วันศุกร์ที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2561

ยอดยุทธไร้เทียมทาน ตอนที่ 759 แผนการของจงหลีไป๋


ตอนที่  759  แผนการของจงหลีไป๋
จงหลีไป๋โกรธจัด

เขาโกรธจริงๆ แม้ว่าทั้งสองคนจะร่วมงานกันมาในช่วงระยะเวลาสั้นๆ  แต่เขาไม่ชอบคนตาบอด  สถาบันเพลิงพิโรธและสถาบันหัวใจราชสีห์เป็นสถาบันชั้นสูงของกลุ่มดาวราชสีห์  และราชสีห์เลโอนตั้งความหวังไว้กับพวกเขาทั้งสองคน  หากดูจากชื่อของพวกเขา  เขาคุ้นเคยกับชื่อของเซียนกระบี่เพลิงพิโรธหัวใจราชสีห์ ที่ใช้ตั้งชื่อของทั้งสองสถาบัน  แสดงว่าเขาตั้งความหวังไว้กับพวกเขา  ว่าพวกเขาจะทรงพลังเหมือนกับเพลิงพิโรธหัวใจราชสีห์
ทั้งสองสถาบันไม่เคยรานความหวังของพญาราชสีห์และตั้งใจสร้างขุนพลทหารที่โดดเด่นที่สุด  แต่ระหว่างสถาบันทั้งสองมีความเป็นปฏิปักษ์กันมาก  ทั้งสองฝ่ายเป็นเหมือนน้ำกับไฟที่ต้องเป็นคู่แข่งกันไปตลอดกาล
เมื่อเขากลายเป็นนักโทษคนหนึ่ง เนี่ยชิวก็เริ่มจัดตั้งกองทัพแล้ว  แม้แต่ฉีเซี่ยงตงก็ยังตายในเงื้อมมือเขา  นั่นคือสาเหตุที่ทำให้จงหลีไป๋โกรธจัด  แต่เขารู้ว่าเนี่ยชิวนำหน้าเขาไปแล้ว
แพ้คนตาบอดททำให้ความภาคภูมิใจของจงหลีไป๋ได้รับผลกระทบ
 แต่..เจ้าคิดว่า มีแต่เจ้าคนเดียวที่ได้รับการรู้แจ้งพยุหะรบที่น่ากลัวเท่านั้นหรือ?
จงหลีไป๋คลายมือ ประกายดุร้ายฉายวูบในดวงตาเขา  แต่เขายังคงสงบ
 นี่แค่เพิ่งเริ่ม  แม้ว่าเจ้าบอดนั่นจะล้ำหน้าข้าไป  แต่ข้าก็ยังมีโอกาสอยู่  เนี่ยชิวยังประจำการอยู่ที่เมืองจื่อจวน  และไม่มีทางจากไปได้  แต่ข้ายังเคลื่อนไหวด้วยตัวเองได้
ใช่แล้ว คำว่าดำเนินการเอง ทำให้จงหลีไป๋เลือดลมพลุกพล่าน
เขามีรูปแบบการใช้กลยุทธที่แตกต่างจากกลยุทธสมดุลของเนี่ยชิว  รูปแบบการสู้บุกตะลุยของจงหลีไป๋เหมาะกับการใช้รุก  และกลยุทธที่เขาโปรดปรานและเชี่ยวชาญก็คือใช้ในการรุก  มีหลายเหตุผลที่เขาไม่ถูกจับตามากนักในกลุ่มดาวราชสีห์  หนึ่งเป็นเพราะรูปแบบการสู้ของเขาป่าเถื่อนเกินไป  ลักษณะที่ป่าเถื่อนนี้แสดงออกมาหลายด้าน  ตัวอย่างเช่น เขาจะทุ่มเททุกอย่างที่เขามีในการต่อสู้ หรือแทบไม่ทำตามกฎเกณฑ์ หรือกระทำการก้าวร้าว
กลุ่มดาวราชสีห์ที่มีความมั่นใจและทรงพลังไม่ยินดีต้อนรับขุนพลทหารอย่างนี้แน่นอน  พวกเขาชนะโดยใช้วิธีที่ถูกตามทำนองคลองธรรมเท่านั้น  ทำไมพวกเขาจะต้องเอาวิธีดังกล่าวมาใช้ด้วย?  พวกเขามีการควบคุมสถานการณ์ทั้งหมดไว้อย่างเห็นได้ชัด  ทำไมจะกระทำการสุดโต่งเช่นนั้นด้วย?
