วันจันทร์ที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2562

เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ตอนที่ 762 นายกองกิ้งก่า


ตอนที่  762  นายกองกิ้งก่า
โอชัวร์, นายกองพลตระเวนของเมืองลี่จ้าวได้ยินเสียงอึกทึกของกลุ่มคนข้างหน้าร้าน เสริมศักยภาพ จึงนำกำลังเข้าไปล้อม

ภายในร้านมีเสียงตะโกนดังเป็นระยะ
เขาแยกกลุ่มคนที่หน้าดำหน้าแดงราวกับกินเหล้ามา และถามสอบหาสาเหตุ “เกิดอะไรขึ้น?”
เขาเป็นนายกองพลลาดตระเวนมีอำนาจและอิทธิพลที่นี่สูงคอยควบคุมดูแลความสงบรักษาความปลอดภัยที่นี่ ในทุกปีร้านค้าในถนนสายหลักแม้ว่าจะจ่ายส่วยด้วยเงินจำนวนมาก  แต่มีคำที่กล่าวว่าข้าหลวงดียังด้อยกว่าควบคุมด้วยเงิน  พวกเจ้าหน้าที่ทางการระดับล่างอย่างเช่นโอชัวร์พบเห็น ไม่ค่อยมีการทำผิดกฎหมาย และมักจะไม่ค่อยยุ่งเกี่ยว ปกติเขาจะได้ของขวัญสินบนซื้อน้ำร้อนน้ำชาอยู่บ้าง
ในช่วงวันหยุดทางการก็อาจได้ของขวัญเพิ่มขึ้นบ้างเล็กน้อย
 “ใต้เท้าขอรับ” บุรุษคนนั้นรีบเข้ามาประจบนายกองโอชัวร์ทันที  “คือว่ามีอาคันตุกะที่มาจากแดนไกลไม่เข้าใจกฎระเบียบการค้าที่นี่ พวกเขาต้องการซื้อมังกรบินทองสินค้าสมบัติของเมืองเรา”
 “คนพวกนี้โง่จริงๆ ป้ายบอกราคาก็มีให้เห็น ร้านเสริมศักยภาพไม่ยอมขายให้ จะมาทำเสียงดังได้อย่างไร”
 “คนไม่คุ้นเคยมักทำผิดพลาดได้ง่าย แต่ข้าคิดว่าร้านเสริมศักยภาพทำไม่ถูก  ถ้าเจ้าไม่ขายก็ไม่ต้องขาย  แล้วเจ้าบอกให้คนอื่นจ่ายเงินได้อย่างไร”
 “ฮ่าฮ่า พวกสุนัขต่างถิ่นนัยน์ตาต่ำไม่มีปัญญาซื้อ ก็ยังทำเป็นโอ้อวดจะซื้อให้ได้ ใครจะรู้ว่าพวกเขาดื้อด้านขนาดนั้น”
 “สมน้ำหน้า...”
นายกองโอชัวร์ยืนอยู่ข้างหน้ากลุ่มคนที่ยืนซุบซิบนินทากัน
เขาได้ยินเพียงไม่กี่คำก็รู้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น
ฝ่ายบริการลูกค้าของร้านใหญ่ดูถูกคนต่างถิ่นและล้อเลียนอีกฝ่ายว่ายากจนไม่มีปัญญา ทำให้อีกฝ่ายตัดสินใจซื้อ และร้านเสริมศักยภาพไม่สามารถคลี่คลายปัญหาได้
