วันอาทิตย์ที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2561

Panlong เล่มที่ 11 สุสานเทพเจ้า – ตอนที่ 39 คำทำนายของเบรุต


เล่มที่ 11 สุสานเทพเจ้า – ตอนที่ 39 คำทำนายของเบรุต
 “ปู่เบรุต, ปู่รู้อยู่แล้วใช่ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น?”  บีบีวิ่งเข้าหาเขาทันที
เบรุตยิ้มขณะกอดบีบีไว้ และพยักหน้า  “ข้าดูแลสุสานเทพเจ้าในนามของมหาเทพผู้ทรงฤทธานุภาพ  แน่นอนว่าข้าต้องรู้สิ่งที่เกิดขึ้นภายในสุสานเทพเจ้าเป็นธรรมดา”  เบรุตขบขันและยิ้มให้ลินลี่ย์อย่างมีความหมาย

ลินลี่ย์เข้าใจทันที
บางที...
เป็นเบรุตที่วางประกายศักดิ์สิทธิ์ทั้งสามเหล่านั้นไว้ให้เขา  ถ้าคนที่ประสบความสำเร็จในการท้าทายที่ชั้นสิบเอ็ดเป็นโอลิเวอร์  บางทีประกายศักดิ์สิทธิ์อาจกลายเป็นรูปแบบ ธาตุแสง ธาตุมืดและสายทำลายล้างแทนก็เป็นได้
แต่แน่นอน นี่เป็นแค่ข้อสันนิษฐานของลินลี่ย์เท่านั้น
 “ลินลี่ย์”  เบรุตหัวเราะขณะมองลินลี่ย์อย่างใจเย็น  “ข้าเชื่อว่าเจ้ารู้สึกถึงระดับเทพได้อย่างเลือนรางแล้ว  เจ้าน่าจะอยู่ปริ่มชายขอบระดับเทพแล้วสินะ?”
ลินลี่ย์พยักหน้าและลอบพูดกับตัวเขาเอง  “ดูเหมือนว่าเบรุตจะรู้ทุกอย่างที่เกิดขึ้นภายในสุสานเทพเจ้า  เบรุต...เขาน่าจะเป็น พ่อบ้าน ของมหาเทพรับดูแลสุสานเทพเจ้า ลินลี่ย์เข้าใจ
สุสานเทพเจ้าไม่มีอะไรมากไปกว่าการละเล่นของมหาเทพ  ดังนั้นเขาสามารถส่งบริวารของเขาคนไหนก็ได้ลงมาควบคุม
เพียงแต่แค่หนึ่งในบริวารของมหาเทพ ก็มีระดับสูงกว่าลินลี่ย์มากมายนัก
 “ถ้าข้าคาดการณ์ได้ถูกต้อง ภายในสิบปี เจ้าน่าเข้าถึงระดับเทพได้”  เบรุตกล่าว
 สัจธรรมแห่งความเร็ว ของลินลี่ย์รวมเอาทั้งด้าน เร็ว และด้าน ช้า  ถ้าลินลี่ย์เป็นผู้เชี่ยวชาญ สัจธรรมแห่งความเร็ว เต็มที่ อย่างนั้นเขาจะเชี่ยวชาญเต็มที่และหลอมรวมด้านทั้งสองเหล่านั้นเป็นหนึ่งเดียว และเขาจะยกระดับขึ้นเป็นเทพระดับกลางได้
 “สิบปี?”  ลินลี่ย์พึมพำกับตนเอง  จากนั้นพยักหน้าเล็กน้อย
ความเร็วขนาดนี้ใกล้เคียงกับที่เขาคาดไว้
