วันเสาร์ที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2562

เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ตอนที่ 760 ร้านสัตว์อสูรเมืองลี่จ้าว


ตอนที่  760  ร้านสัตว์อสูรเมืองลี่จ้าว
เมืองลี่จ้าว
เย่ว์หยางกับพวกพ้องโดยสารรถม้าบินโดยสารมาไม่ถึงสามชั่วโมง พวกเขาจะถึงเมืองลี่จ้าวซึ่งอยู่ห่างออกไปหลายร้อยกิโลเมตร
 
นี่เป็นเมืองขนาดใหญ่ที่แตกต่างไปจากเมืองธรรมดา มีถนนสายหลักที่ไม่มีใครเหมือนตัดผ่านแยกเมืองออกเป็นสี่ส่วน จากตะวันออกถึงตะวันตกระยะเกือบ 50 กิโลเมตร  จากทิศใต้ถึงทิศเหนือเกือบ 20 กิโลเมตร
นอกเมืองมีกำแพงล้อมรอบสูงถึง 20 เมตร ยกเว้นประตูเมืองขนาดใหญ่ทั้งสี่
นอกจากประตูใหญ่ทั้งสี่แล้ว
ไม่มีทางออกอื่นอีก
ถ้ามองดูจากในท้องฟ้าจะเห็นทั้งม้า รถเทียมม้าและฝูงชนหลั่งไหลไปตามถนนกว้างอย่างไม่ขาดสาย โดยเฉพาะถนนใหญ่จากตะวันออกไปทางตะวันตก ถนนกว้างถึงหนึ่งกิโลเมตร
ถนนสายเหนือไปใต้กว้าง 400 เมตร
เมืองลี่จ้าวคือมหานครยุทธศาสตร์ที่สร้างขึ้นเมื่อหมื่นปีที่แล้ว ในยุคราชินีผู้พิชิตนางพญาเฟ่ยเหวินหลี และขยายเมืองเมื่อหกพันปีก่อนยุคจักรพรรดิอวี้  อย่างไรก็ตามนางพญาเฟ่ยเหวินหลีผู้พิชิตถูกผนึกไปแล้ว  สามจอมภพแดนสวรรค์ในอดีตทำสงครามกับจักรพรรดิอวี้อย่างดุเดือดซึ่งได้รับการบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์เมืองลี่จ้าว  ผ่านมาจนบัดนี้ไม่มีฐานทัพทางยุทธศาสตร์อีกต่อไป  แต่ห่างไกลออกไปเป็น เมืองซาน ที่คึกคัก นั่นเป็นพื้นที่เปิดพัฒนา รวบรวมผู้คนได้หลายล้านในปัจจุบัน
ผู้คนที่นี่พึ่งพาทรัพยากรแร่ที่อยู่ในเทือกเขารายรอบ ซึ่งเป็นแหล่งแร่อุดมสมบูรณ์ นั่นจึงเป็นเหตุให้ใช้ชีวิตอย่างมีความกังวล
เพราะเมื่อหมื่นปีที่แล้ว และหกพันปีที่แล้วมีสงครามแถวๆ เมืองลี่จ้าวเกิดขึ้นอยู่หลายครั้ง มีนักรบที่แข็งแกร่งเกิดขึ้น และมีการพัฒนาอสูรพิเศษดึงดูดใจนักผจญภัย ทหารรับจ้างและพ่อค้าให้มาเพื่อล่า
 “พวกเจ้าจะไม่ลงไปหรือ?”  เจ้าอ้วนไห่เชิญทุกคนให้ลงมา เขาตบอกและกล่าวว่าอาการบาดเจ็บของเขาได้รับการรักษาแล้ว
 “ช่างเถอะ, ข้าไม่คิดว่าจะมีปัญญาถอนขนหน้าแข้งคนตระหนี่ได้แน่”  เย่คงและเจ้าอ้วนไห่เกิดมาเพื่อทะเลาะกันแท้ๆ
และเขาก็พูดถูกจริงๆ
