เล่ม
14 อสูร – ตอนที่ 29 เพลิงสำนึกผิด
เมื่อเห็นไวนีเซ่นปรากฏตัวอยู่ต่อหน้าเขาทันที โลซูสใจสั่นสะท้าน
“จบสิ้นกัน!” โลซูสอดรู้สึกสิ้นหวังไม่ได้
ปรสิตวิญญาณถูกปลูกอยู่ในวิญญาณของเขาเป็นร่างแยกวิถีชีวิตที่ทรงพลัง โลซูสมีอีกร่างแยกหนึ่ง แต่ร่างแยกนั้นไม่สามารถหนีได้
“ถ้าเจ้าไม่ต้องการตายตอนนี้ อย่างนั้นจงกลับไป!” ไวนีเซนตะคอก
โลซูสรู้ว่าเมื่อถอยกลับไปเขาก็จะตายอยู่ดี แต่เขาเลือกกลับเข้าวงล้อมอีกครั้ง
“ซวบ!”
มีดเล่มหนึ่งแทงตรงใส่ศีรษะของเทพแท้ตนหนึ่ง
และจากนั้นแค่เพียงพลิกมือ
บีบีเก็บศพเขาและบินกลับมาหาลินลี่ย์ บีบีและเดเลียรวมอยู่ในตำแหน่งเดียวกันหมด ถ้าคนอื่นไม่โจมตีพวกเขา พวกเขาจะไม่โจมตีคนอื่นเช่นกัน แต่เมื่อมีคนโจมตีพวกเขา กลุ่มของลินลี่ย์จะฆ่าศัตรูทันที!
เรจิน่าอยู่ฝ่ายลินลี่ย์เช่นกัน
เพียงแต่ในวิกฤติตัดสินเป็นตายเช่นนั้น
กลุ่มของลินลี่ย์ไม่กล้าเชื่อใจเรจิน่าเต็มที่
เลือดสาดกระจายอยู่ทั่วทุกที่ ขณะที่การประหัตประหารดำเนินต่อไป
“ลินลี่ย์”
เดเลียมองดูลินลี่ย์ที่กำลังฝืนยิ้ม
เนื่องจากสถานการณ์และความจริงที่ว่าไวนีเซนบอกว่าจะมีเพียงเทพแท้คนเดียวได้รับอนุญาตให้มีชีวิตอยู่
จะต้องมีผู้เสียชีวิตจากกลุ่มลินลี่ย์ซึ่งมีสามคนแน่นอน
ใครจะตาย?
“ข้ายอมตายดีกว่าปล่อยให้เดเลียหรือบีบีตาย” ขณะนั้นหัวใจลินลี่ย์เจ็บปวด
“ต่อให้ข้าตาย
ข้าขอตายข้างๆ เจ้า”
เดเลียมองดูลินลี่ย์ ใบหน้านางประดับรอยยิ้ม “ข้าพอใจแล้วที่ได้อยู่ด้วยกันกับเจ้า”
“เจ้ากำลังพูดเรื่องไร้สาระ!”
ลินลี่ย์ตะโกนผ่านสำนึกเทพอย่างไม่พอใจ
แต่หัวใจของลินลี่ย์กลับขมวดปม
แม้ว่าเดเลียจะไม่มีพรสวรรค์ในการฝึกฝนมากตลอดหลายปีมานี้ แต่นางสนับสนุนลินลี่ย์อย่างเงียบงัน การให้ความสนใจและสนับสนุนอย่างเงียบงันส่งเสริมให้ความรักของพวกเขามีความตราตรึงอยู่ในวิญญาณของกันและกัน
ไม่ว่าจะเป็นหรือตายพวกเขาจะไม่ถูกพรากจากกัน
“เจ้าจะต้องไม่ตาย” ลินลี่ย์มองดูเดเลีย
ขณะเดียวกันก็ระมัดระวังรอบด้าน
บุรุษชุดขาวที่ขายแหวนจันทรากำลังมองมาทางกลุ่มลินลี่ย์
ตอนนั้นกลุ่มของลินลี่ย์พบแล้วว่าบุรุษชุดขาวแข็งแกร่งมากจริงๆ เทพแท้สิบคนตายไปในมือของเขาแล้ว
“ข้าขอร้องท่านอย่ามารุกรานเรา” พร้อมกับการกวัดแกว่งดาบหนักอดาแมนเทียมในมือ
ลินลี่ย์ส่งสำนึกเทพออกไป
บุรุษชุดขาวลังเลขณะมองดูบีบี ในที่สุดเขาเลือกจะไม่โจมตี
ลินลี่ย์และบีบีฆ่าคนไปค่อนข้างมากหลังจากนั้นเช่นกัน ลินลี่ย์ใช้พลังโจมตีวิญญาณ ขณะที่บีบีใช้การโจมตีที่พลังธาตุหยาบ พวกเขารวมกลุ่มกันเป็นเทพที่ทรงพลังเช่นกัน
“หยุด!”
