วันอังคารที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2562

เล่ม 19 เติบโตเปลี่ยนแปลง – ตอนที่ 27 เปลี่ยนแปลง


เล่ม 19 เติบโตเปลี่ยนแปลง – ตอนที่ 27 เปลี่ยนแปลง
ศพของอ็อคคลัวนอนอยู่บนพื้นที่รกร้าง
 “เขาตายแล้ว!  ลินลี่ย์ลอบถอนหายใจ  “อ็อคคลัวเป็นยอดฝีมือระดับเดียวกับรีสเจม  แม้แต่เทพชั้นสูงพารากอนยังพบว่ายากจะฆ่าเขา  นอกจากมหาเทพลงมือกับเขา  โดยทั่วไปต้องใช้กลุ่มยอดฝีมือจึงจะฆ่ายอดฝีมืออย่างเขาได้  แต่ทักษะเทพธรรมชาติ กินเทพ ของบีบี...”  ลินลี่ย์อดมองบีบีไม่ได้

ขณะนี้เองบีบีอยู่ข้างศพของเอลฟ์อ็อคคลัว เขาแค่นเสียงไม่พอใจ  “เจ้าไม่สนใจข้าจริงๆ ด้วย!
 “ฮ่าฮ่า, บีบี, เจ้าลงมือตอบโต้ผู้เชี่ยวชาญวิญญาณที่ไม่ใช่พารากอนได้จริงๆ ด้วย”  รีสเจมหัวเราะขณะเดินเข้ามาและใช้แขนโอบไหล่บีบี  “ดูเหมือนเราจะเข้ากันได้เป็นอย่างดี!  พลังโจมตีวิญญาณของเจ้าเป็นอันดับหนึ่ง  ขณะที่พลังโจมตีวัตถุของข้าไม่ใช่อันดับหนึ่ง  แต่ก็ยังนับว่าอยู่ชั้นต้นๆ  ขอเพียงร่วมมือกัน ใครจะหยุดเราได้?”
รีสเจมชำเลืองศพที่อยู่บนพื้นจากนั้นแค่นเสียง  “เฮ้, ยอดฝีมือ, ยอดฝีมือ.. นี่แหละคือสิ่งที่เกิดขึ้น  ตอนนี้ร่างที่ทรงพลังที่สุดของเขานอนตายไปแล้ว  ต่อให้เขามีร่างแยกศักดิ์สิทธิ์เหลืออยู่  ก็จะมีคุณค่าสักแค่ไหน?”
ขณะนั้นเอง...
 “ฮึ่ม!  เสียงแค่นเย็นชาดังขึ้น รีสเจมกลายเป็นร่างม่วงเลือนรางพุ่งผ่านท้องฟ้าทันที
 “เกิดอะไรขึ้น?”  ลินลี่ย์รีบหันไปมองเช่นกันเห็นแต่เพียงรีสเจมกำลังไล่ไปทางตำแหน่งอื่น  เงาร่างดำเลือนรางพุ่งหนีเขาไป  ลินลี่ย์อดรู้สึกตกใจไม่ได้  “มีคนอื่นอยู่ใกล้ด้วยหรือ?  ดูเหมือนเมื่อครู่นี้ข้าเพ่งสมาธิอยู่กับอ็อคคลัวจนข้าไม่ได้สังเกตว่ามีคนลอบเข้ามาใกล้”
ลินลี่ย์มองดูรีสเจมไล่โจมตีคนที่กำลังหนีอย่างระมัดระวัง
รีสเจมที่อยู่ระหว่างไล่ตามปล่อยแสงสีม่วงจากร่างทันทีและแสงก่อตัวเป็นสนามพลังอะเมทิสต์  ร่างดำที่กำลังหนีเริ่มเคลื่อนไหวช้าลงทันทีหลังจากอยู่ในรัศมีแสง
 “ควั่บ!