แม้ว่าเจ้าอ้วนไห่จะให้การรับรองและลงทุนสาบานว่าจะทำตัวดีๆ นับแต่เขาตัดสินใจไปเที่ยวแดนสวรรค์  แต่คนที่จ่ายเงินก็คือเย่ว์หยาง  เพราะเจ้าอ้วนไห่ยืมเงินเย่ว์หยางหนึ่งล้านก่อนจะออกมา  เย่คงไม่คิดว่าเจ้าอ้วนไห่จะใช้คืนได้  และเขาไม่คิดว่าเจ้าอ้วนไห่จะมีปัญญาใช้คืน  เขาคิดว่าเป็นไปได้ว่าเจ้าอ้วนไห่คงจะขอให้หักค่าแรงในอนาคตแทน
เอาเงินคนอื่นมาใช้ เจ้าอ้วนไห่ใจกว้างเสมอ
ไม่..เขากำลังเชิญทุกคนให้มากินดื่มในเมืองลี่จ้าว
 “เจ้าลิงผอม!  ข้าขอเตือนเจ้าอย่างคนกันเอง  ทำตัวดีๆ ไว้ ขืนใส่ร้ายข้า ข้าจะฟ้องหมิ่นประมาท ข้าเป็นคนดี และตอนนี้ก็เป็นคนใจดีด้วย... พี่น้องทั้งหลาย ค่าใช้จ่ายในเมืองลี่จ้าว ข้ามีเงินเก็บไว้ทุกคนสนุกได้ไม่ต้องเกรงใจ เราจะกินและดื่ม กันอย่างสบายใจ  วันนี้ข้าในฐานะเป็นลูกพี่พร้อมทุ่มทุกอย่าง”  เจ้าอ้วนไห่พูดราวกับว่ากลัวทุกคนไม่รู้ว่าเขาแอบเก็บเงินเอาไว้
 “นี่ไม่ใช่การช่วยประหยัดมากที่สุด แต่เป็นการหาทุนด้วยใช่หรือเปล่า?”  เป่าเอ๋อมองดูกระเป๋าแห้งนางมีทองติดตัวอยู่ไม่กี่ชิ้น นั่นเป็นเรื่องที่ทำให้นางเวียนหัว
 “ไม่มีทาง  เงินที่เก็บไว้ครั้งก่อนถูกเก็บไปแล้ว” เจ้าอ้วนไห่เกาศีรษะอย่างเก้อเขิน
 “มิน่าเล่า เจ้าถึงได้ใจดีนัก” เย่คงและคนอื่นรู้ได้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น
 “ถ้าพวกเจ้าต้องการดื่มกิน อย่างนั้นก็ลงไปหาประสบการณ์ได้เลย  ฮุยไท่หลาง!  เจ้าทำหน้าที่คุ้มกัน”  เย่ว์หยางนับว่าเป็นเทพเจ้าแห่งสมบัติ  แต่เขามอบค่าใช้จ่ายหลิวเย่ 3 พันเหรียญทอง  ราคาของในเมืองลี่จ้าวจะแพงมาก  สามพันเหรียญทองสามารถทำให้ทั้งกลุ่มใช้ชีวิตอยู่ในเมืองได้”
 “โฮ่ง!  ฮุ่ยไท่หลางรับคำสั่งเจ้านายและทำหน้าที่คุ้มกันอย่างแข็งขัน นี่คือโอกาสดีที่จะรับใช้ให้บริการเจ้านาย
 “ไปกันเถอะ”  เจ้าอ้วนไห่รีบรับถุงเงินมาอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นหลิวเย่ทำท่านจะปฏิเสธ  เขาร่าเริงและกระโดดบินลงจากรถม้าบิน  ทำให้มองดูเหมือนจ้าวปีศาจอ้วนลงมายังเมืองลี่จ้าว
 “เราไม่ไป”
เสวี่ยทันหลางและพี่น้องตระกูลหลี่กำลังทุ่มเทกับการฝึกอย่างคลั่งไคล้  ไม่มีความสนใจการเที่ยวเล่น
ในสายตาของพวกเขา  วิธีเที่ยวสนุกในแดนสวรรค์เป็นวิธีเดียวกับที่นางพญาเฟ่ยเหวินหลีกวาดล้างแดนสวรรค์ในอดีต  แค่นั้นก็พอ
แน่นอนว่าด้วยพลังของพวกเขาเป้าหมายอย่างนี้เป็นฝันที่ไม่รู้ว่าจะสำเร็จเมื่อใด
เพื่อไล่ล่าตามหาความฝัน
พวกเขาเพิ่มเวลาฝึกฝนให้นานขึ้นดีกว่าจะเสียเวลาไปแบบนี้  องค์ชายเทียนหลัวก็พลอยติดนิสัยไปด้วย ตอนนี้กลายเป็นพวกบ้าฝึกฝนไปแล้ว
