เล่มที่
11 สุสานเทพเจ้า – ตอนที่ 38 ต้องการประกายศักดิ์สิทธิ์?
สุสานเทพเจ้า
ชั้นที่สิบ
“บีบี! ตอนนี้ลินลี่ย์เป็นยังไงบ้าง?” เดลี่ถามเบาๆ
“พี่ใหญ่ยังมีชีวิตและกำลังหนี” บาดแผลของบีบีเริ่มสมานตัวมากกว่าครึ่ง
แต่เขายังคงเพ่งความรู้สึกไปที่ความคงอยู่ของลินลี่ย์ เขากลัวว่าลินลี่ย์อาจตาย
ขณะที่ถูลี่และโรซารี่และยอดฝีมืออื่นทุกคนกำลังรอเงียบๆ
อยู่อีกด้านหนึ่ง แค่มองจากบีบีพวกเขาก็รู้ได้ว่าลินลี่ย์ยังมีชีวิตอยู่
ถูลี่รู้สึกได้ว่าอารมณ์ของยอดฝีมือทุกคนกดดันเพียงไหน เขาพูดเพื่อเปลี่ยนอารมณ์ของทุกคน “โอลิเวอร์,
พลังกระบี่โจมตีที่เจ้าแสดงที่ชั้นสิบเอ็ดช่างน่ากลัวมากจริงๆ เจ้าฆ่าปีศาจดาบอเวจีได้ถึงสี่ตัวในการฟาดฟันครั้งเดียว”
“ข้ายังจำกระบี่นั้นได้ดีเลยทีเดียว” จ้าวแมงป่องเกล็ดดำกล่าว
“ข้าไม่คิดว่าพวกเขาที่เหลือจะทำได้สำเร็จขนาดนั้น” ถูลี่กล่าว
เมื่อยอดฝีมือพยายามหนีกลับมายังชั้นที่สิบ
โอลิเวอร์ในช่วงสิ้นหวังได้ใช้พลังกระบี่โจมตีที่ทรงพลังที่สุด
และเมื่อกระบี่ลวงตาสีขาวดำตัดออกไป จึงสามารถฟันปีศาจดาบอเวจีตายถึงสี่ตัว
ปีศาจดาบอเวจีเหล่านี้ถูกสร้างจากโลหะที่ทนทาน
ต่อให้พลังป้องกันของพวกมันไม่แข็งแกร่งเท่าพลังโจมตี แต่การฆ่าปีศาจดาบอเวจีได้ถึงสี่ตัวในการฟาดฟันเพียงครั้งเดียวเป็นเรื่องยากมาก
แม้แต่ลินลี่ย์ก็ยังต้องใช้งานสัจธรรมแห่งธาตุดินหรือ ‘จังหวะแห่งสายลม’
เพื่อฆ่าปีศาจดาบอเวจีให้ได้สักตัว
ดาบธรรมดาไม่สามารถตัดฟันปีศาจนั่นให้ขาดได้
แต่แน่นอน
หลังจากรู้แจ้ง ‘ดาบมิติบั่นเศียร’
กระบี่ลินลี่ย์สามารถฆ่าปีศาจดาบอเวจีได้ง่ายครั้งละห้าหรือหกตัวในการโจมตีครั้งหนึ่ง
สำหรับโอลิเวอร์สามารถฆ่าปีศาจดาบอเวจีได้ถึงสี่ตัวเป็นภาพที่ทำให้ทุกคนตะลึงได้ ที่สำคัญ ถูลี่และยอดฝีมืออื่นยังทำเช่นนี้ไม่สำเร็จ
“การโจมตีนี้เป็นทางเลือกสุดท้ายของข้า หลังจากใช้ไปแล้ว พลังวิญญาณของข้าจะถูกใช้ไปหมด” โอลิเวอร์กล่าว
“ถึงอย่างนั้น ก็ยังทรงพลังอยู่ดี แม้แต่การทุ่มโจมตีสุดกำลังของข้าก็ยังไม่ทรงพลังเท่า” ถูลี่หัวเราะเย้ยหยันตัวเอง
ยอดฝีมือต่างๆ
ทุกคนถอนหายใจด้วยความทึ่งกับความก้าวหน้าของโอลิเวอร์ เมื่อพวกเขาเพิ่งเข้ามาในสุสานเทพเจ้า โอลิเวอร์ถูกจัดอยู่ในกลุ่มที่สอง แต่หลังจากผ่านไปสิบปี ความแข็งแกร่งของโอลิเวอร์เพิ่มขึ้นมากมายและพลังโจมตีของเขาเพิ่มขึ้นในระดับที่ยิ่งใหญ่