บนถนน จงหลีไป๋ตรงเข้าไปหาหน่วยสุญญตาอย่างจนใจ เกี่ยวกับการฝึกฝนหน่วยสุญญตา  ผลงานของเขายังน้อยเมื่อเทียบกับเนี่ยชิวในตอนนี้  เขาเพิ่งจะได้รับโอกาส เป็นโอกาสที่ไม่มีขีดจำกัด
ความโกรธของเขาก่อนหน้า กับความโกรธปัจจุบันและความตั้งใจ จึงทำให้เขาร่างแผนขึ้น
เขาไม่รู้ว่าถังเทียนจะปฏิเสธหรือสนับสนุนแผนของเขา  และจะเป็นยังไงถ้าเขาปฏิเสธ?  เขาไม่สามารถขัดขืนคำสั่งของถังเทียนได้  เขายังคงมีพลังตัดสินใจอย่างขุนพลทหารมืออาชีพ  และเขาไม่ยินดีจะปล่อยโอกาสนี้ไป  ดังนั้นก่อนที่ถังเทียนจะทันได้พูด  เขาก็เริ่มเคลื่อนไหวก่อน
ช่วงเวลาที่เขาเดินออกมาจากข้างตัวถังเทียน  เขาดึงหน่วยบูรพาอมตะที่ยังฝึกอบรมไม่จบออกมานอกเมือง และไม่ได้พาสมาชิกหน่วยสุญญตาคนใดออกมาด้วย  หน่วยสุญญตามีประสบการณ์มากกว่า  แต่จงหลีไป๋รู้ว่าพวกเขาภักดีต่อนายท่านเท่านั้น  และการส่งคำสั่งของเขาไปที่หน่วยเป็นไปไม่ได้  เนื่องจากเป็นเช่นนั้น  เขาจึงไม่ต้องการจะพาพวกเขาไปด้วย  นอกจากนี้ หน่วยสุญญตาเป็นที่โปรดปรานของนายท่าน  ถ้าพวกเขาต้องพบกับความพ่ายแพ้ครั้งใหญ่  เขาคงตกอยู่ในความยุ่งยาก
สำหรับหน่วยบูรพาอมตะ จงหลีไป๋เห็นพวกเขาเป็นเหมือนกับปืนใหญ่มนุษย์ ไม่ว่าพวกเขาจะถูกฆ่าหรือไม่ ไม่มีใครพูดอะไรได้  และจงหลีไป๋ไม่มีความปราณีอยู่ในใจของเขา
ภายในหน่วยเสียงดังและระส่ำระสาย  ถ้าเป็นเนี่ยชิว เขาต้องหงุดหงิดแน่นอน  แต่จงหลีไป๋ไม่สนใจ
หน่วยบูรพาอมตะของเขาสร้างขึ้นมาโดยรวบรวมนักสู้ฝีมือดีของเมืองบูรพาอมตะ  และแม้แต่มือดีในตระกูลฉีเขาก็ยังเอามาด้วย   ด้วยความตายของฉีเซี่ยงตงและเหอซิน  ตระกูลฉีหมิ่นเหม่ต่อการถูกทำลาย  จงหลีไป๋แค่ต้องขู่ให้กลัวและหลอกล่อพวกเขา บอกว่ามีแต่เป็นบริวารของนายท่านพวกเขาจึงจะรอดได้  ดังนั้นจึงทำให้นักสู้ฝีมือดีของตระกูลฉีเชื่อฟัง