ถ้านี่เป็นร้านค้าเล็กๆ นายกองโอชัวร์คงคร้านที่จะลงมายุ่งปล่อยให้พวกเขาได้รับบทเรียนบ้าง  อย่างไรก็ตามร้านเสริมศักยภาพมักจะส่งส่วยเป็นพิเศษทุกปีทั้งยังส่งของขวัญเป็นประจำ  เหมือนที่พูดกันว่าทรัพย์มาถึงข้าหลวง ภัยพิบัติหาย  หัวหน้าโอชัวร์ไม่สามารถทำเป็นไม่เห็น  ร่างของเขาสวมเกราะและมือกระชับดาบ คลื่นโลหิต ที่เอว จากนั้นค่อยๆ ย่องเข้าไป  ภายใต้กลุ่มคนรายล้อมเขาเดินผ่านเข้าประตูร้านขายอสูรรบ ส่งเสริมศักยภาพ
ข้างในร้านก็ยังเต็มไปด้วยผู้คน
พนักงานขายหวาดกลัวอยู่บนพื้นจนไม่กล้าทำอะไรอื่น
ส่วนอีกคนหนึ่งสั่นเหมือนไก่โดนพายุฝนไม่มีที่กำบัง ขณะที่พนักงานขายกลุ่มอื่นมองดูอยู่ห่างๆ ไม่กล้าเข้ามา
หลายคนมองว่ายามของร้านถูกทำร้ายฟันร่วงกับพื้น ถ้าไม่สลบก็ยกมือยอมแพ้  บางคนก็นอนสลบเลือดกลบปากและกระเซ็นอยู่บนพื้น  เหรียญทองบนพื้นกระจัดกระจายมาถึงเท้าของโอชัวร์
เนื่องจากผู้บัญชาการทหารประจำเมืองมีพลังระดับเตรียมปราณฟ้า   นายกองโอชัวร์เห็นยามประจำร้านอยู่ในสภาพเอน็จอนาถ ก็อดขมวดคิ้วไม่ได้
แม้ว่าพลังของยามประจำร้านจะไม่สูงมาก  แต่ก็อยู่ในระดับปราณดินระดับห้า
หัวหน้ารักษาความปลอดภัยอันดับหนึ่งของร้านมีพลังปราณดินระดับแปดดูเหมือนจะไม่อยู่ในร้าน  อย่างไรก็ตามเขาสามารถล้มยามประจำร้านได้ทั้งหมดโดยไม่สร้างความเสียหายให้ร้าน  ความเร็วระดับนี้และการความคุมพลังนี้ต้องเป็นหัวหน้าโอชัวร์จึงจะรับมือได้  เขากวาดตามองไปที่คนต่างถิ่นผู้ไม่เข้าใจกฎท้องถิ่น  เขาพบว่ามีคนหลายคนอยู่ฝั่งตรงข้าม  มีทั้งบุรุษและสตรี  ผู้นำคือคนอ้วนที่เป็นผู้ลงมือ  ที่ยืนอยู่ข้างคนอ้วนเป็นคนผอมที่ตาคมเหมือนเหยี่ยว
นอกจากคนทั้งสองนี้ยังมีชาวเผ่าทอเรน(เผ่าหัววัว) สองคนซึ่งมีรัศมีพลังน่ากลัว
ด้านหลังคนเผ่าทอเรนเป็นสาวเผ่าคิวบัวร์สี่คน
ดูเหมือนว่าจะเป็นผู้คุ้มกันของกลุ่มคนพวกนี้  ดูเหมือนว่าพวกเขากำลังคุ้มกันสาวงามสามคนที่ไม่ธรรมดา ดูพวกเขาแล้วไม่ใช่ทหารรับจ้าง แต่อาจเป็นไปได้ว่าคงเป็นผู้เยาว์ในตระกูลที่ออกมาท่องเที่ยวนอกตระกูล
 “อะแฮ่มๆ นายกองโอชัวร์ เสียงกระแอมเบาๆ เตือนคนที่มุงดูให้ความสนใจและหลีกทางให้ทหารประจำเมือง  “เกิดอะไรขึ้น?”
