ตอนที่ 765
เราจะพักอย่างสงบได้อย่างไร?
ถังเทียนได้ยินเสียงสั่นสะเทือน
แต่ก่อนที่เขาจะทันตั้งตัว
แผ่นป้ายบรอนซ์ในมือของเขาก็หลุดมือและลอยขึ้นไปในท้องฟ้า
ทันใดนั้นแผ่นบรอนซ์นับไม่ถ้วนบินขึ้นมาจากทะเลสันติภาพ
และบินขึ้นไปในท้องฟ้า
แผ่นป้ายบรอนซ์ทั้งหมดบินขึ้นไปในท้องฟ้าและก่อตัวเป็นวิญญาณเงาดำ ในพริบตา
แม้แต่วิญญาณที่เป็นรูปเงาดำบินออกมาจากทุกมุมของทะเลสันติภาพขึ้นไปในท้องฟ้า ดูงามสง่ามาก
“กองทัพตกอยู่ในอันตราย จำเป็นต้องช่วยเหลือ!”
หนึ่งในวิญญาณนั้นร้องออกมา
เบื้องหลังเขา
วิญญาณวีรชนอื่นทั้งหมดตะโกนออกมา
“กองทัพดาวกางเขนใต้ จงก้าวไปข้างหน้า!”
วิญญาณวีรชนนับไม่ถ้วนผุดขึ้นมาในท้องฟ้าเหมือนกระแสน้ำหลาก
มีม่านพลังที่มองไม่เห็นในท้องฟ้าที่เป็นเหมือนกำแพงเหล็กกั้นไว้ วิญญาณวีรชนปะทะเข้ากับผนังนั้น แต่มันไม่ขยับออกไปแม้แต่นิ้วเดียว
ป้ายบรอนซ์นับไม่ถ้วนแตกกระจายและร่วงลงในทะเลสันติภาพ
เป๊าะ
เป๊าะ เป๊าะ
ใต้ตัวถังเทียน
ดูเหมือนฝนกำลังตก เขาก้มศีรษะมองดู
ก็เห็นว่าเป็นชิ้นส่วนป้ายบรอนซ์ที่ร่วงตกลงไปเหมือนสายฝน
แต่วิญญาณวีรชนยังคงมุ่งหน้าต่อไป
“กองทัพตกอยู่ในอันตราย จำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือ!”
“กองทัพดาวกางเขนใต้ จงก้าวต่อไป!”
เสียงคำรามโกรธเกรี้ยวดังก้องไปทั้งทะเลสันติภาพ
ร่างนับไม่ถ้วนเริ่มกระแทกม่านพลังอย่างรุนแรง และแม้ยังมีป้ายบรอนซ์ที่แตกสลายร่วงลงมา แต่ก็ยังมีวิญญาณลอยขึ้นมากระแทกเข้ากับท้องฟ้า
“กองทัพตกอยู่ในอันตราย จำเป็นต้องได้รับการช่วยเหลือ!’
วิญญาณวีรชนอีกดวงหนึ่งสั่ง มันคำรามและพุ่งตรงไปข้างหน้าเหมือนราชสีห์พิโรธ
สิ่งที่ตอบเขากลับเป็นเสียงคำราม “กองทัพดาวกางเขนใต้ จงก้าวต่อไป!”
กลุ่มของวิญญาณวีรชนกลุ่มใหญ่พุ่งเข้าชนกับม่านพลังในท้องฟ้า
กระดูกของพวกเขาแตกและร่างของพวกเขาพังทลาย
และพวกเขาร่วงลงมาในทะเล
“กองทัพตกอยู่ในอันตราย จำเป็นต้องได้รับการช่วยเหลือ!’
วิญญาณสตรีนางหนึ่งคร่ำครวญขึ้น
นางเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นขณะที่นางกระแทกเข้ากับม่านพลัง
เงาร่างนับไม่ถ้วนรวมตัวอยู่ด้านหลังนาง “กองทัพดาวกางเขนใต้ จงก้าวต่อไป!”
“กองทัพตกอยู่ในอันตราย จำเป็นต้องได้รับการช่วยเหลือ!”
“กองทัพดาวกางเขนใต้, จงก้าวต่อไป!”
