วันอังคารที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2561

ยอดยุทธไร้เทียมทาน ตอนที่ 765 เราจะพักอย่างสงบได้อย่างไร?


ตอนที่  765  เราจะพักอย่างสงบได้อย่างไร?
ถังเทียนได้ยินเสียงสั่นสะเทือน แต่ก่อนที่เขาจะทันตั้งตัว  แผ่นป้ายบรอนซ์ในมือของเขาก็หลุดมือและลอยขึ้นไปในท้องฟ้า

ทันใดนั้นแผ่นบรอนซ์นับไม่ถ้วนบินขึ้นมาจากทะเลสันติภาพ และบินขึ้นไปในท้องฟ้า
แผ่นป้ายบรอนซ์ทั้งหมดบินขึ้นไปในท้องฟ้าและก่อตัวเป็นวิญญาณเงาดำ  ในพริบตา แม้แต่วิญญาณที่เป็นรูปเงาดำบินออกมาจากทุกมุมของทะเลสันติภาพขึ้นไปในท้องฟ้า ดูงามสง่ามาก
 “กองทัพตกอยู่ในอันตราย จำเป็นต้องช่วยเหลือ!
หนึ่งในวิญญาณนั้นร้องออกมา
เบื้องหลังเขา วิญญาณวีรชนอื่นทั้งหมดตะโกนออกมา  “กองทัพดาวกางเขนใต้ จงก้าวไปข้างหน้า!
วิญญาณวีรชนนับไม่ถ้วนผุดขึ้นมาในท้องฟ้าเหมือนกระแสน้ำหลาก  มีม่านพลังที่มองไม่เห็นในท้องฟ้าที่เป็นเหมือนกำแพงเหล็กกั้นไว้  วิญญาณวีรชนปะทะเข้ากับผนังนั้น  แต่มันไม่ขยับออกไปแม้แต่นิ้วเดียว  ป้ายบรอนซ์นับไม่ถ้วนแตกกระจายและร่วงลงในทะเลสันติภาพ
เป๊าะ เป๊าะ เป๊าะ
ใต้ตัวถังเทียน ดูเหมือนฝนกำลังตก  เขาก้มศีรษะมองดู ก็เห็นว่าเป็นชิ้นส่วนป้ายบรอนซ์ที่ร่วงตกลงไปเหมือนสายฝน
แต่วิญญาณวีรชนยังคงมุ่งหน้าต่อไป
 “กองทัพตกอยู่ในอันตราย  จำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือ!
 “กองทัพดาวกางเขนใต้  จงก้าวต่อไป!
เสียงคำรามโกรธเกรี้ยวดังก้องไปทั้งทะเลสันติภาพ  ร่างนับไม่ถ้วนเริ่มกระแทกม่านพลังอย่างรุนแรง  และแม้ยังมีป้ายบรอนซ์ที่แตกสลายร่วงลงมา  แต่ก็ยังมีวิญญาณลอยขึ้นมากระแทกเข้ากับท้องฟ้า
 “กองทัพตกอยู่ในอันตราย  จำเป็นต้องได้รับการช่วยเหลือ!’
วิญญาณวีรชนอีกดวงหนึ่งสั่ง  มันคำรามและพุ่งตรงไปข้างหน้าเหมือนราชสีห์พิโรธ
สิ่งที่ตอบเขากลับเป็นเสียงคำราม  “กองทัพดาวกางเขนใต้ จงก้าวต่อไป!
กลุ่มของวิญญาณวีรชนกลุ่มใหญ่พุ่งเข้าชนกับม่านพลังในท้องฟ้า
กระดูกของพวกเขาแตกและร่างของพวกเขาพังทลาย และพวกเขาร่วงลงมาในทะเล
 “กองทัพตกอยู่ในอันตราย  จำเป็นต้องได้รับการช่วยเหลือ!’
วิญญาณสตรีนางหนึ่งคร่ำครวญขึ้น  นางเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นขณะที่นางกระแทกเข้ากับม่านพลัง
เงาร่างนับไม่ถ้วนรวมตัวอยู่ด้านหลังนาง  “กองทัพดาวกางเขนใต้ จงก้าวต่อไป!
 “กองทัพตกอยู่ในอันตราย  จำเป็นต้องได้รับการช่วยเหลือ!
 “กองทัพดาวกางเขนใต้,  จงก้าวต่อไป!
……