เสียงเย็นชาดังเหมือนฟ้าผ่ากึกก้องมาจากตำแหน่งเมืองรอยัลวิง
ทุกคนที่ได้ยินเสียงตะโกนโกรธเกรี้ยวนี้รู้สึกมึนชาในศีรษะ
พวกเขาทุกคนสูญเสียการรับรู้กันหมดและขณะต่อมาจึงค่อยฟื้นคืนความรู้สึก
ขณะนั้นกลุ่มของลินลี่ย์ฟื้นคืนความรู้สึกแล้ว พวกเขาเห็นมีร่างสามร่างปรากฏอยู่ในอากาศ ภายใต้แสงอาทิตย์สีเลือด
เงาร่างผู้นำของทั้งสามร่างดูเหมือนจะสง่าเป็นประกายแพรวพราว
เขาสวมชุดยาวสีทอง
คิ้วขาวและนัยน์ตาทอง
คิ้วขาว
นัยน์ตาทอง!
“เจ้าเมืองรอยัลวิง อสูรเจ็ดดาว!” หัวใจของลินลี่ย์ดีใจแทบคลั่ง
หน้าของลินลี่ย์ บีบีและเดเลียแสดงอาการดีใจเป็นที่สุดทันที
ไม่ใช่แค่พวกเขา แม้แต่ผู้เฒ่าผมขาวผู้มีตัวเปื้อนเลือดจากการต่อสู้แต่ก็ยังไม่ตาย
เมื่อรู้ว่าผู้ใดมา เขาตื่นเต้นร้องเรียก
“ท่านเจ้าเมือง!”
“เจ้าเมือง?”
ผู้เข้าสอบอสูรหลายคนจ้องมองผู้มาใหม่ด้วยความตื่นเต้น
ในฐานะอสูรเจ็ดดาวแห่งเมืองรอยัลวิงเป็นหนึ่งในผู้ทรงพลังที่สุดคนหนึ่งของแดนนรก
“โอว, สจ๊วตนั่นเอง” บุรุษชุดเทามองดูเจ้าเมืองรอยัลวิง “สจ๊วต,
หรือว่าเจ้าต้องการจะแทรกแซงเรื่องที่เกิดขึ้นนี้?”
กลุ่มของลินลี่ย์ตกใจ พวกเขารู้ว่ารอยัลวิง (ปีกหลวง)
ไม่มีอะไรมากไปกว่าฉายาซึ่งเจ้าเมืองรอยัลวิงได้รับเมื่อกลายเป็นอสูรเจ็ดดาว
สำหรับชื่อจริงของเจ้าเมืองรอยัลวิง
หลายคนไม่รู้จัก
เจ้าเมืองรอยัลวิงเลิกคิ้วขาวของเขาและจ้องมองไวนีเซ่นด้วยสายตาคมกล้า “ไวนีเซ่น นี่คือกลุ่มทำงานจากปราสาทอสูร
และพวกเขาอยู่ใกล้เมืองรอยัลวิงมากแล้วด้วย อย่าเหิมเกริมเกินไป”
คำพูดของเจ้าเมืองรอยัลวิงแฝงไปด้วยความโกรธเช่นกัน
“สจ๊วต! ร่างแยกศักดิ์สิทธิ์ของข้าถูกสังหาร
เจ้าบอกข้าที
ข้าควรตัดสินใจล้างแค้นหรือไม่?”
ไวนีเซนจ้องมองเจ้าเมืองรอยัลวิง
เจ้าเมืองรอยัลวิงขมวดคิ้ว “ร่างแยกศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าถูกทำลายหรือ?
