เล่ม 12 เชื้อสายเทพ – ตอนที่ 2 กลายเป็นเทพ?
หลังจากใช้เวลาสิบปีในสุสานเทพเจ้า เขากลับมาก็ได้หลานคนหนึ่ง
เรื่องนี้ทำให้ลินลี่ย์แปลกใจ
แต่ขณะที่อุ้มอาร์โนลด์ในอ้อมแขน ลินลี่ย์รู้สึกมีความสุขมาก
ภายในโถงใหญ่ของปราสาท
“เทย์เลอร์,
แม่ของเจ้าอยู่ไหน?” ลินลี่ย์ถาม
เทย์เลอร์เริ่มหัวเราะทันที “ท่านพ่อ สองปีหลังจากท่านจากไป
ท่านแม่ก็เข้าถึงระดับเซียนจอมเวทแล้ว...”
“ว่าไงนะ?
สองปี?”
ลินลี่ย์ไม่เพียงดีใจเท่านั้น
แต่ยังตกใจด้วย
ในสุสานเทพเจ้า
เขาบรรลุเป็นระดับเซียนจอมเวทในชั้นที่สิบของสุสานเทพเจ้า
นั่นคือปีที่เก้าในสุสานเทพเจ้า เมื่อเทียบกับเดเลีย ลินลี่ย์เข้าถึงระดับเซียนจอมเวทช้ามากกว่าจริงๆ
“เดเลียน่าทึ่งจริงๆ”
ลินลี่ย์ลอบพูดกับตนเองในใจ
เทย์เลอร์พูดต่อ
“หลังจากถึงระดับเซียนจอมเวทแล้ว
นางเข้าไปฝึกชั้นห้องใต้ดินที่ท่านพ่อใช้อยู่เสมอ
ไม่นานมานี้เมื่อตอนที่อาร์โนลด์เกิด
ท่านแม่ออกจากการถือสันโดษ
แต่หลังจากเขาอายุหนึ่งเดือน ท่านแม่ก็กลับไปฝึกต่อ”
“โอว?” ลินลี่ย์พยักหน้าเล็กน้อย
เขาหันไปมองคนอื่น
“ทุกคน รออยู่ที่นี่ก่อนนะ
ข้าจะไปพาเดเลียออกมา
เราจะร่วมกินอาหารค่ำด้วยกัน”
ลึกลงไปในปราสาทเลือดมังกร ทางเข้ามิติลึกลับ
เพียงแต่เมื่อเทียบกับทางเข้าใต้ทะเลใต้
ทางเข้านี้เล็กกว่ามาก
ร่างของลินลี่ย์เต็มไปด้วยชั้นชีพจรป้องกันแล้ว และเขาเดินเข้าไป
“สิบปี”
ลินลี่ย์ยืนอยู่ในห้องมิติ
ด้านนอกที่มีผนังบางกั้นเป็นมิติที่ปั่นป่วน และภายในนั้น
เดเลียนั่งขัดสมาธิฝึกพลัง
ใบหน้าของนางคลุมไปด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์ มองดูเหมือนเทพธิดา
“หืม?”
ทันใดนั้นลินลี่ย์ขมวดคิ้วสับสน
ขณะที่นางกำลังฝึก
รัศมีที่เดเลียเปล่งออกมาทำให้ลินลี่ย์หัวใจกระตุก
เดเลียลืมตาหันหน้ามามองอย่ามึนงง แต่เมื่อเห็นเป็นลินลี่ย์ นางลุกขึ้นยืนด้วยความประหลาดใจปนดีใจ “ลินลี่ย์!” ตาของเดเลียแดงทันที
ความรู้สึกของการพลัดพรากจากกันสิบปียากจะทนทานจริงๆ
เดเลียโถมตัวเข้าอ้อมอกลินลี่ย์ กอดลินลี่ย์ไว้แน่น
ลินลี่ย์เองก็กอดเดเลียไว้แน่นเช่นกัน กระซิบข้างหูนาง “ยกโทษให้ข้าด้วย เดเลีย”
“ลินลี่ย์! ข้ากลัวมาก
ข้ากลัวว่าเจ้าจะกลับมาจากสุสานเทพเจ้าไม่ได้” ขณะที่เดเลียพูด
ลินลี่ย์รู้สึกทันทีว่าชุดของเขาเปียก เดเลียกำลังร้องไห้
เดเลียเงยหน้ามองลินลี่ย์ หัวเราะทั้งน้ำตา
น้ำตานางยังติดอยู่ที่ขนตา “ลินลี่ย์, คราวนี้เจ้าจะไม่จากไปอีกใช่หรือเปล่า?”
