วันเสาร์ที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2562

เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ตอนที่ 739 เด็กอ่อนหัด! ข้าไม่เล่นกับเจ้า


ตอนที่  739  เด็กอ่อนหัด!  ข้าไม่เล่นกับเจ้า
หุบเขาแม่น้ำขาว แท่นบูชายัญ
การต่อสู้ระหว่างศัตรูที่ทรงพลังทั้งสองฝ่าย คือเย่ว์หยางและจ้าวปีศาจโบราณ เริ่มตึงเครียดระดับร้อนแรง นี่เป็นการสู้ดิมพันชีวิต
 
 “เจ้าเรียกว่าสนามพลังหรือนั่น?  ธรรมดาเหลือเกิน!  จ้าวปีศาจโบราณปลดปล่อยสนามพลังตนเอง เมื่อเย่ว์หยางถูกสนามพลังของเขาครอบงำ  เขาเริ่มเร่งเร้าพลังปราณของเขาทันที   ขณะที่พลังปราณเพิ่มขึ้นทุกระดับ พลังของเขายิ่งเพิ่มขยายมากขึ้น  เมื่อพลังเพิ่มขึ้นจนถึงปราณฟ้าระดับหนึ่ง เกิดแรงระเบิดกวาดไปทั่วพื้นขณะที่เสียงลมดังหวีดหวิว  ในขณะนั้นแผ่นฟ้าและพื้นดินตกอยู่ในความมืด ก้อนหินนับไม่ถ้วนปะทะชนกันเองอยู่ในพายุจากแรงระเบิดพลังปราณ  เมื่อพลังเพิ่มจนถึงปราณฟ้าระดับสองพลังของเขาเพิ่มขึ้นเป็นสิบเท่า ทำให้พื้นฟ้าเสมือนมีกรงเล็บปีศาจที่มองไม่เห็นครอบคลุม  หลังจากเพิ่มพลังครั้งที่สามจนถึงพลังปราณฟ้าระดับสาม ฟ้าก็แตกแยกเปิดออก พื้นดินสั่นสะเทือน พื้นหินพื้นดินแตกแยก มีแต่แท่นบูชายัญที่ยังคงรักษาสภาพไว้ได้ ทั่วทั้งหุบเขาแม่น้ำขาว หินขนาดยักษ์หนักเป็นตันๆ ลอยขึ้นไปในท้องฟ้ารวดเร็วเหมือนดาวตกกระเด็นออกไปสองสามกิโลเมตร
จ้าวปีศาจโบราณเพิ่มระดับพลังเป็นปราณฟ้าระดับสี่ และกลุ่มของเขา เย่เซียวและจื่อกวง เป่ยและบริวารของเขาทั้หมดไม่สามารถทรงตัวอยู่ได้ ทั้งหมดต้องถอยร่นออกไปสิบกิโลเมตรเพื่อหลีกเลี่ยงหายนะ
แม่ของอาหงซึ่งอ่อนแอที่สุดในพื้นที่นั้นอาศัยปัญญานางซ่อนตัวอยู่ที่ทางเดินใต้แท่นบูชายัญ  นับเป็นทางเลือกที่ฉลาดที่น่าประหลาดใจก็คือไม่ว่าด้านนอกฟ้าจะถล่มดินจะทลายยังไงก็ตาม แต่ทางเข้าหรือแม้แต่ศพของเย่ว์ชิวซึ่งค้ำยันประตูหินไว้ ไม่ได้รับผลจากแรงระเบิด พลังของผนึกที่ไร้เทียมทานปกป้องแท่นบูชายัญจากพลังทำลายภายนอก
ในทางตรงกันข้าม พลังที่สามารถสร้างรอยแตกร้าวให้กับแท่นบูชายัญได้และทำลายศีรษะและแขนของรูปสลักหินเทพพิทักษ์ยิ่งไม่อาจคาดคิดได้  ในที่สุดแล้วต้องมีพลังมากระดับไหนจึงจะสร้างความเสียหายให้กับแท่นบูชายัญนี้ได้?