โอลิเวอร์ไม่ได้อธิบายอะไรต่อ
เหตุผลเดียวที่ระดับความสำเร็จในปัจจุบันของเขามีในตอนนี้เป็นเพราะประสบการณ์เฉียดตายที่เขาพบเจอก่อนหน้านั้น
“ในอดีต เมื่อเราเผชิญหน้ากับราชันย์เนตรมายา
เรารู้ว่าเจ้ามีความแตกต่างบางอย่างเมื่อเทียบกับเรา” เดลี่ถอนหายใจเช่นกัน
ตอนที่ทุกคนกำลังสนทนากันอยู่นี้ บรรยากาศในชั้นที่สิบค่อยดีขึ้นบ้าง
อย่างไรก็ตามไม่มีใครสังเกตว่าบีบีลดหัวลงและเชิดหัวขึ้นทันทีพลางจ้องมาไปที่เสาศิลาที่อยู่ไกลออกไปด้วยความประหลาดใจ
“พี่ใหญ่!” เสียงร้องประหลาดใจระคนดีใจดังขึ้น
“ควั่บ!”
ร่างเงาเลือนรางพุ่งเข้าหาทันที
“ว่าไงนะ?”
เดลี่
โอลิเวอร์และยอดฝีมืออื่นทุกคนจ้องมองทางออกชั้นที่สิบเอ็ดด้วยความประหลาดใจ
พวกเขาเห็นเด็กหนุ่มในชุดยาวสีฟ้ายิ้มรับหนูเงาตัวสีดำ
ลินลี่ย์กลับมาแล้ว!
“พี่ใหญ่”
“บีบี” ตอนนี้ลินลี่ย์อุ้มบีบีไว้ในอ้อมแขน และทั้งคนและอสูรเวทหัวเราะมองหน้ากัน
“สุดยอดเลย, พี่ใหญ่
ข้าคิดถึงท่านจะแย่อยู่แล้ว
ข้ากลัวว่าท่านจะกลับมาไม่ได้เสียแล้วพี่ใหญ่” ดวงตาน้อยของบีบีพลันพร่ามัว สามสี่ชั่วโมงที่ผ่านมาเป็นช่วงเวลาที่บีบีทรมานมาก
เขาเกรงว่าลินลี่ย์จะตายจริงๆ
ขณะนี้
เดลี่ เฟน โอลิเวอร์ โรซารี่
ถูลี่และราชสีห์ทองหกตาสองพี่น้องรวมทั้งจ้าวแมงป่องเกล็ดดำรีบเข้ามาทันที
พวกเขารู้สึกประหลาดใจระคนดีใจด้วยเช่นกันที่ลินลี่ย์สามารถกลับมาที่ชั้นสิบได้!
“ลินลี่ย์, เจ้าหนีมาได้หรือนี่?” เฟนพูดด้วยความประหลาดใจระคนดีใจ
“ความจริงข้าคาดไม่ถึงเลยว่าแม้จะถูกปีศาจดาบอเวจีเป็นล้านไล่ล่า เจ้าก็ยังกลับมายังชั้นสิบได้นะลินลี่ย์” หน้าของเดลี่เต็มไปด้วยรอยยิ้มขณะพูด
“ข้าคิดว่าเจ้าพยายามถ่วงเวลาอยู่ในใต้ดินเท่าที่เจ้าจะทำได้ และรั้งปีศาจดาบอเวจีไว้จนกระทั่งครบสิบปีเสียอีก”
“คิดดูสิ พี่ใหญ่ข้าน่ากลัวแค่ไหน!” บีบีเริ่มยืดทันที เขายืนอยู่บนไหล่ของลินลี่ย์ อุ้งมือน้อยๆ
ทาบอกด้วยความภูมิใจ
ลินลี่ย์หัวเราะ
“เจ้าคิดว่าข้าไม่ต้องการพยายามถ่วงเวลาและหลอกล่อพวกมันหรอกหรือ? แต่ปีศาจดาบอเวจีพวกนั้นฉลาดมากจริงๆ พวกมันจัดกำลังจำนวนมากประจำไว้ที่ใจกลางพื้นที่ และเมื่อใดก็ตามที่ข้าถูกค้นพบ
พวกมันก็จะให้สมาชิกปีศาจดาบอเวจีจำนวนมากโจมตีข้าอย่างต่อเนื่อง หลังจากทนอยู่สามชั่วโมง ข้าก็ไม่สามารถทนได้อีกต่อไป”
“ลินลี่ย์,
ถ้าอย่างนั้นเจ้ากลับมาได้ยังไง?”