“ข้าไม่จากไปแล้ว
ไม่ออกไปไหนแล้ว”
ลินลี่ย์รับรองกับนาง
ลินลี่ย์กับเดเลียเดินไปที่เตียงหิน และนั่งลงขณะประคองกอดกัน
“จริงสิ, เดเลีย,
ทำไมข้ารู้สึกเหมือนกับว่าเจ้าค่อนข้างแตกต่างออกไปเมื่อเทียบกับเมื่อในอดีต?” ลินลี่ย์ถามด้วยความสงสัย
เดเลียมองดูลินลี่ย์ ตั้งใจจะทำให้บรรยากาศลึกลับ “ลินลี่ย์! ลองเดาสิว่า ทำไมข้าถึงแตกต่างจากเมื่อก่อน?”
“เป็นเพราะเจ้าเข้าถึงระดับเซียนจอมเวทใช่ไหม?” ลินลี่ย์ถาม
เดเลียส่ายศีรษะ
“หืม?”
ลินลี่ย์ไม่เข้าใจ
เดเลียยิ้ม, จากนั้นพูดอย่างอ่อนโยน “ลินลี่ย์, ข้าจะบอกความลับที่ยิ่งใหญ่กับเจ้า,
ข้า...กลายเป็นระดับเทพแล้ว!”
ลินลี่ย์ตกตะลึงพรึงเพริด
ราวกับว่าถูกสายฟ้าฟาด เขาพูดไม่ออกอยู่นาน
“เจ้าเพิ่งพูดอะไรไป? เดเลีย,
เจ้าบอกว่าเจ้ากลายเป็นเทพ?”
ลินลี่ย์มองเดเลียด้วยความรู้สึกเหลือเชื่อ
คนเราจะกลายเป็นเทพอย่างง่ายดายแบบนั้นได้ยังไง?
เหมือนอย่างเดลี่และเฟนฝึกมาหลายพันปีโดยไม่มีความสำเร็จ แม้แต่ลินลี่ย์เองมีประสบการณ์สู้รบเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายมานับไม่ถ้วน
โชคดีที่ผ่านชั้นที่สิบเอ็ดสุสานเทพเจ้ามาได้”
แต่ถึงกระนั้นลินลี่ย์ยังต้องใช้เวลาราวๆ
สิบปีจึงจะกลายเป็นเทพได้
เดเลียกลายเป็นเทพหรือ?
“เป็นความจริง” เดเลียพยักหน้า
“เดเลีย, อย่าล้อเล่นน่า” ลินลี่ย์เริ่มหัวเราะ “ถ้าเจ้าต้องการเป็นเทพจริงๆ นั่นไม่ใช่เรื่องใหญ่ ตอนนี้ข้าได้ประกายศักดิ์สิทธิ์ในสุสานเทพเจ้ามาแล้ว
หนึ่งในนั้นเป็นประกายศักดิ์สิทธิ์ธาตุลมของเทพชั้นต้น เจ้าสามารถใช้ได้เพื่อกลายเป็นเทพ”
เดเลียส่ายหน้าอย่างนุ่มนวล
“ลินลี่ย์, ดูให้ดีนะ”
เดเลียพูดกับลินลี่ย์อย่างอ่อนโยน
ทันใดนั้น....
เกิดพลังประหลาดเต็มพื้นที่ทันที ลินลี่ย์รู้สึกเหมือนกับว่าเขาอยู่ภายใต้แรงกดมหาศาลที่มองไม่เห็นทันที
แรงกดนั้นพันธนาการเขาไว้จนเขาไม่สามารถขยับได้
“สนามพลังเทพ?”
ลินลี่ย์มีประสบการณ์และเข้าใจทันที
แต่ชั้นชีพจรป้องกันรอบตัวลินลี่ย์สั่นและทำลายพันธนาการเป็นอิสระได้ ลินลี่ย์อดรู้สึกประหลาดใจไม่ได้ เป็นไปได้ยังไงที่สนามพลังเทพจะถูกทำลายได้ง่ายอย่างนี้?