จ้าวปีศาจโบราณเพิ่มพลังขึ้นได้อย่างน่าทึ่ง แต่ไม่สามารถสร้างความเสียหายให้กับที่นี่ได้  สรุปว่าความเสียหายที่เกิดกับแท่นบูชายัญนั้นยิ่งใหญ่กว่าและเชื่อได้ว่าแทบทัดเทียมเทพเจ้าแล้ว!
 “ระเบิดพลังครั้งที่ห้า!” เจ้าปีศาจโบราณเพิ่มระดับพลังจนถึงปราณฟ้าระดับห้าแล้ว  แต่นี่ยังไม่จบ  “ระเบิดพลังครั้งที่หก...”  หลังจากผ่านไปสิบวินาทีจ้าวปีศาจโบราณก็ยกระดับพลังจนถึงปราณฟ้าระดับหก  ไม่ต้องพูดถึงคนที่อยู่รายรอบในบริเวณนั้น  แม้แต่องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและเสวี่ยอู๋เสียอยู่ห่างออกไปหลายร้อยกิโลเมตร ก็ยังรู้สึกได้ถึงพลังที่ไร้ผู้ต่อต้านนี้
พลังปราณฟ้าระดับหก ไม่ใช่ขีดจำกัดสุดท้ายของพลังจ้าวปีศาจโบราณ  น่าเสียดายที่ร่างหลักของเขาถูกผนึกไว้ และร่างที่ถูกจับไปถูกจักรพรรดิอวี้และนักรบอื่นทำลาย  ร่างที่ได้มาล่าสุดใช้เวลาฟื้นฟูสั้นเกินไป และยังห่างไกลจากการฟื้นฟู สำหรับระดับสูงสุดที่ทำได้ก็คือปราณฟ้าระดับหกเป็นระดับที่เขาสามารถทนอยู่ได้ในตอนนี้  แต่เขามั่นใจว่าเพียงพอจัดการกับเย่ว์หยางที่เป็นแค่เพียงระดับเตรียมปราณฟ้าเท่านั้น  ไม่ว่าเย่ว์หยางจะมีทักษะต่อสู้ที่ไม่ธรรมดาเพียงไหน  แต่ปราณฟ้าระดับหกเป็นขีดจำกัดที่เขาไม่อาจก้าวล่วงได้
จ้าวปีศาจโบราณไม่เพียงแต่มีพลังปราณฟ้าระดับหกเท่านั้น แต่ยังมีอาวุธสมบัติ, อสูรศึกและบริวารที่แข็งแกร่งยอดเยี่ยม ไม่นานหลังจากแผนการที่ดำเนินมาอย่างยาวนานต้องล้มเหลวเขาตัดสินใจกำจัดศัตรูที่มีศักยภาพนี้  ขณะที่เขายังไม่สามารถได้รับร่างเทพภายในแดนล่มสลายแห่งทวยเทพ
แต่เดิมทีเขาไม่ต้องการเปิดเผยพลังต่อหน้าจักรพรรดิชื่อตี้และราชาเผ่าเก้าแสงและคนอื่นๆ มากเกินไป  อย่างไรก็ตามเขาไม่มีเวลาคิดในตอนนี้  ตราบใดที่เขาสามารถฆ่าเย่ว์หยางได้  เขาไม่สนใจทุกสิ่ง
 “เจ้ารู้สึกว่าเจ้าโชคดีหรือ?  เจ้าคิดว่าจะหลบหนีพ้นเงื้อมมือข้าหรือ?  ข้าบอกเจ้าได้เลยว่าเจ้าคิดผิด  ไม่ว่าใครก็ไม่มีทางช่วยเจ้าได้”  จ้าวปีศาจโบราณกวาดตามองและยังคงอยู่แท่นบูชาด้วยความลำพอง  จื้อจุนผู้ดูเย็นชาเหมือนน้ำแข็งกับหลายสิ่งหลายอย่างที่เกิดขึ้น   จ้าวปีศาจโบราณลำพองใจอัญเชิญคัมภีร์ชั้นศักดิ์สิทธิ์ซึ่งมีแสงรัศมีถึงหมื่นฟุตและใช้มือแตะคัมภีร์อย่างแผ่วเบาบนรูปที่ดูเหมือนกับปากปีศาจและอ่าน “แยกร่าง”