เดลี่ เฟนและยอดฝีมืออื่นที่อยู่ใกล้ๆ ทุกคนมองดูลินลี่ย์อย่างตกใจ  พวกเขาทุกคนรู้ว่าเบรุตกำลังพูดอะไร  ลินลี่ย์ไม่ได้อาศัยประกายศักดิ์สิทธิ์ อาศัยแต่เพียงการรู้แจ้งของตนก็สามารถเข้าถึงระดังเทพได้ และอาจเป็นภายในเวลาสิบปี
ต่อให้ลินลี่ย์จะฝึกมาตั้งแต่เกิด  เขาก็ฝึกมาราวๆ ครึ่งศตวรรษ
อีกสิบปีกว่าจะมีอายุเพียงหกสิบกว่าปี  ในช่วงหกสิบปีเขาจะกลายเป็นเทพด้วยความสามารถตนเอง
 “แต่ลินลี่ย์, เจ้าอย่าประมาทเสียเล่า  ศักยภาพของสหายหนุ่มโอลิเวอร์อาจจะสูงล้ำกว่าเจ้าเล็กน้อย”  เบรุตหัวเราะอย่างใจเย็น และหันไปมองโอลิเวอร์
คำพูดเหล่านี้ทำให้เดลี่ ถูลี่และยอดฝีมืออื่นตะลึงทันที  ถ้าลินลี่ย์ทรงพลังก็นับว่าดี  ที่สำคัญคือเกี่ยวกับผลงานของเขาในสุสานเทพเจ้า... ลินลี่ย์ทรงพลังมากกว่าพวกเขาอย่างเห็นได้ชัด  และเขาได้รับประกายศักดิ์สิทธิ์ในชั้นสิบเอ็ดด้วยฝีมือตนเอง  พวกเขายอมรับว่าด้อยกว่าเขา
แต่โอลิเวอร์...
ลินลี่ย์เองก็ค่อนข้างประหลาดใจเช่นกัน
 “ท่านลอร์ดเบรุต”  โอลิเวอร์แสดงความเคารพ
โอลิเวอร์ยิ้มและพยักหน้า  “โชคของเจ้าไม่เลว  เจ้าสามารถหลอมรวมธาตุแสงกับธาตุมืดได้โดยวิญญาณเจ้าไม่ถูกทำลาย...  ข้าเดินทางผ่านแดนดินมามากมาย  แต่สถานการณ์อย่างเจ้าเกิดขึ้นได้ยาก มันยากเหลือเชื่อ!  แม้แต่ข้ายังอิจฉากับสิ่งที่เจ้าเป็น”
สีหน้าของโอลิเวอร์เปลี่ยนเล็กน้อย  แม้ว่าเบรุตจะไม่เฉลยออกมา  แต่โอลิเวอร์บอกได้ว่า เบรุตผู้นี้รู้ความลับของเขา!
 “เป็นไปได้ไหมว่าเบรุตผู้นี้สามารถตรวจสอบจิตวิญญาณของข้าได้?”  โอลิเวอร์ค่อนข้างประหลาดใจ  เขาไม่รู้...ว่าเบรุตทรงพลังมากจนเขาสามารถอ่านความทรงจำผู้คนได้โดยที่พวกเขาไม่รู้เรื่อง  เทียบดูแล้ว  จะเป็นเรื่องสำคัญอะไรที่เขาจะตรวจสอบวิญญาณของโอลิเวอร์ได้?
ลินลี่ย์มองดูโอลิเวอร์เช่นกัน
 “โอลิเวอร์นี้.. ตอนเราเผชิญหน้ากับราชันย์เนตรมายาและถูกพลังโจมตีของราชันย์เนตรมายา  ข้าช่วยตัวเองไม่ได้  แต่โอลิเวอร์สามารถทำลายวิชาของราชันย์เนตรมายาได้”  ต่อมาบีบีถึงได้เล่าให้ลินลี่ย์ฟังเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น
ขณะนั้นราชันย์เนตรมายาก็ประหลาดใจกับวิญญาณของโอลิเวอร์เช่นกัน