แน่นอนว่านี่เกี่ยวกับบรรยากาศของแดนบาป  ในแดนบาปการสังหารล้างตระกูลเป็นเรื่องเกิดไม่ยาก  แต่ในเวลาเดียวกัน คนที่มีพลังแข็งแกร่งเป็นทรัพยากรที่สำคัญที่สุด  เว้นแต่เกลียดชังอย่างลึกล้ำ จะไม่มีใครทำอย่างนั้น  ปกติพวกเขาจะส่งนักสู้ผู้แข็งแกร่งที่สุดของพวกเขาไปสู้จนปรากฏผลชนะ  และนั่นคือเวลาที่ต้องอาศัยจำนวนมากเพื่อเอาชัย  ผู้ชนะจะกลืนกินตระกูลผู้แพ้  ขณะที่ตระกูลผู้แพ้ไม่สามารถตอบโต้ได้แม้แต่น้อย
การแสดงฝีมือของถังเทียนสั่นสะเทือนไปทั่วเมืองบูรพาอมตะ  และหลังจากผ่านการต่อสู้ที่น่ากลัวแล้ว  ตระกูลในเมืองบูรพาอมตะไม่มีความคิดจะต่อต้านถังเทียนเลย
นอกจากตระกูลฉีแล้ว ยังมีตระกูลใหญ่อีกสองตระกูลคือ ตระกูลหวีและตระกูลซ่ง  แม้ว่าสองตระกูลจะไม่มีนักสู้เหมือนกับฉีเซี่ยงตงที่มีชื่อในทำเนียบนักสู้  แต่หวีเทาและซ่งเฉิงอี้ก็ไม่ด้อยกว่าสวี่เย่แน่
จงหลีไป๋เรียกพวกเขามาพบและไม่ซ่อนเร้นอะไรไว้  เขาบอกข่าวกับพวกเขา  จากนั้นพูดต่อ “พวกเจ้ารู้สถานการณ์ในตอนนี้แล้ว  ครั้งนี้ ถ้าเราไม่ได้รับอะไร  เราคงไม่มีหน้ากลับไป  ถ้าพวกท่านมีความคิดอะไร บอกข้ามาได้เลย”
ทั้งสองคนยังคงเงียบซึมซับสิ่งที่จงหลีไป๋บอก  จงหลีไป๋ไม่คาดหวังอะไรจากพวกเขามากนัก  แต่พวกเขายังเป็นคนท้องถิ่นและรู้เรื่องสถานการณ์ในแดนบาปมากกว่าเขา
หลังจากไตร่ตรองดูแล้ว เขากล่าวขึ้น  “เป้าหมายของนายท่านไม่ได้เพื่อชิงเมืองพายุ  แต่เพื่อช่วยสมาชิกหน่วยสุญญตาที่ตกเป็นเชลยอยู่ที่นั่น  นั่นคือเป้าหมายที่แท้จริง”
ซ่งเฉิงอี้เป็นคนแรกที่พูดขึ้น  เขามองจงหลีไป๋  “ไม่เพียงแต่เมืองพายุเท่านั้น  แต่เป็นเมืองอื่นที่มียอดฝีมือในทำเนียบนักสู้ด้วยเช่นกัน...”
จงหลีไป๋ไม่ได้พูดอะไร  เขาจ้องมองไปที่หวีเทา เนี่ยชิงสามารถนำกลุ่มสมาชิกหน่วยสุญญตาและฆ่ายอดฝีมือในทำเนียบนักสู้ได้  นี่ส่งผลต่อจงหลีไป๋อย่างมาก  หลังเป็นนักโทษอยู่นาน  เขายังไม่เข้าใจชัดเจนว่านักสู้ในทำเนียบนักสู้นั้นมีพลังมากมายขนาดไหน
 คนตาบอดสามารถฆ่าฉีเซี่ยงตงได้หรือ?