คัมภีร์อัญเชิญของจ้าวปีศาจโบราณเปล่งแสงเจิดจ้าจนครอบคลุมตัวเขา พอแสงจางลงไปตอนนี้มีจ้าวปีศาจโบราณถึงสองตน
มีร่างจ้าวปีศาจสองร่าง!  แน่นอนว่าร่างทั้งสองไม่ว่าจะเป็นร่างแยกมายา หรือร่างจริง ระดับพลังลักษณะเสื้อผ้าเหมือนกันทั้งหมด  สิ่งที่น่าทึ่งที่สุดก็คือไม่ว่าร่างจริงหรือร่างแยก ล้วนมีคัมภีร์อัญเชิญชั้นศักดิ์สิทธิ์  ร่างใดจริง ร่างใดปลอมแม้แต่สุดยอดนักสู้อย่างจักรพรรดิชื่อตี้และสนมชื่อเฟยก็ยังยากจะแยกแยะ
 “???”  เย่เซียวมองดูอาเป่ยสหายศึกที่ลึกลับที่สุด อาเป่ยไม่เคยเปิดเผยสถานะและพลังที่แท้จริงก็ยังส่ายศีรษะอย่างจนปัญญา
 “เป็นไปไม่ได้ที่จะมีคัมภีร์อัญเชิญชั้นศักดิ์สิทธิ์สองเล่มได้”  จักรพรรดิชื่อตี้ตั้งข้อสังเกต เขารู้ว่าคัมภีร์ชั้นศักดิ์สิทธิ์ไม่สามารถจำลองได้  ต้องเป็นมีเล่มหนึ่งที่เป็นของปลอม  ปัญหาก็คือพัฒนาการสนามพลังของจ้าวปีศาจโบราณ เป็นภาพลวงตาที่เหมือนจริงเกินไป แม้แต่เขาก็ยังดูไม่ออกว่าภาพใดจริง ภาพใดเท็จ จักรพรรดิชื่อตี้เห็นจ้าวปีศาจโบราณสร้างร่างลวงตาได้อย่างนั้น  ใจของเขารู้สึกชื่นชม และคิดว่าถ้าเป็นเขา ก็คงยากที่จะเอาชนะได้
 “แยกร่าง”  ขณะจักรพรรดิชื่อตี้จ้องมองตกตะลึง  ร่างทั้งสองของจ้าวปีศาจโบราณแต่ละร่างทาบมือบนคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์และแยกออกเป็นสี่ร่างทันที  สามร่างแยกกับอีกหนึ่งร่างจริง  ที่น่าแปลกก็คือไม่มีแม้แต่คนเดียวที่มองออกว่าร่างใดจริง ร่างใดปลอม
 แต่ราชาเผ่าเก้าแสงไม่กังวลเรื่องการต่อสู้แม้แต่น้อย เขายังคงมองดูอย่างจริงจัง  เขาพบว่าเขาไม่สามารถรู้สึกถึงร่างจริงของจ้าวปีศาจโบราณได้ เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีข้อบกพร่องเล็กๆ น้อยๆ  แต่เขาไม่สามารถรู้สึกถึงสิ่งเหล่านี้ได้  นั่นเป็นเรื่องที่คาดไม่ถึง  ราชาเผ่าเก้าแสงรู้ว่าจ้าวปีศาจโบราณไม่สามารถมีคัมภีร์อัญเชิญชั้นศักดิ์สิทธิ์ได้ถึงสี่คัมภีร์ และไม่มีทางที่ร่างเงาสี่ร่างจะกลายเป็นร่างจริงได้  ต้องมีร่างจริงเพียงหนึ่งเดียว และอีกสามร่างเป็นร่างลวง  แต่ปัญหาก็คือร่างแยกเงาทั้งสามเหมือนจริงเกินไป ในเมื่อไม่มีใครสามารถบอกได้ก็อาจเข้าใจผิดว่าร่างทั้งสี่นั้นก็คือจ้าวปีศาจโบราณ
