทศักดิ์สิทธิ์ไม่ใช่เวทที่พลังร่างเงาร่างมายาของโอเซนโนจะเข้าคู่ได้

ไฮเดนส์และอัฟเฟล็คเข้าใจสิ่งที่อีกฝ่ายคิดจากมองชำเลืองมองกันครั้งเดียว

 “ฮ่าฮ่าฮ่า” ไฮเดนส์หัวร่อสามครั้ง ด้วยสัญญาณที่นัดแนะกันไว้ล่วงหน้า ท่านใบไม้ร่วงและโอเซนโนเคลื่อนไหวทันที

 “ปัง!”

ฝ้าเพดานเรือระเบิดออกและเงาร่างสิบสายพุ่งขึ้นท้องฟ้าเหมือนกับลูกธนู  เรือสั่นไปทั้งลำทันที และพวกลูกเรือข้างล่างกระโดดลงแม่น้ำและเริ่มว่ายเข้าฝั่งทันที

ขณะที่พวกเขากำลังว่าย  พวกเขาแหงนหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้า

พวกเขาเป็นนักรบจากอาณาจักรบาลุค  พวกเขาได้รับเชิญให้มาที่นี่และรู้ว่ากลุ่มผู้คนที่เจรจากันในห้องดาดฟ้าเรือก็คือลินลี่ย์เสาหลักค้ำยันอาณาจักรบาลุค

 “อ๊ะนั่น นกฟีนิกซ์ในตำนานหรือนั่น?”  ลูกเรือคนหนึ่งอ้าปากค้างประหลาดใจ

สูงขึ้นไปในกลางอากาศ สัตว์ปีกขนาดมหึมากางปีกยาวเกินร้อยเมตรปรากฏตัวขึ้น  ทั้งร่างของมันมีเพลิงคลุมไปทั้งตัว ขนตัวมันสีดำทั้งตัว สัตว์ปีกสีดำนี้ปรากฏตัวอย่างสง่างาม  นี่คือเซียนอสูรเวทในตำนาน ฟีนิกซ์ไฟนรก

ฟีนิกซ์ไฟนรก – อสูรเวทระดับเซียนสองสายธาตุ ธาตุมืด-ไฟ

ฟีนิกซ์ไฟนรกที่อยู่ในกลางอากาศนี้ครอบคลุมไปทั้งท้องฟ้าเหมือนเมฆครึ้มมหึมา  ผู้นำเทวทูตเงาอย่างเครเมอร์สันกำลังยืนอยู่บนหลังฟีนิกซ์ไฟนรกจ้องมองลินลี่ย์ที่ยืนอยู่กลางอากาศอย่างเย็นชา

 “โฮกกกกกกก”  เสียงคำรามน่ากลัวดังขึ้น

มังกรดำมหึมาซึ่งมีปีกยาวมากกว่าร้อยเมตรบินอยู่เหนือท้องฟ้า  นัยน์ตามังกรดำสีจางเหมือนลุกไหม้ และมีกลิ่นอายพลังอำนาจ  ประมุขนิกายมืดอัฟเฟร็คกำลังอยู่บนหัวมังกรดำระดับเซียน

ลัทธิเงาซ่อนอสูรระดับเซียนไว้สองตัวในที่ไม่ห่างออกไป  และตอนนี้ทั้งสองตัวก็ปรากฏตัวออกมาแล้ว

ขณะที่ศาสนจักรเจิดจรัสก็มีอสูรเวทระดับเซียนด้วยเช่นกัน

แสงสีเงินฉายออกมาจากเกล็ดมังกรซึ่งปกคลุมทั้งตัวของมัน  ภายใต้แสงอาทิตย์มังกรเงินตัวนี้ดูสง่าและงดงาม  ในบรรดามังกร  มังกรเงินมักจะได้รับยกย่องว่าสูงส่งสง่างามที่สุด และก็เป็นเช่นนั้น  แต่มังกรขนาดยักษ์นี้มีความยาวร้อยเมตรและมีสองหัว

มังกรเงินกลายพันธุ์ระดับเซียน – เซียนมังกรเงินสองหัว!