แสงสีม่วงสายหนึ่งยิงออกมาจากมือของรีสเจมพุ่งไปข้างหน้าเหมือนกับดาวตก  ไวมากจนร่างสีเงาดำข้างหน้าไม่อาจหลบได้ทัน  “แครก...”  แสงสีม่วงยิงออกไปอีกราวๆ ร้อยเมตรที่เป็นระยะห่างระหว่างรีสเจมและร่างเงานั้น  มิติพื้นที่ใกล้ๆ เริ่มเป็นระลอกเหมือนน้ำ  และบางที่ก็แตกเลือนรางมองเห็นได้  มีเสียงดังปัง   แสงม่วงทะลวงเข้าไปในร่างเงาดำนั้นและมันระเบิดทันที เศษชิ้นส่วนแตกกระจายไปทุกทิศทาง ขณะที่แสงม่วงแข็งตัวในที่สุด
นี่คือทวนอัศวินที่ยาว 1.5 เมตรที่มีรัศมีม่วงเข้มคลุมไว้ ถือว่าค่อนข้างสั้น
แต่แน่นอนว่า สามารถใช้เป็นหอกได้สำหรับสู้ระยะประชิดตัว
 “อาวุธมหาเทพ!  ลินลี่ย์เข้าใจว่านี่เป็นเพียงอาวุธมหาเทพเพียงชิ้นเดียวที่รีสเจมมี  “เมื่อรีสเจมขว้างหอกนี้พลังจะน่ากลัวมากสามารถสร้างรอยแตกมิติได้!
เห็นได้ชัดว่าลินลี่ย์จำได้ว่ามีรอยแตกในพื้นที่มิติเล็กน้อยมากเมื่อหอกถูกพุ่งออกไป
นี่เป็นครั้งแรกที่ลินลี่ย์เคยเห็นคนสามารถทำให้เกิดรอยแตกแยกของมิติปรากฎให้เห็นที่นี่ในสมรภูมิมหาพิภพ! “รีสเจมผู้นี้ฝึกมาในสายวิถีทำลายล้าง  และความเข้าใจในเคล็ดลึกลับก็น่ากลัวตั้งแต่แรก  เขายังคงแข็งแกร่งด้วยเช่นกัน  เมื่อจับคู่กับอาวุธมหาเทพ... อาจกล่าวได้ว่าพลังโจมตีวัตถุของเขาในบรรดาผู้บัญชาการ อาจไม่ถึงกับดีที่สุด แต่ก็นับได้ว่าอยู่ในสระดับสุง”
ลินลี่ย์ในตอนนี้เข้าใจได้อย่างเต็มที่ว่ารีสเจมทรงพลังแข็งแกร่งขนาดใหน
พลังโจมตีวิญญาณและพลังโจมตีวัตถุ เขาถึงระดับเชี่ยวชาญทั้งสอง  ถ้ามีคนต้องชี้จุดอ่อน..เป็นไปได้ว่านั่นก็คือเขาค่อนข้างกลัวทักษะกลืนเทพของบีบี  ทักษะกลืนเทพของบีบีเป็นดาวข่มของเขาได้อย่างสมบูรณ์แบบ  เว้นแต่รีสเจมจะได้รับสมบัติเทพประเภทปกป้องวิญญาณ  น่าเสียดายแม้ว่ามารดาของเขาจะเป็นถึงมหาเทพ  แต่นางไม่อาจให้สมบัติเทพกับเขาอีกชิ้นหนึ่ง  เขาจำเป็นต้องสร้างผลงานทางทหารเพิ่ม
 “แม่มเอ๊ยย.. โกเลมมัจจุราช!” รีสเจมระเบิดเสียงสบถด่า ขณะที่เขาเดินเข้ามา
 “เป็นแค่โกเลมมัจจุราช  โกรธไปก็ไม่มีประโยชน์”  ลินลี่ย์พูด “ใครจะรู้กันได้เล่าว่าคนที่อยู่เบื้องหลังนั้นซ่อนตัวอยู่ที่ไหน  หลังจากรู้ว่าท่านมีพลังมากเพียงไหน  บางทีเขาคงหนีไปไกลแล้ว”
 “แต่ละครั้งที่ข้าเห็นเป้าหมาย ก็จะฆ่ามันและจากนั้นก็จะพบว่า มันเป็นโกเลมมัจจุราช  ข้ารู้สึกหงุดหงิด”