 “เกี่ยวกับระดับความก้าวหน้าของเจ้า  ถ้าข้าคาดการณ์ไม่ผิดภายในสิบปีเป็นอย่างเร็ว ห้าสิบปีเป็นอย่างช้า เจ้าน่าจะเข้าถึงระดับเทพด้วยเช่นกัน”  เบรุตพูดไปหัวเราะไป
 “มิน่าเล่า โอลิเวอร์ถึงได้มั่นใจนักถึงกับพูดว่าหลังจากฝึกแล้วสองสามปี  เขาจะมาท้าทายข้า”  ลินลี่ย์มีความคาดหมายไว้ในใจเช่นกัน  ก่อนนี้ เขาไม่ให้ความสนใจคำพูดของโอลิเวอร์มากนัก เนื่องจากตอนนี้เขามีพลัง สัจธรรมแห่งความเร็ว  เขาแค่ตอบไปตามมารยาทเท่านั้น
แต่ตอนนี้ ลินลี่ย์มองไปข้างหน้า
เดลี่ เฟน โรซารี่และยอดฝีมือที่เหลือรู้สึกตึงเครียดในใจ
ช่างแตกต่าง!
พวกเขาฝึกฝนมาเป็นพันๆ ปี แต่เทียบกับลินลี่ย์และโอลิเวอร์แล้ว ความแตกต่างระหว่างพวกเขาช่างมากมายเหลือเกิน
 “ลอร์ดเบรุต ท่านพอจะบอกเราบ้างได้ไหม  อีกนานเท่าใดเราจะเข้าถึงระดับเทพ?”  เดลี่พูดด้วยความเคารพ  โรซารี่ ถูลี่... แม้แต่ราชสีห์ทองหกตาสองพี่น้องและจ้าวแมงป่องเกล็ดดำต่างมองเบรุตด้วยความคาดหวัง  พวกเขาต้องการได้ยินคำตัดสินของเบรุต
เนื่องจากพลังของเบรุต เขาย่อมตัดสินระดับความเข้าใจของเซียนคนหนึ่งๆ ได้ง่าย
 “พวกเจ้าน่ะหรือ?”  เบรุตชำเลืองมองพวกเขา  “พวกเจ้าจะเข้าถึงระดับเทพได้เมื่อใด, ฮืมม.. อย่างเร็ว ก็แค่วันหรือสองวัน...”
ถูลี่ เดลี่  และยอดฝีมือคนอื่นตาเป็นประกายกันทุกคน
 “แต่อย่างช้า พวกเจ้าอาจต้องใช้เวลาเป็นพันล้านปี”  เบรุตสรุปดื้อๆ ทำให้ถูลี่และยอดฝีมืออื่นตะลึงกันไปหมด  ยอดฝีมือเหล่านี้ปรารถนาลึกๆ จะกลายเป็นระดับเทพ  นี่เป็นเหตุผลที่พวกเขายังมีชีวิตอยู่  เป้าหมายที่พวกเขาไล่ตามมาเป็นพันๆ ปี ซึ่งพวกเขายังไปไม่ถึง
เบรุตส่ายหัวและหัวเราะ  “พวกเจ้าเหล่าผู้เยาว์.. มีสิ่งที่เรียกว่า อัจฉริยภาพ และลินลี่ย์กับโอลิเวอร์ทั้งสองคนถือได้ว่าเป็นอัจฉริยะ  นอกจากนี้ สัจธรรม ซึ่งพวกเขาฝึกฝนอยู่มีพลังมากกว่าพวกเจ้า”  เบรุตกำลังบรรยายปากเปล่า
เดลี่ เฟน และยอดฝีมืออื่นผู้ฝึกฝนมาหลายพันปีล้วนตั้งใจฟังอย่างว่าง่าย เหมือนกับว่าพวกเขาเป็นเด็กนักเรียกกำลังฟังครูสอน