ความคิดเรื่องนั้นทำให้จงหลีไป๋รู้สึกถูกคุกคาม กระบวนศึกที่ข้าเชี่ยวชาญจะสามารถสู้กับนักสู้ในทำเนียบได้หรือไม่  แต่เขาสงบใจได้โดยเร็ว  กองกำลังของเนี่ยชิวรวมเอากู้เสวี่ย หานปิงหนิงและอาโมรี่ ทั้งหน่วยสุญญตาเองก็ฝึกฝนอยู่ตลอด นั่นคือปัจจัยที่ทำให้พวกเขาฆ่าฉีเซี่ยงตงได้
 ไม่ว่ากระบวนศึกจะมีพลังมากแค่ไหนก็ตาม  แต่เมื่อไม่มีคน มันจะไร้ประโยชน์  และฝูงชนที่นี่เล่า?’
ถ้าพวกเขาแพ้ มันคงเป็นเรื่องเล็ก  และแม้ว่าพวกเขาทุกคนต้องเสียสละ แต่ก็คงจะไม่มาก  แต่ถ้าต้องเสียหน้า นั่นเป็นเรื่องที่เขาทนไม่ได้  นี่หมายความว่าข้าจะแพ้เนี่ยชิวหรือ?’
หวีเทาเป็นคนตรงไปตรงมารูปร่างเตี้ย และพูดเพียงประโยคเดียว  “เรามีคนน้อยเกินไป
ตาของจงหลีไป๋เป็นประกาย  “รายละเอียดเล่า”
 “เราไม่มีนักสู้ที่มีฝีมือแข็งแกร่งมากพอ  ดังนั้นเราควรจะเพิ่มจำนวนของเรา”  หวีเทาอธิบาย
จงหลีไป๋รู้สึกเหมือนกับว่าเขาได้รับการรู้แจ้งครั้งใหม่  ใช่แล้ว  เนื่องจากเราไม่สามารถแข่งคุณภาพได้  เราก็ต้องสู้ในแง่ปริมาณ  เมื่อเปรียบกับยอดฝีมือผู้มีประสบการณ์ในการต่อสู้ด้วยกัน  หน่วยบูรพาอมตะยังไม่อาจเทียบได้กับหน่วยสุญญตา  ดังนั้นเราอาจต่อสู้ด้วยจำนวนที่มากเช่นกัน
เมื่อแนวคิดเปิดออก  ความคิดของจงหลีไป๋เป็นเหมือนที่ทะยานออกไปและวิ่งอย่างคึกคะนองทันที
 “ที่ไหนมีชื่อของนักสู้ในทำเนียบมากที่สุด?”  จงหลีไป๋ถามทันที
 “สี่เมืองใหญ่”  ซ่งเฉิงอี้อธิบายให้ฟัง  “มีนักสู้มากกว่าครึ่งที่มีชื่ออยู่ในทำเนียบอันดับนักสู้อยู่ในสี่เมืองใหญ่  มีทรัพยากรและข้อมูลมากมายอยู่ที่นั่น นอกจากท่านจะมุ่งไปที่เมืองรอบด้าน มีนักสู้ในทำเนียบนักสู้น้อยกว่า”
 “เจ้ามีแผนที่บ้างไหม?  ให้ข้าดูหน่อย”  จงหลีไป๋ขอ
ซ่งเฉิงอี้เอาแผนที่ออกมาทันที และแสดงตำแหน่งที่ตั้ง 17 เมืองในแดนบาป  พื้นที่แดนบาปมีลักษณะโดดเด่นคล้ายจันทร์เสี้ยว  และ17 เมืองตั้งอยู่ด้านใน  บนแผนที่ สี่เมืองใหญ่จะโดดเด่นที่สุด  พวกเขาครอบครองผืนแผ่นดินด้านหลังจันทร์เสี้ยวซึ่งเป็นที่ดีที่สุดในแดนบาป
จากนั้นจงหลีไป๋ถามพวกเขาทั้งสองอีกสองสามคำถาม เช่นยอดฝีมือคนใด  ประจำอยู่เมืองใด หลังจากทำความเข้าใจแผนที่ทั้งหมดแล้ว แผนการที่ชัดเจนค่อยๆ ผุดขึ้นในใจของเขา
 “เราต้องได้คนเพิ่ม”  จงหลีไป๋เลียริมฝีปาก  เขาหรี่ตาเล็กของเขา  ด้วยใบหน้าที่แข็งกระด้างทำให้เขาดูน่ากลัวมาก  “ดูเหมือนว่าเราจะต้องรวบรวมคนจำนวนหนึ่งเพื่อทำงานนี้  ยังมีใครแถวนี้ที่เป็นนักสู้แข็งแกร่งในทำเนียบนักสู้บ้างไหม?”
