วันศุกร์ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

Panlong เล่ม 14 อสูร – ตอนที่ 19 หมอกชมพู


เล่ม 14 อสูร ตอนที่ 19 หมอกชมพู
ลินลี่ย์ไม่ต้องการเผชิญหน้ากับแคลมป์ตัน  แต่ไม่ว่ายังไงทั้งสามคนก็ต้องออกจากอสูรโลหะ  นี่เป็นเรื่องหลีกเลี่ยงไม่ได้  แทบจะทันทีที่กลุ่มของลินลี่ย์เดินผ่านออกมา  แคลมป์ตันก็เห็นพวกเขาโดยบังเอิญ
 
ลินลี่ย์มองแคลมป์ตันด้วยหางตาอย่างระมัดระวังเช่นกัน
ขณะนี้เอง ลินลี่ย์อยู่ที่ทางออก ขณะที่แคลมป์ตันยืนอยู่ในท่ามกลางต้นหญ้าสูง  แต่ตอนนั้นเอง...
ทั้งสองคนสบสายตากัน!
 “แย่แล้ว!  ลินลี่ย์สีหน้าเปลี่ยนไปทันที
หน้าของลินลี่ย์ตอนนี้บิดเบี้ยว  แต่หน้าของแคลมป์ตันมีรอยยิ้ม
 “ตอนนี้ข้าไม่ต้องการพัวพันกับเจ้าหัวล้านนั่น  ถ้าเขายังต้องการจะหาเรื่อง ทั้งหมดที่ข้าทำได้ก็คือทุ่มกำลังสู้”  ลินลี่ย์ไม่มีทางเลือกอื่นในตอนนี้  ทั้งหมดที่เขาสามารถทำได้คือเข้าไปในกลุ่มกับผู้เข้าสอบเป็นอสูรที่เหลือ  ทุกคนบินลงมาจากอสูรโลหะรวมกลุ่มอยู่ที่พื้นซึ่งมีต้นไม้งอกงาม
 “เฮ้..พวก..ดูสิ”  แคลมป์ตันสะกิดใครบางคนที่อยู่ใกล้  จากนั้นส่งสายตาไปทางข้างหน้า  “นั่นคือเจ้าเด็กแสบที่หักหน้าข้าที่เมืองรอยัลวิง”
 “เฮ้, เป็นสามคนนั่นจริงๆ ด้วย”  อสูรที่อยู่ข้างแคลมป์ตันยังคงมองมาทางลินลี่ย์อย่างประหลาดใจ  หนึ่งในนั้นเริ่มหัวเราะ  “แคลมป์ตัน, เจ้าโชคดีจริง, ดูเหมือนว่าเจ้ามีโอกาสแก้แค้นแล้ว”
แคลมป์ตันหัวเราะน่ากลัว
 “แต่เดิมข้าคิดว่าคงไม่มีโอกาส  แต่ใครจะคาดคิดกันว่าเขาจะถูกส่งมาอยู่ต่อหน้าข้า?”  แคลมป์ตันไม่พลาดโอกาส
ในไม่ช้าผู้เข้าสอบเป็นอสูรทั้งหนึ่งพันก็ออกจากยานพาหนะทั้งหมด
พวกของลินลี่ย์อยู่ในกลางกลุ่มผู้เข้าสอบนี้
 “ลินลี่ย์?”  เรจิน่านั้นทักทายกลุ่มของลินลี่ย์  แต่พวกเขาเพียงแต่ยอมรับนางตามปกติ ไม่ได้ให้ความสนใจเป็นพิเศษ  เรจินาหงุดหงิด  นางอดงงไม่ได้ แต่นางจะรู้ได้ยังไงว่าทั้งสามกังวลเรื่องแคลมป์ตัน?
 “พี่ใหญ่แคลมป์ตันกำลังเดินมาหา”  บีบีพูดทันที
ลินลี่ย์ก็มองดูเช่นกัน
แคลมป์ตันแค่นเสียงเย็นชาขณะเดินเข้ามา