 “โอวท่านใต้เท้ารีบมาเร็วๆ”  หนึ่งในพนักงานขายที่กำลังตัวสั่นมองเห็นคนช่วยชีวิต เขารีบคำนับนายกองโอชัวร์ด้วยความเคารพทันที และเขาพูดน้ำเสียงประหลาดใจแกมดีใจ  “พวกเจ้า  พวกเจ้าต้องรับผิดชอบต่อร้านเสริมศักยภาพของเรา   เราอยู่ในเมืองลี่จ้าว  ร้านส่วนใหญ่ก็ปฏิบัติตามกฎหมาย  แต่วันนี้เราเจออาชญากรรม  ... ท่านไม่รู้  แขกเหล่านี้คุกคามร้านเราที่ไม่ยอมส่งมอบมังกรบินทองให้  ท่านก็รู้ว่าสิ้นค้ามีราคาปิดไว้  และราคาที่แท้จริงท่านไม่สามารถซื้อได้สูงถึงห้าเท่า  แต่สมบัติประจำร้านเรานี้ จะให้ขายได้ยังไง  ต่อให้เงินมากเราก็ไม่ขาย”
หัวหน้าโอชัวร์ไม่ใช่คนโง่  เขาเพียงแต่แค่นเสียงขึ้นจมูกและกล่าว
 “เราจำเป็นต้องสอบสวนเรื่องนี้  แต่ร้านเจ้าเป็นร้านค้าถูกต้องตามกฎหมาย  ถ้าใครบางคนต้องการคุกคามเจ้า ทหารประจำเมืองของเราจะไม่ให้ความสำคัญได้อย่างไร  เรื่องนี้เป็นหน้าที่ของรองนายกอง”
คนรอบข้างที่ตามมาดูคิดว่าน่ารังเกียจเล็กน้อยเกี่ยวกับเรื่องเคารพกฎหมาย
ทุกคนที่อยู่ในเมืองนี้รู้ว่าไม่เพียงแต่ร้าน เสริมศักยภาพ เท่านั้น แต่ร้านทั่วเมืองลี่จ้าวไม่ใช่ร้านที่ทำถูกต้องตามกฎหมาย
ประมาณพันปีที่แล้วมีกวีนักท่องเที่ยวเดินทางผ่านมาที่นี่ เมื่อเขาจากไป เขาได้พูดถึงที่นี่  ที่นี่คือซากปรักหักพังสกปรกภายใต้ตะวันสาดส่อง  ในอากาศเต็มไปด้วยวิญญาณทหารรับจ้าง  ถ้าต้องเลือกว่าจะต้องอยู่ที่นี่นานๆ  ขอเลือกอยู่ในนรกดีกว่า... พันปีก่อนนั้นยังเต็มไปด้วยการฉ้อโกง  หลังจากผ่านไปอีกพันปี นักธุรกิจการค้าในเมืองลี่จ้าว ใครยังกล้าบอกว่ามีคนซื่อสัตย์อยู่อีก?
ไม่เพียงแต่พ่อค้านักธุรกิจเท่านั้น  แต่คนซื่อสัตย์มีแต่จะอดตายอยู่ในเมืองลี่จ้าว
พวกที่มุงดูไม่ได้พูดออกมา  ได้แต่เย้ยหยันอยู่ในใจ
พวกเขาหวังว่ายิ่งมีเรื่องยุ่ง  ก็ยิ่งดี
เมืองลี่จ้าวดูไร้ชีวิตชีวามานานมากแล้ว  ถ้าเกิดเรื่องวุ่นก็แค่ปรับตัวใช้ชีวิตตามนั้น
 “พวกเจ้าทุบตีคนเหล่านี้หรือ?”  โอชัวร์ตั้งข้อสังเกตอีกครั้งและพบว่าคนเหล่านี้ไม่มีนักสู้ปราณฟ้าอยู่ในกลุ่มฝ่ายตรงข้าม  แต่คนที่แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มเป็นนักสู้ปราณดินระดับเจ็ด แต่มีอุปกรณ์เครื่องมือที่ดี แทบทุกคนมีสมบัติชั้นทองทั้งนั้น    เขาพเนจรต่อสู้ดิ้นรนมา 300 ปีจนได้เป็นหัวหน้านายกองทหารประจำเมือง จนสามารถซื้อดาบคลื่นโลหิตได้เล่มหนึ่งก็เพราะสินบนในช่วงสองสามทศวรรษนี้ ถึงตอนนี้เขาอดอิจฉาความร่ำรวยของคนต่างถิ่นเหล่านี้มิได้
