วันอาทิตย์ที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2561

ยอดยุทธไร้เทียมทาน ตอนที่ 751 แขนมัจจุราชกับสละตนพิฆาต


ตอนที่  751  แขนมัจจุราชกับสละตนพิฆาต
สวี่เย่หน้าซีดขาว  สายตาของเขาซบเซาไร้ชีวิตชีวา
 “นั่นคือพลังของคนโฉดชั้นหนึ่งหรือ?

คนโฉดชั้นหนึ่ง 12 คนตามที่เล่าลือเป็นนักสู้ที่แข็งแกร่งทรงพลังทุกคนสามารถจัดอันดับในทำเนียบนักสู้ได้  แต่เมื่อเทียบกับนักสู้ในทำเนียบนักสู้แล้ว  พวกเขามีความลึกลับมากกว่า  มือของทุกคนเปื้อนเลือดทั้งนั้น  และมีตระกูลนับไม่ถ้วนที่ต้องการศีรษะของเขา  ด้วยพลังที่เฉียบขาดรุนแรงเช่นนั้น  บางคนก็ได้ผู้สนับสนุนที่ทรงพลัง  และไม่ว่าจะมีคนกี่คนสืบหาพวกเขา ก็ไม่มีผู้ใดรู้ว่าพวกเขาอยู่ที่ใด  เพียงแต่เมื่อพวกเขาต้องปรากฏตัวให้เห็น สายลมจะเต็มไปด้วยกลิ่นเลือด และผู้คนจะจำพวกเขาได้
เหอซินสาบสูญไปกว่าทศวรรษ  แต่ทันทีที่เขาปรากฏตัว ความโหดเหี้ยมและพลังที่กร้าวแกร่งพอจะสั่นสะท้านทั่วแดนบาป
 เคียวนั้นและแขนนั่น...
เหอซินเปิดประตูไว้แล้ว  ประตูตำหนักแห่งกฎระดับสูงสุด  และเป็นดินแดนสูงสุดที่นักสู้ทั้งหมดฝันถึงและไล่ไขว่คว้า  ไม่มีใครเคยอยู่ในตำหนักความรู้แบบนั้นมาก่อน และไม่มีใครรู้ว่ามันดูเหมือนอะไร
ทันใดนั้น สวี่เย่รู้สึกอิจฉา  สามารถเข้าใจตำหนักแห่งกฎระดับสูงสุดก่อนตายได้ นั่นต้องมีวาสนามากเพียงไหน  เขารู้ว่าด้วยพรสวรรค์อย่างเขาและจุดยืนของเขา  เขาคงไม่มีทางไปถึงระดับเดียวกับเหอซินในชีวิตของเขาแน่
มือขวาของมัจจุราชและเคียวมัจจุราช
 สิ่งที่น่าสะพรึงกลัวที่สุดซึ่งได้รับยกย่องจากดินแดนแห่งกฎมรณะระดับสูงสุด ได้เข้ามายังโลกนี้แล้ว
สำหรับสวี่เย่ผู้ฝึกมาทางกฎเป็นตาย มีความหมายที่แตกต่างออกไป  ชีวิตทั้งหมดในเมืองบูรพาอมตะ ระบายออกไปเงียบๆ  การระบายออกไปนี้ช้ามาก และคนที่พลังยังไม่ถึงระดับจะไม่สามารถรู้สึกถึงพลังชีวิตที่ถูกระบายออก
พลังชีวิตจากทั่วทุกทิศเข้าไปยังเคียวมัจจุราช  บทเพลงที่หดหู่ดังออกมาจากภายในเคียว  และใบหน้าที่บิดเบี้ยวและดิ้นลงบนเคียวเริ่มสงบ
ทำนองข่มวิญญาณ
สวี่เย่ไม่อยากเชื่อกับสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ต่อหน้าเขา  และถูกความตกใจครอบงำ นั่นเป็นแค่แขนมัจจุราชและเคียวของมัน  แต่มันสามารถดึงพลังจากเมืองทั้งหมด  ถ้าเป็นมัจจุราชจริงกำลังจะปรากฏ  พลังชีวิตในเมืองบูรพาอมตะคงถูกดูดและกวาดล้างหมดไม่ใช่หรือ?
สังหารหมู่!