ถังเทียนมองดูด้วยความตกใจระคนสงสัย มองดูคลื่นวิญญาณระลอกแล้วระลอกเล่าปะทะใส่กับม่านพลัง  เขาไม่เข้าใจพวกเขาพยายามจะทำอะไร
หลังจากมีการปะทะนับครั้งไม่ถวน  วิญญาณวีรชนทุกดวงก็แตกสลายและร่วงลงสู่ทะเล
ทะเลสันติภาพกลับคืนสู่สันติภาพ
แผ่นป้ายบรอนซ์ที่แตกกระจายค่อยๆ เข้ามารวมตัวกัน  และก่อรวมกันเป็นแผ่นบรอนซ์ที่มีรอยแตกอยู่ในนั้นและลอยอยู่เหนือน้ำ
วิญญาณวีรชนดวงแล้วดวงเล่าลอยออกมาจากแผ่นบรอนซ์  ตลอดทั้งร่างพวกเขาเต็มไปด้วยรอยแตกร้าว  เหมือนกับพวกเขาเป็นตุ๊กตากระเบื้องที่ถูกทุบ แต่เอามาประกอบใหม่  และเมื่อถังเทียนมองดูวิญญาณนับไม่ถ้วนอีกครั้ง
ถังเทียนจำหนึ่งในวิญญาณวีรชนนั้นที่เต็มไปด้วยรอยแตกร้าวนั้นได้  เขาคือวิญญาณดวงแรกที่พุ่งเข้าชนสนามพลัง  มีวิญญาณวีรชนมากมายนัก  แต่ไม่มีวิญญาณดวงใดที่มองเห็นถังเทียน
วิญญาณวีรชนทั้งหมดล้วนเงยหน้าขึ้นข้างบนกันหมด
 “เป็นเวลาหมื่นปีแล้ว”  เสียงของวิญญาณวีรชนดังออกมาจากทะเลสันติภาพ  “หมื่นปีเต็ม ศตวรรษแล้วศตวรรษเล่า  เราก็ยังออกไปไม่ได้  สงครามน่าจะจบไปนานแล้ว  ในช่วงหมื่นปีมานี้ ไม่มีวิญญาณดวงใหม่  กองทัพน่าจะตายไปนานแล้ว  สิ่งที่เราทำอยู่นี้ไม่มีความหมายอีกต่อไป”
วิญญาณวีรชนกลายเป็นเงียบสงบ
 “แต่แล้วยังไงเล่า?  จะเป็นยังไงถ้ายังมีทหารสู้อยู่?  จะเป็นยังไงถ้ายังมีคนรอดอยู่?  จะเป็นยังไง ถ้าพวกเขากำลังรอให้เราขึ้นมา?  สำหรับคนตายแล้ว แค่นี้ก็คงพอแล้ว!”
ทันใดนั้นเขาคำรามขึ้น  “เมื่อไม่รู้ว่ากองทัพเรายังอยู่หรือตาย  เราจะพักอย่างสงบได้ยังไง!”
คำตอบที่เขาได้รับคือเสียงโห่ร้องที่สะท้านสะเทือนภูผา  “สู้!”
เขาหมุนตัวไปมองด้านบน  ตรงขึ้นไปบนโดมท้องฟ้า กางแขน หน้าที่มีรอยแตกของเขาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นเหลือเชื่อ  “ร้อยปีต่อมาเราสามารถต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่สหายของเราอีก!”
คำตอบที่เขาได้รับคือวิญญาณวีรชนอื่นลอยขึ้นมาเคียงข้างเขา  และจากนั้นโห่ร้องดังสนั่นกึกก้องไปทั่วเหนือทะเลสีดำ  “สู้  สู้  สู้!”
 “กองทัพดาวกางเขนใต้!”
เสียงโห่ร้องนับไม่ถ้วนได้รวมกันและสร้างเสียงสะท้อนกึกก้องอยู่เหนือทะเลสันติภาพ