ลินลี่ย์จ้องมองเดเลียอย่างเหลือเชื่อ
เดเลียพูดในลักษณะมีความละอาย
“ข้าเพียงแต่หลอมรวมกับประกายศักดิ์สิทธิ์ได้แค่แปดปี
ทั้งข้าเองก็ได้รับการรู้แจ้งเพียงเล็กน้อยจากกฎที่ข้าได้เรียนรู้ในนั้น ข้ายังดูดซับประกายศักดิ์สิทธิ์ไม่จบ
ข้าได้แต่ใช้พลังชั้นเทพนี้ไว้ขู่ขวัญผู้คน หลังจากข้าซึมซับประกายศักดิ์สิทธิ์ได้ทั้งหมด
พลังระดับเทพของข้าจะกลายเป็นพลังระดับเทพที่แท้จริง”
เมื่อได้ยินเดเลียพูดเช่นนี้ ลินลี่ย์จ้องนางอย่างประหลาดใจ
“เดเลีย! เจ้ากำลังพูดเรื่องอะไร?” ลินลี่ย์กล่าว
ลินลี่ย์ตะลึงจริงๆ
เขากลับมาหลังจากผ่านไปสิบปีและพบเจอหลานยังพอทำเนา แต่ภรรยาของเขากลายเป็นเทพอย่างนั้นหรือ?
“ลินลี่ย์,
เจ้ายังจำวันแต่งงานของเราได้ไหม
บีบีบอกว่าสหายจ้าวมุสิกม่วงทองมอบหินดำก้อนหนึ่งให้กับเขา? และจากนั้น บีบีมอบหินดำนั้นให้ข้าเป็นของขวัญวันแต่งงานของเรา” เดเลียกล่าว
ลินลี่ย์ใจสั่นทันที
“เดเลีย, เจ้ากำลังบอกว่าหินดำนั่น...” ลินลี่ย์ไม่ใช่คนโง่ ตอนที่เดเลียพูดถึงหิน, เขาก็เข้าใจได้ทันที
“ถูกแล้ว
หินดำนั่นคือประกายศักดิ์สิทธิ์สายธาตุลมของเทพชั้นต้น!” เดเลียกล่าว
“อย่างก็คงเป็นเช่นนั้นจริงๆ..”
ลินลี่ย์รู้สึกว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องน่าขันเกินไป
มันไร้สาระทั้งนั้น
ไม่มีความจำเป็นต้องอธิบายว่าประกายศักดิ์สิทธิ์สำคัญแค่ไหน เดลี่และคนอื่นๆ ไล่หาไขว่คว้าความเป็นเทพมาหลายพันปี
และแม้แต่ลินลี่ย์ก็ได้ประกายเทพทั้งสามนี้โดยผ่านประสบการณ์ในสถานการณ์อันตรายและเฉียดตายนับครั้งไม่ถ้วน แต่ตอนนี้เขาเพิ่งได้รู้ทันทีว่า...ในวันแต่งงานของเขา ของขวัญวันแต่งงานที่เขาได้รับก็คือประกายศักดิ์สิทธิ์จริงๆ!
“ข้าเองก็ไม่อยากจะเชื่อเหมือนกัน แต่หลังจากข้าเริ่มดูดซับประกายศักดิ์สิทธิ์นี้..
ข้ารู้ว่ามันไม่ใช่ของปลอม จริงไหม?”
เดเลียพูดตามตรง
ลินลี่ย์พยักหน้าเล็กน้อย
“ตอนแรก ระหว่างงานแต่งงานของเรา
แม้ว่าข้าจะผูกสัญญาเลือดกับหินดำและดูดซับหินดำเข้าในร่างกายของข้า ข้าไม่สามารถรู้สึกถึงมันได้แม้แต่น้อย...
เพียงแต่จากวันนั้นเป็นต้นมา
พลังจิตของข้าและพลังเวททั้งสองเพิ่มขึ้นในอัตราที่เหลือเชื่อ” เดเลียกล่าว
ลินลี่ย์หัวเราะ
“ด้วยประกายศักดิ์สิทธิ์ในตัวเจ้า
จะไม่ฝึกอย่างรวดเร็วได้ยังไง?”