จ้าวปีศาจโบราณยังไม่เสร็จสิ้นการแยกร่าง ร่างทั้งสี่แยกออกเป็นแปดร่างอีกครั้ง ผู้คนก็ยังไม่สามารถแยกแยะออก จักรพรรดิชื่อตี้ตกตะลึงอีกครั้ง แบบนี้จะวางแผนสู้ได้ยังไง?  ร่างจริงหนึ่งร่างกับร่างแยกทั้งเจ็ดร่างมีพลังพอกัน ทุกคนที่ต้องสู้กับจ้าวปีศาจโบราณคนเดียวก็เท่าว่าเย่ว์หยางต้องสู้กับศัตรูแปดคนมิใช่หรือ?
มิน่าเล่า จ้าวปีศาจโบราณถึงอยู่รอดมาได้ตลอดหลายหมื่นปีโดยไม่มีใครกำจัดเขาได้ เป็นเพราะเขามีทักษะเป็นเลิศอย่างแท้จริง จักรพรรดิชื่อตี้ลอบกลืนน้ำลายสะดุ้งกลัวอยู่ในใจเงียบๆ ต่อให้เขาฟื้นฟูพลังจนอยู่ในสภาพสูงสุดก็ยังเป็นไปไม่ได้ที่จะเอาชนะจ้าวปีศาจโบราณในสภาพพลังปัจจุบัน  ถ้าปล่อยให้จ้าวปีศาจโบราณได้ร่างศักดิ์สิทธิ์เดิม หรือร่างเทพที่ทรงพลังภายในแดนล่มสลายแห่งทวยเทพ  ใครจะเอาชนะเขาได้?
เมื่อจักรพรรดิชื่อตี้มองดูเย่ว์หยางอีกครั้ง เขาตกอยู่ในความพิศวงงงงวยอีกครั้ง  เวลานี้เย่ว์หยางเพิ่มระดับพลังจนอยู่ในจุดสูงสุดอยู่แล้ว  ต่างจากจ้าวปีศาจโบราณตรงที่ เย่ว์หยางไม่ได้แยกร่างเป็นแปดร่าง หลังจากเพิ่มระดับพลัง  ตรงกันข้ามเขากับล่องหนหายไป
ด้วยการใช้พลังของเขา จักรพรรดิชื่อตี้รู้สึกได้ชัดถึงความเคลื่อนไหวของเย่ว์หยาง   เขาตกใจเมื่อพบกับเรื่องที่เกินคาดไปมากมาย บางอย่างไม่สมเหตุสมผลสำหรับเขา  เย่ว์หยางที่ตอนแรกมีพลังระดับเตรียมปราณฟ้า  เวลานี้มีพลังปราณฟ้าระดับห้า  ไม่เพียงแต่จักรพรรดิชื่อตี้เท่านั้น  แม้แต่ราชาเผ่าเก้าแสงด้วย
 “เป็นเด็กที่แปลก และน่ากลัวมาก”  ราชาเผ่าเก้าแสงรำพึง
ในแดนสวรรค์ตะวันตก จะมีนักสู้ปราณฟ้าสักกี่คนที่ราชาเผ่าเก้าแสงชื่นชมโดยไม่รู้ตัว ในสายตาจักรพรรดิชื่อตี้ถ้าเปรียบเทียบจ้าวปีศาจโบราณกับเย่ว์หยาง  ถ้าตอนนี้จ้าวปีศาจโบราณเป็นค้อนสายฟ้าที่ทำลายล้างสรรพสิ่งได้  อย่างนั้นเย่ว์หยางก็เปรียบเหมือนกับมีดอาบยาพิษที่สังหารเป้าหมายได้อย่างเงียบกริบ  ไม่ว่าฝ่ายไหนพลาดท่าแม้แต่เล็กน้อย ก็คงตายอย่างน่าอนาถ