 “วิสัยทัศน์ของพวกเจ้าคับแคบและจำกัดเกินไป  พวกเจ้าต้องเข้าใจนะว่า... ในมิตินับไม่ถ้วนเหล่านี้มีพิภพอยู่นับไม่ถ้วน  แต่สายตาของพวกเจ้าจำกัดอยู่แค่เพียงทวีปยูลาน  อัจฉริยะน่ะหรือ?  ในบรรดาอัจฉริยะทั้งหมดที่ข้าเคยเห็น หนึ่งในนั้นถึงระดับเทพเมื่อตอนเกิดมาได้อายุสิบปี  แต่ข้าก็ยังพบพวกที่ฝึกมานานสิบล้านปีโดยยังติดอยู่ที่ระดับเซียน”
ลินลี่ย์กับโอลิเวอร์ตะลึงทั้งคู่
ถึงระดับเทพตอนอายุตั้งแต่สิบปีตั้งแต่เกิดมาน่ะหรือ?  นี่เป็นตัวประหลาดเกินไปแล้ว หรือว่าเป็นเผ่าพันธุ์ของอสูรเทพ? แต่อสูรเทพอย่างบีบีก็ยังใช้เวลาเติบโตเกือบร้อยปีจึงจะโตตามกำหนด
 “ลินลี่ย์, โอลิเวอร์”  เบรุตมองดูทั้งสองคน  “ทวีปยูลานมีอายุมานับปีไม่ถ้วนแล้ว  และยอดฝีมือที่ทวีปนี้สร้างขึ้นมาก็มีมากมายเกินกว่าจะนับไหว  แต่แน่นอน ในช่วงแสนปีที่ผ่านมา เจ้าสองคนนับได้ว่ามีพรสวรรค์มากที่สุด”
ลินลี่ย์กับโอลิเวอร์ไม่ได้แสดงถือดีในใจตนเองออกมา
 “แต่ถ้าเรามองไปที่พิภพอื่นในจักรวาล ก็ยังมีอยู่อีกหลายคนมากที่มีอัจฉริยภาพมากกว่าพวกเจ้าทั้งสองคน”  เบรุตถอนหายใจ  “มีอัจฉริยะบางคนที่ข้าได้แต่จ้องดูอย่างหวาดกลัวและตะลึง”
ลินลี่ย์และโอลิเวอร์พยักหน้าเล็กน้อย  ที่ระดับปัจจุบันของเขา  พวกเขามีวิสัยทัศน์มากกว่าแต่ก่อน
 “นอกจากนี้, ยังมีบางเผ่าพันธุ์ที่มีพลังมาก เหมือนกับเผ่าพันธุ์ที่พวกเจ้าเผชิญหน้าด้วยในสุสานเทพเจ้า เผ่าพันธุ์ตาปีศาจ, เผ่าพันธุ์มนุษย์พฤกษา... และอื่นๆ  เผ่าพันธุ์เหล่านี้ทรงพลังตามธรรมชาติ  ไม่มีอะไรแน่นอนในจักรวาลที่ไร้ขีดจำกัดนี้”  เบรุตหันไปมองเดลี่และยอดฝีมืออื่น
เดลี่และยอดฝีมืออื่นค่อนข้างจะรู้สึกอึดอัดไม่สบายใจ
 “หลังจากทรงพลังแล้ว อย่านิ่งนอนใจ สำหรับเฟนและพวกเจ้าที่เหลือก็อย่าดูแคลนตัวเอง  ที่สำคัญในทวีปยูลาน พวกเจ้าอยู่ในยอดบนปิรามิดนักสู้กันแล้ว  ในพิภพนับไม่ถ้วน ยังมีคนหลายคนที่ฝึกฝนกันมาเป็นสิบล้านปีทั้งที่เข้าถึงระดับเทพไม่ได้  ยังมีคนมากมายที่ด้อยกว่าพวกเจ้า”
เดลี่ เฟนและยอดฝีมืออื่นได้แต่ฝืนหัวเราะในใจ
มีคนหลายคนที่เหนือกว่าพวกเขา  แต่ก็มีอีกหลายคนที่ด้อยกว่า