เพียงแต่ยกแขนของมันขึ้นเท่านั้น ไม่ ไม่ใช่แค่นั้น แค่อยู่กับที่ มันก็ฆ่าทุกอย่างได้
ถ้าพลังชีวิตทั้งหมดถูกดูดออกมาจากเมือง  เมืองจะกลายเป็นเมืองที่ตาย  เมืองแห่งกฎตาย  กฎตายที่บริสุทธิ์จะเติบโตและรุ่งเรือง และทำให้แผ่นดินกลายเป็นนรกทั้งหมด
ความรู้ทั้งหมดนี้เป็นเพียงข่าวลือและตำนาน  จากตั้งแต่วันแรกที่เริ่มเรียนกฎเป็นตาย  สวี่เย่ไม่เคยคิดว่าจะมีวันที่เขาจะเห็นด้วยตนเอง
ความสิ้นหวังพลุ่งขึ้นมาในใจของสวี่เย่  เขาเริ่มจ้องมองนายท่านผู้กำลังสู้กับแขนและเคียวมัจจุราช เหมือนกับว่าเขากำลังรอให้เจ้านายเขาตาย
 ล้มเหลวและตายเป็นผลที่สูงที่สุด มีแต่ผลที่ออกมานั้น
สวี่เย่เริ่มหน้าซีดแผ่กระจายไปทั่วตัว  เขาฝึกกฎเป็นตายมา ดังนั้นกฎธรรมชาติเป็นตายในร่างของเขาอยู่ในภาวะสมดุล  แต่ขณะนั้นสภาพสิ้นหวังรุนแรงทำให้กายและใจของเขาอยู่ในสภาพเสียสมดุล  พลังของกฎตายเริ่มเข้าสู่สภาพแข็งแกร่งขึ้น
ถังเทียนจ้องมองแขนและเคียว  เขาหรี่ตา แต่เขาไม่กลัวแม้แต่น้อย
เขาสามารถรู้สึกได้ว่าพลังชีวิตของเมืองถูกดึงดูดและกลืนโดยเคียว  ทำนองวิญญาณอันไพเราะลึกซึ้งถูกสลายไปด้วยแสงสีแดงเมื่อมันมาถึงถังเทียนก็หายไปไม่มีอะไร
เทพอสูรหกกรในร่างของเขาเหมือนกับร่างอัญมณี เปล่งแสงสีแดงหนาแน่นรอบตัวเขา  ฝ่ามือที่ผนึกมุทราหมัดพิโรธ ปล่อยเพลิงสีแดงลุกโพลงเป็นระยะๆ พลังผันผวนของแสงสีแดงทำให้เปลวเพลิงแดงลุกโชน และยังคงเปล่งประกายออกมาข้างนอก
แสงแดงรอบตัวถังเทียนกวาดไปทั้งตัวถังเทียนครั้งแล้วครั้งเล่า  พลังที่สง่างามผสานเข้าและกระจายตัวในลักษณะทั่วไป
ขณะนั้น แขนค่อยๆ ยกเคียวช้าๆ
ถังเทียนเหมือนแมวที่สะดุ้งตกใจ เขารู้สึกได้ถึงอันตรายรุนแรง  ทำให้ใจเขาตึงเครียด  ความเคลื่อนไหวของแขนไม่ได้ปล่อยรัศมีอะไร  ดูเหมือนกับเป็นกระทำธรรมดา  แต่ถังเทียนที่มีความรู้สึกแหลมคมสัมผัสได้ถึงอันตรายรุนแรงจนแทบจะแข็ง
เขาสูดหายใจลึก  ความรู้สึกแข็งแกร่งที่เขารู้สึกบอกเขาว่าการโจมตีครั้งต่อไปจะเป็นการโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่เขาเคยพบเจอ
เขาหลับตา ร่างของเขาเอนไปข้างหน้าพร้อมแขนของเขาตกลง
แสงสีแดงหนาแน่นจากเลือดของเขา  ถังเทียนกำหนดไว้แล้วและไม่กังวล  เขาหายใจตามปกติ  เหมือนกับว่าเขากำลังงีบหลับ  ไม่มีรังสีฆ่าฟันอยู่ที่ตัวเขาเลย และแสงสีแดงคลุมทั้งแขนของเขา
 เนื่องจากนี่เป็นการโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดของเจ้า  อย่างนั้นข้าจะให้พลังโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดของข้าบ้าง