 “เดินหน้า!  “เดินหน้า!”  “เดินหน้า!
ท้องฟ้าเต็มไปด้วยวิญญาณวีรชนบินขึ้นเหมือนแมงเม่าบินเข้ากองไฟ  ราวกับว่าพวกเขาพยายามกู้คืนแผ่นดิน  พวกเขาปะทะเข้ากับม่านพลังในท้องฟ้าอย่างต่อเนื่อง
ถังเทียนกำลังร้องไห้ทั้งน้ำมูกน้ำตาไหลเต็มหน้า  ดูเหมือนบางอย่างจะสะท้อนอยู่ในอกของเขา  และเหมือนกับว่ามีบางอย่างกำลังเผาไหม้อยู่ในตัวเขา  ทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจและมีความหยิ่ง
แต่หลังจากหมื่นปีแล้ว ในทะเลสันติภาพที่ไม่มีใครรู้จัก  ดินแดนที่ทุกคนคิดว่ามีสันติสุขและความรัก   กลับมีการดิ้นรนต่อสู้ทุกๆ ร้อยปี ทุ่มเททุกอย่างเพื่อการต่อสู้
 นี่คือทหารของดาวกางเขนใต้หรือ?  ข้าคือผู้รับสืบทอดกองทัพดาวกางเขนใต้!’
 จะให้ข้านั่งเฉยได้ยังไง?’
 ต่อให้เป็นแค่ภาพลวงตา  ต่อให้ทั้งหมดนี้เป็นของปลอม  ต่อให้พวกเขาทั้งหมดเป็นวิญญาณวีรชนผู้ตายแล้ว  ต่อให้พวกเขาทำสิ่งที่โง่ที่สุดก็ตาม
 ความศรัทธา  ความเชื่อมั่น มิตรภาพที่ลึกซึ้ง ความกล้าหาญ ความเสียสละนั้น   จะให้ข้าไม่ทำอะไรเลยได้ยังไง?
ถังเทียนไม่รู้ว่าเขากำลังร้องไห้หรือว่ากำลังโห่ร้องกับพวกเขา  เขามีเพียงความคิดเดียว นั่นก็คือสู้!
เขารั้งหมัดออก และทะเลสันติภาพที่สงบเริ่มมีระลอก
มีแต่คนกล้าที่จะทุ่มเทเต็มที่แม้พวกเขาจะล้มเหลวหมดก็ตาม  มีแต่คนกล้าที่ยังจะสานต่อความเชื่อปณิธานต่อสู้หลังจากตายแล้ว  มีแต่คนกล้าที่จะยึดถือความหวังเอาไว้ ไม่ว่าเป็นหรือตายก็ตาม
มีแต่คนกล้าที่สามารถชนะได้
ตาของถังเทียนเต็มไปด้วยน้ำตา  แสงรัศมีนับไม่ถ้วนจากทุกมุมทะเลสันติภาพมารวมกันที่หมัดของเขา
ประกายแสงแพรวพราวทำให้หมัดของถังเทียนสว่างขึ้น  ทะเลสันติภาพสีดำมองดูเหมือนดวงอาทิตย์ทันที
วิญญาณวีรชนนับไม่ถ้วนมองดูดวงอาทิตย์  พวกเขาเปลี่ยนเป็นเงาดำและบินเข้าหาดวงอาทิตย์
 ข้าจะทำลายภาพลวงตาไร้ขอบเขตนี่ได้ไหม?’
ถังเทียนไม่รู้ว่าเขาสามารถทำได้  แต่เขารู้สึกได้ถึงความมุ่งมั่นจากกระดูกและวิญญาณและจิตใจนักสู้ของพวกเขาและความรู้สึกลึกถึงความหวังและการคาดหมายที่สะสมอยู่ในตัวพวกเขา
ตาของเขาเริ่มหลั่งน้ำตาอีกครั้ง
หมัดของถังเทียนยังคงรั้งกลับ  รัศมีแสงแพรวพราวในหมัดขวาของเขาสว่างมากจนร่างของเขามองไม่เห็นอีกต่อไป