 “ค่ายลมตะวันตก!
 “ค่ายลมตะวันตก!”
ทั้งสองคนพูดขึ้นพร้อมกัน
 “ค่ายลมตะวันตก?”  จงหลีไป๋ประหลาดใจ  เขามองกลับไปที่แผนที่และถามด้วยความสงสัย  “ทำไมถึงไม่ทำเครื่องหมายไว้บนแผนที่?”
 “ท่านแม่ทัพยังไม่ทราบ”  ซ่งเฉิงอี้อธิบายทันที  “แต่ค่ายลมตะวันตกคือก๊กโจรกลุ่มหนึ่ง และมีชื่อเสียงในภูมิภาคนี้  แม้ว่าพวกเขาไม่มีคนโฉดชั้นหนึ่งอยู่ในกลุ่ม  แต่ก็มีคนโฉดชั้นสองอยู่ด้วยถึงเจ็ดคน  ดังนั้นไม่มีตระกูลใดกล้าตอแยพวกเขา  แม้ว่าพวกเขาจะตั้งด่านตามทาง  แต่เพราะพวกเขาทำรายได้จากการนี้ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ค่อยปล้นและฆ่าคน”
จงหลีไป๋ค่อนข้างให้ความสนใจ  “ค่ายลมตะวันตกมีคนอยู่เท่าไหร่?”
 “ทั้งค่ายมีประมาณหมื่นคน”  ซ่งเฉิงอี้กล่าว
จงหลีไป๋สะดุ้งเฮือก  “มากขนาดนั้นเชียวหรือ?”
เมื่อได้ยินว่าเป็นกลุ่มโจร  เขาคาดว่าพวกเขาจะมีคนราวๆ 2-3 พัน  แต่เขาไม่คาดเลยว่าจะมีคนถึงหมื่น  ที่ทำให้เขาประหลาดใจก็คือกองโจรใหญ่โตขนาดนั้นมีอยู่จริงๆ
 “มันยังไม่นับว่ามาก”  ซ่งเฉิงอี้อธิบาย  “พวกเขาส่วนใหญ่จะอ่อนแอ และใช้ชีวิตยากลำบากในเมือง  ดังนั้นพวกเขาจึงกลับไปที่ภูเขาที่ซึ่งพวกเขาใช้ชีวิตอย่างยากจน  หัวหน้าโจรพวกนี้ต้องการคนไปใช้  ดังนั้นพวกเขารับสมัครพวกเขาและไปหักร้างถางพงบนภูเขาสำหรับการเพาะปลูก  ในสิบเจ็ดเมือง พวกเขาไม่สามารถเลี้ยงคนได้มาก  ดังนั้นโจรเหล่านี้ทั้งหมด อยู่เป็นเมืองขนาดย่อมได้  การผลิตทรัพยากรของพวกเขาไม่ดีเท่า 17 เมือง  พวกเขาใช้ชีวิตลำบาก  แต่หัวหน้าโจรกลุ่มนี้ค่อนข้างสมถะ  พวกเขาแค่เก็บค่าธรรมเนียมและใช้ชีวิตอยู่ในภูเขาดุจราชา ยากที่จะออกมาได้  นอกจากผลผลิตเล็กๆ น้อยๆ แล้ว ตระกูลต่างๆ ยังคร้านจะดูแลพวกเขา ไม่ค่อยมีผลรับเท่าใดนัก”
 “อย่างนั้นคาราวานค้าขายไม่ได้รับผลอะไรหรือ?”  จงหลีไป๋รู้สึกว่าเข้าใจเรื่องราวบางอย่างในโลกได้ในที่สุด