รีสเจมชี้ไปที่ตราสีทองบนพื้น  “มีป้ายทองเพียงชิ้นเดียว  ขณะที่เรามีกันสี่คน  เราควรจะแบ่งกันทุกคนหรือเปล่า?”
ลินลี่ย์และบีบีอดมองหน้ากันเองไม่ได้
ป้ายผู้บัญชาการ!
สำหรับลินลี่ย์ ป้ายผู้บัญชาการทุกป้ายเป็นเครื่องหมายแทนว่าเขาจะสามารถช่วยครอบครัวหรือสหายของเขาได้!  ลินลี่ย์ลึกๆ แล้วปรารถนาจะได้รับป้ายผู้บัญชาการนี้  แต่ลินลี่ย์ยังคงเข้าใจว่าเนื่องจากพวกเขาตั้งกลุ่มเป็นทีมล่าสี่คน  พวกเขาต้องปฏิบัติตามกฎ เขาไม่ต้องการให้คนอื่นยอมสละผลประโยชน์สงครามให้เขาเช่นกัน
 “ลินลี่ย์  เจ้าสองคนคิดว่ายังไง?”  รีสเจมมองดู
ขณะที่รีสเจมมองดูอยู่  ไม่จำเป็นต้องให้เขาแบ่งแยกระหว่างเขาเองกับเรย์โฮม  เนื่องจากทั้งสองสนิทกันมาก  แม้ว่าบีบีและลินลี่ย์จะเพิ่งเข้าร่วมกลุ่มล่า  แม้ว่าพวกเขาจะเป็นคนที่รู้จักกัน  แต่พวกเขาไม่ได้มีความสัมพันธ์สที่ลึกซึ้ง  ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ตัดสินใจทันที
 “เราทำตามที่ได้ตกลงกันไว้ก่อน”  ลินลี่ย์พูดพลางหัวเราะ  “เราสี่คนแบ่งรางวัลเท่าๆ กัน  อย่างไรก็ตามเห็นได้ชัดว่าเรามีป้ายทองแค่ชิ้นเดียวในตอนนี้  เอาอย่างนี้เป็นไง? รีสเจม ท่านกับเรย์โฮมจะแบ่งกันเป็นส่วนหนึ่ง  ข้ากับบีบีก็จะแบ่งเป็นส่วนหนึ่ง  ข้าคิดว่าท่านทั้งสองคงไม่คัดค้านเรื่องนี้ใช่ไหม?”
 “แน่นอนว่าไม่” รีสเจมหัวเราะเช่นกัน
รีสเจมและเรย์โฮมคงไม่พูดคลุมเครือเรื่องผลงานทางทหาร  ก็เหมือนกับลินลี่ย์กับบีบี
 “สำหรับป้ายตราของผู้บัญชาการนี้ฝ่ายเราสองคนสามารถรับนี่ไว้  แต่ถ้าท่านจะรับไว้ครั้งนี้  อย่างนั้นเราจะรับป้ายในครั้งต่อไป  ถ้าจะให้เรารับป้ายในครั้งนี้ต่อไปท่านจะเป็นฝ่ายรับป้ายไปบ้าง”  ลินลี่ย์พูดพลางหัวเราะอย่างใจเย็น
 “เอาอย่างนั้นก็ได้”  รีสเจมพูดตรงไปตรงมา  จากนั้นเอื้อมมือไปหยิบป้ายตราผู้บัญชาการ จากนั้นโยนป้ายให้ลินลี่ย์  “เจ้าทั้งสองร่วมทีมเราแล้ว  ดังนั้นเราจะให้เจ้าได้ป้ายแรกไปก่อน  ส่วนป้ายผู้บัญชาการต่อไปที่เราได้จะเป็นของข้า”
ลินลี่ย์รับไว้ อย่างไม่เกรงใจมากมารยาท และหัวเราะขณะพยักหน้า  “ตามนั้น ครั้งต่อไปจะเป็นของท่าน”