 “ถอยไป!  ลินลี่ย์และอีกสองคนถอยหลังทันที  เมื่อเห็นเช่นนี้ แคลมป์ตันคำรามทันที  “เจ้าคิดจะหนีหรือ?”  ความเร็วของแคลมป์ตันเพิ่มขึ้นทันที  เขาไม่พยายามจะปกปิดต่อไปพุ่งเข้าหากลุ่มของลินลี่ย์ด้วยใบหน้าที่ดุร้าย
 “เมื่อเจ้ายังเป็นเทียมเทพ  เจ้าบังอาจสบถด่าใส่ข้า!  ความโกรธในใจของแคลมตันป์ที่ข่มเอาไว้สามสิบกว่าปีระเบิดออกมาในตอนนี้
ถ้าไม่ใช่เพราะความจริงที่ว่าพวกเขาอยู่ในเมืองรอยัลวิง,  เขาคงลงมือไปนานแล้ว
 “เดเลีย เจ้าถอยไปห่างๆ ทันทีและใช้มิติลมของเจ้าจำกัดเขาและชะลอความเร็วของเขา”  ลินลี่ย์พูดผ่านสำนึกเทพ  “บีบี, เราทั้งสองคนเตรียมตัวสู้”  สายตาของลินลี่ย์เปลี่ยนเป็นเย็นชา เนื่องจากแคลมป์ตันกำลังจะก่อเรื่อง...
อย่างนั้นก็ได้เวลาทุ่มกำลังสู้!
 “ฆ่าไอ้เจ้าหัวล้านนั่น!  ตาของเขาบีบีทอประกายแวววาวเช่นกัน
 “ฮึ่ม...”  แคลมป์ตันคำรามอย่างเย็นชา  และจากนั้นการเคลื่อนไหวของเขาชะงัก  ขณะที่ในกลุ่มของลินลี่ย์ เดเลียถอยอย่างรวดเร็ว  แต่ลินลี่ย์กับบีบีไม่ถอย  กลับชะลอช้าลงรอให้แคลมป์ตันเข้ามาหา
 “เจ้ากำลังทำอะไร!  เสียงตะโกนเย็นชาสั่นสะท้านใจของแคลมป์ตัน
ขณะเดียวกัน ร่างหนึ่งปรากฏอยู่ต่อหน้าของแคลมป์ตัน
แม้ว่าใจของแคลมป์ตันจะคุกรุ่นไปด้วยความโกรธ  แต่เมื่อเขาเห็นคนผู้นี้  เขามีความรู้สึกกลัวทันที  เขาพูดด้วยความเคารพ  “ท่านโลซูส, ข้า...ข้า...”
 “หือ?”
กลุ่มของลินลี่ย์มารวมตัวกันอีกครั้งหนึ่งมองดูด้วยความสับสน  จู่ๆ อสูรคนหนึ่งปรากฏตัวอยู่ต่อหน้าของแคลปม์ตันขวางหน้าเขาไว้  อยู่ต่อหน้าอสูรผู้นี้ แคลมป์ตันแสดงท่าทางกลัวมาก
 “เขาเป็นใคร?”  ลินลี่ย์มองดูอสูรผู้นี้ด้วยความสับสน
อสูรผู้นี้ไว้ผมสีน้ำตาลยาวสยายไม่ได้มัดไว้  แต่สายตาของเขาเยือกเย็นและดุร้าย
 “แคลมป์ตัน,  เจ้าต้องการฆ่าทั้งสามคนนี่หรือ?”  โลซูสมองแคลมป์ตันอย่างเย็นชา
 “ข้า...”  แคลมป์ตันต้องการพูด  แต่เขาไม่รู้ว่าควรอธิบายยังไง
โลซูส อสูรห้าด้าว
ในเส้นทางสู่ทะเลสาบจันทรานี้ ผู้นำอสูรในปฏิบัติการนี้ก็คือโลซูสผู้นี้และคู่หูของเขาอีกสองคน เป็นอสูรห้าดาวทั้งคู่  ทั้งหมดมีสามคน!  นี่คือกองกำลังที่ทรงพลังที่สุดในกลุ่มอสูร
