ตอนที่ 729 ข้อความสุดท้ายของผู้รอด
หลังจากเอาชนะติ้งป๋อได้
เย่ว์หยางเก็บเกี่ยวผลประโยชน์อีกครั้ง
แม้ว่าพังพอน, เม่นธนูพิษ, ขุนศึกเซนทอร์ ปีศาจยักษ์สองหัว ปีศาจเพลิงเขาทอง, มังกรแม็กม่า, อสูรฝันร้ายไฟนรกและอสูรศึกอื่นจะถูกฆ่าก็ตาม
แต่ร่างของพวกมันจะกลายเป็นปุ๋ยดอกไม้หรือไม่ก็อาหารสุนัข
และผลึกปีศาจและหัวใจปีศาจก็มีค่ามากกว่าสมบัติทั่วไป
นอกจากนี้เขายังได้แหวนจอมโกงระดับศักดิ์สิทธิ์และเข็มขัดพลังงานที่สามารถสร้างพลังงานได้ต่อเนื่องหลังจากสวมใส่แล้ว เย่ว์หยางยังได้ภูตพ่นน้ำลายระดับปราณฟ้ามาได้อย่างไม่คาดหมาย
หลังจากภูตพ่นคร่ำครวญเสียใจเพราะมันไม่มีที่ไปแล้ว
ในที่สุดมันยอมติดตามเย่ว์หยางผู้ฆ่าเจ้านายเก่าของมัน
ภูตพ่นน้ำ : อสูรทองระดับสิบ
อสูรศึกชนิดพิเศษ มีร่างกึ่งพลังงาน สามารถขัดขวางไม่ให้วัตถุลอยผ่านมันได้
สามารถพ่นน้ำลายใส่เป้าหมายและเปลี่ยนเป็นคำสาป
ทักษะ : คำสาปที่ทั้งเทพและภูตผีรังเกียจ นั่นก็คือเปลี่ยนเป็นแพะ
ภูตพ่นน้ำนี้ไม่ค่อยแข็งแกร่งนัก
แต่ส่งผลในการช่วยรบอย่างยอดเยี่ยม
ไม่ว่าจะเป็นใช้คำสาปกับศัตรูหรือกำจัดคำสาปให้เจ้านาย
ทั้งสองทักษะนี้นับเป็นทักษะที่ใช้งานได้ผล
ถ้าใครสามารถควบคุมมันได้ดี เขาจะสามารถพลิกสถานการณ์ได้บ่อยครั้ง
เย่ว์หยางไม่พร้อมจะทำสัญญากับภูตพ่นน้ำ
นับตั้งแต่เขาเชี่ยวชาญปณิธานสูงสุดและเป็นเจ้าของสนามพลังสร้างโลก
พลังรบของเขาก็แทบจะขึ้นถึงจุดสูงสุด ดังนั้นการทำสัญญากับอสูรที่ใช้คำสาปกับศัตรูได้จึงไม่จำเป็นมากนักสำหรับเขา
ศัตรูที่เย่ว์หยางต้องการเอาชนะอย่างน้อยต้องระดับเดียวกับราชาใจสิงห์ แต่นักสู้ปราณฟ้าระดับนั้น
ภูตพ่นน้ำลายไม่สามารถทำให้อ่อนแอได้ด้วยพลังคำสาป
ในทางตรงกันข้าม ถ้าเขามอบภูตพ่นน้ำลายให้คนอื่นอย่างอี้หนานหรืออู๋เหิน
เขาเชื่อว่าพลังของพวกนางจะเพิ่มขึ้นก้าวหน้าอย่างมากมาย
ภูตพ่นน้ำมองดูภายนอกเหมือนกับผีผู้หญิง
แต่ในความเป็นจริงมันคือวิญญาณที่ไม่มีเพศ
โดยทั่วไปแล้ว
สติปัญญาและอารมณ์ของอสูรวิญญาณประเภทนี้ไม่ค่อยสูงนัก
ดังนั้นจึงยากจะพัฒนาให้เป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์ได้ ภูตพ่นน้ำลายพยายามควบคุมตนเอง
และหาโอกาสแก้แค้นและตอบแทนให้เจ้านายเก่าของมันที่เทบจะกลายเป็นเผ่าพันธุ์ชนชั้นสูง
เย่ว์หยางไม่ได้คาดหวังให้มันวิวัฒนาการไปเป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์
ที่สำคัญเป็นเรื่องยากที่อสูรศึกบางตนจะวิวัฒนาการไปเป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์ได้ อย่างเช่นเพกาซัสเขาเงินของอี้หนาน
พญาไม้ไตตันของเย่ว์ปิงและทานตะวันอมฤตของเจ้าเมืองโล่วฮัว...