ลินลี่ย์กำป้ายทองไว้แน่น  เขาอดรู้สึกตื่นเต้นในใจไม่ได้  “ยังขาดอีกหนึ่ง!  ลินลี่ย์ต้องการช่วยบิดาของเขา เยล จอร์จและดิ๊กซี่ที่ตายอย่างไม่เป็นธรรม  ที่สำคัญดิ๊กซี่เป็นพี่ชายเพียงคนเดียวของเดเลีย  ขณะที่คนซึ่งตายอย่างธรรมดา ผู้ตายโดยไม่มีความเสียใจ  ลินลี่ย์ไม่เห็นความจำเป็นต้องฟื้นคืนความทรงจำพวกเขา
อย่างเช่นลุงฮิลแมนมีชีวิตอยู่หลายร้อยปี มีลูกหลานเต็มบ้าน  พวกเขามีชีวิตอย่างอิสระ จากนั้นจึงแก่ตาย
เนื่องจากพวกเขาตายอย่างไม่มีอะไรต้องเสียใจ ทำไมต้องไปรบการความสงบของพวกเขา?
แต่ขณะที่เยล จอร์จและฮ็อกบิดาของเขา  พวกเขาตายอย่างทุกข์ทรมาน  ตายอย่างคับแค้น
 “ลินลี่ย์! ก็แค่ป้ายผู้บัญชาการหนึ่งป้าย เจ้าถึงกับทำหน้าอย่างนั้นด้วยหรือ?”  รีสเจมที่อยู่ใกล้ๆ อดยิ้มขณะพูดไม่ได้
 “อือ”  ลินลี่ย์ค่อยตื่นจากภวังค์  เขาหัวเราะทันที  จากนั้นเก็บป้ายทองไว้  “ข้าแค่คิดเรื่องสองสามเรื่องเพลินๆ”
บีบีที่อยู่ใกล้ๆ ถอนหายใจอย่างมีอารมณ์เช่นกัน  “รีสเจม,  เจ้ามาที่นี่เพื่อรวบรวมป้ายประจำตัวเพื่อเอาไปแลกสมบัติมหาเทพ  แต่พี่ใหญ่และข้ามารวบรวมป้ายประจำตัวด้วยวัตถุประสงค์ที่แตกต่าง  ท่านไม่เข้าใจว่าป้ายเหล่านี้สำหรับพี่ใหญ่ข้ามีความสำคัญมากมายเพียงไหน”
 “โอว?”  รีสเจมยิ่งสงสัยมากขึ้น  “สำคัญยังไง?”
บีบีเริ่มคุยกับรีสเจมทันที  ขณะที่ลินลี่ย์แค่ส่ายหน้าและหัวเราะ
 “รีสเจม!  เราควรจะทำยังไงกับสมบัติมหาเทพเหล่านี้?”  ลินลี่ย์กล่าว
 “จะทำยังไงน่ะหรือ?  โยนมันไว้ตรงนั้นแหละ”  รีสเจมกล่าว
ลินลี่ย์กับบีบีตะลึงทั้งคู่
 “โยนมันไป?”  บีบีสะดุ้งทวนคำ
รีสเจมเตะออกไปตามธรรมดา  จากนั้นแค่นเสียง  “แน่นอน อะไร, พวกเจ้าคิดว่าเราควรจะเก็บมันไว้กับเราน่ะหรือ?  มหาเทพจะตามมาทวงคืนได้ในที่สุด  อย่างไรก็ตามไม่มีประโยชน์ที่จะเก็บมันไว้กับเรา  นอกจากนี้อ็อคคลัวยังมีร่างแยกอื่นอยู่ข้างนอก  ดังนั้นไม่มีทางที่เราจะใช้สมบัติมหาเทพได้  ไม่มีประโยชน์ที่จะนำไปด้วย”
ลินลี่ย์และบีบีเมื่อได้ยินเช่นนี้ได้แต่มองหน้ากันเอง  พวกเขาต้องยอมรับว่าคำพูดของรีสเจมมีเหตุผล