……
ถังเทียนมองดูด้วยความตกใจระคนสงสัย
มองดูคลื่นวิญญาณระลอกแล้วระลอกเล่าปะทะใส่กับม่านพลัง เขาไม่เข้าใจพวกเขาพยายามจะทำอะไร
หลังจากมีการปะทะนับครั้งไม่ถวน วิญญาณวีรชนทุกดวงก็แตกสลายและร่วงลงสู่ทะเล
ทะเลสันติภาพกลับคืนสู่สันติภาพ
แผ่นป้ายบรอนซ์ที่แตกกระจายค่อยๆ
เข้ามารวมตัวกัน
และก่อรวมกันเป็นแผ่นบรอนซ์ที่มีรอยแตกอยู่ในนั้นและลอยอยู่เหนือน้ำ
วิญญาณวีรชนดวงแล้วดวงเล่าลอยออกมาจากแผ่นบรอนซ์ ตลอดทั้งร่างพวกเขาเต็มไปด้วยรอยแตกร้าว เหมือนกับพวกเขาเป็นตุ๊กตากระเบื้องที่ถูกทุบ
แต่เอามาประกอบใหม่ และเมื่อถังเทียนมองดูวิญญาณนับไม่ถ้วนอีกครั้ง
ถังเทียนจำหนึ่งในวิญญาณวีรชนนั้นที่เต็มไปด้วยรอยแตกร้าวนั้นได้ เขาคือวิญญาณดวงแรกที่พุ่งเข้าชนสนามพลัง มีวิญญาณวีรชนมากมายนัก แต่ไม่มีวิญญาณดวงใดที่มองเห็นถังเทียน
วิญญาณวีรชนทั้งหมดล้วนเงยหน้าขึ้นข้างบนกันหมด
“เป็นเวลาหมื่นปีแล้ว”
เสียงของวิญญาณวีรชนดังออกมาจากทะเลสันติภาพ “หมื่นปีเต็ม ศตวรรษแล้วศตวรรษเล่า เราก็ยังออกไปไม่ได้ สงครามน่าจะจบไปนานแล้ว ในช่วงหมื่นปีมานี้ ไม่มีวิญญาณดวงใหม่ กองทัพน่าจะตายไปนานแล้ว สิ่งที่เราทำอยู่นี้ไม่มีความหมายอีกต่อไป”
วิญญาณวีรชนกลายเป็นเงียบสงบ
“แต่แล้วยังไงเล่า? จะเป็นยังไงถ้ายังมีทหารสู้อยู่? จะเป็นยังไงถ้ายังมีคนรอดอยู่? จะเป็นยังไง
ถ้าพวกเขากำลังรอให้เราขึ้นมา?
สำหรับคนตายแล้ว แค่นี้ก็คงพอแล้ว!”
ทันใดนั้นเขาคำรามขึ้น “เมื่อไม่รู้ว่ากองทัพเรายังอยู่หรือตาย เราจะพักอย่างสงบได้ยังไง!”
คำตอบที่เขาได้รับคือเสียงโห่ร้องที่สะท้านสะเทือนภูผา “สู้!”
เขาหมุนตัวไปมองด้านบน ตรงขึ้นไปบนโดมท้องฟ้า กางแขน
หน้าที่มีรอยแตกของเขาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นเหลือเชื่อ
“ร้อยปีต่อมาเราสามารถต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่สหายของเราอีก!”
คำตอบที่เขาได้รับคือวิญญาณวีรชนอื่นลอยขึ้นมาเคียงข้างเขา และจากนั้นโห่ร้องดังสนั่นกึกก้องไปทั่วเหนือทะเลสีดำ “สู้
สู้ สู้!”
“กองทัพดาวกางเขนใต้!”
เสียงโห่ร้องนับไม่ถ้วนได้รวมกันและสร้างเสียงสะท้อนกึกก้องอยู่เหนือทะเลสันติภาพ
“เดินหน้า!” “เดินหน้า!”
“เดินหน้า!”
ท้องฟ้าเต็มไปด้วยวิญญาณวีรชนบินขึ้นเหมือนแมงเม่าบินเข้ากองไฟ ราวกับว่าพวกเขาพยายามกู้คืนแผ่นดิน
พวกเขาปะทะเข้ากับม่านพลังในท้องฟ้าอย่างต่อเนื่อง
ถังเทียนกำลังร้องไห้ทั้งน้ำมูกน้ำตาไหลเต็มหน้า ดูเหมือนบางอย่างจะสะท้อนอยู่ในอกของเขา
และเหมือนกับว่ามีบางอย่างกำลังเผาไหม้อยู่ในตัวเขา ทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจและมีความหยิ่ง
แต่หลังจากหมื่นปีแล้ว
ในทะเลสันติภาพที่ไม่มีใครรู้จัก ดินแดนที่ทุกคนคิดว่ามีสันติสุขและความรัก กลับมีการดิ้นรนต่อสู้ทุกๆ ร้อยปี
ทุ่มเททุกอย่างเพื่อการต่อสู้
‘นี่คือทหารของดาวกางเขนใต้หรือ? ข้าคือผู้รับสืบทอดกองทัพดาวกางเขนใต้!’