เขาลืมตา ความตั้งใจไม่หวั่นไหวปรากฏอยู่ในสายตาของเขา ไม่มีอะไรสร้างความหวั่นไหวให้เขาได้  แขนของเทพอสูรหกกรเริ่มตั้งท่ามุทรา ขณะที่มุทราอื่นในแขนอื่นยังเป็นภาพไม่ชัด
รัศมีของถังเทียนเริ่มทะลัก
อากาศรอบตัวเขาเริ่มปั่นป่วน  รัศมีที่ทรงพลังจากเขาทำให้พื้นที่รอบตัวกลายเป็นสภาพไม่มั่นคง  เขาเหมือนกับอยู่ในตาพายุ  ลมรอบตัวเขาเพิ่มความเร็วอย่างรวดเร็ว  และพัดแรงจนเสื้อผ้าของเขาโบกสะบัดเสียงดัง
ทันใดนั้นสวี่เย่เงยหน้าขึ้นมองเจ้านายด้วยความประหลาดใจ  และหน้าที่ซีดท้อแท้ของเขา  มีร่องรอยชีวิตชีวาทันที
 รัศมีของบุรุษหน้ากากผีทรงพลังมาก
ทั้งสองสร้างพลังที่ตรงกันข้ามตัดกันอย่างมาก  เคียวกับแขนมัจจุราชถูกกันไว้เป็นอย่างดี และถ้าไม่มีใครมองดูก็จะไม่รู้ถึงความคงอยู่ของมัน  ท่านหน้ากากผีตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง  เขาปลดปล่อยรัศมีของเขาทั้งหมดเหมือนกับกองไฟที่ลุกโชนและรุนแรงมากขึ้น
มหาสมุทรพลังงานในร่างของถังเทียนทำให้เขารู้สึกกระสับกระส่าย
บรรยากาศรอบตัวเขาเริ่มสั่นสะเทือนรุนแรง  ระลอกพลังที่สามารถเห็นได้ด้วยตาเปล่ากระจายขึ้นไปในอากาศ
แครก  แครก
เสียงเสียดสีดังออกมาเบาๆ  รัศมีของถังเทียนทะลักต่อเนื่องมากขึ้นเรื่อยๆ  เขายังคงไม่เคลื่อนไหวเหมือนรูปสลัก  มีเพียงความแตกต่างก็คือแสงในดวงตาของเขาเจิดจ้ามากขึ้นทุกที
เขาได้รับพลังรู้แจ้งจากเงาร่างเทพอสูรในท่าเสียสละพิฆาต  และขณะนั้นเงาร่างเทพอสูรมีปฏิกิริยากับท่าเสียสละพิฆาต  ทั้งสองมาจากรากเหง้าเดียวกันและผสานกันได้อย่างสมบูรณ์แบบ  ดังนั้นเขาจึงมีความแตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง  คราวนี้ถังเทียนถูกต้อนเข้ามุมจึงจำเป็นต้องนำมาใช้
แม้ว่าเขาจะไม่รู้จักประวัติเคียวและแขนของเคียวมัจจุราช  แต่เขาผ่านการสู้รบมามากมาย และได้ตัดสินใจในการต่อสู้ที่คับขันโดยใช้สัญชาตญาณแทบทั้งหมด  แขนและเคียวแปลกประหลาดที่อยู่ต่อหน้าของเขาทำลายสามัญสำนึกทั้งปวง  และอยู่เหนือสิ่งที่เขารู้จักมากมาย
ถังเทียนถูกต้อนเข้ามุมให้ต้องใช้พลังทั้งหมดเท่าที่เขาสามารถระดมได้  เขาใช้เทพอสูรหกมุทราเสริมท่าเสียสละพิฆาต  แม้ว่าอีกห้ามุทราจะมีแสงสลัวและเลือนราง  ปรากฏแต่เพียงลักษณณะ เขาก็ยังคิดว่าเมื่อกำลังต่อสู้กับหุ่นเชิดมัจจุราช  มุทราเทพอสูรหกท่าถูกใช้ต่อสู้หรือเพื่อปรับเปลี่ยนร่างของเขากันแน่