พวกเขาจะทำอย่างนั้นได้ยังไง?”
เจ้าเมืองรอยัลวิงรู้แน่ว่าไวนีเซนทรงพลังมากเพียงไหน
ไวนีเซนลังเลอยู่เล็กน้อย
จากนั้นก็พูดอย่างไม่สบายใจ “ข้าอยู่แต่ในถ้ำคร่ำเคร่งฝึกวิถีมรณะ
แต่ร่างแยกธาตุมืดของข้าอยู่ที่ปราสาทจันทรา”
ที่สำคัญไวนีเซ่นต้องการสำราญกับชีวิตเช่นกัน เขาไม่สามารถเอาแต่ใช้เวลากับการฝึกอย่างเดียว
“ใครจะคาดกันเล่าว่าจู่ๆ
ก็มีคนมากมายบุกโจมตีปราสาทจันทราของข้า”
ไวนีเซนโกรธ
เจ้าเมืองรอยัลวิงเข้าใจแล้วในตอนนี้
นี่เป็นเรื่องที่ง่ายมาก
ยอดฝีมือหลายคนเลือกจะแยกตัวแบ่งให้ร่างแยกอยู่ประจำในตำแหน่งต่างๆ ด้วยวิธีนั้น ถ้าหนึ่งในร่างแยกเป็นอันตราย
ก็ยังมีอีกร่างรอดชีวิต
“เป็นไปได้ยังไงที่ข้าจะไม่แก้แค้นยิ่งใหญ่ครั้งนี้?” ไวนีเซนกล่าว
สำหรับสุดยอดฝีมือเหล่านี้ ชีวิตของพวกเขาย่อมมีคุณค่ามากมาย
ร่างแยกศักดิ์สิทธิ์ร่างหนึ่งถูกทำลายไปก็เท่ากับเสียไปหนึ่งชีวิต ใครจะไม่โกรธแค้นกันเล่า?
ไวนีเซนวางแผนยาวนานว่าจะฆ่าอสูรทั้งหมดนี้ไม่เหลือไว้เลยสักคน
เจ้าเมืองรอยัลวิงก็กังวลเช่นกัน จากนั้นเขามองดูไวนีเซนและพูดช้าๆ “ไวนีเซน, ข้าเข้าใจว่าเจ้ารู้สึกยังไง แต่..
เจ้าลงมืออยู่ด้านนอกข้างเมืองรอยัลวิง
อย่างน้อยควรจะเห็นแก่หน้าข้า สจ๊วต หน้าน้อยๆ ของข้านี้”
ไวนีเซนขมวดคิ้วเล็กน้อย
ทั้งเจ้าเมืองรอยัลวิงและไวนีเซ่นเป็นสุดยอดฝีมือในยุคเก่านานมาแล้ว เมื่อนานมาแล้วพวกเขากลายเป็นอสูรเจ็ดดาว!
“สจ๊วต, หรือว่าเจ้าต้องการจะสู้กับข้า?” ไวนีเซ่นพูดเสียงเบาอย่างไม่พอใจ
ตอนนี้ผู้รอดชีวิตสามสิบกว่าคนรายล้อมมองดูด้วยความกังวล ลินลี่ย์และคนอื่นเพิ่งมารู้เอาตอนนี้
ชีวิตพวกเขาอยู่ในมือของสุดยอดฝีมือทั้งสอง
ไม่ว่าจะเป็นหรือตายขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเจ้าเมืองรอยัลวิงกับไวนีเซน
“ข้าไม่ต้องการสู้กับเจ้า แต่เจ้าก็อย่าทำเกินไปเช่นกัน” เจ้าเมืองรอยัลวิงกล่าว
ไวนีเซนเข้าใจอารมณ์ของรอยัลวิงตอนนี้เช่นกัน
“ก็ได้, พวกตัวเล็กตัวน้อยระดับเทพแท้ ข้าจะไม่ฆ่าพวกเขา แต่เทพชั้นสูงทั้งสี่ที่ยังรอดชีวิต
ข้าต้องฆ่าพวกมัน!” ไวนีเซนพูดยืนยัน “การทำลายร่างแยกศักดิ์สิทธิ์ของข้าเกี่ยวข้องกับพวกอสูรเหล่านั้น”
เจ้าเมืองรอยัลวิงชำเลืองมอง
“ท่านเจ้าเมือง!” ชายชราผมหงอกรีบกล่าว