‘จะให้ข้านั่งเฉยได้ยังไง?’
‘ต่อให้เป็นแค่ภาพลวงตา ต่อให้ทั้งหมดนี้เป็นของปลอม
ต่อให้พวกเขาทั้งหมดเป็นวิญญาณวีรชนผู้ตายแล้ว ต่อให้พวกเขาทำสิ่งที่โง่ที่สุดก็ตาม’
‘ความศรัทธา ความเชื่อมั่น มิตรภาพที่ลึกซึ้ง ความกล้าหาญ
ความเสียสละนั้น จะให้ข้าไม่ทำอะไรเลยได้ยังไง?’
ถังเทียนไม่รู้ว่าเขากำลังร้องไห้หรือว่ากำลังโห่ร้องกับพวกเขา เขามีเพียงความคิดเดียว นั่นก็คือสู้!
เขารั้งหมัดออก
และทะเลสันติภาพที่สงบเริ่มมีระลอก
มีแต่คนกล้าที่จะทุ่มเทเต็มที่แม้พวกเขาจะล้มเหลวหมดก็ตาม
มีแต่คนกล้าที่ยังจะสานต่อความเชื่อปณิธานต่อสู้หลังจากตายแล้ว มีแต่คนกล้าที่จะยึดถือความหวังเอาไว้
ไม่ว่าเป็นหรือตายก็ตาม
มีแต่คนกล้าที่สามารถชนะได้
ตาของถังเทียนเต็มไปด้วยน้ำตา
แสงรัศมีนับไม่ถ้วนจากทุกมุมทะเลสันติภาพมารวมกันที่หมัดของเขา
ประกายแสงแพรวพราวทำให้หมัดของถังเทียนสว่างขึ้น ทะเลสันติภาพสีดำมองดูเหมือนดวงอาทิตย์ทันที
วิญญาณวีรชนนับไม่ถ้วนมองดูดวงอาทิตย์ พวกเขาเปลี่ยนเป็นเงาดำและบินเข้าหาดวงอาทิตย์
‘ข้าจะทำลายภาพลวงตาไร้ขอบเขตนี่ได้ไหม?’
ถังเทียนไม่รู้ว่าเขาสามารถทำได้
แต่เขารู้สึกได้ถึงความมุ่งมั่นจากกระดูกและวิญญาณและจิตใจนักสู้ของพวกเขาและความรู้สึกลึกถึงความหวังและการคาดหมายที่สะสมอยู่ในตัวพวกเขา
ตาของเขาเริ่มหลั่งน้ำตาอีกครั้ง
หมัดของถังเทียนยังคงรั้งกลับ
รัศมีแสงแพรวพราวในหมัดขวาของเขาสว่างมากจนร่างของเขามองไม่เห็นอีกต่อไป
ทะเลสันติภาพมองดูเหมือนกำลังเดือดพล่าน
น้ำเริ่มปั่นป่วน สายฟ้าแปลบปลาบวูบวาบ
การเปลี่ยนแปลงทั้งหมดนี้สะท้อนอยู่ในใจที่เป็นเหมือนแก้วกระจกของถังเทียน
ทั้งร่างเทพอสูรเปล่งรัศมีสว่าง
และดอกไม้น้ำเงินในมุทราหัตถ์เด็ดดอกไม้ลอยขึ้นมาและเปลี่ยนไปเป็นดอกไม้ที่น่าหลงใหลและงดงามซึ่งที่ส่องประกายบนท้องฟ้าเหมือนกับว่ากำลังเริงระบำและหมุนวน เพลิงที่ลุกโหมของมุทราหมัดพิโรธเผาไหม้ด้วยพลังร้อนแรงมากยิ่งขึ้น และเหมือนกับกลองศึก ทุกครั้งที่รัวกลองศึก มันจะปล่อยพลังแสงสีแดง
ถังเทียนทุ่มเทสุดกำลัง ไม่มียั้งพลังไว้แม้แต่น้อย
ลำแสงหมัดเทพเจ้า
มีแสงอย่างน้อยสามสายบรรจบรวมเป็นหนึ่ง เปลี่ยนเป็นลำแสงหนาขนาดใหญ่
ขยายเข้าหาพื้นจนกระทั่งห่างจากพื้นสามนิ้วก่อนจะหยุดนิ่ง
‘แค่อีกนิด! แค่อีกนิดเดียว...’