 “สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือมีความมั่นใจในตนเอง”  เบรุตพูดอย่างจริงจัง  “ความจริง, ข้าพบว่าในใจพวกเจ้า  พวกเจ้าทุกคนเริ่มกังขาตัวเองกันบ้างแล้ว พวกเจ้ากังวลกับการเป็นสุดยอดเซียนมายาวนาน  ดังนั้นพวกเจ้าจึงฝากความหวังของตนเองไว้กับประกายศักดิ์สิทธิ์ใช่ไหม?”
 “ผิดแล้ว!
เบรุตส่ายศีรษะ  “ถ้าแม้แต่ตัวเจ้าเองยังกังขาสงสัยตัวเองและไม่มีศรัทธาในตัวเองกล้าแข็งพอ  แล้วพวกเจ้าจะบรรลุระดับเทพไปได้ยังไง?”
เดลี่ เฟน และยอดฝีมืออื่นรู้สึกใจสั่นสะท้านทุกคน
ความจริงพวกเขาทุกคนฝากความหวังไว้กับการหาประกายศักดิ์สิทธิ์  และลึกๆ ในใจพวกเขา  พวกเขาเริ่มสงสัยความสามารถของตัวพวกเขาเอง
 “แต่ลินลี่ย์กับโอลิเวอร์นั้นแตกต่างออกไป  พวกเขาเชื่อมั่นในตัวเอง  เชื่อมั่นว่าพวกเขาจะสามารถฝึกในระดับสูงสุดได้  ดังนั้นพวกเขาจึงก้าวหน้าต่อเนื่องอย่างแท้จริง ทำให้บรรลุระดับใหม่ครั้งแล้วครั้งเล่า”  เบรุตถอนหายใจชื่นชม
นี่คือความจริงแน่นอน  หัวใจของลินลี่ย์มักจะเพ่งไปที่การไปให้ถึงขีดจำกัดของการฝึกฝน  ไม่เคยสงสัยความสามารถของตนเอง  ขณะที่โอลิเวอร์ เมื่อแรกที่เขาออกจากจักรวรรดิโอเบรียนและมาถึงดินแดนน้ำแข็งขั้วโลก  แม้ว่าจะยังอ่อนแอมาก  เขากล้าพูดได้ว่าเขาจะต้องท้าทายลูเธอร์ฟอร์ด
แม้แต่ตอนนี้ หลังจากที่ลินลี่ย์กลับมาจากชั้นที่สิบเอ็ดพร้อมกับประกายศักดิ์สิทธิ์  เขายังกล้าพูดว่าในอนาคต  เขาจะยังท้าทายลินลี่ย์ได้
มั่นใจในตนเอง!
ลินลี่ย์กับโอลิเวอร์เป็นสองคนที่เต็มไปด้วยความมั่นใจในตนเอง  และพวกเขาก็ยังฝึกฝนหนักมากเช่นกัน
ถ้าคนผู้หนึ่งยังกังขากับตนเอง ก็เป็นเรื่องยากที่จะก้าวหน้าได้
 “ขอบคุณ, ท่านลอร์ดเบรุต”  เดลี่และยอดฝีมือที่เหลือดูเหมือนจะเข้าใจขึ้นมาบ้าง
เบรุตพูดอย่างสงบ  “หลังจากพบประสบการณ์เสี่ยงเป็นและตายมาในสุสานเทพเจ้านับครั้งไม่ถ้วน  พวกเจ้ายังจะไม่ได้รับความเข้าใจรู้แจ้งอีกหรือ?  สถานที่อย่างนี้เป็นดินแดนก้ำกึ่งระหว่างความเป็นและความตาย ช่วยให้ศักยภาพของผู้คนได้รับการปลดปล่อย  โชคไม่ดีที่ไม่มีพวกเจ้าคนไหนเลยที่เชื่อมั่นในตนเอง”
 “พอได้แล้ว, ทุกคน..ออกไปจากสุสานเทพเจ้ากันเถอะ”  เบรุตกล่าว
ลินลี่ย์และยอดฝีมืออื่นติดตามเบรุตออกไปตามทางออกที่เขาสร้างไว้ เป็นทางออกจากชั้นที่สิบ