 “ฮึ่ม,  ข้าไม่สนใจว่าเจ้าคิดจะทำอะไร”  โลซูสพูดเย็นชา  “อย่างไรก็ตามการสู้รบจะเริ่มขึ้นอยู่แล้ว  ถ้าเพราะแค่เจ้าฆ่าเทพแท้สามคน  เจ้าจะสร้างระลอกพลังที่ดึงดูดความสนใจของเจ้าปราสาททะเลสาบจันทรา จนทำให้เขาหนีไปโดยไม่ได้สู้ ภารกิจของเราก็จะล้มเหลว  ถ้าเกิดเรื่องนั้นขึ้นอย่าตำหนิข้าว่าไร้เมตตาก็แล้วกัน!
 “ได้ ได้, ข้าเข้าใจ!  หัวใจของแคลมป์ตันสะท้าน
ในใจของเขา เขาคิดอย่างเสียใจ  “ข้าหลงลืมไปได้อย่างไรกัน!  ระลอกพลังงานที่เกิดจากการสู้รบของพวกเทพเป็นที่ประจักษ์อย่างยิ่ง  โดยเฉพาะอย่างยิ่ง  ถ้าเทพชั้นสูงต้องสู้กับเทพแท้สามคน... การสู้รบอย่างนั้นจะสร้างระลอกพลังอย่างแน่นอน  และทะเลสาบจันทราก็อยู่ห่างจากที่นี่ไม่กี่กิโลเมตร
เมื่อการต่อสู้เริ่มขึ้น  จ้าวปราสาททะเลสาบจันทราก็จะสังเกตออก
ถ้าเจ้าปราสาทหนีไป อย่างนั้นภารกิจของโลซูสและอสูรอื่นถือว่าล้มเหลว
 “ฮึ่ม.”  โลซูสถลึงตามองและเดินจากไป
แคลมป์ตันถลึงตามองกลุ่มของลินลี่ย์อย่างหนักเช่นกัน  เขารำพึงกับตัวเอง  “ก็ได้, ถือว่าเจ้าโชคดีไป  อย่างไรก็ตาม เมื่อการสู้รบเริ่มขึ้น  ข้าจะฆ่าพวกเจ้าทั้งสามคนระบายความโกรธแน่นอน ตอนนี้ข้าจะปล่อยให้พวกเจ้ามีชีวิตยืนยาวอีกสักเล็กน้อย!
หลังจากถูกโลซูสตำหนิ  ความโกรธที่แคลมป์ตันมีย่อมไประบายลงกับกลุ่มของลินลี่ย์เป็นธรรมดา
 “ทุกคน, เรารู้ว่าพวกเจ้ามาที่นี่เพื่อรับการทดสอบเข้าเป็นอสูร”  เสียงหนึ่งดังขึ้นในใจของผู้ร่วมทดสอบทั้งพันคนรวมทั้งลินลี่ย์ด้วย  “เราต่างจากพวกเจ้า  ภารกิจของเราคือฆ่าเจ้าของปราสาททะเลสาบจันทรา  ดังนั้นข้าหวังว่าพวกเจ้าจะไม่บุ่มบ่ามใจร้อน รอให้เราฆ่าเจ้าปราสาททะเลสาบจันทราก่อน แล้วพวกเจ้าค่อยเคลื่อนไหว”
ลินลี่ย์และคนอื่นทุกคนรู้สึกตกใจ
 “สำนึกเทพซึ่งครอบคลุมทุกคนไว้มิดชิด?  นี่ครอบคลุมพื้นที่อย่างน้อยหลายร้อยเมตร”
ในแดนนรก การใช้สำนึกเทพพูดเป็นเรื่องที่ยากมาก
เมื่อลินลี่ย์อยู่ในสุสานเทพเจ้า ทันทีที่เขาผ่านเข้าประตูมิติและเมื่ออยู่ในสุสานเทพเจ้า  เขาตระหนักว่าพลังจิตระดับสูงสุดลดลงเหลือเพียงไม่กี่สิบเมตร  ขณะที่ในทวีปยูลานกลับแผ่พลังจิตควบคุมได้ในระยะเกินพันกิโลเมตร
ในแดนนรก หนึ่งในพิภพระดับสูงข้อจำกัดยิ่งใหญ่มากกว่า