ขณะนั้นเองมีเสียงโห่ร้องดังอยู่ข้างหูของเขา
“ไม่รู้ว่ากองทัพเป็นหรือตาย
จะให้เราพักอย่างสงบได้ยังไง!”
วิญญาณวีรชนดวงแล้วดวงเล่าบินเข้ามาในร่างของถังเทียน
เข้าไปอยู่สภาพจิตใจของเขาและเปลี่ยนจุดแสงเล็กๆ
ระลอกคลื่นแสงพุ่งไปข้างหน้าอย่างกล้าหาญ
พวกเขาโถมตัวเข้าไปในลำแสงต้นหมัดเทพเจ้าหยั่งลำต้นลง
เทียบกับลำแสงหมัดเทพเจ้าที่สง่างาม พวกเขามีขนาดเท่าก้อนกรวด
แต่ยิ่งแสงที่เหมือนก้อนกรวดเข้ามาเพิ่มในลำแสงอย่างต่อเนื่อง
ลำแสงหลักของหมัดเทพเจ้าค่อยๆ
ยืดยาวลงมา
ทันทีที่ลำแสงเทพเจ้าสัมผัสกับใจที่ใสเหมือนแก้วของถังเทียน ตลอดทั้งตัวของถังเทียนสั่น หน้าของเขาเต็มไปด้วยน้ำตา
นี่เป็นครั้งแรกที่ทำหมัดเทพเจ้าที่ไม่สมบูรณ์ให้สำเร็จได้ ทะเลสันติภาพที่วุ่นวายกลายเป็นราบเรียบ
ราวกับว่ามือที่มองไม่เห็นกดทั่วทะเลทั้งหมดไว้
“ทำลายมันเพื่อข้า!”
ถังเทียนปล่อยหมัดขึ้นไปที่ม่านพลังในท้องฟ้า
มันแตกทำลาย
ทะเลสันติภาพที่ไร้ขอบเขตและสีดำแตกพังทลายและหายไป
ทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวเขาเริ่มแตกพังสลายเหมือนกับฟองน้ำ
และหายอย่างต่อเนื่อง
ถังเทียนรู้สึกว่าโลกหมุนรอบตัวเขา สำนึกของเขาถูกดึงออกมา
และก่อนที่เขาจะสูญเสียสำนึกไป
เขาได้ยินเสียงโห่ร้องยินดีเลือนราง
หน้าของเขาที่เต็มไปด้วยน้ำตา
อดยิ้มไม่ได้
*******************
เป็นฝันร้ายในเมืองบูรพาอมตะ ถนนเงียบสนิท
นี่เป็นช่วงเวลาที่พิเศษและไม่มีใครออกจากบ้านตอนกลางคืน
อิงอู๋ฟงมองดูบ้านที่อยู่ข้างหน้าเขา
และลอบเข้าไปอย่างเงียบๆ
เขาทำงานในเส้นทางนี้มาหลายปีแล้ว และฆ่าคนมีชื่อเสียงไปนับไม่ถ้วน
และมีทักษะลอบสังหารเป็นอย่างดี
เขามาถึงเมืองบูรพาอมตะเมื่อสองสามวันที่แล้ว แต่ไม่ได้เคลื่อนไหว และรวบรวมข้อมูลอย่างระมัดระวัง การลอบสังหารใครบางคนอาจจะดูไม่ยาก แต่เมื่อลงมือโจมตี จะต้องเตรียมการอย่างเพียงพอ
ยิ่งมือสังหารมีข้อมูลมาก ก็จะเตรียมการได้มาก
ไม่เพียงแต่จะทำให้ง่ายสำหรับเขาเท่านั้น แต่ในกรณีล้มเหลว เขาสามารถหลบหนีและรักษาชีวิตไว้ได้
ทุกคนมีชีวิตเดียว เป้าหมายมีหนึ่งเดียว และมือสังหารก็มีเพียงคนเดียว ตราบใดที่เขายังรักษาชีวิตไว้ได้ เขายังมีโอกาสอื่น เพราะการไล่ล่าตามฆ่าให้ได้ในครั้งเดียว
ยังเพิ่มอันตรายให้เขาเอง
อิงอู๋ฟงไม่โง่พอจะทำเช่นนั้น