ข้างนอกสุสานเทพเจ้ายังเป็นที่ก้นทะเล
ทันทีที่ลินลี่ย์และคนอื่นออกมา  พวกเขาพบว่ามีประตูทางออกสีดำนำออกมาจากชั้นที่สอง ชั้นที่ห้าของสุสานเทพเจ้า  เห็นได้ชัดว่า.. ประตูทั้งสามระดับนี้มีเซียนปรากฏอยู่
 “หืม?.. เทพสงคราม, มหาพรต, ไดลิน, ซีซาร์..”  ลินลี่ย์สังเกตเห็นสี่เทพกำลังยืนอยู่ในที่ห่างออกไป
ขณะนี้เอง มียอดฝีมือกลุ่มใหญ่อยู่ภายนอกสุสานเทพเจ้าแล้ว เช่นฮิกกินสันและคนอื่นๆ  นอกจากลินลี่ย์และยอดฝีมืออื่นอีกเก้าที่อยู่ในชั้นที่สุด  มียอดฝีมืออื่นเกือบยี่สิบคนที่ยังอยู่ในชั้นที่สองและห้า  หนึ่งในนั้นเป็นร่างที่คุ้นเคย...
 “บาร์เกอร์!  ตาลินลี่ย์เบิกกว้างทันที และท่าทีดีใจปรากฏอยู่บนสีหน้าของเขา
 “ท่านลอร์ดลินลี่ย์!  บาร์เกอร์ก็เห็นลินลี่ย์เช่นกัน  และบินเข้ามาหาด้วยความประหลาดใจปนดีใจ
ลินลี่ย์กอดบาร์เกอร์อย่างตื่นเต้นเช่นกัน  ถ้าบาร์เกอร์ตายจริงๆ อย่างนั้นการเดินทางกลับบ้าน ลินลี่ย์คงรู้สึกยากจะเผชิญหน้ากับเกตส์และคนอื่นๆ รวมทั้งลูกและภรรยาของบาร์เกอร์เช่นกัน
 “บาร์เกอร์, เจ้ายังไม่ตาย!  บีบีเหาะเข้าไปหาบาร์เกอร์และร้องดีใจเช่นกัน
บาร์เกอร์เริ่มหัวเราะร่วน
ด้านนอกสุสานเทพเจ้า ยอดฝีมือที่รู้จักกันเริ่มสนทนากัน อย่างเช่นศิษย์ส่วนตัวของเทพสงครามที่ซ่อนตัวอยู่ที่ชั้นสองหรือชั้นห้า ทั้งหมดโชคดีที่รอดมาถึงที่นี่ได้
 “บาร์เกอร์, เจ้าหนีมาจากชั้นที่สามได้ยังไง?”  ลินลี่ย์ถามทันที
บาร์เกอร์ส่ายหัว  “ข้าเองก็งงอยู่เหมือนกัน  เมื่อนาคราชตื่นขึ้น  เขาฆ่าเซียนไปหลายคน และข้าไม่รู้ว่าท่านลอร์ดลินลี่ย์หนีได้หรือไม่  ข้าเห็นอะไรไม่ชัดเลย”
ลินลี่ย์พยักหน้าถอนหายใจ
 “เพียงแต่หลังจากการสังหารหมู่เซียนในชั้นที่สาม นาคราชใช้หางของเขาหวดใส่ข้า
ลินลี่ย์ใจสั่นสะท้าน  แม้ว่าบาร์เกอร์จะรอดชีวิตเป็นปกติสุข แต่ฉากภาพนั้นน่ากลัวมากกว่าที่คิด  บาร์เกอร์ไม่ตายหลังจากถูกหางนาคราชอสูรชั้นเทพฟาดใส่ได้ยังไง?