เป็นครั้งแรกที่จักรพรรดิชื่อตี้หวังว่าเย่ว์หยางจะพินาศย่อยยับไปพร้อมกับจ้าวปีศาจโบราณ  ทั้งสองฝ่ายร้ายกาจไม่ธรรมดา ถ้าตายทั้งคู่คงเป็นเรื่องดีที่สุด  มิฉะนั้นหอทงเทียนและแดนล่มสลายแห่งทวยเทพ คงไม่กลายเป็นหนึ่งหนึ่งเดียวได้ 
 “ทั้งแปดร่าง..บุก”  ร่างแยกทั้งแปดส่งเสียงและใช้พลังพร้อมกันโจมตีใส่เย่ว์หยางด้วยท่าที่แตกต่าง  ขณะนั้นจักรพรรดิชื่อตี้ยังสงสัย  ถ้าเป็นเขาเผชิญกับการโจมตีแบบนี้เขาคงเลือกใช้สมบัติศักดิ์สิทธิ์ป้องกันตัวแน่นอน ภายใต้การล้อมเช่นนี้ ความพยายามโจมตีตอบโต้เป็นเรื่องไร้ประโยชน์  ต่อให้พบร่างจริงในระหว่างโจมตี ก็ไม่สามารถตอบโต้กลับขณะตกอยู่ในวงล้อมของร่างแยกทั้งแปด
ตอนนี้จักรพรรดิชื่อตี้มีความหวังเล็กๆ อย่างหนึ่ง  ถ้าร่างแยกที่จ้าวปีศาจโบราณสร้างขึ้นถูกโจมตีแล้วหายไป นั่นจะเป็นเรื่องง่ายกว่า
เย่ว์หยางที่อยู่ในสภาพล่องหนพรางตัวยิงปราณกระบี่ออกจากนิ้วเป็นพันสายเพื่อตรึงร่างจ้าวปีศาจโบราณทั้งแปดให้อยู่กับที่ มีประกายปราณกระบี่เงินพุ่งใส่ร่างของจ้าวปีศาจโบราณทั้งแปด และลูกศรแต่ละลูกเล็งที่หัวใจของเขาจ้าวปีศาจโบราณทั้งนั้น
อย่างไรก็ตามหลังจากโจมตีแล้ว ร่างทั้งแปดของจ้าวปีศาจโบราณลงมือเคลื่อนไหวทำให้ทุกคนตระหนกกันหมด  ร่างทั้งหมดของเขาเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ  เขาใช้ฝ่ามือ หมัดและเท้าทำลายปราณกระบี่จนแตกสลาย และจากนั้นสร้างลูกบอลพลังงาน และยิงธนูพลังงานใส่เย่ว์หยางที่ยังอยู่ในสภาพที่มองไม่เห็น  แม้ว่าไม่อาจมองเห็นเย่ว์หยางด้วยตาเปล่า  แต่ในการตรวจสอบของจ้าวปีศาจโบราณ เย่ว์หยางยังล่องหนพรางตัวได้ไม่สมบูรณ์
ร่างแยกทั้งแปดของจ้าวปีศาจโบราณในทิศตะวันออก ตะวันออกเฉียงใต้ ตะวันตกเฉียงใต้ ตะวันตก ตะวันตกเฉียงเหนือ เหนือและตะวันออกเฉียงเหนือผนึกพลังโจมตีใส่เย่ว์หยาง  ภายใต้การรายล้อมโจมตีเช่นนั้น เชื่อได้ว่าสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในจุดศูนย์กลางคงจะถูกบดขยี้เป็นผุยผงทันที  จักรพรรดิชื่อตี้ไม่จำเป็นต้องดูปฏิกิริยาของเย่ว์หยาง เพราะตอนนี้เย่ว์หยางไม่สามารถทำอะไรที่เป็นประโยชน์ได้แม้แต่น้อย  การโจมตีตอบโต้เป็นไปไม่ได้ ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดคือหนี  ในการผนึกพลังของร่างแยกจ้าวปีศาจโบราณ ยอดนักสู้ในหอทงเทียนเท่าที่จักรพรรดิชื่อตี้รู้จัก มีแต่จักรพรรดิอวี้ที่สามารถทำลายได้ 