และเทพชั้นสูงอีกสามคนมองมาทางเจ้าเมืองรอยัลวิงด้วยสายตาวิงวอน
เจ้าเมืองรอยัลวิงพูดขึ้น
“บรรดาเทพชั้นสูงสี่คนที่เหลือรอด คนที่อยู่ตรงนั้นเป็นพนักงานของปราสาทอสูร” เจ้าเมืองรอยัลวิงชี้ไปที่บุรุษผมหงอก “เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะเกี่ยวข้องกับการตายของเจ้า”
ไวนีเซนชำเลืองมองชายชราผมหงอก จากนั้นพยักหน้าและกล่าว “ก็ได้ ข้าไว้ชีวิตเขาก็ได้”
“ท่านเจ้าเมือง” เทพชั้นสูงอีกสามคน รวมทั้งโลซูสร้องเรียกซ้ำๆ
แต่เจ้าเมืองรอยัลวิงไม่สนใจพวกเขาแม้แต่น้อย
เจ้าเมืองรอยัลวิงมองดูไวนีเซ่นและคุยทางสำนึกเทพ “จะดีที่สุดเจ้าจัดการเรื่องนี้ให้จบโดยเร็ว เจ้าจะทำให้เกิดความสับสนวุ่นวายมาก
ถ้ายังจะใช้เวลามากไปกว่านี้..” ไวนีเซนเข้าใจทันที
เจ้าเมืองรอยัลวิงต้องการรักษาหน้าไว้ด้วยเช่นกัน
“ย่อมได้!”
ไวนีเซนยิ้ม
“ท่านเจ้าเมือง!” โลซูส
บุรุษกำยำผมฟ้าและอสูรผมทองร้องเรียกพร้อมกัน
“พวกเจ้าฆ่าหนึ่งในร่างแยกศักดิ์สิทธิ์ของข้า
ฮึ่ม!”
ตาของไวนีเซนเปลี่ยนเป็นสีขาวทันที
และระลอกพลังโปร่งแสงพุ่งออกยิงใส่บุรุษกำยำผมฟ้า
และอสูรผมทองและหนึ่งในร่างแยกศักดิ์สิทธิ์ของโลซูส เข้าไปในร่างพวกเขาทันที
“อ๊า..!” เสียงกรีดร้องโหยหวนดังออกมาจากทั้งสาม
ขณะเดียวกันเพลิงโปร่งแสงม้วนตัวจากด้านบนศีรษะของทั้งสาม
และจากนั้นทั้งสามร่วงลงจากท้องฟ้าและตายทันที
“เพลิงสำนึกบาป?” เจ้าเมืองรอยัลวิงตาเป็นประกาย “ไวนีเซนผู้นี้ทรงพลังมากกว่าครั้งก่อน”
“ทรงพลังมาก”
เมื่อเห็นเช่นนี้ผู้โชคดีรอดชีวิเกือบสามสิบคนตกตะลึงกันหมด
อสูรผู้เป็นเทพชั้นสูงถูกฆ่าโดยไม่มีความสามารถตอบโต้กลับไวนีเซนผู้นี้
และเพียงแค่นั้นการโจมตีไร้ลักษณ์นั้นทำให้เกิดเปลวเพลิงโปร่งแสงที่พวกเขาไม่เคยได้ยินมาก่อน
ตอนนี้อสูรที่ยังรอดอยู่ก็คือโลซูส
นี่คือร่างแยกศักดิ์สิทธิ์ของโลซูสซึ่งยังทนทุกข์จากปรสิตวิญญาณ
ร่างแยกอีกร่างหนึ่งของเขาถูกฆ่าไปแล้ว
“เพลิงสำนึกบาป?” โลซูสจ้องมองไวนีเซนอย่างหวาดผวา “เพลิงสำนึกบาปในตำนานหรือนี่?”
ตอนนี้โลซูสเข้าใจเต็มที่แล้วว่าความแตกต่างระหว่างเขากับไวนีเซนยิ่งใหญ่เพียงไหน
“เจ้า...ทำไมเจ้าไม่ไปท้าสู้กับเทพอสูรเล่า?” โลซูสกล่าว
ลินลี่ย์มีความคิด
“ท้าสู้เทพอสูร?”