 “ไปกันต่อเถอะ”  รีสเจมพูดพร้อมกับหัวเราะ  “ด้วยพลังหน่วยล่าของเรา  ฮ่าฮ่า... มีอะไรต้องกลัว  ในสมรภูมิมหาพิภพ? ฮ่าฮ่า”
ลินลี่ย์ได้แต่หัวเราะเช่นกัน  ทีมล่าสี่คนของพวกเขามุ่งหน้าไปต่อโดยแบ่งออกเป็นสองกลุ่มอีกครั้งและทอดระยะห่างกันราวสามกิโลเมตร
ในเนินเขาเล็กภายในสมรภูมิมหาพิภพ
บุรุษชุดดำผมทองมีแววตาท่าทางประหลาดใจ  “ใครจะคาดคิดกันว่าข่าวที่ปล่อยกันในหมู่ผู้บัญชาการเรื่องเบรุตมาถึงจะเป็นข่าวปลอม!  คนที่ใช้ทักษะเทพธรรมชาตินั้นไม่ใช่เบรุต  แต่เป็นคนอื่น  นอกจากเบรุตแล้วยังมีคนอื่นที่สามารถใช้ไม้ตายนั้นได้!  นี่น่ากลัวจริงๆ  และเท่าที่ดูเด็กหนุ่มหมวกฟางผู้นั้นไม่ถูกจำกัดอย่างสมบูรณ์  ไม่ได้ถูกห้ามกีดกันต่างจากเบรุตที่ใส่ใจสถานะของเขาเป็นอย่างมาก”
คนผู้ใช้โกเลมมัจจุราชและเห็นบีบีฆ่าอ็อคคลัวก็คือคนผู้นี้
 “ข้าต้องเอาข่าวนี้ไปบอกเหล่าสหาย!
บุรุษผมทองกัดฟันและบินไปทันที
ในบรรดาผู้บัญชาการในสมรภูมิมหาพิภพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกที่อยู่ในกลุ่มพันธมิตรเดียวกัน  ล้วนมีความสัมพันธ์กับกันและกันทั้งนั้น  พวกเขาจะแบ่งปันข่าวสำคัญให้กันและกัน  ตัวอย่างเช่นเมื่อบีบีและลินลี่ย์มาถึงในสมรภูมิมหาพิภพ  ผู้บัญชาการในหน่วยก็วางแผนจะร่วมกำลังกับลินลี่ย์และบีบี  และแบ่งปันข่าวบางอย่างกับพวกเขา  เพียงแต่เพราะเขาไม่รู้จักสองคนนี้  เขาจึงไม่ได้ทำ
ข่าวว่าคนผู้ใช้ทักษะเทพธรรมชาติ กินเทพ เป็นเด็กหนุ่มที่สวมหมวกฟางไม่ใช่เบรุตแพร่กระจายไปในกลุ่มผู้บัญชาการด้วยความรวดเร็วอย่างน่าประหลาด
ที่ริมฝั่งทะเลดวงดาวภายในฐานพันธมิตร  ภายในสิ่งก่อสร้างซึ่งสร้างขึ้นด้วยแก่นธาตุ  บุรุษคนหนึ่งในชุดสีฟ้าสาวเท้าเดินผ่านประตู
 “ใต้เท้า”
ทหารยามเปิดทางให้ทันที  พวกเขาทุกคนรู้ว่า..คนผู้นี้ก็คือยอดฝีมือระดับผู้บัญชาการและสหายของเจ้านายเขา
 “เบรย์!  เจ้ากลับมาทำไม?”  สตรีชุดแดงภายในลานว่างกำลังนั่งดื่มเหล้า  นางยิ้มขณะที่นางมองดูบุรุษชุดสีฟ้ากำลังเดินเข้ามา  “เจ้าไม่ออกไปฆ่าผู้บัญชาการสักสองสามคนแล้วเอาป้ายพิเศษมาหรอกหรือ?”