ร่างผอมของท่านใบไม้ร่วงกำลังยืนอยู่บนหัวของมังกรเงินสองหัว

 “โอว”  ลูกเรือที่ขึ้นฝั่งได้แล้วรู้สึกว่าหัวใจของเขาบีบรัดแน่น  โอวพระเจ้า, อสูรเวทระดับเซียนขนาดมหึมาทั้งสามนี้ ไม่ทราบว่าปรากฏออกมาจากที่ใด และที่สำคัญ มีคนหลายคนยืนอยู่ในกลางอากาศเช่นกัน

คนเหล่านี้เป็นนักสู้ระดับเซียนทั้งนั้น

 “มีเซียนมากมาย และอสูรเวทระดับเซียนด้วยเช่นกัน  ต่อให้ข้าตายในวันนี้ ก็คุ้มที่ได้เห็นแล้ว”  ลูกเรือคนหนึ่งจ้องมองดูฉากภาพที่น่ากลัวข้างหน้าและพึมพำกับตนเอง

ขณะนั้นเองความรู้สึกลูกเรือเหล่านี้มีขณะจ้องมองยอดฝีมือระดับเซียนเหล่านี้และอสูรเวทระดับเซียนเป็นความรู้สึกเดียวกันกับลินลี่ย์เมื่อตอนที่เขามองดูเซียนสองคนสู้กันตอนเขาเป็นเด็ก  ในสายตาพวกเขา มังกรยักษ์และเซียนผู้ทรงพลังเหล่านี้สูงส่งเหนือกว่าพวกเขาและมวลมนุษย์มากมาย

 “ดู, นั่นคือนักรบเลือดมังกร ท่านลอร์ดลินลี่ย์ของพวกเรา”  ลูกเรือหลายคนมองดูลินลี่ย์ในร่างมังกร  ตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความเทิดทูนบูชาขณะที่มองดูลินลี่ย์  แววภาคภูมิใจก็เกิดขึ้น  พวกเขาภูมิใจที่ได้เป็นพลเมืองอาณาจักรบาลุค

 “ท่านลอร์ดลินลี่ย์ดูเหมือนจะเข้าร่วมสู้ศึกกับเซียนเหล่านั้น  พวกเขามีกันมากมายจริงๆ”  พวกลูกเรือเริ่มเรียกความรู้สึกกลับมาได้

 “ลอร์ดลินลี่ย์จะต้องชนะแน่นอน”  ลูกเรือคนหนึ่งมั่นใจ  ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความเลื่อมใสต่อลินลี่ย์

ในอากาศเหนือแม่น้ำลิวยัน ลินลี่ย์ บาร์เกอร์ ซาสเลอร์และบีบีลอยตัวอยู่กับที่  ซาสเลอร์กำลังบริกรรมร่ายเวทและในไม่ช้าก็มีประกายแสงวาบสามคราด้านหลังซาสเลอร์มีผีอมตะระดับเซียนอยู่สามตัว

สองตนเป็นโครงกระดูก  แต่กระดูกของพวกมันเป็นประกายเหมือนเพชรส่องประกายแพรวพราว จ้าวโครงกระดูกระดับเซียน  ขณะที่อีกตนหนึ่งเป็นอสุรกายที่ดูทรงพลังสวมชุดยาวขาดรุ่งริ่ง ดูเหมือนสิ่งมีชีวิตที่คล้ายมนุษย์โบราณแต่มีพลังระดับเซียน

ศาสนจักรเจิดจรัสและลัทธิเงาไม่ได้กังวลแม้แต่น้อย  กับอมนุษย์ระดับเซียนพวกนี้ แค่เทวทูตและเทวทูตเงาระดับเซียนก็เพียงพอจัดการได้