 “สิ่งที่แปลกก็คือ เมื่อหางของนาคราชฟาดใส่ข้า มันทำให้ข้าปลิวกระเด็นไปไกลมาก และข้าเป็นอัมพาตไปหมดเหมือนกับโดนเชือกที่มองไม่เห็นมัดไว้รอบตัว  เมื่อข้าลงกระแทกพื้น.. ข้าพบว่าข้าร่วงลงไปที่ทางออกชั้นสองพอดี”  บาร์เกอร์แม้แต่ตอนที่เล่าเรื่องราวดูเหมือนว่าจะไม่อยากเชื่อเช่นกัน
ลินลี่ย์และบีบีจ้องมองปากอ้าค้างทันที
 “เฮ้, เจ้าพวกนั้น” น้ำเสียงร่าเริงดังขึ้น  บุรุษหนุ่มหน้าตาอำมหิตผมสีเขียวปรากฏตัวข้างลินลี่ย์และยอดฝีมืออื่นทันที
ลินลี่ย์ บาร์เกอร์และบีบีมองดูบุรุษหนุ่มผมเขียวที่อยู่ใกล้ๆ ด้วยความประหลาดใจทันที  ทั้งสามสังเกตการปรากฏตัวของเขาหลังจากที่เขาพูด
 “ลินลี่ย์ใช่ไหม?”  บุรุษที่มีแววอำมหิตผมเขียวหัวเราะ  “ไม่เลว, เจ้าทำได้สำเร็จจริงๆ สามารถได้รับประกายศักดิ์สิทธิ์จากชั้นที่สิบเอ็ด แข็งแกร่งมาก เด็กน้อย”  ขณะที่เขาพูด  เขาลูบศีรษะลินลี่ย์  ลินลี่ย์ต้องการหลบ  แต่เขาพบว่าร่างกายของเขาไม่สามารถขยับได้แม้แต่น้อย”
 “ระดับเทพ!  ลินลี่ย์ตกใจ
นอกจากเทพสงครามและอีกสี่เทพที่เหลือ ยังมียอดฝีมือระดับเทพอีกคนหนึ่งหรือนี่?
 “ทารอส! มาตรงนี้เลย”  เบรุตเรียกเขาแต่ไกล
เด็กหนุ่มผมเขียวมีแววอำมหิตเข้าไปหาทันทีอย่างว่าง่าย เขาหัวเราะ “ลอร์ดเบรุต, จะกลับไปทวีปยูลานอยู่แล้ว เดี๋ยวข้ากลับไปแล้วจะไม่ได้เจอกันอีกนาน  ข้าคิดถึงบ้านจริงๆ”
ยอดฝีมือทุกคนมองดูบุรุษหนุ่มผมเขียวอย่างมึนงง  เขาเป็นใคร?
เบรุตมองดูยอดฝีมือรอบๆ  และพูดอย่างสงบ  “ข้าขอแนะนำพวกเจ้า คนผู้นี้ชื่อว่าทารอส พวกเจ้าบางคนได้พบเขามาก่อนแล้ว  เขาคือผู้พิทักษ์สุสานเทพเจ้าสิบเอ็ดชั้นแรก เทพอสูรขี้เซา นาคราช
 “นาคราช?” ยอดฝีมือหลายคนตกใจ และเมื่อพวกเขามองดูทารอส  ตาของพวกเขาตอนนี้เต็มไปด้วยความนับถือและเกรงกลัว ขณะที่ลึกในใจของพวกเขาก็รู้สึกเกลียดเช่นกัน
ที่สำคัญ ยอดฝีมือหลายคนถูกทารอสฆ่าตาย
 “ข้ารู้จักพวกเจ้าทั้งสี่  ข้ารู้จักแคทเธอรีนที่อยู่ด้านหลัง  เราเป็นสหายเก่ากัน โอว.. สหายผู้นี้คือโอเบรียน  และนี้คือซีซาร์, ใช่ไหม?”  ทารอสหัวเราะ
โอเบรียนและซีซาร์ไม่กล้าพูดอะไรมาก  ที่สำคัญทารอสเป็นเทพระดับกลางแล้ว
ลินลี่ย์สามารถบอกได้เลยว่าทารอสผู้นี้คงเพิ่งจะได้พบกับโอเบรียนและซีซาร์เป็นครั้งแรก  แต่คงเคยพบกับแคทเธอรีนมาก่อนในอดีต