เฟนและยอดฝีมืออื่นมองลินลี่ย์อย่างสับสน
เฟนและยอดฝีมืออื่นจินตนาการไม่ออกว่าภายใต้การไล่ล่าของปีศาจดาบอเวจี
ลินลี่ย์หนีกลับมาที่ชั้นสิบได้ยังไง
“โชคดี ที่ในช่วงเวลาที่วิกฤติ ข้าบรรลุพลังใหม่ได้ทันท่วงที
และความเร็วของข้าจึงเพิ่มขึ้นมาก
ทำให้ข้าจัดการปีศาจดาบอเวจีเหล่านั้นได้อย่างง่ายดาย หลังจากฆ่าปีศาจดาบอเวจีพวกนั้นไปจำนวนหนึ่ง
ข้าจึงได้รับประกายศักดิ์สิทธิ์ของชั้นที่สิบ
และจากนั้นข้าจึงกลับมาได้อย่างปลอดภัย”
ลินลี่ย์พูดคำเหล่านี้อย่างสงบ
แต่ทุกคนรวมทั้งบีบีตกตะลึง
“เจ้าได้รับประกายศักดิ์สิทธิ์แล้วหรือ?” เฟน เดลี โรซารี่
ถูลี่และยอดฝีมืออื่นยืนจ้องมอง
ตาของพวกเขากลมโตและตกใจ
แม้แต่โอลิเวอร์ผู้ยืนเงียบอยู่ด้านหลังยอดฝีมืออื่นยังจ้องมองลินลี่ย์ด้วยความทึ่งอย่างมาก
ประกายศักดิ์สิทธิ์...
สมบัติที่เฟนและยอดฝีมืออื่นใฝ่ฝันจะได้ เมื่อได้ประกายศักดิ์ของเทพชั้นต้นมาแล้ว
พวกเขาจะกลายเป็นเทพได้
ความแตกต่างระหว่างเซียนกับเทพยิ่งใหญ่พอๆ
กับฟ้าและดิน
“ลินลี่ย์!
ยินดีด้วย” เดลี่เป็นคนแรกที่รู้ตัว ทั้งหมดที่เขาทำได้ก็คือพูดแสดงความยินดี
ยอดฝีมืออื่นฝืนยิ้มแสดงความยินดีกับลินลี่ย์เช่นกัน ตอนนี้ เดลี่และยอดฝีมืออื่นรู้สึกว่าต้องข่มความริษยาไว้ในใจพวกเขา! ที่สำคัญพวกเขาฝึกฝนกันมาอย่างยาวนานมากเพื่อให้ได้รับประกายศักดิ์สิทธิ์ ตอนนี้พอลินลี่ย์ได้มา
พวกเขาไม่มีอะไรจะพูดได้
เนื่องจากลินลี่ย์เสี่ยงชีวิตตัวเองจนได้มา
แต่ในใจพวกเขาก็ยังรู้สึกอิจฉาอยู่ดี
ความจริง
ความอิจฉาของพวกเขามากจนพวกเขาอดคิดเรื่องฆ่าลินลี่ย์ชิงเอาประกายศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้ แต่ในไม่ช้าความคิดเหล่านั้นที่มาจากในใจ ถูกโยนทิ้งไปทันที
ที่สำคัญคือ
พวกเขาไม่ใช่คนที่น่ารังเกียจอย่างนั้น
ในกลุ่มนี้
นอกจากบีบีแล้ว มีเพียงคนเดียวที่ไม่รู้สึกริษยาเท่าใดนัก คนผู้นั้นคือโอลิเวอร์
“ลินลี่ย์,
ข้าคาดว่าเจ้าจะกลายเป็นเทพคนที่หกของทวีปยูลานของเรา” หน้าของโอลิเวอร์มีรอยยิ้ม “ลินลี่ย์มีพลังมากกว่าข้าในตอนนี้ แต่... อีกสองสามปีข้าจะต้องท้าทายเจ้าแน่นอน”
โอลิเวอร์รู้สึกมั่นใจในตนเองมาก
เขาฝีมือด้อยกว่าลินลี่ย์
แต่นั่นเฉพาะแค่ตอนนี้!