เมื่อลินลี่ย์มาถึงในแดนนรกตอนแรก  เขาเป็นเพียงเทียมเทพ  แม้ว่าวิญญาณของเขาจะค่อนข้างทรงพลัง  แต่สำนึกเทพก็ยังครอบคลุมระยะเพียงสิบเมตรเท่านั้น  หลังจากดูดซับอะเมทิสต์ทั้งสิบเอ็ดชิ้นและบรรลุระดับเทพแท้ สำนึกเทพของลินลี่ย์ก็ยังครอบคลุมเพียงระยะร้อยเมตร
 “สำนึกเทพชั้นสูงน่าจะครอบคลุมพื้นที่พันกิโลเมตร”  นี่คือข้อสันนิษฐานของลินลี่ย์
โลซูสนั้นยังคงพูดผ่านสำนึกเทพต่อไป  “ตอนนี้, เรากำลังมุ่งหน้าสู่ทะเลสาบจันทรา  พวกเจ้าทุกคนจงตามเรามา”
และจากนั้น
โลซูสและอสูรสามดาวอื่นๆ นำไปข้างหน้าทันที  อสูรเกินยี่สิบคนบินขึ้นไปในอากาศทันทีตรงไปยังทะเลสาบจันทรา
ทันทีนั้น ผู้เข้าร่วมสอบเป็นอสูรทั้งพันคนก็บินขึ้นในอากาศเช่นเดียวกัน กลุ่มของลินลี่ย์รวมอยู่ในนั้นด้วย  พวกเขาทุกคนบินตรงมุ่งหน้าสู่ทะเลสาบ
 “แคลมป์ตันลำพังยังไม่น่ากลัว  แต่ข้ากังวลเรื่องสหายของเขา”  ลินลี่ย์รำพึงกับตนเอง  “ที่ทะเลสาบจันทรา ข้าคาดว่าสหายเหล่านั้นคงไม่ช่วยเขา เมื่อการต่อสู้ดำเนินไป”
ลินลี่ย์มั่นใจเรื่องนี้แน่นอน  เนื่องจากพฤติกรรมของพวกเขาในปราสาทอสูร  และวิธีที่สหายเหล่านั้นทำยังมีขอบเขต  คงไม่มีใครสนิทกับแคลมป์ตัน
ทะเลสาบจันทรามีขนาดกว้างใหญ่มาก ความกว้างเกือบสิบกิโลเมตร มีสายลมพัดเอื่อยทำให้เกิดระลอกบนผิวทะเลสาบ  ในใจกลางทะเลสาบมีปราสาทโบราณอยู่หลังหนึ่ง  ปราสาทหลังนี้มีขนาดกว้างหลายกิโลเมตรเช่นกัน  นับได้ว่าเป็นปราสาทขนาดใหญ่
อสูรเกินกว่ายี่สิบคนและผู้เข้าร่วมสอบคัดเลือกอยู่กลางทะเลสาบ
โลซูสและสหายของเขาสองคน คนหนึ่งมีผมสีม่วงสวมชุดดำ  อีกคนหนึ่งมีผมสีฟ้าร่างกายกำยำ  พวกเขาบินขึ้นไปในอากาศตรงเข้าไปยังปราสาทด้วยความเร็วสูง  และตามหลังพวกเขาเป็นพวกอสูร
 “ไปกันเถอะ”  ลินลี่ย์และพวกที่เหลืออีกพันหนึ่งไม่ลังเล  บินขึ้นไปในอากาศทันที
 “ควั่บ!
ร่างทั้งสามไปปรากฏอยู่เหนือปราสาททะเลสาบจันทรา  เป็นโลซูสและสหายทั้งสองคน
 “พวกเขามีชีวิตอยู่จนได้เป็นอสูรห้าดาว  พวกเขาไวมาก”  แคลมป์ตันและอสูรคนอื่นถอนหายใจทึ่งอยู่ในใจ
โลซูสลอยตัวนิ่งอยู่กลางอากาศ จ้องมองไปที่ปราสาท  “ข้าไม่ต้องการสู้ภายในปราสาท  น้องสาม ผ่าปราสาทออกครึ่งหนึ่ง”