เย่คงพยักหน้า
 “พวกเจ้าเดินทางมาเยี่ยมเยือนเมืองลี่จ้าว เรายินดีต้อนรับเป็นธรรมดา และเมืองลี่จ้าวของเราก็ยินดีต้อนรับอาคันตุกะจากทั่วโลก  อย่างไรก็ตามเจ้าไม่เคยได้ยินภาษิตนี้บ้างหรือ เข้าเมืองตาหลิ่ว ต้องหลิ่วตาตาม เมื่อมาถึงที่นี่ก็ต้องทำตามกฎหมายของเรา” นายกองโอชัวร์ตัดสินใจยืนยันในหลักการไว้ก่อน
 “ใต้เท้า! เราก็เป็นอาคันตุกะที่ดีและปฏิบัติตามกฎหมายแล้ว”  เจ้าอ้วนไห่ยิ้มตอบ
 “ไล่ทุบตีผู้คน นี่ยังเรียกว่าปฏิบัติตามกฎหมายหรือ?”  พวกที่มุงดูอยู่ด้านหลังของเขาถึงกับหัวเราะด้วยความขำขัน
 “ถ้ามีคนขโมยของในเมือง ขอถามหน่อย ข้าจะยืนหยัดป้องกันตัวได้ไหม?”  เย่คงถาม
 “ย่อมได้แน่นอน”  นายกองโอชัวร์ไม่ให้โอกาสฝ่ายตรงข้ามถาม แต่รีบรุกถามก่อนทันที  “แต่ท่านอาคันตุกะแดนไกล, ข้าอยากจะอธิบายถึงตัวอย่างการกระทำที่ไม่เหมาะสมที่เจ้ากระทำไปแล้ว  ในเมืองลี่จ้าวของเรา รักษากฎหมายและความสงบอย่างเคร่งครัดจึงทำให้ไม่มีโจรขโมยแต่อย่างใด  บางทีเจ้าอาจจะไม่รู้ว่าเมืองลี่จ้าวของเรา เป็นเมืองแห่งแสงตะวัน มีสวนและเนินเขา ที่นี่ปลอดภัย สะอาด ประณีต อุดมสมบูรณ์มีความสุข  ภัยพิบัติ ความยากจน  สิ่งที่น่าเกลียดซากหักพังเป็นสิ่งที่ไม่ควรมี..”
 “เหรอ?”  เย่คงยักไหล่ทำสีหน้าสงสัย
 “ข้าคิดว่าเรื่องการซื้อมังกรบินทองของเจ้าควรทำให้กระจ่างเล็กน้อย”  หัวหน้าโอชัวร์ย่อมจะต้องปกป้องร้านขายอสูร เสริมศักยภาพ เป็นธรรมดา นี่เป็นร้านที่ดำเนินกิจการโดยคนที่รู้จักกับเจ้าเมือง  เขาเป็นพี่ชายของภรรยาน้อยคนที่ห้าของเจ้าเมือง  ถ้าเขาช่วยคนต่างถิ่น และความรู้ไปถึงญาติเจ้าเมือง ก็คงยากจะนั่งอยู่ในตำแหน่งนายกองประจำเมืองได้อีกต่อไป
ตามปกติเขาจะไม่ล่วงเกินคนต่างแดน
โดยเฉพาะคนต่างแดนที่ร่ำรวย