บนรถโดยสารบินเลิศหรู มีตู้โดยสารสี่ตอน แต่ละตอนยาวสิบห้าเมตร  ต่อให้ทั้งกลุ่มอยู่ในนั้นแต่ก็มีพื้นที่มากพอให้พวกเขาอยู่อย่างเงียบๆ  เอลฟ์สองสามีภรรยาไม่ต้องการลงไปเที่ยวสนุกด้วย พวกเขาเทียมม้าเพกาซัสให้ลากรถโดยสาร  แต่ในความเป็นจริงรถโดยสารเลิศหรูที่บินได้เองโดยไม่จำเป็นต้องใช้ม้าบินลาก  มันไม่ต่างไปจากเทวรถของแดนสวรรค์  มีระบบต้านทานแรงโน้มถ่วงคอยปกป้องผู้โดยสาร จะได้ไม่เกิดอุบัติเหตุ
ม้าเพกาซัสเหล่านี้ทำหน้าที่คอยฉุดลากตู้โดยสาร เหมือนกับเครื่องประดับของคนรวยที่คนอื่นๆ ไม่มีปัญญาจ่ายซื้อ
เพกาซัสต้องฉุดลากอยู่ข้างหน้ายานโดยสารที่เลิศหรูอยู่หลายชั่วโมงแสดงอาการเหน็ดเหนื่อยเล็กน้อย  โชคดีที่เอลฟ์ทองอย่างลีนให้ความรู้สึกที่ดีและดูแลเพกาซัสเป็นอย่างดี...
ถ้าเปลี่ยนเป็นเจ้าอ้วนไห่ เขาคงต้องการควบม้าและบังคับให้มันบินเร็วอย่างลมพัดอย่างเดียว
อย่างไรก็ตามรถม้าเลิศหรูนี้เช่ามาจากอาณาจักรหลิงหวิน จะต้องเอากลับไปคืน มิฉะนั้นจะต้องโดนหักค่าใช้จ่ายเพิ่ม
เสวี่ยอู๋เสียและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนยังคงติดตามจักรพรรดินีราตรีและจื้อจุนเพื่อฝึกฝนต่อไป  อี้หนานและเย่ว์ปิง ลี่เยี่ยนและจุ้ยมาวอวี้ (สาวขี้เมา) ยังคงฝึกฝนอยู่ที่ประตูเป็นตายไม่ได้มาเที่ยวแดนสวรรค์ด้วยในครั้งนี้  มีแต่เย่ว์หวี่ที่เย่ว์หยางรบเร้าฉุดดึงมาด้วย แต่นางยินดีอยู่ในโลกคัมภีร์คอยช่วยเย่ว์หยางจัดสิ่งของต่างๆ และนางไม่ปรากฏตัวออกมาภายนอก
เย่ว์หยางนั่งอยู่ในรถม้าโดยสารส่วนที่หนึ่งกำลังเขียนภาพประตูแดนสวรรค์จากความทรงจำ
ถ้าไม่วาด ก็คงไม่รู้ เมื่อเย่ว์หยางวาดทำเครื่องหมายเสร็จเกือบทั้งหมด เขาพบว่าสุสานที่ฝังนักรบแดนสวรรค์กลายเป็นภาพสนามรบเลือนลาง สะท้อนกับประตูเทเลพอร์ตของชายขอบแดนสวรรค์ ได้ขนาบคลุมประตูแดนสวรรค์ไว้
นอกจากนี้เย่ว์หยางยังคาดว่าภายใต้นั้นจะต้องเป็นวงเวทอักษรรูนขนาดใหญ่
เมื่อนักรบบุกเข้ามา มันจะเริ่มทำงานอย่างรวดเร็ว
นอกจากมีเสียงเตือนแล้ว ยังมีพลังกฎสวรรค์คอยกดหรือผนึกผู้บุกรุก
เย่ว์หยางอยู่ในช่วงสืบค้นประตูแดนสวรรค์ อาหงยื่นมือเข้ามาโอบไหล่เขาบีบนวดเบาๆ รอคอยคนรักเหมือนภรรยาที่ดี
เจ้าอ้วนไห่กังวลเกี่ยวกับเย่คง ฟ่านหลุนเถี่ย หลิวเย่ เซี่ยอี เป่าเอ๋อและสี่สาวเผ่าคิวบัวร์ ที่ด้านข้างมีฮุยไท่หลางและทอเรนเลโอ พวกเขาระมัดระวังและลงไปยืนบนพื้นถนนเหนือใต้ของเมืองลี่จ้าว  เพราะถนนเป็นเส้นตรง จึงสามารถเห็นเกาะลอยฟ้าสะท้อนแสงขาวอยู่ลิบๆ  ซึ่งนั่นก็คือเกาะสุริยันต์เป็นสถานที่ชุมนุมของเหล่านักสู้ และเป็นจวนที่พักของเจ้าเมืองลี่จ้าว