“ท้าทาย?”
ลินลี่ย์มองดูโอลิเวอร์
เขาพยักหน้าและหัวเราะ “ยอดเยี่ยม,
ข้าจะน้อมสนอง เจ้าเลือกเวลาได้ทุกเมื่อ”
หลังจากลินลี่ย์กลับมาที่ชั้นสิบ
ยอดฝีมือทุกคนต่างรอคอยบทสรุปของช่วงเวลาสิบปีอย่างสบายใจ และพวกเขาทุกคนต่างหาที่พักผ่อนบนผืนหญ้า ขณะที่ลินลี่ย์อยู่กับบีบี
“พี่ใหญ่, บอกข้าได้ไหม,
ประกายศักดิ์สิทธิ์ที่ชั้นสิบเอ็ดมีอยู่เท่าใด?
ข้าคิดว่าจะต้องมีมากกว่าหนึ่ง”
บีบีกระซิบ
ลินลี่ย์ยิ้ม “สาม”
ดวงตาน้อยของบีบีเบิกโพลงเท่าพระจันทร์ทันที
และจากนั้นเขายิ้มกว้าง ปากน้อยๆ
แทบจะแยกจากกัน “ว้าว, ยอดเยี่ยม, ประกายศักดิ์สิทธิ์สามชิ้น! พี่ใหญ่,
ประกายศักดิ์สิทธิ์ธาตุอะไรบ้าง?”
บีบีรีบถาม
“ประกายทั้งสามนั้นเข้ากันได้กับพี่ใหญ่หรือเปล่า?
ข้าหวังว่าประกายศักดิ์สิทธิ์ทั้งสามเหล่านั้นจะไม่ใช่ไฟ
สายฟ้าหรืออะไรอย่างอื่นหรอกนะ”
“มีสายธาตุดิน, ธาตุลมและสายทำลายล้าง” ลินลี่ย์เชิดหน้าอย่างมีความหมาย “ทั้งหมดนี้เข้ากันได้กับข้า”
บีบีตกใจเช่นกัน “มีเรื่องบังเอิญขนาดนั้นได้ยังไง?”
“ข้าจะรู้ได้ยังไง?” ลินลี่ย์หัวเราจากนั้นส่ายศีรษะถอนหายใจ “โชคไม่ดีที่ข้ายังอ่อนแอเกินไป
ไม่มีพลังพอจะขึ้นไปชั้นสูงหรือหรือที่สูงมากกว่านั้น
“หือ?”
บีบีจ้องมองพี่ใหญ่อย่างสับสน
“พี่ใหญ่ ทำไมท่านถึงต้องการไปชั้นสูงเล่า?
ชั้นที่สิบสองแค่เหมาะกับการท้าท้ายของพวกเทพ ถ้าเราไปก็เท่ากับเอาชีวิตไปทิ้งดีๆ
นี่เอง” บีบียังรู้....
ว่าจากชั้นที่สิบสองขึ้นไปผู้พิทักษ์แต่ละชั้นล้วนเป็นเทพทั้งนั้น
ไม่มีพลังของเทพ
การเข้าสุสานมีแต่ความตายแน่นอน
“บีบี, ก่อนเราจะเข้าชั้นที่สิบๆ ข้าบอกเจ้าแล้วว่ามีบางอย่างในสุสานเทพเจ้ากำลังเรียกข้า” ลินลี่ย์ถอนหายใจ ขณะที่บีบีโคลงศีรษะเล็กน้อย
“ตั้งแต่ข้ามาถึงที่สุสานเทพเจ้า
ข้ามีความรู้สึกว่า... บางอย่างที่กำลังเรียกข้านั้น มาจากข้างบน เมื่อข้าเข้าไปในชั้นที่สิบ ข้ายังรู้สึกว่าบางอย่างที่เรียกข้ามาจากข้างบน เวลานั้น
ข้าคิดว่าบางทีมันอาจอยู่ในชั้นที่สิบเอ็ด”
ลินลี่ย์ส่ายศีรษะ “แต่หลังจากเข้ามาในชั้นที่สิบเอ็ดแล้ว ข้าตระหนักได้ว่าข้าผิดอีก สิ่งซึ่งกำลังเรียกข้านั้นยังอยู่สูงกว่านั้น
บางทีอาจจะอยู่ในชั้นที่สิบสอง หรือสิบสาม...