ทะเลสันติภาพมองดูเหมือนกำลังเดือดพล่าน น้ำเริ่มปั่นป่วน  สายฟ้าแปลบปลาบวูบวาบ
การเปลี่ยนแปลงทั้งหมดนี้สะท้อนอยู่ในใจที่เป็นเหมือนแก้วกระจกของถังเทียน ทั้งร่างเทพอสูรเปล่งรัศมีสว่าง และดอกไม้น้ำเงินในมุทราหัตถ์เด็ดดอกไม้ลอยขึ้นมาและเปลี่ยนไปเป็นดอกไม้ที่น่าหลงใหลและงดงามซึ่งที่ส่องประกายบนท้องฟ้าเหมือนกับว่ากำลังเริงระบำและหมุนวน  เพลิงที่ลุกโหมของมุทราหมัดพิโรธเผาไหม้ด้วยพลังร้อนแรงมากยิ่งขึ้น  และเหมือนกับกลองศึก  ทุกครั้งที่รัวกลองศึก มันจะปล่อยพลังแสงสีแดง
ถังเทียนทุ่มเทสุดกำลัง  ไม่มียั้งพลังไว้แม้แต่น้อย
ลำแสงหมัดเทพเจ้า มีแสงอย่างน้อยสามสายบรรจบรวมเป็นหนึ่ง เปลี่ยนเป็นลำแสงหนาขนาดใหญ่  ขยายเข้าหาพื้นจนกระทั่งห่างจากพื้นสามนิ้วก่อนจะหยุดนิ่ง
 แค่อีกนิด!  แค่อีกนิดเดียว...’
ขณะนั้นเองมีเสียงโห่ร้องดังอยู่ข้างหูของเขา
 “ไม่รู้ว่ากองทัพเป็นหรือตาย จะให้เราพักอย่างสงบได้ยังไง!”
วิญญาณวีรชนดวงแล้วดวงเล่าบินเข้ามาในร่างของถังเทียน เข้าไปอยู่สภาพจิตใจของเขาและเปลี่ยนจุดแสงเล็กๆ  ระลอกคลื่นแสงพุ่งไปข้างหน้าอย่างกล้าหาญ  พวกเขาโถมตัวเข้าไปในลำแสงต้นหมัดเทพเจ้าหยั่งลำต้นลง
เทียบกับลำแสงหมัดเทพเจ้าที่สง่างาม  พวกเขามีขนาดเท่าก้อนกรวด
แต่ยิ่งแสงที่เหมือนก้อนกรวดเข้ามาเพิ่มในลำแสงอย่างต่อเนื่อง
ลำแสงหลักของหมัดเทพเจ้าค่อยๆ ยืดยาวลงมา
ทันทีที่ลำแสงเทพเจ้าสัมผัสกับใจที่ใสเหมือนแก้วของถังเทียน  ตลอดทั้งตัวของถังเทียนสั่น  หน้าของเขาเต็มไปด้วยน้ำตา
นี่เป็นครั้งแรกที่ทำหมัดเทพเจ้าที่ไม่สมบูรณ์ให้สำเร็จได้  ทะเลสันติภาพที่วุ่นวายกลายเป็นราบเรียบ ราวกับว่ามือที่มองไม่เห็นกดทั่วทะเลทั้งหมดไว้
 “ทำลายมันเพื่อข้า!”
ถังเทียนปล่อยหมัดขึ้นไปที่ม่านพลังในท้องฟ้า
มันแตกทำลาย
ทะเลสันติภาพที่ไร้ขอบเขตและสีดำแตกพังทลายและหายไป
ทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวเขาเริ่มแตกพังสลายเหมือนกับฟองน้ำ และหายอย่างต่อเนื่อง
ถังเทียนรู้สึกว่าโลกหมุนรอบตัวเขา  สำนึกของเขาถูกดึงออกมา และก่อนที่เขาจะสูญเสียสำนึกไป  เขาได้ยินเสียงโห่ร้องยินดีเลือนราง
หน้าของเขาที่เต็มไปด้วยน้ำตา อดยิ้มไม่ได้
*******************