แต่ขณะนั้น  ถังเทียนที่กำลังจะแพ้ก็ไม่สบายใจ  และทุ่มเททุกอย่างที่เขามี ทั้งหมดที่เขารู้
 ถ้าเพียงแต่หมัดเทพเจ้าสำเร็จ...
ประกายความคิดนั้นแว่บผ่านเข้ามาในใจของเขา  แต่จากนั้นเขาก็เลิกคิด
เทพอสูรหกมุทราสมบูรณ์แบบในเวลาเดียวกัน  และภายในก็อัดแน่นไปด้วยแสงสีแดง  กลีบดอกไม้ไม่ทราบมาจากที่ใด  ค่อยๆ ร่วงลงบนร่างเทพอสูร แล้วก็หายไป
ถังเทียนไม่รู้ว่ามีไว้เพื่ออะไร  แต่เขาไม่มีเวลาคิดเรื่องนี้
ปัง ปัง ปัง!
ระลอกพลังทะลักไปทั่วทั้งเมืองโดยมีถังเทียนเป็นศูนย์กลาง  เป็นเหมือนระลอกพลังเกลียวจากการโจมตี ทำให้อากาศในเมืองบูรพาอมตะเกิดความไม่เสถียร เป๊าะ.. เสียงแตกดังออกมา ตามทางเกิดรอยแยกเล็ก  หินขนาดเล็ดข้าวค่อยๆ ลอยขึ้น
รอยแยกตามมามากขึ้นจนมองเห็นได้ชัดบนพื้น
หน้าของคนที่ชมดูเปลี่ยน  ตาของสวี่เย่เป็นประกาย  ทันใดนั้นเขาคิดถึงหอกลมสายฟ้าหลูเทียนเหวิน  พลังหอกสุดท้ายของเขาทรงพลังยากจะหยั่งถึงเพียงไหน  แต่รัศมีของนายท่านน่าอัศจรรย์ยิ่งกว่าเมื่อเทียบหอกของเขา
 ใช่แล้ว นายท่านคือนักสู้ผู้แข็งแกร่งทรงพลังที่สามารถฆ่าหลูเทียนเหวินได้!’
สวี่เย่รู้สึกตื่นเต้นเร้าใจมากขึ้น  เขาเห็นความหวังที่จะกำราบพลังสีเทาในร่างเขา และพลังของเขาจะเพิ่มขึ้นได้มาก
เขามีปฏิกิริยาในขณะนั้นและตะโกนบอกคนดูทั้งหมด  “ทุกคน หนีไป!  แยกย้ายกันเดี๋ยวนี้!  ให้ออกไปจากที่นี่!
ชาวเมืองบูรพาอมตะทุกคนตื่นจากอาการตะลึง และวิ่งหนีไปในทิศต่างๆ
แขนและเคียวอาบไปด้วยความเย็นที่แปลกประหลาด  และเมื่อเผชิญหน้าความแปลกประหลาดพิศวงนี้ถึงกับทำให้ขนลุก  แต่บุรุษหน้ากากผีกับแตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง  เขาปลดปล่อยรังสีที่เด็ดขาดทำให้คนอื่นมองเขาเป็นสัตว์ร้ายมหึมา กำลังปลดปล่อยรัศมีโบราณไม่มีใครหักล้างได้
ความเคลื่อนไหวครั้งใหญ่สร้างความตื่นตระหนกไปทั้งเมืองบูรพาอมตะ
ตาของถังเทียนไม่มีวี่แววหวั่นไหวแต่อย่างใด  เหมือนกับว่าเขาอยู่ในสภาพสงบอย่างน่าประหลาด   พลังต้องห้ามที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของท่าเสียสละพิฆาตมีเสียงสะเทือนดังออกมา  แต่ถังเทียนไม่หวั่นไหวแม้แต่น้อย
 ข้าจะต้องช่วยทุกคน  และจากนั้นเราทุกคนจะเคียงบ่าเคียงไหล่สู้และชนะด้วยกัน!’
 นั่นคือเหตุผลที่ข้ายืนอยู่ที่นี่  นั่นคือเหตุผลที่ข้าต้องชนะ!’
 ไม่มีใครหยุดข้าได้!’
 แก..เจ้าเคียวผุพัง!’