มันอาจจะอยู่ในชั้นที่สิบแปดก็ได้
ใครจะรู้?
ที่สำคัญข้าแข็งแกร่งพอไปชั้นสูง”
บีบีพยักหน้าเล็กน้อย
หลังจากลินลี่ย์อยู่ในชั้นสิบประมาณหนึ่งเดือน เดลี่เข้ามาหาลินลี่ย์ เขาลังเลเล็กน้อยไม่สามารถพูดได้
“เดลี่! มีอะไรหรือ?” ลินลี่ย์ถามอย่างสงสัย
ดูเหมือนเดลี่ค่อนข้างจะละอาย เขาหัวเราะแหะๆ สูดหายใจลึก จากนั้นกระซิบ
“ลินลี่ย์, ข้าอยากรู้...
ประกายศักดิ์สิทธิ์ที่เจ้าพบที่ชั้นสิบเอ็ดมีอยู่เท่าใด?”
หัวใจลินลี่ย์ตื่นเต้น
เดลี่นี้เหมือนกับว่าปรารถนาจะได้ประกายศักดิ์สิทธิ์ของเขา อย่างไรก็ตามลินลี่ย์สามารถเข้าใจถึงเหตุผลได้
“สาม” ลินลี่ย์ไม่พยายามปิดบัง
ตาของเดลี่เป็นประกาย
“ขอถามได้ไหมว่าประกายเหล่านั้นเป็นธาตุอะไร?”
“เดลี่, ทำไมเจ้าถามอย่างนั้น?” บีบีที่อยู่ใกล้ๆ พูดขึ้นอย่างโมโห “ประกายศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้
พี่ใหญ่ข้าต้องเสี่ยงชีวิตจึงจะได้มา อย่าลืมสิว่าถ้าพี่ใหญ่ข้าไม่ใช้ ‘คมมีดมิติ’
เบิกทางสายหนึ่งและจากนั้นแล้วช่วยกันปีศาจดาบอเวจีเอาไว้ได้ พวกท่านจะไม่มีใครรอด”
เดลี่มีท่าทีค่อนข้างอึดอัด
ลินลี่ย์มองดูบีบี
จากนั้นยิ้มให้เดลี่
“ไม่มีเหตุผลใดที่ข้าจะบอกไม่ได้
ก็มีธาตุดิน ธาตุลมและสายทำลายล้าง”
“เหรอ?”
เดลี่พยักหน้า
“ลินลี่ย์,
มีบางเรื่องที่ข้าต้องการจะบอกเจ้า”
เดลี่มองดูลินลี่ย์ “ก่อนอื่นเลย
เจ้าไม่จำเป็นต้องหลอมรวมประกายศักดิ์สิทธิ์กับพลังธาตุของตัวเจ้า ตัวอย่างเช่น
เจ้าสามารถหลอมรวมกับประกายศักดิ์สิทธิ์สายธาตุไฟได้ แต่แน่นอนว่า... ความเร็วอาจจะกลายเป็นช้า การดูดซับประกายศักดิ์สิทธิ์ จำเป็นต้องได้คนที่มีคุณสมบัติ
ก็คือเป็นระดับเซียนซึ่งยินยอมให้วิญญาณของเขาหลอมรวมกับประกายศักดิ์สิทธิ์”
ลินลี่ย์พยักหน้าเล็กน้อย
“นอกจากนี้
เซียนทุกคนสามารถหลอมรวมประกายได้เพียงหนึ่ง”
เดลี่อธิบาย
“เรื่องนี้, ข้าทราบ” ลินลี่ย์พยักหน้า
เดลี่ลังเล แต่ในที่สุด เขายังฝืนยิ้มและกล่าว “ลินลี่ย์,
เจ้าต้องการประกายไว้เพียงหนึ่งเพื่อตัวเอง
ถ้า.. ข้าอยากจะบอกว่า.. ถ้า ถ้าเจ้าเต็มใจ
ประกายศักดิ์สิทธิ์อื่นของเจ้า..”