แต่แม้อสูรศึกเหล่านี้ไม่สามารถวิวัฒนาการไปเป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์ได้ ไม่ได้หมายความว่ามันถึงขีดจำกัดในวิวัฒนาการ
อย่างน้อยในเรื่องพลังสู้รบ อสูรศึกยังคงมีพัฒนาการต่อไปตราบเท่าที่พวกมันยังต่อสู้และเติบโตต่อไป
หลังจากจัดการภารกิจต่อไปให้เหยียนเจ้าหน่วยข่าวที่ยอดเยี่ยมแล้ว เย่ว์หยางตัดสินใจกลับไปยังปราสาทสายรุ้ง
อย่างไรก็ตาม
อู๋เหินปฏิเสธไม่รับข้อเสนอของเขา
“ยกภูตพ่นน้ำให้น้องอี้หนานเถอะ! ข้าไม่ใช่กำลังรบหลัก
แม้ว่าข้าจะมีพลังเพิ่มขึ้นก็ตามแต่การช่วยเจ้าได้นั้นเป็นเรื่องยากมากสำหรับข้า ในทางตรงกันข้ามถ้าภูตพ่นน้ำนี้เป็นอสูรศึกของน้องอี้หนานไม่ต้องสงสัยเลยว่านางผู้มีพลังวิญญาณที่ยิ่งใหญ่จะต้องแข็งแกร่งมากขึ้นราวกับเสือติดปีก” อู๋เหินเสนอให้อี้หนานทำสัญญากับภูตพ่นน้ำลาย
“อสูรศึกตนนี้มีสติปัญญาอยู่บ้าง
มันอาจวิวัฒนาการกลายเป็นตัวแปรสำคัญก็ได้”
เย่ว์หวี่ยังคงมองอนาคตของภูตพ่นน้ำลายในแง่ดี
“ดีละ, แล้วข้าจะหาทางให้
หลังจากข้าช่วยให้แมงป่องดาวมีวิวัฒนาการสุดท้ายก่อน” หลังจากเย่ว์หยางกลับไปที่ปราสาทสายรุ้ง
นางพญาดอกหนามมงกุฎทองตั่วตั่วก็ตื่นขึ้น และฮุยไท่หลางจำเป็นต้องมอบอาหารที่ดีที่สุดอย่างติ้งป๋อนักสู้ปราณฟ้าระดับห้าและอสูรฝันร้ายไฟนรก
อสูรปราณฟ้าระดับสามให้กับสาวน้อยผู้นี้โดยไม่มีเหตุผล ส่วนมันน่าเศร้าที่ได้กินแค่พังพอน,
เม่นธนูและขุนศึกเซนทอร์
เย่ว์หยางตัดสินใจเก็บปีศาจยักษ์สองหัวเอาไว้
เขาต้องการใช้เลือดของมันช่วยพัฒนาพลังของอสูรศึกของเย่คงและเจ้าอ้วนไห่
ปีศาจเพลิงเขาทองถูกมอบให้ภูตเพลิงฟ้าเป็นรางวัล
ส่วนหัวของมังกรแม็กม่าถูกกตั๊กแตนมัจจุราชจับกินไปแล้ว
ราชินีซิกผู้นำเผ่ามนุษย์มังกรสตรีได้รับรางวัลให้จัดการกับร่างมังกรบินแม็กมาที่เหลือ
แม้ว่าส่วนที่ดีที่สุดของมังกรบินแม็กม่าก็คือผลึกเวทถูกตั๊กแตนมัจจุราชกินไปแล้ว แต่ส่วนที่ยังเหลือก็คือร่างมังกรบินแม็กม่าระดับเตรียมปราณฟ้าก็สามารถใช้พัฒนามังกรบินที่ทำสัญญากับราชินีซิกให้ก้าวหน้าได้
การวิวัฒนาการแมงป่องดาวซึ่งเป็นอาวุธร่างอสูร
มาถึงขั้นสุดท้าย
มันเชื่อว่าการวิวัฒนาการจะจบลงในอีกไม่กี่วัน
เย่ว์หยางเพ่งความสนใจไปที่การฝึกฝนนางพญาดอกหนามมงกุฏทอง
เขาหวังว่าสาวน้อยนี้จะสามารถวิวัฒนการได้สำเร็จโดยไม่ต้องได้รับความช่วยเหลือจากเขา นางวิวัฒนาการและยกระดับเป็นอสูรในตำนาน