ลินลี่ย์รู้ว่าแดนนรกมีแคว้นทั้งหมด 108 แคว้น! และยังมีเทพอสูรถึง 108! เจ้าครองแคว้นแต่ละคนล้วนเป็นเทพอสูร! ในแดนนรก ‘เทพอสูร’ เป็นชื่อของยอดฝีมือที่ทรงพลังที่สุด
และมีหนทางเดียวที่จะได้รับมา
ท้าต่อสู้
แต่ใช่ว่าทุกคนจะมีสิทธิ์ท้าสู้กับเทพอสูร ผู้ท้าสู้ต้องเป็นอสูรเจ็ดดาวเสียก่อน!
เมื่อกลายเป็นอสูรเจ็ดดาวผู้ทรงพลัง อสูรเจ็ดดาวจึงจะมีสิทธิ์ท้าสู้เทพอสูร ถ้าท้าสู้ได้สำเร็จ เทพอสูรคนก่อนจะสูญเสียชื่อนำหน้าว่าเทพอสูร และผู้ท้าสู้ชนะจะได้รับคำนำหน้าเป็นเทพอสูรแทน ดังนั้นเทพอสูรในแดนนรกจึงมีจำนวน 108 คนตลอดไป
“ท้าสู้เทพอสูร?” ไวนีเซนชำเลืองมองดูเขา “ประการแรกเลย ข้าไม่สนใจเรื่องแบบนั้นเช่นกัน”
“ประการที่สอง
เจ้าคิดหรือว่าเพียงแค่ข้าสามารถใช้เพลิงสำนึกบาป นั่นจะเอาชนะเทพอสูรได้?” ไวนีเซนแค่นเสียง “ถ้าเรายังอยู่ในยุคเมื่อข้ามาถึงแดนนรกตอนแรก
บางทีข้าอาจทำ
แต่เมื่อผ่านหลายปีมานับไม่ถ้วน หลังจากมีการท้าสู้กันหลายครั้ง เทพอสูรทุกคนในยุคของเรา ยากจะจัดการได้”
ไวนีเซนชำเลืองมองเจ้าเมืองรอยัลวิงเช่นกัน
เจ้าเมืองรอยัลวิงพยักหน้าเล็กน้อย
เหมือนกับว่าเขาก็มีความรู้สึกเดียวกัน
พวกเขาเป็นอสูรเจ็ดดาวทั้งคู่
และพวกเขาก็บรรลุถึงระดับอสูรเจ็ดดาวนานนับปีไม่ถ้วน แต่พวกเขาไม่กล้าท้าสู้เทพอสูร!
เพราะถ้าการท้าสู้ของพวกเขาล้มเหลว
กล่าวโดยทั่วไปผลก็คือตาย!
“สหายน้อยทั้งหลาย ถือว่าเป็นอวยพรพวกเจ้า”
ไวนีเซนชำเลืองมองเทพแท้ที่รอดชีวิต
ไวนีเซนไม่มีแรงกระตุ้นมากพอจะฆ่าพวกลินลี่ย์ทั้งสาม
เพราะเขารู้ว่าความตายของร่างแยกศักดิ์สิทธิ์ของเขาไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเทพแท้เหล่านี้นัก
เนื่องจากเจ้าเมืองรอยัลวิงมาด้วยตนเอง เขาต้องเห็นแก่หน้าของเจ้าเมืองรอยัลวิงบ้าง
“ทุกคน! ไปเดี๋ยวนี้”
เจ้าเมืองรอยัลวิงพูดขึ้น
ทันใดนั้นภายใต้การนำของชายชราชุดขาว ผู้รอดชีวิตระดับเทพแท้สามสิบคนบินไปที่เมืองรอยัลวิงทันที
ครู่ต่อมา...