สำหรับเงินสด(ทอง) ที่ผุดออกมาของชาวต่างถิ่น นายกองโอชัวร์ตัดสินใจใช้วิธีเกลี้ยกล่อม ชุดของเขาเปล่งปลั่งเจิดจ้า เกราะสวยสดใสมีรอยขีดข่วน  นายกองโอชัวร์เผยให้เห็นแขนที่แข็งแรง ดาบโค้งคลื่นโลหิตที่สะพายอยู่ที่สะเอวเหมือนจะโอ้อวดว่าเขาก็มีความมั่งคั่งไม่ด้อยไปกว่าฝ่ายตรงข้าม  จากนั้นพยายามควบคุมสถานการณ์อย่างอดทน  “ความจริงสินค้าที่เป็นระดับสมบัติร้านค้าประจำเมืองไม่ขายคนต่างประเทศ เจ้าเมืองมีคำสั่งว่าจะต้องติดราคาแสดงสินค้าเอาไว้เพื่อไม่ให้เป็นการหลอกลวงลูกค้า  เจ้าเมืองของเรามีความยุติธรรมในการค้าอยู่แล้ว  ปกติมังกรบินทองก็จะต้องมีป้ายแสดงราคาด้วยเช่นกัน  แต่เพราะนี่ไม่ใช่ราคาขายชาวต่างถิ่น   ราคาที่เรียกนี้เป็นไปตามข้อกำหนดของสมาคมการค้า”
 “ท่านอาคันตุกะทั้งหลาย  ก่อนอื่นข้าขอเป็นตัวแทนชาวลี่จ้าว ตอนนี้ข้าคิดว่าความเข้าใจผิดของพวกท่านคงจะคลี่คลายได้แล้ว    ไม่ใช่ว่าร้านเสริมศักยภาพไม่ต้องการขาย  บางทีพวกท่านลองมองหาอสูรอื่นอีกครั้งดู  ข้าผู้เป็นนายกองทหารประจำเมืองขอให้คำมั่นได้เลยว่าร้านเสริมศักยภาพจะให้ส่วนลดกับพวกท่านร้อยละห้าแน่นอน  ขาดผลกำไรไปขนาดนี้แล้วทำให้พวกท่านพอใจ เราก็ยินดี”
นายกองโอชัวร์มองดูเจ้าอ้วนไห่และเย่คงด้วยสีหน้าจริงใจ
เขากวาดสายตามองดูเห็นว่าหลิวเย่และเป่าเอ๋อเหมือนกับคุณหนูในห้องหอที่ได้รับการปกป้องเป็นอย่างดี จึงไม่ต้องการสร้างความลำบาก  ดังนั้นเขาตัดสินใจยอมถอยก้าวหนึ่ง
เย่คงและเจ้าอ้วนไห่มองหน้ากันเองและตกลงยืนยัน
ทันใดนั้นมีทหารคนหนึ่งแหวกฝูงชนเดินเข้ามากระซิบที่ข้างหูนายกองโอชัวร์รายงานอย่างรวดเร็ว
ถ้ามีคนที่ฝึกฝนประสาทหูเป็นอย่างดีก็จะได้ยินคำว่า ญาติเจ้าเมืองกำลังจะมา
คำพูดนี้ทำให้หัวหน้าโอชัวร์สีหน้าเปลี่ยน
หน้าของเขาเปลี่ยนเป็นสีเขียวคล้ำ
เขาสะบัดแขนเสื้อกระชับเกราะในตัวให้แน่นขึ้น จากนั้นชักดาบคลื่นโลหิตรวดเร็วราวสายฟ้าชี้มาทางเย่คงและเจ้าอ้วนไห่  “เจ้าคู่หูจอมหลอกลวง  ข้าเกือบจะหลงกลพวกเจ้าแล้ว กลับกลายเป็นว่าพวกเจ้าเป็นนักต้มตุ๋นมืออาชีพที่จงใจมาก่อกวนที่เมืองลี่จ้าวของเรา... บอกกับเจ้าก็ได้ สถานที่นี้ไม่ใช่ที่ให้เจ้ามาแสดงความป่าเถื่อน  ถ้าไม่ใช่เพราะมีคนแจ้งความในครั้งนี้ ข้าเกือบถูกพวกเจ้าหลอกต้มเสียแล้ว  ร้านเสริมศักยภาพยังอยู่ในความดูแลของข้า  บอกเจ้าให้ก็ได้ เว้นแต่ว่าข้าตาย พวกเจ้าไม่มีทางลงมือประสบผล”