มีคัมภีร์อัญเชิญโดยอัตโนมัติเหมือนกับอิคคาและเสี่ยวเหวินหลีที่เกิดมาพร้อมกับคัมภีร์อัญเชิญ
ร่างที่เป็นทะเลดอกหนามสำหรับซึมซับพลังของนาง และเมื่อได้ ‘หัวใจคลุ้มคลั่ง’ และหัวใจหมอก’ ก็หวังว่าปีศาจดอกหนามของนางทั้งสองจะสามารถหลอมรวมหัวใจและวิวัฒนาการกลายสภาพได้
“เอาละ ตั่วตั่วจะไม่ต้องนอนอีกแล้วหลังจากงีบครั้งนี้” นางกัดนิ้วเย่ว์หยางด้วยฟันแหลมเล็กของนาง
ตั่วตั่วดูดเลือดเพียงเล็กน้อยจากนั้นกลับเข้าไปในเตียงดอกไม้และหลับอย่างเงียบงัน
ดอกหนามนับไม่ถ้วนขยายอย่างรวดเร็วกลายเป็นทะเลดอกไม้รายล้อมตั่วตั่วที่นอนอยู่บนเตียงดอกไม้
ปีศาจดอกหนามทั้งสองดูดซับ
‘หัวใจคลุ้มคลั่ง’ และ ‘หัวใจหมอก’ และหลอมรวมกับศิลาวิญญาณที่เย่ว์หยางไม่ยินยอมแลกเปลี่ยน พวกมันตั้งเป้าหมายจะกลายไปเป็นขุนพลดอกหนามหรือเป็นผู้บัญชาการดอกหนามตามที่เย่ว์หยางเคยคาดหวังเอาไว้กับมัน พวกมันยังต้องการเป็นบริวารมือดีที่สุดของตั่วตั่วสามารถต่อสู้ได้ด้วยความคิดของมันเองในขณะที่นางอยู่ในช่วงจำศีลยาว
เทียบกับหัวใจหมอกของปีศาจดำและหัวใจคลุ้มคลั่งที่เกิดจากหญ้าระบำดูแล้วเหมาะให้ปีศาจดอกหนามได้ดูดซับพลัง
อย่างไรก็ตามพลังของหัวใจหมอกยังมีระดับที่เหนือกว่าหัวใจคลุ้มคลั่ง
สองวันต่อมาก่อนพัฒนาการสุดท้ายของแมงป่องดาวปีศาจดอกหนามก็เสร็จสิ้นวิวัฒนาการกลายเป็นขุนพลดอกหนามพิโรธขนาด
50 เมตร
ร่างกายท่อนบนคล้ายกับขุนศึกหญิงในชุดเกราะเถาวัลย์สวมด้วยพวงดอกหนามนับไม่ถ้วน
แต่ร่างท่อนล่างยังคงเป็นเถาดอกหนามขนาดยักษ์
ขุนพลดอกหนามพิโรธได้รับตกทอดพลังของหญ้าระบำ มันสามารถใช้พลังจิตจากระยะไกลโจมตีผสานเข้ากับพลังของปีศาจดอกหนามหลักของมัน พลังรบของมันมากกว่าแต่ก่อนถึงสิบเท่า
สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือมันมีความสามารถในการต่อสู้ได้อิสระ
แม้ในระหว่างที่ตั่วตั่วอยู่ในช่วงจำศีล มันสามารถออกมาช่วยเย่ว์หยางสู้ได้
ปีศาจดอกหนามอีกตนหนึ่งที่ดูดซับพลังของหัวใจหมอกก็มีวิวัฒนาการเช่นกัน
ตอนบ่ายของวันที่สาม
แมงป่องดาวที่ไม่มีใครคาดคิดถึงกลายเป็นอาวุธเทพร่างอสูรด้วยฝีมือของเย่ว์หยางในที่สุด
ในท่ามกลางแสงสว่างเจิดจ้า แมงป่องดาวยักษ์เปลี่ยนรูปไปตลอดเวลา
พลังงานของมันเปลี่ยนแปลงอยู่ในแก่นพลังแมงป่องอย่างรวดเร็วและจากนั้นอาศัยแก่นแมงป่องมันเปลี่ยนแปลงผสานไปมาเป็นรูปร่างถุงมือแมงป่องฟ้า
มันแทบจะเหมือนกับถุงมือแมงป่องฟ้าดั้งเดิม