“แต่ข้าไม่เคยสัมผัสถึงความคงอยู่ของประกายศักดิ์สิทธิ์เลย
เพียงแต่สองปีหลังจากที่เจ้าจากไป เมื่อข้าเข้าถึงระดับเซียนจอมเวท
วิญญาณข้าเปลี่ยนไป
ข้าจึงเริ่มสัมผัสถึงความคงอยู่ของประกายศักดิ์สิทธิ์ได้ชัดเจน เวลานั้นข้าจึงเข้าใจทั้งหมด”
ลินลี่ย์พยักหน้า
“ใช่แล้ว,
มีแต่หลังจากเข้าถึงระดับเซียนวิญญาณของผู้ฝึกจึงจะสามารถผสานเข้ากับประกายศักดิ์สิทธิ์ได้”
เหตุผลที่นางสามารถรู้สึกถึงประกายได้ในอดีต
และสาเหตุที่นางฝึกฝนได้เร็วชัดเจนกระจ่างขึ้น
ตอนนี้ลินลี่ย์เข้าใจเหตุผลของความก้าวหน้าได้เร็วของนางแล้ว
“เดเลีย! ตามที่เจ้าบอก
เจ้าใช้เวลาแปดปีกับการหลอมรวมกับประกายศักดิ์สิทธิ์
แต่เจ้าเพียงหลอมรวมได้เพียงบางส่วนอย่างนั้นหรือ” ลินลี่ย์ถาม
เขาเองรู้ว่าถ้าเขาไม่ฝึกต่อและใช้ประกายศักดิ์สิทธิ์เพื่อกลายเป็นเทพเอง เขาจะต้องใช้ระยะเวลาที่ยาวนานมาก
“ถูกแล้ว” เดเลียพยักหน้า
“อาจเป็นเพราะในอดีต
ข้าไม่มีการรู้แจ้งในกฎธาตุธรรมชาติเลยแม้แต่น้อย ก็เหมือนกับการอ่านหนังสือ ข้าต้องเริ่มค่อยๆ
ทำความเข้าใจเนื้อหาพื้นฐานก่อน
กฎธาตุแต่ละด้านในประกายศักดิ์สิทธิ์นี้
อาจเป็นไปได้ว่าหลังจากที่ข้าเข้าใจทุกสิ่งทุกอย่างที่บรรจุอยู่ในนี้
ข้าคงจะซึมซับประกายศักดิ์สิทธิ์นี้ไว้ได้หมดแล้ว
และตอนนั้นประกายศักดิ์สิทธิ์ก็จะเป็นของข้า”
ลินลี่ย์พยักหน้า
สำหรับคนธรรมดา
การได้เป็นเทพเป็นสิ่งที่จำเป็นต้องได้รับการทดลองอย่างต่อเนื่อง
และจะต้องทำไปทีละก้าวทีละขั้นตอน
แต่ด้วยประกายศักดิ์สิทธิ์
เป็นเหมือนกับกฎสัจธรรมทั้งหมดที่วางอยู่ต่อหน้าท่าน ทำให้ท่านได้อ่านสิ่งเหล่านั้นยามว่างผ่อนคลายได้ หลังจากท่านเข้าใจกฎธาตุทั้งหมด
นั่นก็เพียงพอแล้ว
“ข้าคาดว่าจะต้องใช้เวลาพยายามอย่างหนักอย่างน้อยสิบหรือยี่สิบปีก่อนที่ข้าจะซึมซับประกายศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างสิ้นเชิงและทำความเข้าใจกฎธาตุที่บรรจุอยู่ภายในนี้” เดเลียพูดพลางถอนหายใจ “อย่างไรก็ตาม
แม้ว่าข้าจะเข้าใจกฎสัจธรรมของธาตุลมได้บางส่วนข้าไม่รู้ว่าจะใช้มันได้ยังไง..”
ลินลี่ย์ตะลึง
“เดเลีย, พูดแบบนั้นหมายความว่ายังไง?” ลินลี่ย์ไม่เข้าใจ
“ข้าหมายความว่า ข้ามีความเข้าใจในกฎเหล่านี้ แต่ข้าไม่รู้ว่า จะใช้มันโจมตีได้ยังไง” เดเลียพูดด้วยความละอาย
ลินลี่ย์เข้าใจทันที
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า...”
ลินลี่ย์เริ่มหัวเราะลั่น
ตรรกะข้อนี้เป็นเรื่องง่ายจริงๆ ตัวอย่างเช่น
ถ้าประกายศักดิ์สิทธิ์บรรจุสัจธรรมของ ‘การเต้นชีพจรโลก’ เซียนผู้หลอมรวมเข้ากับประกายเทพจะเข้าใจกฎสัจธรรมในเรื่อง ‘การเต้นของชีพจรโลก’ แต่.. เขาจะไม่รู้วิธีใช้มัน
ตัวอย่างเช่นการใช้พลังสั่นสะเทือนของ ‘การเต้นชีพจรโลก’ เพื่อโจมตี
คือสิ่งที่ลินลี่ย์พัฒนาเป็นการโจมตีรูปแบบพิเศษของตนเอง นามว่าสัจธรรมแห่งธาตุดิน
เมื่อใช้งานวิชานี้เพื่อสร้างพลังป้องกัน ก็จะกลายเป็น ‘ชีพจรป้องกัน’
การเข้าใจพลังสัจธรรมของกฎธาตุไม่มีอะไรมากไปกว่าการเข้าใจทฤษฎี ถ้าท่านต้องการใช้ฆ่าใคร ท่านจะต้องเข้าใจวิธีประยุกต์ทฤษฎีผ่านการฝึก
ตัวอย่างเช่น ถ้าใครสักคนได้รับการรู้แจ้งในด้าน ‘เร็ว’ และจากนั้นท่านจะขอให้พวกเขาใช้พลัง ‘หมื่นกระบี่พลันบรรจบ’
พวกเขาจะทำเช่นนั้นได้หรือไม่?