ข้างนอกมีเสียงฝีเท้าม้า
กลุ่มอัศวินขี่ม้าสวมชุดเกราะมันเงารายล้อมบุรุษวัยกลางคนชุดไหมเหาะอยู่เหนือถนน
พวกเขาไม่หยุด  แม้ว่านายกองโอชัวร์จะรีบเข้ามาแสดงความเคารพและทักทาย  แต่ฝ่ายตรงข้ามก็ยังทำเป็นไม่เห็น
คนที่มุงดูโดยรอบพากันพูดคุยในกลุ่มพวกเขา
 “ดูสิ  นั่นคือญาติของเจ้าเมือง แม่ทัพเวิง ดูเหมือนว่าเขาจะออกนอกเมืองไปล่าสัตว์
 “ภูตผีตัวประหลาด จะมีมาให้เห็นได้ทุกเดือนจริงๆ...”
 “ไม่มีใครรายงานเรื่องในร้านเสริมศักยภาพให้ท่านเวิงหรือ?”
 “คนดูแลมังกรบินทองอยู่ไหน? นี่เป็นเพียงหนึ่งในร้านที่เล็กที่สุดใน 15 ร้านของนายพลเวิง สาขาใหญ่และทุกร้านอื่นเป็นร้านในเครือของเขา
 “ถูกแล้ว  สำหรับนายพลเวิงมังกรบินทองจะนับกระไรได้ เมื่อเร็วๆ นี้มังกรบินทองนี้ก็ชนะมาเช่นกัน ไม่มีอสูรตัวใดที่ชั้นเหนือกว่ายินดีสู้ด้วยอีกต่อไป  นายพลเวิงต้องการจะขายออกไป หรือแลกกับราชสีห์เพลิงระดับปราณฟ้าก็ได้ ข่าวนี้ข้าได้ยินมาจากหลานของข้า ราชสีห์เพลิงระดับปราณฟ้าถูกส่งมาที่เมืองเล่าหม่า  แต่ไม่ได้ถูกส่งมา  เจ้ารู้ไหมว่าหลานข้าเป็นใคร?  เขาเป็นลูกเขยของพ่อบ้านนายพลเวิง  ตอนนี้เป็นสมาชิกคนหนึ่งของทหารของนายพลเวิง  ตอนนี้เขานั่งอยู่บนหลังม้า”
 “ใต้เท้าเวิงต้องการขายมังกรบินทองตัวนี้หรือ? เจ้าเข้าใจผิดหรือเปล่า?”  นายกองโอชัวร์กระซิบถาม
 “แน่นอนว่า มังกรบินทองชนะการแข่งขันมามากมาย ถึงแม้ในการแข่งที่ไม่น่าชนะ แต่ภายใต้สายตาของท่านเจ้าเมืองน้อยที่ควบคุมการฝึกก็เอาชนะได้  คุณชายลูกเจ้าเมืองโกรธมาก  ก่อนนั้นนายพลเวิงจ้องการจะฆ่ามังกรบินทองเพื่อเป็นการขอโทษคุณชาย  แต่คุณชายปฏิเสธ  ครั้งนี้คาดกันว่าคงต้องการผลึกปีศาจดีๆ เพื่อเอาไปใช้ขอขมาคุณชาย... มังกรบินทองที่น่ารำคาญนี้ควรจะขายออกไป  มิฉะนั้นข้าจะไปขอซื้อราชสีห์เพลิงที่เมืองเล่าหม่าได้ยังไง?”
นายกองโอชัวร์จัดเกราะที่มีรอยขีดข่วนและรอยปะสั่นสะท้าน
เขามีสีหน้าซับซ้อน
เขาแค่นเสียงใส่เย่คงและเจ้าอ้วนไห่  “พวกเจ้าต้องการซื้อมังกรบินทองไม่ใช่หรือ?  ข้านายกองตัดสินใจแล้วว่าจะขายให้กับเจ้า  เจ้าพวกนักต้มตุ๋น เอาเงินออกมา  ข้าคิดราคา 5 ล้าน  ถ้าพวกเจ้าจ่ายมา 4.5 ล้าน  ข้าจะให้พวกเจ้าได้เห็นดีจากการหลอกลวงแน่”