 “ได้เลยพี่ใหญ่”  บุรุษร่างกำยำผมฟ้าพลิกมือ ปรากฏดาบสีดำอยู่ในมือ ดาบโค้งยาวเป็นแผ่นหนาอย่างน้อยหนึ่งฟุต  เปล่งรัศมีสีแดงอำมหิต  เห็นได้ชัดว่าดื่มเลือดยอดฝีมือมาค่อนข้างน้อย
ขณะกวัดแกว่งดาบดำนี้ บุรุษหนุ่มร่างกำยำเคลื่อนไหวทันทีและเขาตวัดอาวุธของตัวเอง
 “บึ้ม!
เงาดาบสีดำมหึมาตัดผ่าใส่ปราสาท  ที่ใดก็ตามที่เงาดาบผ่านไป พื้นที่จะแยกออกเป็นสองส่วน สร้างระลอกคลื่นเหมือนกับแผ่นดินไหวพร้อมกับเกิดที่ว่างอากาศใต้เงากระบี่  น้ำในทะเลสาบแยกออกจากกันซึ่งเป็นผลมาจากระลอกพลัง  จากนั้นพื้นน้ำแยกออกและหายไปโดยสิ้นเชิง
และจากนั้นน้ำจากทั่วทุกที่ในทะเลสาบจันทราไหลทะลักไปท่วมเติมเต็มช่องว่าง
 “บึ้ม!
เงาดาบขนาดใหญ่ตัดผ่านปราสาท  กำแพงปราสาทเริ่มเปล่งแสงเป็นอักษรรูนสีดำที่ซับซ้อนปล่อยพลังเทพมหาศาลออกมา  อักษรรูนวิเศษเปล่งประกายต่อเนื่อง ทำให้พลังโจมตีอ่อนลง   แม้ว่าจะทรงพลังแต่ปราสาทก็ทนรับไว้ได้
หน้าของโลซูสและอีกสองคนเปลี่ยนไป
 “ใครคือเจ้าของปราสาทนี้กันแน่?   ตัวของเขาเองได้เขียนวงเวทป้องกันไว้  หรือว่าเขาขอให้ใครบางคนมาช่วยทำให้?”  โลซูสมีสีหน้ากังวล  พลังโจมตีธาตุหยาบของน้องสามของเขาแข็งแกร่งที่สุดในสามคน
โลซูสรู้ว่าแรงฟันของดาบนั้นทรงพลังแค่ไหน  สามารถป้องกันดาบนั้นได้... วงเวทบนปราสาทเป็นสิ่งที่แสดงถึงความเชี่ยวชาญในการจัดสร้าง
ถ้าเขาสามารถเชิญยอดฝีมือผู้เชี่ยวชาญให้เข้ามาจัดสร้างได้  แสดงว่าเจ้าของปราสาทนี้ต้องร่ำรวยมั่งคั่งอย่างมิต้องสงสัย
ถ้าเขาติดตั้งด้วยตนเอง  อย่างนั้นภายในปราสาทนี้ก็คงไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน  จะต้องมีอันตรายแฝงอยู่ภายในนับไม่ถ้วน
 “ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่เป็นงานระดับหกดาว!” โลซูสขมวดคิ้ว
อสูรที่อยู่ด้านหลัง และเทพอีกนับพัน จ้องมองอย่างสับสน
 “ปราสาทแห่งนี้ดูเหมือนไม่ธรรมดา”  บีบีพูดพลางเม้มปาก  “มันคล้ายกับวงเวทที่ใช้ปกป้องวิหารเจิดจรัสที่เราเคยพบมาก่อน”