นี่เป็นแค่รูปแบบการขอใช้!
นี่คือปัญหาเกี่ยวกับการที่ซึมซับประกายศักดิ์สิทธิ์ของคนๆ
หนึ่ง
ประกายศักดิ์สิทธิ์เป็นเพียงบรรจุความรู้ในกฎธาตุที่ลึกลับ
แต่ไม่รวมถึงเคล็ดพิเศษที่เจ้าของเดิมเคยประยุกต์ใช้และกระตุ้นการทำงานของกฎธรรมชาติเลย
“ข้อสงสัยเกี่ยวกับการใช้เป็นเรื่องยุ่งยากแน่นอน ใช่แล้ว
เดเลีย ประกายศักดิ์สิทธิ์นี้ของเจ้าจะมีความลึกลับเกี่ยวกฎธาตุลม..
เป็นความลึกลับรูปแบบใด?”
ลินลี่ย์ถาม “ถ้าต้องเกี่ยวกับความเร็วข้าอาจแนะนำเจ้าได้”
เดเลียส่ายศีรษะ
“ข้าไม่รู้จะอธิบายให้ชัดเจนยังไงดี
ข้าเพียงเข้าใจส่วนเล็กน้อยเท่านั้น
ก็ได้, ข้าจะอธิบายแบบนี้ ความลึกลับที่บรรจุอยู่ภายในประกายศักดิ์สิทธิ์ที่ข้าได้หลอมรวมจะคล้ายๆ
กับเวทธาตุลม ‘สลายมิติว่าง”
“สลายมิติว่าง?” ลินลี่ย์พยักหน้าเล็กน้อย
“ข้าไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนั้นแม้แต่น้อย” ลินลี่ย์ไม่รู้จะช่วยยังไงเหมือนกัน
จากนั้นเขาหัวเราะ
“พอก่อนเถอะเดเลีย, สำหรับตอนนี้แค่ขยันฝึกต่อไป
หลังจากเจ้าเข้าใจความลึกลับของประกายศักดิ์สิทธิ์ได้เต็มที่แล้ว ค่อยหาวิธีประยุกต์ใช้ความรู้ทีหลัง ความจริง
การควบคุมแก่นธาตุลมซึ่งประกายศักดิ์สิทธิ์สนับสนุนเจ้าก็ทำให้เจ้าสร้างสนามพลังเทพได้ และในสนามพลังเทพ
พวกเซียนจะไม่สามารถขยับได้แม้แต่น้อย”
เดเลียหัวเราะเช่นกัน
นี่เป็นความแตกต่างใหญ่ระหวางเทพกับเซียน
ประกายศักดิ์สิทธิ์จะเป็นตัวแทนอำนาจของพลัง
ความจริง
มหาเทพและเทพชั้นสูงไม่จำเป็นต้องแตกต่างกันในเรื่องระดับความเข้าใจกฎธรรมชาติของพวกเขา เพียงแต่...
แค่คิดมหาเทพก็สามารถฆ่าเทพชั้นสูงได้
นี่เป็นอำนาจไร้เทียมทานซึ่งเป็นการแสดงถึงประกายศักดิ์สิทธิ์มหาเทพ และในพิภพแห่งจักรวาลนับไม่ถ้วน
จำนวนมหาเทพถูกจำกัดไว้
“เดเลีย,
ถือว่ายอดเยี่ยมแล้วที่เจ้ากลายเป็นเทพ
แต่เจ้ายังต้องพยายามหนักต่อไป
เป็นไปได้ว่าอีกราวๆ สิบปี ข้าจะฝึกถึงระดับเทพด้วยตัวเองเช่นเดียวกัน” ลินลี่ย์หัวเราะ
“หือ?”