และตามระเบียบจะมีทหารสองกองลาดตระเวนไปตามถนนเส้นเหนือ-ใต้
ค่ายทหารทั้งสองข้างทางถูกเปลี่ยนไปเป็นร้านค้ามีสินค้าอยู่ภายในดูลานตาไปหมด
เนื่องจากการคมนาคมสะดวกและอุดมไปด้วยแหล่งแร่ ประชาชนท้องถิ่นจึงมีความเป็นอยู่ที่ดี มีสินค้าฟุ่มเฟือยหมุนเวียนเข้ามาในตลาดผู้บริโภคอย่างรวดเร็ว  พ่อค้านักธุรกิจเมื่อได้ทราบข่าว  ต่อให้อยู่ไกลถึงแดนสวรรค์ใต้ ก็ต้องมาดูที่นี่ให้ได้
 “ดูสิ, มีร้านขายอสูรที่นั่น”
ฟ่านหลุนเถี่ยไม่ได้ให้ความสนใจของจุกจิกข้างทาง  งานอดิเรกของนางคือสะสมอาวุธและเดินชมร้านอสูร  แน่นอนว่าเบื้องหลังการตัดสินใจเช่นนั้นเพราะเย่ว์หยางตัดสินใจซื้ออสูรปราณฟ้าให้ทุกคน ฟ่านหลุนเถี่ยเป็นทอเรนสตรี แม้ว่าในสงครามครั้งก่อนจะทำให้นางมีความก้าวหน้าอย่างมาก แต่นางยังมีความรู้สึกว่าพลังของนางยังมีไม่พอและมีส่วนร่วมในกลุ่มน้อย  ดังนั้นนางต้องการทำสัญญาดีๆ กับอสูรระดับปราณฟ้า
กลุ่มพวกเขาพูดคุยหยอกล้อและเข้าไปในร้านอสูรขนาดใหญ่ ชื่อว่าเสริมศักยภาพ
แตกต่างจากร้านอสูรของหอทงเทียน
ร้านเสริมศักยภาพนี้ดัดแปลงมาจากค่ายทหารเก่า  นอกจากนี้ยังมีการขยายพื้นที่  มีการเปิดใช้ห้องใต้ดินเพื่อขายอสูรเต็มวัย
การขายอสูรเต็มวัยในหอทงเทียนค่อนข้างหายาก
เพราะอสูรเต็มวัยถึงแม้ว่าจะมีพลังน่ากลัว แต่ศักยภาพที่มันมีไม่ต่างจากเด็กวัยเรียนรู้  นอกจากนี้อสูรเต็มวัยแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีความสัมพันธ์เป็นพิเศษกับเจ้านายใหม่  มันมีความคิดเป็นของตนเอง  และถ้ามันยังมีพลังรบที่ด้อย ความภักดีซื่อสัตย์ก็ยังเป็นปัญหา
ดังนั้นในหอทงเทียนคนจึงนิยมซื้อลูกอสูร  ยิ่งเป็นไข่อสูรก็ยิ่งเป็นที่นิยม
ในทางตรงกันข้าม ไข่อสูรกองพะเนินโดยตรง แทบไม่มีบัญชีแยกประเภท
ไข่อสูรในหอทงเทียนผ่านการทดสอบและประเมินในรูปแบบแตกต่าง จากคุณลักษณะที่นักรบเห็นด้วย และบันทึกบัญชีแยกขาย  ไข่ที่ขายในร้านเสริมศักยภาพนี้ตั้งขายเหมือนกับร้านขายไข่ในตลาด
 “ไข่เหล่านี้ขายยังไง?” ฟ่านหลุนเถี่ยยิ้มสดใส  ไข่อสูรตั้งมากมาย บางทีอาจมีอสูรที่เหมาะสมตราบเท่าที่ฝึกฝนให้ดี อาจจะมีอสูรปราณฟ้าอยู่ด้วย  คนอื่นไม่กล้าพูดเช่นนั้น  แต่เย่ว์หยางมีทักษะในการดูไข่อสูรว่าเป็นอสูรชนิดใด  ต่อให้เย่ว์หยางเองหลับตา เขาก็สามารถเลือกได้ไข่คุณภาพสูง