 “ไม่อีกต่อไปแล้ว  ข้าไม่คาดเลยว่ายังมีตัวแปรอื่นเข้ามาเล่นด้วย”  บุรุษชุดฟ้าแค่นเสียงจากนั้นนั่งลง  เขาคว้าขวดเหล้าแหงนหน้าดื่มแล้วกระแทกขวดวาง
 “ตัวแปร?”  สตรีชุดแดงสงสัย
บุรุษชุดฟ้าบ่นอย่างไม่พอใจ  “มีข่าวลือในช่วงนี้มาก่อนแล้วว่าเบรุตมาไม่ใช่หรือ?  ถ้าเป็นเบรุตมาจริงๆ  ข้าคงไม่กลัว เบรุตกับข้าเคยพบกันมาก่อน และเรานับได้ว่ามีสัมพันธ์บางอย่างต่อกัน  ถ้าข้าพบกับเขา เขาก็คงไม่ลงมือกับข้า  นอกจากนี้คนที่หยิ่งในศักดิ์ศรีอย่างเบรุตคงไม่ลดตัวเองมาฆ่าผู้บัญชาการธรรมดา  ตราบเท่าที่พวกเขาไม่ล่วงเกินเขา”
 “บอกตามตรงเพราะข้าอยู่ภายใต้แรงกดดันนี้จนต้องเที่ยวไปทั่วสมรภูมิมหาพิภพ!  แต่ใครจะคิดกันว่าเมื่อไม่นานนี้สหายคนหนึ่งของข้าส่งข่าวมาว่าคนที่ใช้ทักษะเทพธรรมชาติกินเทพไม่ใช่เบรุต แต่เป็นเด็กหนุ่มหมวกฟาง!  บุรุษชุดฟ้าส่ายศีรษะ  “ช่างมันเถอะ ข้าไม่มีสมบัติมหาเทพประเภทปกป้องวิญญาณ  ดีที่สุดข้าคงไม่เพ่นพ่านออกไปข้างนอกอีกแล้ว  ถ้าข้าไปพบเจอเด็กหนุ่มนั่น ข้าคงตายอย่างไม่ยุติธรรมแน่นอน!
เมื่อได้ยินเช่นนี้สตรีชุดแดงก็เข้าใจ
 “มีอสูรเทพหนูกินเทพตัวที่สองจริงๆ หรือนี่?”  สตรีชุดแดงเข้าใจว่าข่าวนี้หมายความว่ายังไง
ในบรรดาเทพชั้นสูง มีหลายคนที่เข้าใจความสำคัญของการรู้แจ้งระดับสูงในเรื่องของพลังวิญญาณ  และมีหลายคนที่มีทักษะโจมตีวิญญาณและพลังป้องกันวิญญาณที่สูงส่ง  นอกจากนี้ แม้แต่ในบรรดาอาวุธมหาเทพ สมบัติมหาเทพประเภทปกป้องวิญญาณทำได้ยากที่สุด  โดยทั่วไป ต่อให้มหาเทพให้สมบัติมหาเทพแก่ทูตมหาเทพ ไม่ค่อยมีใครให้สมบัติมหาเทพประเภทปกป้องวิญญาณ
ดังนั้นสมบัติมหาเทพประเภทปกป้องวิญญาณจึงหาได้ยากมาก
นอกจากนี้ผู้บัญชาการหลายคนมั่นใจมากในความสามารถในการป้องกันพลังวิญญาณของพวกเขา  ตัวอยางเช่นอยางรีสเจมและอ็อคคลัวก็ยังสามารถทนรับได้  ถ้าแค่เป็นพลังโจมตีวิญญาณแม้จากพารากอนก็ตาม  เท่าที่พวกเขาเห็น  ไม่มีประโยชน์กับการได้รับสมบัติมหาเทพประเภทปกป้องวิญญาณ  ดังนั้นการได้รับสมบัติมหาเทพประเภทอื่นๆ จะดีกว่า
แต่หลังจากเบรุตโดดเด่นขึ้นมาทันที หลายคนจึงได้รู้ว่า... พลังโจมตีวิญญาณที่น่ากลัวที่สุดในหมู่เทพชั้นสูง ไม่ใช่พลังของพารากอน  แต่เป็นทักษะเทพธรรมชาติของเบรุตแทน