 “โวววว, ไดลิน, เพื่อนรัก! โชคของเจ้าช่างน่าตื่นเต้น  เจ้าหลบหนีออกมาจากคุกเกบาโดสได้จริง  ที่ดีใจที่สุดก็คือเจ้าออกมาจากที่นั่นได้ทำให้ข้ามีโอกาสได้พบเจ้า  ดีจริงที่ได้เจอกันอีก”  ขณะที่เขาพูด ทารอสเดินมากอดไดลินด้วย
ไดลินมีอารมณ์หงุดหงิดเดินเลี่ยงมาอยู่ข้างเบรุต
ตอนนี้ไดลินอารมณ์ไม่ดี  เพราะบุตรคนรองของเขาตาย  ระดับสิบเอ็ดชั้นล่างนี้อยู่ภายใต้การรับผิดชอบของทารอส  อย่างไรก็ตามเขารู้ว่าทารอสไม่สามารถฝืนกฎได้  เขาสามารถทำเป็นมองไม่เห็นได้ในบางเรื่อง  แต่ถ้าเขาตั้งใจช่วยใครสักคนในบางชั้น นั่นไม่ได้รับอนุญาตให้ทำ ต่อให้เป็นเทพระดับสูงก็อาจพบจุดจบได้  ถ้าฝ่าฝืนกฎของมหาเทพ
 “ทารอส, พอเถอะ”  เบรุตพูดอย่างสงบ  และทารอสไม่กล้าส่งเสียงต่อไปทันที ได้แต่ยืนอย่างเชื่องเชื่ออยู่ด้านหลังเบรุต  เพียงแต่เขาหันหน้าไปหลิ่วตาให้บาร์เกอร์  บาร์เกอร์ในตอนนี้เข้าใจแล้วว่า ...ทารอสที่อยู่ต่อหน้าเขาก็คือนาคราช
นาคราชผู้ไว้ชีวิตเขา!
 “ทุกคน, เตรียมตัวเดินทางกลับทวีปยูลานกันได้แล้ว”  เบรุตพูดอย่างสงบ
 “ขอรับ, ท่านลอร์ดเบรุต”  ยอดฝีมือทุกคนพูดพร้อมกัน
ภายใต้การนำของเบรุต ทารอสและยอดฝีมือชั้นเทพที่เหลือพร้อมทั้งเซียนอีกสามสิบคนเดินทางกลับไปทวีปยูลานพร้อมกัน
วันนี้คือวันที่ 4 มีนาคม ศักราชยูลานที่ 10034  ผ่านไปสิบปีแล้วนับตั้งแต่ลินลี่ย์และยอดฝีมืออื่นเดินทางมาถึงที่นี่!

11 ความคิดเห็น:

sittichok กล่าวว่า...

ขอบคุณมากเลยนะคับ

minibull กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ ย่างงี้ไปซัดกลับศาสนาศักดิ์ได้แล้ว

BeHappy กล่าวว่า...

ขอบคุณ​มาก​ครับ​

GG กล่าวว่า...

ขอบคุณ

มีตน กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณมาก ดีที่บาร์เกอร์ไม่ตาย

ท้องฟ้าจะมีความหมาย ถ้ามีคนแหงนมอง กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณหลายๆ

Boybravo กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

สายลมโชย กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Unknown กล่าวว่า...

ปาร์ตี้เด็กเส้น gm ชัดๆ /0/

แสดงความคิดเห็น