วันพุธที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2562

เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ตอนที่ 757 มีบุรุษให้พึ่งพิงก็ดีเหมือนกัน


ตอนที่  757  มีบุรุษให้พึ่งพิงก็ดีเหมือนกัน
มิติผนึกหลุมดำ
นางพญาเฟ่ยเหวินหลีโมโหมาก  เพราะเผ่าเก้าแสงรุกรานเข้าหอทงเทียน  นางรู้สึกว่านั่นเป็นพฤติกรรมตบหน้านาง
 
พวกบ่าวทาสในอดีตกล้ายกตัวจากอาคันตุกะมาเป็นเจ้าของหรือ?  โดยเฉพาะอย่างยิ่งนางเปรียบเทียบจักรพรรดินีฟ้าในอดีตเป็นหญิงรับใช้  หลังจากจำเสี่ยวเหวินหลีได้ยังกล้าสั่งให้ฆ่าเธอ  เรื่องนี้ทำให้นางพญาเฟ่ยเหวินหลีโกรธจนลืมตัว
ในอดีตนางไม่มีโอกาสพิสูจน์ได้ว่าถูกเผ่าเก้าแสงทรยศ  นางเพียงแต่เก็บความสงสัยไว้ในใจ  หลังจากราชาเผ่าเก้าแสงคนหนึ่งลอบส่งข่าวไปที่ตำหนักกลางแดนสวรรค์  นางยังไม่ทันมีเวลาฆ่าจักรพรรดินีฟ้า  นางก็ถูกสุดยอดฝีมือผนึกไว้ในมิติหลุมดำเสียก่อน  ฟังเย่ว์หยางพูดถึงตอนนี้แล้ว นางตระหนักได้ทันทีว่าเผ่าเก้าแสงอาจไม่เพียงแค่ส่งข่าวไปที่ตำหนักกลางแดนสวรรค์
นางไม่รู้ว่าจักรพรรดินีฟ้ากล่าวหานางว่าฆ่าตัวเอง  มิฉะนั้นนางคงจะโกรธมากยิ่งกว่านี้
 “เผ่าพันธุ์ที่ต่ำต้อย ไม่มีรกรากมีแต่ต้องพึ่งพาให้นักสู้แข็งแกร่งช่วยคุ้มครอง ไม่อย่างนั้นจะอยู่รอดได้ยังไง ถ้าไม่ใช่ดึงนักสู้หอทงเทียนของเราไป  เนื่องจากการกวาดล้างพวกแดนสวรรค์ก่อนนั้น อืม.. ไม่สิ พวกบ่าวทาสรังแกผู้เป็นนายมากมายอย่างคาดไม่ถึง  พยายามหาสมบัติลับในแดนล่มสลายแห่งทวยเทพ  น่าชังยิ่งนัก!  นางพญายังไม่สามารถออกไปจากมิติหลุมดำได้  ถ้านางออกไปจากที่นี่ได้  เกรงว่าแดนสวรรค์จะต้องตกอยู่ในความวุ่นวาย  นางเอามือทาบอกข่มความโกรธ พูดปลอบใจเย่ว์หยาง  “ดูจากความเร็วในการก้าวหน้าของเจ้า เกินกว่าที่ข้าคาดไปมาก  อีกไม่นานเจ้าคงช่วยให้ข้ามีพลังและออกไปจากมิติผนึกหลุมดำได้  เมื่อถึงเวลานั้นเราจะร่วมมือกันกวาดล้างแดนสวรรค์อีกครั้ง  ดูซิว่าแดนสวรรค์จะต้านทานเราได้อย่างไร?  ตำหนักกลางแดนสวรรค์น่ะหรือ?  ในสุสานจะต้องเต็มไปด้วยกระดูกเพิ่มแน่  ปล่อยให้พวกเขาย่ามใจไปก่อน”   “จักรพรรดินีฟ้าถูกจัดการไปแล้ว  ราชาเก้าแสงก็ถูกจัดการไปแล้ว  ตราบเท่าที่ข้าดูแลรอยแยกมิติที่ทวีปกวงหมิงดีๆ หอทงเทียนและแดนล่มสลายแห่งทวยเทพยังจะปลอดภัยชั่วคราว  ข้าไม่ค่อยกังวลนัก”  เย่ว์หยางพูดเบาๆ “เราผ่านการฝึกซ้อมมาได้ แต่น่าเสียดายข้าไม่รู้วิธีทำสัญญากับคัมภีร์เทพ มิฉะนั้นพลังกฎเทพคงจะใช้ได้ดีมากกว่านี้”