เขาจงใจมองดูจื้อจุนเป็นพิเศษ  ถ้าจื้อจุนไม่ลงมือเอง เชื่อได้ว่าเย่ว์หยางจะตกอยู่ในสถานการณ์อันตราย  นางรอได้จริงๆ โดยไม่ช่วยหรือ?  สิ่งที่ทำให้จักรพรรดิชื่อตี้ผิดหวังอย่างมากก็คือ จื้อจุนไม่เคลื่อนไหวจริงๆ นางเหมือนคนตาบอดที่มองดูการต่อสู้
 “ตายซะเถอะ!  ตอนแรกจ้าวปีศาจโบราณเริ่มระวังการลอบโจมตีของจื้อจุน เขาไม่เคยคาดเลยว่าจื้อจุนจะแค่ยืนอยู่เฉยๆ ดูสถานการณ์ของเย่ว์หยาง  แม้ว่าเขาจะโจมตีเย่ว์หยางแต่นางก็ไม่ทำอะไร
ตายซะเถอะ” เสียงจ้าวปีศาจโบราณตวาดดังขึ้น
เมื่อเวลาที่ร่างทั้งแปดผนึกพลังโจมตีเย่ว์หยางที่ล่องหนให้สลายเป็นผุยผง มีเสียงเย็นชาดังขึ้น “ไสหัวไปจากที่นี่!
ร่างทั้งแปดของจ้าวปีศาจโบราณเงยหน้ามองพร้อมกัน ไม่ทราบว่าเย่ว์หยางไปอยู่บนท้องฟ้าเมื่อไหร่
เย่ว์หยางเหยียดมือขวาออกมาข้างหน้า และคว้าคอร่างจ้าวปีศาจโบราณที่อยู่ในตำแหน่งทิศตะวันออกเฉียงเหนือ
จักรพรรดิชื่อตี้และคนอื่นมองดูอย่างตกตะลึง  เย่ว์หยางรู้ว่าร่างใดเป็นร่างจริงอย่างนั้นหรือ?
เย่ว์หยางไม่สนใจร่างของจ้าวปีศาจโบราณอีกเจ็ดร่างที่เหลือซึ่งกำลังโจมตีใส่แท่นบูชายัญโดยตรง  เสี่ยวเหวินหลีออกมาจากคัมภีร์โผล่จากด้านหลังเย่ว์หยางและจ้องมองร่างจริงของจ้าวปีศาจโบราณ
  ร่างจริงนั้นมีพลังความแข็งแกร่งที่ปราณฟ้าระดับหก  ไม่สามารถขยับและได้แต่มองเย่ว์หยางยันเท้าใส่เขาจนปลิวกระเด็นอย่างช่วยตัวเองไม่ได้
ในที่สุดพลังโจมตีของร่างแยกทั้งเจ็ดของจ้าวปีศาจโบราณก็ได้รับผล ความจริงร่างแยกแต่ละร่างของจ้าวปีศาจโบราณมีพลังครึ่งหนึ่งของร่างจริงและคงอยู่ได้เป็นเวลาหนึ่งชั่วโมง  ในทันทีที่ร่างเหล่านั้นโจมตีใส่เย่ว์หยาง  เย่ว์หยางก็หายตัวไปปรากฏอยู่บนเหนือศีรษะของจ้าวปีศาจโบราณร่างจริง