เพียงแต่เพิ่มลายแมงป่องดาวด้านบนและมีหางสีทองปลายสีน้ำเงิน
แม้ว่าจะเป็นถุงมือมากกว่าอาวุธ
แต่แมงป่องดาว อาวุธร่างอสูรก็มีความสามารถโจมตีที่ดี
สิ่งมีชีวิตใดๆ
ก็ตามที่ถูกหางมันต่อยใส่ จะมีผลเพียงประการเดียว
นั่นคือเนื้อเยื่อรวมทั้งเลือดจะทำให้เส้นประสาทกระตุก
พิษของแมงป่องกล้าแข็งมากเทียบได้กับพิษยางน่องไม่มียาแก้พิษในโลก
เย่ว์หยางหลอมรวมขนแกะทองคำเป็นพิเศษ
นั่นคือสิ่งที่เขาได้รับมาจากวิหารสิบสองนักษัตร
เขาหลอมรวมเข้ากับถุงมือแมงป่องดาวที่เป็นอาวุธร่างอสูรเพื่อความสะดวกสบายและตกแต่งสวยงาม
แน่นอนว่าเจ้าแมงป่องดาวคัดค้านอย่างแข็งขันในการใช้ขนแกะทองคำตกแต่งด้านในตอนแรก
แต่ในเวลาต่อมาเจ้าแมงป่องดาวยอมรับความคิดเห็นของเย่ว์หยาง
เมื่อพวกเขาพบว่าการใช้ขนแกะทองตกแต่งภายในทำให้แมงป่องดาวแปลงกายได้ง่าย
เย่ว์หยางมีความมุ่งกับการหาขนแกะทองในแดนสวรรค์ให้ได้เพิ่มมากขึ้น และแมงป่องดาวแปลงกายได้เร็วขึ้นหลายเท่าต้องขอบคุณการค้นพบที่ไม่คาดฝันนี้ ยกเว้นฮุยไท่หลายที่คุ้นเคยกับการแปลงร่าง
และมันแปลงร่างได้เร็วกว่าแมงป่องดาวเล็กน้อย
ไม่มีใครอื่นเทียบได้กับแมงป่องดาวในเรื่องการแปลงร่างได้เร็วในขณะนี้
ดาบเทาเถี้ยก็ยังช้ากว่าเมื่อเทียบกับแมงป่องดาวในเรื่องแปลงกาย
แต่ความเหนือชั้นที่ยิ่งใหญ่ของมันก็คือความอยากในโลกภายในของมันที่สามารถจุของได้เป็นจำนวนมาก
ดังนั้นมันสามารถถูกใช้เป็นเครื่องมือกำจัดอสูรศึกหรือคุกสำหรับกักขังศัตรูชั่วคราว
“น่าเสียดายที่ข้ามีถุงมือเพียงข้างเดียว
คงจะดีกว่ามากถ้าข้ามีถุงมืออีกข้างหนึ่งไว้เข้าคู่กัน” เย่ว์หยางยังไม่พอใจกับถุงมือพูดขณะที่มือขวาสวมถุงมือแมงป่องฟ้า
ซึ่งถ้าราชาใจสิงห์นักสู้ปราณฟ้าเห็นเข้าก็ยังอยากได้จนน้ำลายหก
เย่ว์หวี่เมื่อได้ยินเช่นนั้นอดหัวเราะคิกมิได้
นางรู้ว่าน้องชายนางเป็นบุรุษผู้ไม่เคยพอใจกับสภาพที่เป็นอยู่
ตัวอย่างเช่นถ้าเขาได้รับถุงมือแมงป่องฟ้ามาเป็นคู่ เขาก็คงเสียใจที่ไม่มีสนับแข้ง
ต่อให้เขามีชุดแมงป่องฟ้าครบชุด เขาก็คงถอนหายใจด้วยความเสียดายที่เขาไม่สามารถแจกชุดทุกคนให้เหมือนกันได้
“เย่คงและพวกๆ มาถึงแล้ว ดูเหมือนว่าพวกเขาได้ข้อมูลอะไรบางอย่างมาด้วย” อู๋เหินเคาะหน้าประตูห้องค้นคว้า
“พวกเขาพบเจออะไร?” เย่ว์หยางรีบออกไปทันที
เมื่อเย่คงและคนอื่นเห็นเย่ว์หยาง พวกเขาพากันเงียบ และมองหน้ากันเองอย่างหวาดๆ
เย่ว์หยางรู้สึกแปลกๆ
ทำไมพวกเขาลังเลที่จะพูด?