 “โอว, นี่ดูเหมือนว่าไม่เลวนะ”  เป่าเอ๋อชี้ไปที่ไข่สีเทา แต่สัญชาตญาณเป็นสิ่งที่ดีแต่ก็ไม่ควรแน่ใจเกินไป
มีเด็กนำโชคอย่างเป่าเอ๋อ คาดว่าน่าจะได้ของยอดเยี่ยมมาบ้าง
สายตานางอาจไม่ดี  แต่นางมิอาจไม่เสี่ยงโชค
อัตราความสำเร็จในการซื้อไข่อสูรกับนางที่เป็นรองเพียงเย่ว์หยาง รับประกันได้ว่าสำเร็จ
พนักงานบริการที่กำลังพูดคุยหัวเราะกับสหายเห็นฟ่านหลุนเถี่ยไม่เดินไปดูสัตว์อสูรโตที่ห้องขังใต้ดิน แต่กลับเดินไปดูที่ไข่อสูรที่ไม่มีค่อยมีราคา เขาค่อยๆ ทำหน้าไม่พอใจ
แม้แต่สีหน้าของเขาก็ยังแสดงอาการดูถูก  นี่ต้องเป็นปีศาจยากไร้สองตนแน่นอน
ถ้าเป่าเอ๋อชี้ไปที่ไข่มังกรขนาดใหญ่ บางทีสีหน้าของเขาอาจจะดีขึ้น  แต่ไข่ที่เป่าเอ๋อชี้นั้นแทบจะคล้ายกับกระเรียนหงอนเทาของเมืองลี่จ้าว นี่เป็นอสูรบินระดับต่ำที่แทบไม่มีพลังรบเลย แม้แต่ทหารรับจ้างชั้นสวะก็ยังไม่ชอบอสูรแบบนี้ ร้านเสริมศักยภาพรับไข่นี้ไว้เพราะลูกมังกรสายฟ้าและสุนัขนรกอัสนีบาตชอบกินนกกระเรียนหงอนเทาเป็นอาหาร
นกกระเรียนหงอนเทาโตเร็วและขยายพันธุ์ได้เร็ว  ก็คล้ายกับกระต่ายป่า แม้แต่พวกทหารรับจ้างก็ยังให้ชื่อพวกมันว่ากระต่ายบิน ตามปกติในป่าคนจะล่ามันเอาเนื้อมาเป็นอาหารอยู่แล้ว
อสูรสวะอย่างนั้น อีกฝ่ายหนึ่งยังบอกว่าไม่เลวงั้นหรือ?
นี่แกล้งทำเป็นไม่เข้าใจอย่างนั้นหรือ

12 ความคิดเห็น:

Dragon fly กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Unknown กล่าวว่า...

ไม่รู้จักเปาเอ๋อ "เทพธิดาน้อยเเห่งโชคลาภ" สะเเล้ว!!! เดี๋ยวเจอ!!!!!!

ท้องฟ้าจะมีความหมาย ถ้ามีคนแหงนมอง กล่าวว่า...

ของคุณครับ

... กล่าวว่า...

คุณสมบัตินกคล้ายในเรื่องผู้กล้าโล่เลยถ้าให้ผู้กล้าเลี้ยงจะกลายเป็นพันธ์ุราชินี

... กล่าวว่า...

คุณสมบัตินกคล้ายในเรื่องผู้กล้าโล่เลยถ้าให้ผู้กล้าเลี้ยงจะกลายเป็นพันธ์ุราชินี

sarinnan กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Emptiest กล่าวว่า...

ยืมเงินล้าน มีปัญญาคืนเหรอเนี่ย

Boybravo กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

neng2006 กล่าวว่า...

หาอ่านได้ที่ไหนครับ

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

akekapoj-tee กล่าวว่า...

ขอบคุณมากครับ

chay กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

แสดงความคิดเห็น