 “ตอนนี้เจ้าสามารถเข้าไปได้ไหม?”  นางพญาเฟ่ยเหวินหลีประหลาดใจเล็กน้อย
 “ข้ายังไม่ได้ลองดู แต่ก็คงจะได้  เพราะข้าเข้าใจพลังที่เป็นหลักการส่วนหนึ่ง การผ่านโล่พลังป้องกันสีทองของคัมภีร์เข้าไปย่อมไม่มีปัญหา”  เย่ว์หยางคิดว่าถ้าเขายังมีพลังไม่ดีพอ  แต่เขายังมีปิงหยินคอยช่วย
 “การเข้าไปในโล่พลังปกป้องคัมภีร์ชั้นนอกยังไม่เท่ากับได้สัมผัสตัวคัมภีร์เทพ  เจ้ายังเชี่ยวชาญพลังกฎสวรรค์น้อยเกินไป ต้องเสริมสร้างความแข็งแกร่งต่อไป สนามพลังสร้างโลกที่เจ้าถนัด เจ้าจะต้องประสบความสำเร็จด้านนี้ให้ได้เสียก่อน  ในสนามพลังเจ้าคือพระเจ้า เจ้าคือทุกอย่าง เจ้าสามารถเห็นดินแดนในสนามพลังสร้างโลกได้  นางพญาเฟ่ยเหวินหลีบอกความรู้สึกหลายอย่างเกี่ยวกับสนามพลังกับเย่ว์หยาง ช่วยให้เขาได้รับความรู้แจ้งมากขึ้น
แม้ว่าความรู้สึกของแต่ละคนจะแตกต่างกัน พลังรู้แจ้งกฎสวรรค์ก็ยังต่างกัน
อย่างไรก็ตามความรู้สึกก้าวหน้ามักจะส่งผลต่อคนรุ่นหลังได้อย่างคาดไม่ถึง
เมื่อพิจารณาถึงขอบเขต  เย่ว์หยางในระดับปัจจุบันยังไม่สามารถเข้าใจได้ถึงระดับนั้น  เฟ่ยเหวินหลีแค่กล่าว “สามารถพัฒนาได้ระดับพื้นฐาน”  เขายังไม่สามารถเข้าใจระดับขอบเขตของนางพญาเฟ่ยเหวินหลีได้กระจ่างนัก ถึงจะเป็นเช่นนั้น  ทั้งหมดนี้ก็ยังทำให้เขาเข้าใจขึ้นบ้าง
ถ้าให้เขาทำความเข้าใจเอง  บางทีอาจต้องใช้เวลาอีกหลายปีกว่าจะเข้าใจ
มีนางพญาเฟ่ยเหวินหลีช่วยแนะนำ
เพียงไม่กี่นาทีเขาก็บรรผ่านสภาวะคอขวดของการฝึกฝนในเวลาไม่กี่ปี  และก้าวกระโดดเข้าสู่ขอบเขตใหม่ที่เขายังไม่รู้แจ้ง...
 “คัมภีร์เทพ ข้าคิดว่าของอย่างนี้ไม่น่าจะไปบังคับอะไรได้ เจ้าเป็นคนค่อนข้างพิเศษ อาจจะได้รับการยอมรับได้  นอกจากนี้ยังมีความเป็นไปได้ว่าเราต้องสงบจิตใจฝึกฝนให้มากขึ้น”