 “ลินลี่ย์  พวกเราทั้งหมดแค่ต้องการเผยแพร่คำสอน เจ้ายังสามารถปกครองดินแดนอนารยชนได้  ข้าหวังว่าเหตุการณ์นี้ยังจะกลับคืนมาได้  เจ้าน่าจะพิจารณาให้ดี”  แม้ว่าเขาพูดเช่นนี้ก็ตาม  แต่ไฮเดนส์เอาสมบัติที่มีค่าของมหาเทพเจิดจรัสมาถือไว้ในมือ  นี่คือ คัมภีร์ดั้งเดิมที่มหาเทพประทานให้พวกเขา

แสงศักดิ์สิทธิ์ที่อ่อนโยนปรากฏอยู่ต่อหน้าไฮเดนส์

 “พิจารณาบ้าอะไรกัน”  บีบีรู้ว่าลินลี่ย์รู้สึกยังไง

การรวมดินแดนอนารยชนเป็นเรื่องเล็ก  การทำลายศาสนจักรเจิดจรัสนั่นแหละคือเรื่องสำคัญ

 “เลิกฝันได้แล้ว  แดนอนารยชนเป็นของข้า  ไม่มีใครได้รับอนุญาตให้สร้างอิทธิพล แม้กระทั่งเจ้า...”  มือที่ว่างเปล่าของลินลี่ย์ค่อยๆ กำหมัด  “ไสหัวกลับไปดินแดนพวกเจ้าได้แล้ว  มิฉะนั้น.. เราจะคุยกันด้วยหมัด!”

ไฮเดนส์และอัฟเฟล็คอดโกรธไม่ได้

เสียงร้องโกรธเกรี้ยวดังมาจากฟีนิกซ์ไฟนรกเช่นกัน และจากนั้นมันพูดด้วยภาษามนุษย์  “เจ้ามนุษย์ที่น่ารังเกียจ”  และจากนั้นสายฟ้าจากเพลิงดำบริสุทธิ์ยิงเข้าใส่ลินลี่ย์

 “เปรี๊ยะ เปรี๊ยะ” เปลวเพลิงดำล้อมรอบลินลี่ย์ไว้

ร่างของเขามีปราณยุทธป้องกันชั้นหนึ่ง  ลินลี่ย์ไม่ได้รับความเสียหายแม้แต่น้อย  ตาสีทองเข้มของลินลี่ย์จ้องมองคนพวกนี้อย่างเยือกเย็น และไม่ใส่ใจ  “เจ้าโจมตีใส่ข้าก่อนนะ!”  ขณะที่พูดลินลี่ย์เคลื่อนไหวด้วยความเร็วสูงทันที

หลังจากอยู่ในร่างมังกรและด้วยความช่วยเหลือจากการรู้แจ้งกฎธาตุลมของเขา  ความเร็วของลินลี่ย์ตอนนี้เหนือกว่าของโอเซนโนมาก

ไม่มีเสียงลมใดๆ ให้ได้ยิน พื้นที่ช่องว่างดูเหมือนจะบิดตัวบิดเบี้ยว  และลินลี่ย์มาปรากฏตัวอยู่ข้างฟีนิกซ์ไฟนรก  ดวงตาขนาดเท่ารถเข็นของฟีนิกซ์ไฟนรกฉายแสงบางสีดำไปที่ลินลี่ย์ทันที

หัวหน้าเทวทูตเงาเครเมอร์สันกางปีกทั้งหกพุ่งใส่ลินลี่ย์ทันที

 “ฮ่าฮ่า..”  ลินลี่ย์หัวเราะลั่น ใช้พลังของนักรบเลือดมังกรที่ทรงพลังเต็มที่ทันที  พร้อมกับผสานพลังเหล่านั้นเข้ากับกฎธรรมชาติ พลังของลินลี่ย์ถึงระดับที่มีการเปลี่ยนแปลงแล้ว

สายลมอ่อนดูเหมือนนุ่มนวลพัดผ่านเส้นสายสีดำนั้น

และจากนั้นลินลี่ย์แทงมือออกเหมือนมีดใช้พลังมหาศาลเหลือเชื่อของนักรบเลือดมังกรฟันใส่ฟีนิกซ์ไฟนรก  แม้ว่าแรงฟันนี้จะแฝงด้วยพลังมากมาย แต่เมื่อมือลินลี่ย์ฟันลงช่องว่างที่อยู่ใกล้ดูเหมือนจะถูกตรึงผนึกมีการพับและบิดเบี้ยวพร้อมกัน