ถึงจุดนี้เดลี่ไม่รู้จะพูดยังไง
เขาจะพูดอะไรได้? ขอให้ลินลี่ย์ขายให้หรือ?
เขา..เดลี่จะเอาอะไรมาแลกเปลี่ยนกับประกายศักดิ์สิทธิ์?
ขอเป็นของขวัญจากลินลี่ย์ดื้อๆ?
เดลี่ไม่สามารถฝืนพูดขอออกมา เพียงเหตุผลเดียวที่เขามาและฝืนความละอายพูดคำนี้กับลินลี่ย์เป็นเพราะเขาปรารถนาจะกลายเป็นระดับเทพ
แม้ว่าธาตุประกายจะต่างกันและระดับการหลอมรวมของเขาจะช้าก็ตาม
และความเข้าใจในความรู้กฎธาตุในอนาคตจะถูกขัดขวาง.. เขาก็ไม่สนใจ
“นอกจากโอลิเวอร์และราชสีห์ทองหกตาสองพี่น้องแล้ว ยอดฝีมืออื่นทั้งหมดก็ปรารถนาประกายนี้” ลินลี่ย์ลอบบอกกับตนเอง
ช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมา
ยอดฝีมืออื่นเกือบทุกคนลอบมาพูดคุยกับลินลี่ย์
แม้ว่าตัวลินลี่ย์เองจะไม่ต้องการใช้ประกายศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้น
แต่เขาก็ยังให้คุณค่ากับประกายศักดิ์สิทธิ์ไว้สูง ต้องเข้าใจว่า...
ประกายศักดิ์สิทธิ์ประกายหนึ่งคือตัวแทนของเทพชั้นต้น
เขาสามารถให้ประกายศักดิ์สิทธิ์ทั้งสามนี้กับเกทส์ และพี่ชายของเขาหรือวอร์ตันน้องชายเขาเอง
ทำให้พวกเขากลายเป็นเทพได้!”
“ตอนนี้ขอเวลาข้าก่อน” ลินลี่ย์ลอบบอกกับตัวเอง
ยอดฝีมือเพียงแต่แสดงความสนใจของพวกเขา ที่สำคัญชีวิตของพวกเขาได้ลินลี่ย์ช่วยไว้ได้
และลินลี่ย์ได้รับประกายศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้มาได้หลังจากผ่านประสบการณ์อันตรายขีดสุด
“ครืนนน...”
ทันใดนั้น
ทั่วทั้งสุสานเทพเจ้าเริ่มสั่นสะเทือน
“เกิดอะไรขึ้น?” ลินลี่ย์และบีบีหันหน้าไปมองทันที
ทันใดนั้น พวกเขาเห็นในที่ไกลออกไป
ปรากฏทางออกปกคลุมไปด้วยรัศมีดำขึ้นอย่างไม่มีปีมีขลุ่ย จากภายในทางออกดำนั้น มีบุรุษคนหนึ่งเดินออกมา เขามีผมยาวดำ เคราดำยาว สวมชุดยาวดำ เป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่งของทวีปยูลาน
เบรุตนั่นเอง
ลินลี่ย์ เดลี่
ถูลี่..และยอดฝีมือทุกคนลุกขึ้นยืนทันที
เบรุตมองดูยอดฝีมือทุกคนจากนั้นจึงพูดขึ้น “ครบกำหนดสิบปีแล้ว ทุกคนสามารถออกจากสุสานเทพเจ้าได้” และจากนั้นเขาหันมามองลินลี่ย์
หน้าของเขามีรอยยิ้ม “ฮ่าฮ่า.. ลินลี่ย์..
ข้าต้องแสดงความยินดีกับเจ้าด้วย”
10 ความคิดเห็น:
ขอบคุณมากๆครับ
ขอบคุณมากเลยนะคับ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
ได้กลับทวีปยูลานซักที
ขอบคุณมากครับ
ขอบคุณ
ขอบคุณครับ
Thx you
ขอบคุณครับ
แสดงความคิดเห็น