 “ตราบใดที่ท่านมีปณิธานเทพราชันย์ และพลังของนักสู้ปราณราชันย์  เจ้าไม่จำเป็นต้องได้คัมภีร์เทพก็ได้  เจ้าไม่จำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือ  ไม่ต้องการเครื่องมือใดๆ  สามารถเป็นเหมือนเทพเจ้าที่ทำอะไรก็ได้ตามชอบ  สิ่งที่น่ากลัวที่สุดในโลกไม่ใช่คัมภีร์เทพ  ไม่ใช่อาวุธสมบัติเทพและไม่ใช่อสูรเทพ แต่เป็นบุคคลเสมือนเทพ  อย่างเช่นร่างกายของเจ้า...”  นางพญาเฟ่ยเหวินหลี่ยื่นมาจับไหล่เย่ว์หยาง  นางยิ้มให้เขา  “ความจริงเจ้าก็เข้าใจอะไรได้มากมายหลายอย่าง  อย่างไรก็ตามข้าต้องเตือนเพิ่มสักอย่างว่า   ข้าเกรงว่าเจ้าจะคิดมากเกินไป  และเป็นเรื่องง่ายกว่าที่เดินอ้อมหลีกเลี่ยง นั่นไม่ใช่เรื่องดีของคนฉลาดที่เอาแต่วิ่งชนหาเรื่องโดยตรง”
 “หลังจากออกไปแล้ว ท่านมีอะไรต้องทำไหม?  แดนสวรรค์ยังมีคนเก่าแก่เหลืออยู่หรือเปล่า?”  เย่ว์หยางกำลังจะออกไปเหมือนกับเพิ่งนึกอะไรขึ้นได้
ในอดีตพอนางพญาเฟ่ยเหวินหลีถูกผนึก  กองทัพพิชิตศึกของนางไม่น่าจะแตกกระจายไปอย่างสิ้นเชิง
หลังจากหมื่นปีผ่านไปแม้ว่าจะเหลือคนไม่มาก แต่ก็ไม่พอเป็นกองทัพได้
บางทีอาจมีสหายเก่าเหลืออยู่
เผ่าปีศาจอสรพิษจากแดนปีศาจหอทงเทียน และนักสู้เผ่าปีศาจหลายคนย้ายเข้าไปอยู่ในแดนสวรรค์แล้ว
ในช่วงแรกก็มีกลับมาหอทงเทียนเป็นครั้งคราว  ตั้งแต่จักรพรรดิอวี้และสามจอมภพแดนสวรรค์ทำสงครามกัน  หอทงเทียนและแดนสวรรค์ก็ค่อยๆ ขาดการติดต่อและบันทึกประวัติเหล่านี้สูญหายไป  บางทีอาจมีเผ่าปีศาจอสรพิษตามเผ่าปีศาจแดนนรกมายังแดนสวรรค์ก็ได้
เย่ว์หยางไม่ต้องการตามหาพันธมิตรที่ไม่จริงใจเหล่านี้ แต่เขาคิดว่าในการท่องเที่ยวในแดนสวรรค์ หากจะต้องพบเจอคู่ต่อสู้ที่เคยเป็นบริวารของนางพญาเฟ่ยเหวินหลี ทั้งสองฝ่ายต้องมาสู้เพราะไม่รู้จักกัน และในที่สุดจะกลายเป็นเรื่องเสียหายไปโดยเปล่าประโยชน์  นี่เป็นเรื่องที่น่าอาย เย่ว์หยางหวังจะหลีกเลี่ยงเหตุการณ์นี้  แน่นอนเขาจงใจถามเฟ่ยเหวินหลีถึงสหายเก่าของนาง
เฟ่ยเหวินหลีขมวดคิ้วสีทองของนางและไตร่ตรอง