ลินลี่ย์ไม่มีอะไรมากไปกว่าภาพเลือนราง

เมื่อรู้ว่าหลายอย่างไม่เป็นไปด้วยดี  ฟีนิกซ์ไฟนรกส่งเสียงร้องหวาดกลัวสองสามครั้ง  ขณะเดียวกันร่างของมันหดเล็กลงหวังลมๆ แล้งๆ ว่าจะหนีได้  ในขณะเดียวกัน เทวทูตเงาหกปีกเครเมอร์สันตวาดเสียงลั่นพร้อมกับแทงดาบยาวในมือของเขาเข้าหาลินลี่ย์

 “ควั่บ!”

ความเร็วของลินลี่ย์นั้นเร็วจริงๆ  โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากแปลงร่างแล้ว  ฟีนิกซ์ไฟนรกไม่มีโอกาสได้หลบหนี ทั้งที่ย่อขนาดลงแล้วก็ตาม

พอเสียง ‘ฉัวะ’ ดังขึ้น นกฟีนิกซ์ไฟนรกลดขนาดลงเหลือสิบเมตรหัวของมันถูกผ่าเป็นสองส่วน  อสูรเวทระดับเซียนตายแล้ว  นั่นเป็นผลมาจากการฟันเพียงครั้งเดียวของลินลี่ย์ในร่างมังกร

พลังโจมตีนี้เป็นขั้นที่สองของเคล็ดจังหวะของสายลม ต้องอาศัยการแช่แข็งมิติในด้าน ‘ช้า’ และการพับมิติในด้าน ‘เร็ว’ ผสานเข้ากันเป็นหนึ่ง

นั่นคือพลังโจมตีทะลุทะลวงที่สุดเท่าที่ความสามารถปัจจุบันของลินลี่ย์ทำได้

 “ฉัวะ” ฝ่ามือมีดของลินลี่ย์ฟันใส่กะโหลกของฟีนิกซ์ไฟนรก และจากนั้นกรงเล็บเหล็กก็คว้ากะโหลกแต่ละข้างไว้  พลังที่น่ากลัวของนักรบเลือดมังกรได้แสดงออกอย่างเต็มที่ขณะที่เขาฟันเต็มกำลังทันที

 “แผละ”

เลือดกระจายไปทุกที่เหมือนสายฝน  ขณะที่ร่างทั้งหมดของฟีนิกซ์ไฟนรกถูกฟันขาดเป็นสองท่อน เริ่มตั้งแต่หัวของมัน

 “วืดดด!”  ดาบของเทวทูตเงาหกปีเครเมอร์สันดูเหมือนจะทะลุผ่านช่องว่างขณะที่แทงใส่ลินลี่ย์  แต่ขณะที่กำลังจะถูกตัวลินลี่ย์พลังชีพจรป้องกันที่มองเห็นด้วยตาเปล่าได้คลุมรอบตัวลินลี่ย์และป้องกันการโจมตีไว้ได้  พลังโจมตีนี้ยังไม่ถูกเกล็ดลินลี่ย์

ขณะนี้เองกรงเล็บมังกรของลินลี่ย์ยังคงถือซากฟีนิกซ์ไฟนรกครึ่งหนึ่งไว้ เลือดของมันยังหยดลงแม่น้ำลิวยัน

 “อะไรกัน?”  เครเมอร์สันตกใจ  พลังโจมตีของเขาไม่สามารถผ่านชีพจรป้องกันไปได้

ตาสีทองเข้มของลินลี่ย์กวาดมองมาที่เครเมอร์สัน  ริมฝีปากของเขาหยักโค้งขึ้น  “คนต่อไปก็คือเจ้า!”  ขณะที่ลินลี่ย์พูด  เขาปล่อยร่างทั้งสองท่อนของฟีนิกซ์ไฟนรกจากมือ  “ตูม”  ซากหล่นลงในกระแสน้ำขุ่นของแม่น้ำลิวยัน