จ้าวปีศาจโบราณรู้สึกอับอายขายหน้าเป็นอย่างมาก  เขาคาดไม่ถึงว่าเย่ว์หยางจะสามารถมองเห็นร่างจริงของเขาได้ง่าย นึกไม่ถึงเลยว่าหลังจากโดนหมัดของเย่ว์หยางไปแล้ว กลับถูกเล่นงานอีกหนึ่งเท้ากลายเป็นตัวตลกต่อหน้าทุกคน เย่ว์หยางสามารถทำร้ายเขาได้อย่างง่ายดายและสามารถค้นพบจุดอ่อนของเขาได้อย่างรวดเร็วจากนั้นฉวยโอกาสเล่นงานเขา
นี่ทำให้จ้าวปีศาจโบราณโกรธมาก หมัดที่คล้ายกับลาวาระเบิดพุ่งตรงมาที่หน้าอกตำแหน่งหัวใจของเย่ว์หยางกระเด็นไปไกลกว่าหมื่นเมตร
แม้ว่าจะยิงพลังหมัดปืนใหญ่นรกใส่เย่ว์หยางไปแล้ว เขาก็ยังไม่รู้สึกพอใจ  จ้าวปีศาจโบราณเรียกพญาแร้งมังกร อสูรปราณฟ้าระดับสี่ออกมาตัวหนึ่ง พญาแร้งมังกรพ่นพายุหมุนใส่เย่ว์หยางที่อยู่ในท้องฟ้า ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดเกิดขึ้น เย่ว์หยางจะโดนพายุหมุนเล่นงานจนอยู่ในสภาพทรงตัวไม่ได้ในท้องฟ้านานสามนาที และร่วงลงมาตามคาด
ต่อจากนั้น จ้าวปีศาจโบราณใช้นิ้วต่างกระบี่ขีดวาดวงกลมบนแท่นบูชายัญ กล่าวอย่างเย็นชา  “เจ้าจะต้องถูกฝังอยู่ที่นี่!  หลังจากปล่อยให้พญาแร้งมังกรยิงพายุหมุนใส่ศัตรูจนควบคุมความเคลื่อนไหวไม่ได้ และภายใต้การโจมตีอย่างหนักของจ้าวปีศาจโบราณไม่มีทางที่ศัตรูจะรอดชีวิตได้ แม้แต่จักรพรรดิอวี้ในปีนั้นก็ยังไม่กล้าปล่อยให้พายุหมุนนี้โจมตีใส่ แต่เขากลับโจมตีใส่พญาแร้งมังกรจนมันบาดเจ็บหนักก่อนจะพ่นพายุหมุนออกมาโจมตีได้
 “จริงเหรอ?”
เสียงคำถามดังขึ้นด้านหลังของจ้าวปีศาจโบราณ  จ้าวปีศาจโบราณหันควับมาด้านหลังด้วยความรู้สึกเหลือเชื่อและพบว่ามีเย่ว์หยางอีกคนหนึ่งอยู่ที่ด้านหลังของเขา นอกจากเย่ว์หยางที่อยู่บนท้องฟ้าหมื่นเมตรเหนือตัวเขา
 “เราผู้นี้ไม่ชอบเล่นเป็นเด็กกับเจ้าเลย เจ้าเอาแต่ร่ำร้องอยู่ในวงกลมที่ตัวเองขีดเขียนขึ้น!  เย่ว์หยางยื่นมือออกเป็นครั้งที่สองและจ้าวปีศาจโบราณพบว่าเขาที่มีพลังปราณฟ้าระดับหกไม่สามารถขยับร่างได้  นอกจากนี้ นี่ไม่ใช่พลังพันธนาการลับของปีศาจอสรพิษน้อย
 “พลังกฎสวรรค์!  จักรพรรดิชื่อตี้หน้าซีดเผือด
 “หา?”  ราชาเผ่าเก้าแสงอุทานด้วยความตื่นตระหนก และเขามองเห็นเย่ว์หยางใช้พลังกฎสวรรค์แม้จะเล็กน้อย แต่ก็เป็นพลังกฎสวรรค์แน่นอน
พลังกฎสวรรค์ใช้จัดการจ้าวปีศาจโบราณ  แต่ไม่ได้ทำร้ายเขา