ปัง
มีเสียงดังสะท้านแก้วหูอยู่นอกถนน
มีร่างหนึ่งร่วงฟาดลงกับถนน  และจมเข้าไปในพื้นเห็นเป็นรูปมนุษย์
คนผู้นั้นตะเกียกตะกายลุกขึ้น  ในอากาศใกล้ๆ เขามีบุรุษสวมหน้ากากแพลตตินัมโผล่ออกมา บุรุษผู้นั้นเตะใส่เขาจนทำอะไรไม่ได้ และเหยียบหน้าเขา
ตอนนี้ทุกคนเริ่มเห็นได้ชัด คนที่บุรุษหน้ากากยืนเหยียบอยู่บนศีรษะนั้นก็คือนายพลญาติของเจ้าเมืองที่ยังมีกลุ่มทหารรายล้อมอยู่
นายพลเวิงที่ถูกเหยียบศีรษะปกติจะอารมณ์เสียอยู่เสมอ แต่ตอนนี้เขาไม่โกรธ
แต่กลับอ้อนวอนอย่างน่าสงสาร “ยกโทษให้ข้าด้วยเถิด นักสู้ปราณฟ้าผู้ทรงพลังอย่างท่านไม่สมควรฆ่ามดแมลงอย่างข้านี้  เพราะนั่นจะทำให้มือของท่านแปดเปื้อน ชื่อเสียงด่างพร้อย  ข้ายินดีจะขอขมาที่ล่วงเกินท่าน โปรดอภัยให้ข้าด้วยเถิด  ยกโทษให้ข้าด้วยเถิด ท่านนักรบปราณฟ้าผู้ทรงพลัง อภัยให้ผู้น้อยด้วยเถิด”
นายพลเวิงที่อยู่ในชุดไหมที่ฝ่ายตรงข้ามยืนอยู่บนศีรษะ กลับดิ้นรนแสดงความนอบน้อม
นอกจากนี้เขาตบหน้าตนเองจนบวมเหมือนกับหัวหมู
จนกระทั่งบุรุษชนชั้นสูงที่สวมหน้ากากเตะนายพลเวิงกระเด็นออกไป 10 เมตร  เขาตวาดไล่ “ไสหัวไป”
นายพลเวิงรีบถอยออกไปด้วยอาการนอบน้อมและหายลับไปในกลุ่มผู้คนพร้อมกับพวกทหารที่เผ่นหนีด้วยความหวาดกลัว คนที่อยู่รายรอบตกใจหวาดกลัวจนแทบไม่กล้าหายใจแรง  นี่เขาเป็นใครกันแน่ ขนาดญาติเจ้าเมืองยังถูกตบหน้าขู่ขวัญหนีไปด้วยความหวาดกลัว  หรือว่าจะเป็นทูตพิเศษจากตำหนักกลางแดนสวรรค์?
บุรุษหน้ากากลอยตัวห่างออกไป
เวลาผ่านไปนาน ผู้คนจึงค่อยรู้สึกตัว
หน้าของนายกองโอชัวร์เปลี่ยนจากเขียวเป็นสีม่วง เขาพบว่าตัวเขากลัวจนหลั่งเหงื่อเยียบเย็น
เขารู้สึกอึดอัดละอายใจมาก  นายพลเวิงก็ยังต้องประจบประแจงผู้มีศักดิ์ศรีเหนือกว่าเขา  ทั้งยังต้องร้องขอชีวิตอย่างน่าสงสาร  ตอนนี้เขาไม่มีอารมณ์จัดการทำธุระกับคนต่างถิ่น เขารู้สึกอารมณ์ไม่ดีจึงรีบจัดเกราะที่มีตำหนิของเขาอีกครั้งและข่มอารมณ์ให้เป็นปกติ  จากนั้นใช้ดาบคลื่นโลหิตชี้มาที่เย่คงและเจ้าอ้วนไห่  “เอาพวกมันไปเดี๋ยวนี้  เรานายกองทหารเมืองลี่จ้าวขอบอกว่า เมืองนี้ไม่ใช่สถานที่ๆ พวกหลอกลวงต้มตุ๋นอย่างพวกเจ้าจะอยู่ได้!  พวกหลอกลวงต้มตุ๋นพวกนี้ต้องเอาไปขังไว้นอกเมือง  ของที่กองอยู่บนพื้นจะต้องถูกยึดทั้งหมด! 