เดเลียมองดูลินลี่ย์
“เจ้าจะกลายเป็นเทพด้วยตัวเองหลังจากสิบปีหรือ? เจ้าจะไม่หลอมรวมกับประกายศักดิ์สิทธิ์หรือ?
เจ้ามีประกายศักดิ์สิทธิ์แล้วนี่?”
ลินลี่ย์ส่ายศีรษะ
“ไม่จำเป็น
ต้องใช้เวลาอีกยาวนานเพื่อหลอมรวมกับประกายศักดิ์สิทธิ์
และเกี่ยวกับผลกระทบที่ตามมา การหลอมรวมกับประกายศักดิ์สิทธิ์จะทำให้ไม่ได้รับผลการรู้แจ้งที่ดี” ลินลี่ย์ส่ายศีรษะหัวเราะ “ในสุสานเทพเจ้า
ข้าได้รับประกายศักดิ์สิทธิ์ถึงสามชิ้น
หนึ่งในนั้นเป็นประกายศักดิ์สิทธิ์ธาตุลม
ข้าตั้งใจว่าจะให้เจ้า
แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะไม่จำเป็น”
“มีประกายศักดิ์สิทธิ์ถึงสาม?” เดเลียประหลาดใจ
เดเลียก็เข้าใจเช่นกันว่า
ประกายศักดิ์สิทธิ์เป็นตัวแทนของสิ่งใด
ประกายศักดิ์สิทธิ์ทั้งสามนี้สามารถสร้างเทพชั้นต้นได้ถึงสาม ในทวีปยูลาน เทพชั้นต้นถือว่าเป็นสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลัง
“ประกายศักดิ์สิทธิ์สามชิ้นไม่มากเกินไป” ลินลี่ย์ถอนหายใจ “ครั้งนี้, การเดินทางไปสุสานเทพเจ้าของข้า
เป็นหนึ่งในสามสุสานเทพเจ้าที่อันตรายที่สุด
ในอดีตไม่มีใครประสบความสำเร็จสักคน
สถานที่อันตรายแบบนั้นจึงได้รับรางวัลเป็นประกายศักดิ์สิทธิ์ถึงสามชิ้น”
ถ้ามีประกายศักดิ์สิทธิ์เพียงประกายเดียว ลินลี่ย์คงรู้สึกว่าไม่ยุติธรรม
“อันตราย?”
เดเลียรีบกล่าว “ลินลี่ย์ เล่าให้ข้าฟังหน่อย เกิดอะไรขึ้นในสุสานเทพเจ้า”
ลินลี่ย์พยักหน้า
จากนั้นเริ่มเล่าเรื่องการเดินทางครั้งนี้ให้นางฟังตั้งแต่ไปยังก้นบึ้งทะเลใต้
เพียงแต่ลินลี่ย์ยังคงทิ้งปริศนาบางเรื่องไว้
ไม่ต้องสงสัยว่าประกายศักดิ์สิทธิ์ที่เขาได้รับในวันแต่งงานของเขาคงเป็นไมตรีที่ลอร์ดเบรุตหยิบยื่นให้เขาผ่านจ้าวมุสิกม่วงทอง
ลอร์ดเบรุตมอบประกายศักดิ์สิทธิ์ให้เดเลียเพื่ออะไรกัน?
หรือว่าเขาไม่สนใจเรื่องประกายศักดิ์สิทธิ์? แต่ดูเหมือนว่าลูกๆ
ทั้งสามของเขายังเป็นระดับเซียน
ลินลี่ย์ไม่สามารถเข้าใจได้จริงๆ
จ้าวมุสิกม่วงทองสามพี่น้องเป็นเซียนกันทั้งหมด และพวกเขายังไม่เคยเข้าสุสานเทพเจ้าเลย ดูเหมือนว่าพวกเขาไม่สนใจจะกลายเป็นเทพ สำหรับจ้าวแผ่นดินอย่างเบรุต...ลินลี่ย์เริ่มรู้สึกว่าเขาลึกลับมากขึ้นทุกที
12 ความคิดเห็น:
ขอบคุณมากเลยนะคับ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณมาก กลับมาบ้านรู้ว่าเดเลียกลายเป็นเทพอีก555
ขอบคุณมาก
Thx you
ขอบคุณครับ
ขอบคุณมากครับ
ขอบคุณ
มนุษย์เมียแข็งแกร่งที่สุด ห้ามท้าทาย
พลังแห่งมนุษย์เมีย
...
ขอบคุณครับ
แสดงความคิดเห็น