 “ทั้งสองนั้นเป็นวงเวทเหมือนกัน  แต่วงเวทนี้มีพลังมากกว่าเป็นล้านเท่า”  ลินลี่ย์ยังคงรู้สึกว่าภารกิจนี้คงไม่ประสบความสำเร็จอย่างที่หวัง  “ดูเหมือนว่าเป็นความจริงที่มีคนจำนวนน้อยจากพันคนจะมีชีวิตรอดไปได้”
ขณะนั้นเองหมอกชมพูจู่ๆ ก็เริ่มปล่อยออกมาจากในปราสาท  หมอกชมพูนี้ขยายตัวอย่างรวดเร็วมาก คลุมไปทั่วผิวน้ำของทะเลสาบจันทรา รวมทั้งอสูรทุกคนและผู้เข้าร่วมสอบเป็นอสูร
 “หือ?”  ลินลี่ย์ขมวดคิ้ว  หมอกชมพูนี้หนาแน่นมาก  ลินลี่ย์มองเห็นในระยะไม่กี่สิบเมตรรอบตัวเขา
 “ซวบ!  เสียงอาวุธแทงใส่ร่างของใครคนหนึ่ง
 “บัดซบ ตายซะเถอะ!
จากในระยะไกล ระลอกพลังงานจากการต่อสู้จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้น ทำให้กลุ่มของลินลี่ย์ตกใจ
ลินลี่ย์ต้องการใช้สำนึกเทพตรวจดู  ที่สำคัญ สำนึกเทพของลินลี่ย์สามารถแผ่ขยายออกไปได้เกือบร้อยเมตร  แต่ขณะที่ลินลี่ย์แผ่สำนึกเทพออกไปได้เล็กน้อย...
เขารู้สึกได้ทันทีได้ว่ารังสีอำมหิตในร่างของเขาเพิ่มขึ้นมาก  และวิญญาณของเขาได้รับผลกระทบด้วยเช่นกัน  เพียงแต่แสงสีฟ้าภายในทะเลจิตสำนึกของเขาเปล่งแสงขึ้น
 “แย่แล้ว”  ลินลี่ย์ทำใจให้ว่างเปล่าทันที
 “ทุกคน!  อย่าใช้สำนึกเทพ และอย่าสูดเอาหมอกเข้าไปในร่างกาย”  เสียงของโลซูสดังขึ้น  “หมอกชมพูนี้เป็นพิษที่ยอดฝีมือเทพระดับสูงผู้ฝึกมาทางวิถีมรณะสร้างขึ้น  มันถูกออกแบบมาเพื่อให้ดึงความรู้สึกอำมหิตในใจของทุกคนออกมา  ไม่ว่าพลังจิตวิญญาณของพวกเจ้าจะเป็นยังไง อย่าได้สัมผัสกับหมอกชมพู
สำนึกเทพคืออะไร?
สำนึกเทพไม่มีอะไรมากไปกว่าพลังจิตซึ่งแผ่ออกมารอบตัว  เมื่อพลังจิตของยอดฝีมือแผ่ออกมาสัมผัสกับหมอกชมพู ก็จะได้รับผลทันที

8 ความคิดเห็น:

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณค่ะ

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Boybravo กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

minibull กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

มีตน กล่าวว่า...

ขอบคุณ​ครับ​

ท้องฟ้าจะมีความหมาย ถ้ามีคนแหงนมอง กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Añu-y กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

แสดงความคิดเห็น