ในกลางอากาศ
เงาร่างที่เหลืออยู่ก็คือบริวารของไวนีเซน โลซูสและสามคนฝ่ายเจ้าเมืองรอยัลวิง
“ฮึ่ม! เจ้าจะมองอะไร? เจ้าต้องการกลับเมืองรอยัลวิงด้วยหรือ? ฮ่าฮ่า ฝันไปเถอะ!” ไวนีเซนมองดูโลซูสผู้เงียบไม่สนใจเขา แต่จากนั้นโลซูสเริ่มชักกระตุกทันที
งอดตัวกรีดร้องด้วยความทรมานขณะที่กุมศีรษะ
เจ้าเมืองรอยัลวิงเลิกคิ้ว
“นั่นคือปรสิตวิญญาณ” ไวนีเซนพูดอย่างไม่ใส่ใจ
เจ้าเมืองรอยัลวิงตกใจเล็กน้อย
และเขาถอนหายใจประหลาดใจ “ไวนีเซน!
เจ้าสร้างปรสิตวิญญาณได้ด้วยหรือ?
แม้ว่าจะไม่ค่อยมีผลต่อยอดฝีมือระดับเรานัก แต่สิ่งนี้ก็ทรงค่าอย่างมาก”
ปรสิตวิญญาณไม่ใช่ของมีพลังมากพอใช้สู้กับยอดฝีมืออย่างเจ้าเมืองรอยัลวิง
อย่างไรก็ตามทั่วทั้งแดนนรก
จะมีสักกี่คนที่มีความสามารถระดับนั้น
“ถ้าเจ้าต้องการสักตัว
เจ้ามาเยี่ยมข้าหาซื้อสักตัวก็ได้ ข้าจะลดราคาให้ถูกกว่าปราสาททรายดำสัก
10%” ไวนีเซนกล่าว
เจ้าเมืองรอยัลวิงอดยิ้มไม่ได้
“สจ๊วต, ข้าไปก่อนละนะ” ไวนีเซนแจ้งบอกเขา
เจ้าเมืองรอยัลวิงพยักหน้าเล็กน้อย
จากนั้นไวนีเซนหันมาทางโลซูสอีกครั้ง “เจ้าเด็กน้อย, ข้าบอกเจ้าแล้ว
เจ้าจะต้องเสียใจมากๆ”
จากนั้นเขานำโลซูสและกองกำลังเข้าไปในอสูรโลหะและจากไปด้วยความเร็วสูง
“สหายนั่นตกอยู่ในเงื้อมมือของไวนีเซน
นับเป็นเคราะห์กรรมของเขาจริงๆ”
เจ้าเมืองรอยัลวิงถอนหายใจ
เจ็ดกฎธาตุ สี่วิถี บรรดาสิ่งเหล่านี้
ที่น่ากลัวที่สุดและสามารถทรมานผู้อื่นได้มากที่สุดก็คือวิถีมรณะ
และในทางกลับกันยอดฝีมือระดับไวนีเซนมีความสามารถที่น่ากลัวอย่างแท้จริง
“ในที่สุดเราก็รอดชีวิตกลับมายังเมืองรอยัลวิงได้” ลินลี่ย์ เดเลียและบีบียืนบนถนนในเมืองรอยัลวิง
ในขณะที่พวกเขาไม่แน่ใจว่าควรจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี
ความผันแปรระหว่างเป็นกับตายทำให้หัวใจผู้คนสั่นสะท้าน
“ลินลี่ย์ เมื่อครู่นี้ข้ากลัวแทบตายจริงๆ” เดเลียยังยิ้มได้ในเวลานี้
บีบีเม้มปาก “ตาแก่ไวนีเซนนั่นเกินไปจริงๆ แต่, อนิจจา..ดูเหมือนว่าเขาทรงพลังจริงๆ ปู่เบรุตไม่อยู่ที่นี่เสียด้วย ถ้าเขาอยู่ที่นี่ ทุกอย่างก็คงดีแน่”
ลินลี่ย์จูงมือเดเลีย “ไปกันเถอะ
เราจะไปที่ปราสาทอสูรกัน!”
การแลกเปลี่ยนแหวนจันทราจะทำให้ลินลี่ย์และพวกกลายเป็นอสูรหนึ่งดาว
ลินลี่ย์
บีบีและเดเลียมุ่งหน้าตรงไปยังปราสาทอสูรทันที
5 ความคิดเห็น:
ขอบคุณครับ สนุก
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ รอดฉิวเฉียดเลย
ลุ้นเยี่ยวเหนียวเลยครับ 555
ขอบคุณมากครับ
แสดงความคิดเห็น