 “ไล่พวกเขาออกไปจากเมืองไม่มีปัญหา  แต่คิดจะริบเงินของข้าด้วย ดูเหมือนจะไม่เหมาะสมหรือเปล่า?”  มีเสียงดังขึ้นในหูของหัวหน้าโอชัวร์
 “ใครกล้าตั้งข้อสงสัยต่อเรานายกอง?”  นายกองโอชัวร์ที่ถูกคัดค้านให้เสียหน้า  เขาไม่คิดว่านักสู้ปราณฟ้าที่ทุบตีนายพลเวิงจะกลับมาถามด้วยตนเอง เขาหันหน้าไปมองตั้งใจว่าจะลงมือสั่งสอนย่ำยีศักดิ์ศรีอีกฝ่ายให้จมดิน  แต่เมื่อเขาหันไปมองเท่านั้น หน้าของเขาไร้สีเลือดหวาดกลัวแทบตาย
บุรุษหน้ากากที่เหยียบหน้านายพลเวิงเมื่อครู่นี้ยืนอยู่ด้านหลังเขา
หน้าของนายกองโอชัวร์เหลืองซีดราวกับคนกำลังจะตาย  เขาพยายามสงบใจและต้องการจะขอโทษอีกฝ่ายเหมือนกับนายพลเวิง  แต่ร่างของเขาแข็งเหมือนกับไม่สามารถอ่อนลงได้  เขาพูดอย่างงงงวย  “เงินบนพื้นเป็นของท่านหรือ?”
เจ้าอ้วนไห่เดินเข้ามาและพยักหน้ายิ้มให้  “เจ้าต้องการให้ข้าแนะนำตัวเขาไหม?  เขาเป็นหัวหน้าของคนที่เจ้าด่าว่าขี้โกงหลอกลวงไงเล่า”
คนที่ชมดูหวาดกลัวจนแทบสิ้นสติ
คนที่เหลือตื่นตัวมองดูสีหน้าของหัวหน้าโอชัวร์ที่กลายเป็นเหมือนกิ้งก่าที่เปลี่ยนสีได้  ทุกคนต้องการเผ่ากิ้งก่านี้เสียหน้า  เพราะเขายั่วโมโหยอดฝีมือชั้นสูง...

12 ความคิดเห็น:

Dragon fly กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

krisda กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Pingku กล่าวว่า...

ขอบคุณคับ

BeHappy กล่าวว่า...

ขอบคุณมากครับ

นายแนนซ่า กล่าวว่า...

พี่หหยางกรูมาแว้วววว

Unknown กล่าวว่า...

5555

Numton กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

ท้องฟ้าจะมีความหมาย ถ้ามีคนแหงนมอง กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Boybravo กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

akekapoj-tee กล่าวว่า...

ขอบคุณมากครับ

chay กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

แสดงความคิดเห็น