 “บริวารเก่าของข้ามีมากมายนัก ข้าเล่าให้ฟังทั้งหมดรวดเดียวไม่ได้  มีการรวมกลุ่มที่มีชื่อเสียงกันอย่างคึกคัก  เรื่องความจงรักภักดียากจะบ่งบอกได้โดยไม่ใช้เวลาพิสูจน์  ก็เหมือนกับเผ่าเก้าแสงนั่นแหละ  ในอนาคตข้าจะต้องอยู่กับเจ้า  ต่อให้ข้าชี้ผิด ก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญ ใครให้เขาเป็นศัตรูกับเจ้าเล่า”  มุมมองที่นางพญาเฟ่ยเหวินหลีมีต่อเย่ว์หยางต่างจากที่มองบริวารของนาง เย่ว์หยางหนุ่มน้อยผู้นี้เป็นบิดาของเสี่ยวเหวินหลี ทั้งยังทำสัญญาวิญญาณโลหิตกับนาง
 “ข้าจะไปถามดูในแดนสวรรค์”  เย่ว์หยางรู้นิสัยของนางพญาเฟ่ยเหวินหลี  แต่เขารู้สึกว่าการสู้รบที่ไม่จำเป็นบางอย่าง ถ้าหลีกเลี่ยงได้เป็นดีที่สุด
 “เมื่อเจ้าพูดอย่างนี้ จู่ๆ ข้าก็นึกถึงบางคนขึ้นมาได้ทันที”  นางพญาเฟ่ยเหวินหลียิ้ม
เหมือนกับว่านางนึกถึงเรื่องสนุกได้ ใบหน้านางเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
หลังจากนั้นนางผ่อนคลายและยื่นมือแตะไหล่เย่ว์หยาง  “เจ้าสามารถหาคนผู้หนึ่งขอให้เขาช่วยเจ้าได้   คนผู้นั้นมักจะขลาดกลัวต่อการสู้ในสนามรบ ชอบข่มเหงคนอ่อนแอ แต่กลัวคนแข็งแกร่ง  ชอบมองหาคนอ่อนแอที่สุดมาต่อสู้ด้วย  โดยเฉพาะพวกฝีมือกะเรวราก เทียบได้กับเจ้าอ้วนไห่ที่เจ้าเคยพูดถึงว่าเขาภักดีต่อเจ้า  แต่เจ้าผู้นี้ก็ภักดีต่อข้า เมื่อข้าข้ามทะเลไร้ขอบเขตในหอทงเทียนชั้นสิบ  ข้าพบว่าเขาเป็นโจรสลัด  หลังจากข้าทุบตีเขา  เขาตัดสินใจยอมแพ้เลิกอาชีพโจรสลัดเข้าร่วมกลุ่มกับข้าเดินทางไปแดนสวรรค์  ข้านำเขาไปด้วย และถล่มแดนสวรรค์    เขาคือสหายคนหนึ่งที่อยู่กับข้าในหอทงเทียนมานาน ถ้าไม่ตายในการต่อสู้ เขาคงยืนหยัดอยู่ด้วยตนเองได้  มีเพียงเขานั่นแหละที่ยินยอมติดตามข้า”
เย่ว์หยางถามชื่อของคนผู้นี้  และนางพญาเฟ่ยเหวินหลีตอบว่า เสี่ยวซี
เสี่ยวซี?
ชื่อเหมือนกับขาดหายหรือเปล่า?
นางพญาเฟ่ยเหวินหลีอธิบายอย่างอารมณ์ดี  “ชื่อเดิมของเขาดูเหมือนจะชื่อคุ้ก  เพราะโจรสลัดแคริเบียนมีทักษะการใช้ดาบโค้งได้ดี มักจะวาดฟันเป็นแนวโค้ง  แต่ยากจะจินตนาการ ทุกคนเรียกชื่อเขาว่าเสี่ยวซี จนลืมว่าเดิมเขาชื่อคุ้กไปแล้ว  “คุ้ก แคริบเบียนผู้นี้มีลักษณะหน้าตายังไง?”  เย่ว์หยางไม่กล้าเรียกคนอายุหมื่นปีนี้ว่าเสี่ยวซีแน่