รัศมีที่เปล่งออกมาจากดวงตาของถังเทียนทำให้พื้นที่ว่างรอบเมืองบูรพาอมตะสั่นสะทือน
ถังเทียนเริ่มเคลื่อนไหวเข้าหาเคียวกับแขน  ด้วยความมุ่งมั่นไม่หวั่นไหวในดวงตาที่มีสีแดงโชติช่วง  เสียงลมหวีดหวิวผ่านหูของเขา  สายลมพัดรุนแรงทำให้อากาศสั่นสะเทือน  ดูเหมือนเปลวเพลิงในดวงตาของเขาจะสว่างเจิดจ้ามากขึ้น
ทุกๆ ก้าวย่างของเขาทำให้พื้นที่ว่างในเมืองบูรพาอมตะสั่นไหว
ทุกย่างก้าวทำให้พื้นเบื้องล่างของเมืองบูรพาอมตะสั่นสะเทือน
ทุกๆ ย่างก้าวของเขา ทำให้หินนับไม่ถ้วนลอยขึ้นจากพื้นขึ้นไปในท้องฟ้า
ทุกๆ ย่างก้าวของเขาทำให้รัศมีของเขาเพิ่มมากขึ้น
ทุกๆ ที่เขาย่างก้าว แสงสีแดงในร่างของเขาจะหมองลงเล็กน้อย  แต่แสงสีแดงที่แขนของเขาจะหนาแน่นรุนแรงมากขึ้น
ในภาพที่สั่นไหวของเขา มีแต่เพียงเคียวกับแขนผอมๆ เท่านั้นที่ปรากฏอยู่  คมเคียวที่เต็มไปด้วยฟัน และภาพใบหน้าวิญญาณที่ทุกข์ทน
 มาเลย,  เจ้าเคียวผุพัง!’
ถังเทียนคำรามในใจขณะที่พลังทั้งหมดในร่างของเขาบรรจุอยุ่ในแขนของเขา ทำให้แขนของเขารู้สึกหนักมากขึ้นจนแทบขาดตกลงไป  ทุกๆ ย่างก้าวจำเป็นต้องทุ่มเรี่ยวแรงทั้งหมดในตัวเขา  แขนของเขาดูเหมือนแทบจะระเบิดออก เหมือนกับว่ามีบางอย่างกำลังจะปริออกมาจากภายใน
ในสายตาของเขา  แขนที่แห้งกรังนั้นสับเคียวลงอย่างนุ่มนวล
ถังเทียนเห็นว่าพร้อมกับแขนที่เคลื่อนไหว  ภาพลวงตาเลือนรางของเคียวเกิดตามมาทันที  มันเป็นรังสีดำที่ตัดผ่านอากาศอย่างเงียบงัน
 มาเลยแก... เจ้าเคียวผุพัง!’
ขณะนั้น ถังเทียนรู้สึกได้ว่าความรู้สึกว่าพลังระเบิดในแขนของเขานั้นใกล้จะระเบิดเต็มทน  ต้องยืมแรงเฉื่อยเหวี่ยงแขนฟันใส่ด้านบน
ดาบโลหิตสองสายไขว้กันเป็นกากบาทอยู่ข้างหน้าของถังเทียนและเปลี่ยนไปรังสีดาบกางเขนโลหิต
รังสีเคียวสีดำสนิทปะทะกับรังสีดาบกากบาท

9 ความคิดเห็น:

Unknown กล่าวว่า...

ขอบใจจ้า

Minamoto กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

BeHappy กล่าวว่า...

ขอบคุณ​มาก​ครับ​

windwolf กล่าวว่า...

กำลังสนุกเลย รออ่านต่อนะครับ ขอบคุณมาก

ท้องฟ้าจะมีความหมาย ถ้ามีคนแหงนมอง กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

WingF กล่าวว่า...

โถ่ๆ เคียวที่ยิ่งใหญ่ เป็นได้แค่เคียวผุพัง

ก็มาดิคร๊าฟ กล่าวว่า...

อย่าบอกนะว่าท่าดาบกางเขนของกันดั้ม ก็เอามาจากมุดทราเหมือนกัน 😂😂😂

Boybravo กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

แสดงความคิดเห็น