แม่สี่ประสบอุบัติเหตุหรือ?
ความคิดนี้ทำให้เขากลัวมาก
แต่อู๋เหินยังคงสงบ
เย่คงและคนอื่นประพฤติตัวตามปกติ
ดังนั้นเขาจึงขับความคิดที่น่ากลัวออกไปจากใจเขา
เย่คงและเจ้าอ้วนไห่ยังคงเงียบ
แต่เสวี่ยทันหลางที่ไม่ค่อยพูดคุยกับใครพยักหน้าให้เย่ว์หยาง “คือว่า เรามีภารกิจที่ชั้นที่หก บังเอิญเราได้ทราบข่าวมาจากร้านเหล้า
เมืองโอลีนด์ถูกทำลายจากสงคราม
เรารู้ว่าเจ้าเคยไปเมืองโอลีนด์มาก่อน
เพื่อค้นหาสิ่งของของลุงเย่ว์ชิว
เราไม่มีเวลาแจ้งให้เจ้าทราบและเร่งรีบไปยังมือง
แต่กลับกลายเป็นว่าที่นั่นราบเป็นหน้ากลอง ไม่ใช่เพราะสงคราม
แต่เป็นเพราะการทำลายล้างของนักสู้ปราณฟ้าที่ทรงพลัง
เมื่อได้ยินเช่นนี้เย่ว์หยางถามด้วยความตกใจ “มีคนรอดไหม?”
องค์ชายเทียนหลัวตอบ “โชคดีที่เป่าเอ๋อพบกองหินแปลกๆ ในตอนนั้น เขาขุดพบผู้รอดชีวิตแต่ว่าได้รับบาดเจ็บสาหัส เขาตายหลังจากพูดได้สองประโยค เราพบว่าสถานะของเขา
เขาเป็นพนักงานต้อนรับของสมาคมทหารรับจ้างประจำท้องถิ่น
เขาประจำการอยู่ที่เมืองโอลีนด์เป็นเวลาหลายสิบปีไม่เคยย้ายไปไหน”
“ประโยคแรกที่เขาพูดก็คือ ‘เราเข้าใจคนผิด’
และอีกประโยคก็คือ ‘ท่านนักล่าพยัคฆ์...
หุบเขาแม่น้ำขาว’
และที่เขาพูดเราได้ยินยังไม่ชัดเจน!” หลิวเย่ตอบก่อน
“แต่ไม่มีสถานที่เรียกว่า ‘หุบเขาแม่น้ำขาว’ อยู่ในหอทงเทียน” ฟ่านหลุนเถี่ยสาวเผ่าหัววัวเสริมต่อ
12 ความคิดเห็น:
ขอบคุณครับ
ขอบคุณมากเลยนะครับ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณมากครับ
สงสัยพี่ลินลี่ย์ ช่วงค่ำผมคงไม่มาแล้ว เสียใจ T_T
รออ่านพรุ่งนี้ครับ อิ อิ
เหมือนกันคับ รอพรุ่งนี้คับ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
ใจจ้า
ขอบคุณมากครับ
ขอบคุณครับ
แสดงความคิดเห็น