 “เขาชอบสวมชุดโจรสลัด ที่มือซ้ายมีตะขอเหล็ก บนศีรษะสวมหมวกกัปตันเรือเป็นสีเขียวดอกไม้ ตาของเขาแข็งไว้หนวดโค้งดูเหมือนเลขแปด น่าเกลียด”  นางพญาเฟ่ยเหวินหลีอธิบายลักษณะให้เย่ว์หยางฟังจนเขาอดเหงื่อตกมิได้
แม้ว่าในแดนสวรรค์ในทุกวันนี้จะมีนักสู้มากมาย แต่เย่ว์หยางไม่รู้จักนักสู้เช่นนั้น
เขาหวังว่าคุ้ก แคริบเบียนผู้นี้คงไม่ถูกฆ่าตายไปแล้ว
หมื่นปีผ่านไปค่อยไปแดนสวรรค์เพื่อตามหาสหายเก่า  เฟ่ยเหวินหลีและเย่ว์หยางไม่ใส่ใจเท่าใดนัก คิดเสียว่าเป็นแค่การเสี่ยงโชค
ที่สำคัญคือเวลาผ่านมานานมากเกินไป ความผันแปรมีมากเกินกว่าจะมีโอกาสตามหาเสี่ยวซีสหายเก่าเจอ  แดนสวรรค์กว้างใหญ่ไพศาลมาก จะไปตามหาอดีตผู้ติดตามเฟ่ยเหวินหลีจากที่ไหน
ก่อนจะออกจากมิติหลุมดำเพื่อส่งเสริมเสี่ยวเหวินหลีให้มีพลังก้าวหน้า เฟ่ยเหวินหลีสอนเธอมากเป็นพิเศษ
วิธีสอนของนางนั้นง่ายมาก
แต่ได้ผล
นางพญาเฟ่ยเหวินหลีทำคล้ายกับพี่สาวของแม่สี่ ถ่ายทอดความรู้วิทยายุทธผ่านสมองของเสี่ยวเหวินหลีโดยตรง
พลังความรู้ที่ถ่ายทอดให้เสี่ยวเหวินหลีมีแต่ความรู้ด้านการต่อสู้เท่านั้น  ส่วนที่พี่สาวแม่สี่ตกทอดให้เย่ว์หยางเป็นความรู้ที่กว้างขวาง  เสี่ยวเหวินหลีในตอนนี้ยังไม่สามารถรองรับพลังความรู้การต่อสู้ของนางพญาเฟ่ยเหวินหลีตรงๆ ได้  และนางพญาเฟ่ยเหวินหลีไม่ถนัดกับการถ่ายทอดความรู้มากนัก  นางใช้นิ้วแตะที่หน้าผากเสี่ยวเหวินหลี ถ่ายทอดความรู้เสร็จในหนึ่งวินาที เสี่ยวเหวินเปลี่ยนร่างเป็นแสงรุ้งและกลับเข้าไปอยู่ในร่างของเย่ว์หยางและสงบนิ่งเพื่อค่อยๆ ย่อยความรู้
อสูรพิทักษ์ของเสี่ยวเหวินหลี เมดูซาศิลา นางเงือกวายุ นาคาสายฟ้าและปีศาจอสรพิษน้ำแข็ง  เพราะต้องต่อสู้ใช้งานมาอย่างยาวนาน  นอกจากนี้เฟ่ยเหวินหลีรู้สึกว่าพลังของพวกนางยังไม่เพียงพอ นั่นจะส่งผลโดยตรงต่อการเติบโตก้าวหน้าของเสี่ยวเหวินหลีและความปลอดภัยของเย่ว์หยาง
ดังนั้นพวกนางได้รับเลือดพิเศษคนละหยด
อย่าเห็นว่าเป็นแค่เพียงเลือดหยดเดียว
นี่คือเลือดที่นางพญาเฟ่ยเหวินหลีรวบรวมพลังกลั่นออกมาเทียบกับเลือดเทพแล้ว เลือดของนางเหมาะกับการเติบโตกับพวกเมดูซ่าศิลามากกว่า
เมื่อเฟ่ยเหวินหลีกัดนิ้วชี้นางและหยดใส่ปากเมดูซาศิลา นางเงือกวายุ นาคาสายฟ้าและปีศาจอสรพิษน้ำแข็ง พวกนางหลอมรวมพลังและบรรลุพลังระดับใหม่ มีพลังเหนือกว่าเลือดเทพที่อาหงหลอมรวมเสียอีก