 “พวกเขาฉลาดมาก  ตราบใดที่พวกเขาเห็นว่าคาราวานเป็นของตระกูลใหญ่ พวกเขาจะไม่ทำอะไร  และเพียงแต่มองหากองคาราวานขนาดกลางหรือเล็กเพื่อเก็บค่าผ่านทาง”  ซ่งเฉิงอี้ฝืนยิ้ม  “เว้นแต่คนโฉดชั้นหนึ่งที่มีความแข็งแกร่งเด็ดขาดก็จะไม่ยอมเห็นแก่หน้าตระกูลใหญ่  ตระกูลใหญ่ไม่สามารถทำอะไรได้  จึงได้แต่จ่ายค่าผ่านทางหลีกเลี่ยงภัยพิบัติ”
 “ตระกูลใหญ่เหล่านั้นอ่อนแอจริงๆ!  หน้าของจงหลีไป๋เต็มไปด้วยแววเหลือเชื่อ  ในสวรรค์วิถีตระกูลใหญ่เก่าแก่ทั้งหมดจะห้าวหาญ หยิ่งลำพองและเด็ดขาด
 “ท่านมีแผนอะไร?”  ซ่งเฉิงอี้ยักไหล่กล่าว  “พวกคนโฉดชั้นสองทั้งหมดพลังส่วนตัวก็แข็งแกร่งอยู่แล้วทั้งปรากฏตัวอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย  ทั้งหมดหลบหนีได้เก่ง  ยอดฝีมือของตระกูลใหญ่ยังไม่ยอมเสียเวลากับพวกนี้มากเกินไป  ทำไมไม่จ่ายเงินไปบางส่วน สำหรับตระกูลใหญ่แล้ว เงินไม่ใช่จำนวนมากเลย”
จงหลีไป๋คิดชั่วขณะ  เขาผงกศีรษะ  “นั่นก็จริง  ในที่สุดแล้วก็ไม่มีใครสามารถรับมือโจรพวกนั้นได้  ยังมีกลุ่มโจรหลายกลุ่มอย่างค่ายลมตะวันตกอีกไหม?”
 “มีอีกมาก” ซ่งเฉิงอี้กล่าว  “สี่เมืองใหญ่จะเป็นแหล่งทรัพยากรที่ดีที่สุด  และถูกครอบครองโดยสี่ตระกูลใหญ่ ที่เหลืออีก 13 เมืองก็มีทรัพยากรดีในระดับรองลงมา และโดยพื้นฐานทุกเมืองจะมีตระกูลใหญ่  ขณะที่ตระกูลอ่อนแอที่เหลือจะแบ่งทรัพยากรที่เหลือไป  คนที่เหลือปกติจะเข้าไปในภูเขา  นอกจากนี้ตระกูลใหญ่กำลังรอให้พวกเขาขยายแผ่นดิน  โจรกลุ่มใดก็ตามพบทรัพยากรใหญ่ใดๆ และขายให้ตระกูลใหญ่จะสร้างความมั่งคั่งให้อย่างมหาศาล  นั่นคือวิธีที่ตั้งเมืองบูรพาอมตะได้”
จงหลีไป๋หัวเราะจนเห็นฟันขาว  “อย่างนั้นไปที่ค่ายลมตะวันตกกัน!

6 ความคิดเห็น:

Minamoto กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Boybravo กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

ท้องฟ้าจะมีความหมาย ถ้ามีคนแหงนมอง กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ เป็นการดีที่ทุกคนจะมีความกระตือรือล้นไขว่าคว้าหาหนทางแห่งชัยชนะ

ไอซ์ กล่าวว่า...

ไม่ฟังคำสั่งพี่ถัง เด่วสั่งหมอบ

พอส กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

แสดงความคิดเห็น