เป็นฝันร้ายในเมืองบูรพาอมตะ  ถนนเงียบสนิท นี่เป็นช่วงเวลาที่พิเศษและไม่มีใครออกจากบ้านตอนกลางคืน
อิงอู๋ฟงมองดูบ้านที่อยู่ข้างหน้าเขา และลอบเข้าไปอย่างเงียบๆ
เขาทำงานในเส้นทางนี้มาหลายปีแล้ว  และฆ่าคนมีชื่อเสียงไปนับไม่ถ้วน และมีทักษะลอบสังหารเป็นอย่างดี  เขามาถึงเมืองบูรพาอมตะเมื่อสองสามวันที่แล้ว  แต่ไม่ได้เคลื่อนไหว  และรวบรวมข้อมูลอย่างระมัดระวัง  การลอบสังหารใครบางคนอาจจะดูไม่ยาก  แต่เมื่อลงมือโจมตี  จะต้องเตรียมการอย่างเพียงพอ ยิ่งมือสังหารมีข้อมูลมาก ก็จะเตรียมการได้มาก
ไม่เพียงแต่จะทำให้ง่ายสำหรับเขาเท่านั้น  แต่ในกรณีล้มเหลว  เขาสามารถหลบหนีและรักษาชีวิตไว้ได้
ทุกคนมีชีวิตเดียว  เป้าหมายมีหนึ่งเดียว  และมือสังหารก็มีเพียงคนเดียว  ตราบใดที่เขายังรักษาชีวิตไว้ได้  เขายังมีโอกาสอื่น  เพราะการไล่ล่าตามฆ่าให้ได้ในครั้งเดียว ยังเพิ่มอันตรายให้เขาเอง  อิงอู๋ฟงไม่โง่พอจะทำเช่นนั้น
เขาได้รับข้อมูลที่มีค่า  ตัวอย่างเช่น ตระกูลต่างๆ ของเมืองบูรพาอมตะรับประกันให้กับบุรุษหน้ากากผีด้วยตนเอง  นี่เป็นปัญหาใหญ่ในตอนแรก  แต่โชคดีที่ไม่แย่จนเกินไป  และได้ยินว่ายอดฝีมือดีๆ ของตระกูลถูกบริวารของบุรุษหน้ากากผีดึงไปใช้งานและออกจากเมืองไปแล้ว
บุรุษหน้ากากผีมีเพียงสวี่เย่และสมาชิกของหน่วยสุญญตา
พลังของสวี่เย่ยังนับว่าต่ำ ยังไม่พอคุกคามอิงอู๋ฟงได้ และนอกจากนี้สวี่เย่ยังบาดเจ็บ  สมาชิกหน่วยสุญญตาอาจมีร่างกายคุณภาพดี  แต่ในสายตาของนักสู้ทรงพลัง พลังต่อสู้ของพวกเขายังเล็กน้อย
ทั้งหมดนี้ไม่สำคัญ  วัตถุประสงค์ของอิงอู๋ฟงก็คือตรวจค้นหา ถ้าบุรุษหน้ากากผีบาดเจ็บ นั่นเป็นจุดสำคัญที่สุด
นักสู้คนหนึ่งผู้สามารถสู้กับแขนและเคียวมัจจุราชและไม่ได้รับบาดเจ็บเป็นคนที่อิงอู๋เฟยจะยอมก้มหัวและหนีจากไป  เพราะนั่นหมายความว่านักสู้ผู้นั้นเข้าใจพลังระดับสูงสุด
มีนักสู้น้อยกว่าห้าคนในทั่วแดนบาปผู้ก้าวเข้าสู่เขตแดนสนามพลังกฎธรรมชาติ  อิงอู๋เฟยรู้ว่าใครควรตอแย  ใครไม่ควรยุ่งด้วย และนักสู้เหล่านี้ไม่เคยถูกยั่วโมโห
ถ้าบุรุษหน้ากากผีได้รับบาดเจ็บ  ก็หมายความว่าเขาอยู่ในระดับผิวกฎธรรมชาติขั้นสูงสุด และเพิ่งจะเริ่มเข้าสู่ระดับต่อไป
แม้ว่านักสู้ประเภทนี้จะทำให้อิงอู๋ฟงกลัวบ้าง แต่ก็ยังมีโอกาสประสบผลสำเร็จ  และการบาดเจ็บจากพลังสูงสุดก็ใช่ว่าจะฟื้นตัวกันได้ง่ายๆ
อิงอู๋เฟยเข้าใจเอาง่ายๆ ว่า บุรุษหน้ากากผีได้รับบาดเจ็บ!
เขาลอบเข้าไปในบ้านอย่างเงียบกริบ  สมาชิกหน่วยสุญญตาทุกคนน่าสนใจมาก  แต่หน่วยคุ้มกันเหล่านี้ไม่มีอะไรสำหรับอิงอู๋ฟง
ในเวลาอันรวดเร็วเขาก็พบสถานที่ของบุรุษหน้ากากผี
ด้วยกระบี่หยินวัฒนะในมือของเขา เขาสามารถสงบจิตใจตนเองลง  กระบี่เต็มไปด้วยความชั่วร้ายมากซึ่งเป็นอาวุธสำหรับลอบฆ่าอย่างสมบูรณ์แบบ  ด้วยกระบี่นี้พลังของเขาเพิ่มขึ้นอีกระดับ
ในระดับนี้ การเพิ่มพลังให้เขามากขึ้นเป็นสิ่งที่น่ากลัว
เขาหรี่ตาและเตรียมเคลื่อนไหว
ทันใดนั้น ที่อยู่ของบุรุษหน้ากากผีพลันมีแสงสว่างเจิดจ้า

9 ความคิดเห็น:

Boybravo กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Unknown กล่าวว่า...

ชะตาขาดละเอ็ง

WingF กล่าวว่า...

เบ้คนใหม่รึเปล่า

LordNeBO กล่าวว่า...

ค้าง 😁😀😃 ขอบคุณครับ

Unknown กล่าวว่า...

ที่แท้เอากระบี่มามอบให้นี่เอง ขอบใจจ้า

mikgi กล่าวว่า...

กลับฝั่งซะที 555

minibull กล่าวว่า...

ได้วิญาญทหารกลับมาไหม

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

มีตน กล่าวว่า...

ขอบคุณ​ครับ​

แสดงความคิดเห็น