อย่างไรก็ตามตอนนี้เสี่ยวเหวินหลีโอบแขนกอดเย่ว์หยางจากด้านหลัง และร่างของเธอเริ่มขยายขนาดเกินกว่าร้อยเมตร ความสูงขนาดนี้ทำให้จักรพรรดิชื่อตี้และคนอื่นถึงกับต้องแหงนหน้ามอง ฝ่ามือยักษ์สีทองทั้งหกไล่ตบใส่ร่างแยกทั้งเจ็ดของจ้าวปีศาจโบราณบนแท่นบูชายัญราวกับตบแมลงวัน จ้าวปีศาจโบราณไม่สามารถขยับได้ถูกปีศาจอสรพิษทองระดมพลังไล่ตบราวกับสายฝน
ถ้าไม่ใช่เพราะพญาแร้งมังกรเสี่ยงชีวิตใช้ไหล่ของมันรับพลังโจมตีแทน  น่ากลัวว่าจ้าวปีศาจโบราณคงจะพ่ายแพ้ในที่นี้เป็นแน่
มือยักษ์ทั้งหกบีบคอพญาแร้งมังกรอสูรปราณฟ้าระดับสี่จนตาย และระดมโจมตีใส่จ้าวปีศาจโบราณอย่างดุเดือด  โชคดีที่เย่ว์หยางคงพลังกฎสวรรค์ไว้ได้ไม่ถึงนาที
ปีศาจอสรพิษทองจึงสลายหายไปในท้องฟ้า ทำให้จ้าวปีศาจโบราณหนีรอดได้อย่างโชคดี
จักรพรรดิชื่อตี้และราชาเผ่าเก้าแสงลอบเบาใจทั้งคู่  โชคดีที่เจ้าเด็กนี่ยังไม่เชี่ยวชาญเรื่องกฎสวรรค์  ดังนั้นไม่ต้องพูดถึงจ้าวปีศาจโบราณเท่านั้น ต้องผนึกกำลังรุมเขาเท่านั้น
 “ข้าทำผิดพลาดไปครั้งหนึ่ง แต่ข้าจะไม่มีทางผิดพลาดเป็นครั้งที่สองอีกแน่”  จ้าวปีศาจโบราณลงมายืนที่พื้น  เขาไม่มีความโกรธอีกต่อไป  แต่ยืนมองเย่ว์หยางอย่างสงบ  “เจ้าฆ่าข้าไม่ได้นับเป็นความผิดพลาดยิ่งใหญ่ เมื่อครู่นี้เป็นโอกาสสุดท้ายของเจ้า  เจ้าพลาดโอกาสดีไปตลอดชีวิตแล้ว ข้ากล้าพูดได้ว่าเจ้าจะต้องเสียใจ เพราะการโจมตีของเจ้าทำให้ข้าตัดสินใจใช้พลังที่แข็งแกร่งที่สุด”

10 ความคิดเห็น:

sittichok กล่าวว่า...

ขอบคุณมากเลยนะครับ

MJ กล่าวว่า...

Thank ครับ

sarinnan กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Tony กล่าวว่า...

คอยเลยครับ ขอบคุณคนแปล

ท้องฟ้าจะมีความหมาย ถ้ามีคนแหงนมอง กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Boybravo กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ มันส์

naiy กล่าวว่า...

อ้าววววว เจ้าปีศาจไม่มีคำภีเทพ แล้วไอคนนั้นที่ใช้คำพีเทพคือใครรร ปริศนาาให้ลุ้นจริงๆ

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

akekapoj-tee กล่าวว่า...

ขอบคุณมากครับ

Destiny freedom กล่าวว่า...

ใช่ตอนแรกนึกว่าจ้าวปีศาสแต่ไม่ใช่เฉย

แสดงความคิดเห็น