แต่เนื่องจากสถานะที่เบรุตมีอยู่  เขาจึงยากจะลดตัวลงมาฆ่าผู้บัญชาการธรรมดาด้วยตนเอง
ดังนั้น ไม่มีใครกังวลเรื่องเขา
แต่ตอนนี้มีอีกคนหนึ่งผู้สามารถใช้ทักษะเทพธรรมชาติกินเทพโผล่ออกมาเป็นคนที่ไม่มีใครรู้จัก  ยอดฝีมือผู้ไม่ใช่พารากอน ทั้งไม่มีสมบัติมหาเทพประเภทปกป้องวิญญาณ...ตอนนี้พวกเขาเริ่มกังวล
พวกเขาไม่กล้าเที่ยวไปข้างนอกอย่างมั่นใจได้เหมือนเมื่อก่อน  คนที่ออกไปซ่อนตัวอยู่ข้างนอกจะใช้โกเลมมัจจุราชให้คอยสอดแนมแทนพวกเขา
 “ฮ่าฮ่า.. การปรากฏตัวขึ้นของเด็กหนุ่มนี้...”   สตรีชุดแดงเริ่มหัวเราะ  “ไม่มีผู้บัญชาการหลายกล้าออกไปเดินข้างนอกสมรภูมิมหาพิภพอย่างอิสระ  ตอนนี้แม้แต่คนอย่างเจ้าก็ยังก้มหน้ายอมรับ  เป็นไปได้ว่าพวกที่เที่ยวไปอยู่ข้างนอกสมรภูมิมหาพิภพจะเป็นพวกหน่วยล่าที่ทรงกำลังไร้เทียมทาน”
 “ช่างมันเถอะ  รอให้สงครามสุดท้ายมาถึงก่อน  ข้าคงจะได้รับความดีความชอบทางทหารระหว่างสงครามขั้นสุดท้าย  ถ้าผลักดันกันแบบนี้ ข้าสามารถรอสงครามมหาพิภพครั้งต่อไปจะได้รวบรวมความดีความชอบทางทหารได้มากพอ  เจ้าเด็กนี่โผล่มาจากไหนกัน?  หลังจากออกจากสมรภูมิมหาพิภพ ข้าต้องไปสืบหาข้อมูลเพิ่มเติมบ้าง”  บุรุษชุดฟ้าพูดพลางถอนหายใจ

12 ความคิดเห็น:

Ko Surapong กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Boybravo กล่าวว่า...

บีบี เริ่มดังแล้ว ไอหนุ่มหมวกฟาง ขอบคุณครับ

nutzido กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

ท้องฟ้าจะมีความหมาย ถ้ามีคนแหงนมอง กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Rewma กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Unknown กล่าวว่า...

ทำไมนึกถึงลูฟี่นะ5555

Unknown กล่าวว่า...

ข่อยขอบคุณหลายๆ ขอของขวัญวันแรงงาน ซักตอนหน่อยคับ 😍😍😍

BeHappy กล่าวว่า...

ลูฟี่มาแล้ว

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Dearwy กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

มีตน กล่าวว่า...

ขอบคุณ​ครับ​

tho กล่าวว่า...

ขอบคุณมากครับ

แสดงความคิดเห็น