เกล็ดบนร่างของพวกนางแตกร่วง
หลังจากหลอมรวมกับ เลือดเทพ นี้  เลือดเนื้อ เอ็น กระดูกของพวกนางเริ่มเปลี่ยนแปลงจนแทบใกล้เคียงกับอสูรเทพ ร่างพวกนางสว่างอย่างรวดเร็ว
 “น่าเสียดาย ที่ข้ายังคงอยู่ในช่วงอ่อนแอ พลังงานในเลือดจึงยังไม่มีเต็มที่  มิฉะนั้นทั้งสี่จะต้องมีความก้าวหน้ามากกว่านี้”  นางพญาเฟ่ยเหวินหลีถอนหายใจ  หลังจากได้ยินเสียงนางถอนหายใจ เย่ว์หยางรู้สึกละอายใจ  เขารู้ว่าเขาต้องพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อฝึกพวกนาง  ตอนนี้ดูเหมือนว่าเขาไม่สามารถเทียบได้กับเลือดหยดเดียวของนางพญาเฟ่ยเหวินหลี!
 “ขอให้ผ่านไปอีกสักช่วงหนึ่ง ข้าจะพาท่านออกไปได้แน่!  เย่ว์หยางไม่ต้องการให้เฟ่ยเหวินหลีใช้เลือดมากเพื่อให้อสูรศึกก้าวหน้า  สิ่งที่เขาต้องการที่สุดก็คือพานางออกไปจากมิติหลุมดำ
 “ไม่ต้องกังวลไป  ข้ารอมาได้หมื่นปี รออีกสักสองสามปีจะเป็นไรไป”  นางพญาเฟ่ยเหวินหลีมีความสุข นางกอดเย่ว์หยางและหอมเขาดังฟอด
เมื่อเมดูซาศิลาและพวกกลายเป็นแสงกลับเข้าไปในโลกคัมภีร์
เย่ว์หยางจึงกล่าวอำลาและออกมา
นางพญาเฟ่ยเหวินหลีก่อนที่นางจะเข้าสู่ห้วงนิทรา นางอดรำพึงด้วยความสุขใจมิได้  “มีบุรุษให้พึ่งพิงอาศัย ก็รู้สึกดีเหมือนกัน” ~!

9 ความคิดเห็น:

NIGHT กล่าวว่า...

ค่าความรักของนางพญาเฟ่ยเหวินหลี + 50 แต้ม

lepton กล่าวว่า...

ตกลงภรรยาใหม่ใช่ป่าวอ่ะ

Unknown กล่าวว่า...

ขนาดจักรพรรดินีฟ้ายังเป็นแค่ข้ารับใช้ ...แล้วเจ้าแม่จะเก่งขนาดไหนวะน่ะ

Sathawat กล่าวว่า...

ถ้ามีกัปตันคุ้กเป็นลูกน้องนางพญา เด๋ทางแดนสวรรค์วก็ต้องมีปีเตอร์แพน กับทิงเกอร์เบลแน่เบย

Boybravo กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Krisda กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ ถ้าออกจากหลุมดำ...ใครจะกล้าสู้คุรชายสาม

Kittiphod กล่าวว่า...

จินไม่ออกเลยจะแบ่งเวลายังไง...เมียเยอะจัด

akekapoj-tee กล่าวว่า...

ขอบคุณมากครับ

chay กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

แสดงความคิดเห็น