เขาได้รับข้อมูลที่มีค่า ตัวอย่างเช่น ตระกูลต่างๆ ของเมืองบูรพาอมตะรับประกันให้กับบุรุษหน้ากากผีด้วยตนเอง นี่เป็นปัญหาใหญ่ในตอนแรก แต่โชคดีที่ไม่แย่จนเกินไป และได้ยินว่ายอดฝีมือดีๆ ของตระกูลถูกบริวารของบุรุษหน้ากากผีดึงไปใช้งานและออกจากเมืองไปแล้ว
บุรุษหน้ากากผีมีเพียงสวี่เย่และสมาชิกของหน่วยสุญญตา
พลังของสวี่เย่ยังนับว่าต่ำ
ยังไม่พอคุกคามอิงอู๋ฟงได้ และนอกจากนี้สวี่เย่ยังบาดเจ็บ สมาชิกหน่วยสุญญตาอาจมีร่างกายคุณภาพดี แต่ในสายตาของนักสู้ทรงพลัง
พลังต่อสู้ของพวกเขายังเล็กน้อย
ทั้งหมดนี้ไม่สำคัญ วัตถุประสงค์ของอิงอู๋ฟงก็คือตรวจค้นหา
ถ้าบุรุษหน้ากากผีบาดเจ็บ นั่นเป็นจุดสำคัญที่สุด
นักสู้คนหนึ่งผู้สามารถสู้กับแขนและเคียวมัจจุราชและไม่ได้รับบาดเจ็บเป็นคนที่อิงอู๋เฟยจะยอมก้มหัวและหนีจากไป
เพราะนั่นหมายความว่านักสู้ผู้นั้นเข้าใจพลังระดับสูงสุด
มีนักสู้น้อยกว่าห้าคนในทั่วแดนบาปผู้ก้าวเข้าสู่เขตแดนสนามพลังกฎธรรมชาติ อิงอู๋เฟยรู้ว่าใครควรตอแย ใครไม่ควรยุ่งด้วย
และนักสู้เหล่านี้ไม่เคยถูกยั่วโมโห
ถ้าบุรุษหน้ากากผีได้รับบาดเจ็บ
ก็หมายความว่าเขาอยู่ในระดับผิวกฎธรรมชาติขั้นสูงสุด และเพิ่งจะเริ่มเข้าสู่ระดับต่อไป
แม้ว่านักสู้ประเภทนี้จะทำให้อิงอู๋ฟงกลัวบ้าง
แต่ก็ยังมีโอกาสประสบผลสำเร็จ
และการบาดเจ็บจากพลังสูงสุดก็ใช่ว่าจะฟื้นตัวกันได้ง่ายๆ
อิงอู๋เฟยเข้าใจเอาง่ายๆ
ว่า บุรุษหน้ากากผีได้รับบาดเจ็บ!
เขาลอบเข้าไปในบ้านอย่างเงียบกริบ สมาชิกหน่วยสุญญตาทุกคนน่าสนใจมาก
แต่หน่วยคุ้มกันเหล่านี้ไม่มีอะไรสำหรับอิงอู๋ฟง
ในเวลาอันรวดเร็วเขาก็พบสถานที่ของบุรุษหน้ากากผี
ด้วยกระบี่หยินวัฒนะในมือของเขา
เขาสามารถสงบจิตใจตนเองลง กระบี่เต็มไปด้วยความชั่วร้ายมากซึ่งเป็นอาวุธสำหรับลอบฆ่าอย่างสมบูรณ์แบบ ด้วยกระบี่นี้พลังของเขาเพิ่มขึ้นอีกระดับ
ในระดับนี้
การเพิ่มพลังให้เขามากขึ้นเป็นสิ่งที่น่ากลัว
เขาหรี่ตาและเตรียมเคลื่อนไหว
ทันใดนั้น
ที่อยู่ของบุรุษหน้ากากผีพลันมีแสงสว่างเจิดจ้า
9 ความคิดเห็น:
ขอบคุณครับ
ชะตาขาดละเอ็ง
เบ้คนใหม่รึเปล่า
ค้าง 😁😀😃 ขอบคุณครับ
ที่แท้เอากระบี่มามอบให้นี่เอง ขอบใจจ้า
กลับฝั่งซะที 555
ได้วิญาญทหารกลับมาไหม
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
แสดงความคิดเห็น