วันพฤหัสบดีที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2562

เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ตอนที่ 765 เมื่อใช้หนังสือความเกลียดก็น้อยลง


ตอนที่  765  เมื่อใช้หนังสือความเกลียดก็น้อยลง
เจ้าเมืองถูไห่ก่อนหน้านี้เคยได้รู้มาจากพ่อบ้านเจียวซือ
 
อาคันตุกะผู้ทรงเกียรตินี้ชื่อว่าเย่ว์ไตตัน เป็นกุลบุตรจากตระกูลทางแดนสวรรค์ใต้ อีกฝ่ายหนึ่งไม่ได้บอกว่าตระกูลอะไร  แต่ถูไห่คาดว่าน่าจะเป็นสิบสุดยอดของตระกูลแดนสวรรค์ใต้แน่นอน  อาจเป็นสิบสุดยอดตระกูลจากแดนสวรรค์บนก็ได้แต่อ้างว่ามาจากแดนสวรรค์ใต้ ไม่ว่าจะเป็นความแข็งแกร่งหรือสถานะ เขาคงไม่บอกอีกฝ่ายอย่างสุภาพหรืออ่อนโยน แต่ถูไห่ไม่กล้าเรียกอีกฝ่ายเหมือนกับผู้เยาว์รุ่นหลัง ต่อให้เขามีชื่อเสียงมากกว่าอีกฝ่ายถึงร้อยเท่าก็ตาม
เขาเรียกอีกฝ่ายด้วยความนับถือว่า “คุณชายสาม” และให้เจียวซือตรวจดูคำนำหน้าชื่อของอีกฝ่ายที่เหมาะสม
อาการที่แสดงความเคารพให้เกียรติทำให้ถูตั่วและนายกองทั้งหลายที่อยู่ด้านหลังของเขาสับสน
ดูเหมือนคนผู้นี้ไม่ใช่นักสู้ปราณฟ้าแม้แต่น้อย  เจ้าเมืองให้เกียรติเขาเกินไปหรือเปล่า?
สถานะของเด็กหนุ่มนี้สูงส่งไม่ธรรมดานักหรือ?
 “ได้มาเยี่ยมเยือนท่านเจ้าเมืองวันนี้ ข้ารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง” อาจารย์จิ้งจอกเฒ่าที่ยืนอยู่ข้างเย่ว์หยางพูดขึ้น  ขณะที่เย่ว์หยางพยักหน้าเล็กน้อยด้วยมาดท่าทางของคุณชายผู้ดีมีตระกูล
 “เมืองชนบทใช้ชีวิตที่เรียบง่ายชัดเจนนัก”  เย่ว์หยางเพียงแต่พยักหน้าเล็กน้อย  แต่ก็ทำให้เจ้าเมืองถูไห่มีความสุขโดยเฉพาะ
คนระดับสูง!
นี่คืออารมณ์ของคนระดับสูง
คนที่ปราศรัยยาวนานนี้คือพ่อบ้าน?
ไม่
ไม่น่าจะใช่
กล่าวโดยทั่วไปคือ ตราบเท่าที่คนชั้นสูงระดับหัวหน้าเอ่ยคำพูดที่หนักแน่นล้ำค่า ไม่ต้องคำนึงว่าถูกผิด  จะต้องมีการดำเนินการโดยมีผลสะท้อนกลับมาน้อยมาก
 “ยินดีต้อนรับ..ท่านอาคันตุกะผู้ทรงเกียรติ....”  เจียวซือและคนอื่นรีบเคารพตอบอย่างเป็นทางการ
 “ไม่จำเป็นต้องมากพิธี  เย่ว์หยางและอาจารย์จิ้งจอกโบกมือ พี่น้องตระกูลหลี่จะส่งของขวัญให้ผู้ทักทายเป็นการแสดงความใจกว้างของเจ้านาย  ห่อของขวัญสีแดงไม่ใช่ให้เหรียญทอง นั่นถือเป็นการไร้มารยาทเกินไป แต่เป็นมุกโปร่งใสบริสุทธิ์
มุกฝนดาวตก ของอย่างนี้ย่อมไม่มีปรากฏอยู่ในแดนสวรรค์แน่นอน
มีปรากฏอยู่แต่เพียงที่เกาะดาราในหอทงเทียนเท่านั้น
คนในแดนสวรรค์ไม่เคยเห็นของมีค่าอย่างนี้
แค่เหลือบมองวูบแรก นี่คือของหายากที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อน  คิดว่าน่าจะเป็นของมีราคาสูง
นอกจากนี้ นี่เป็นการลงทุนเล็กน้อยที่เย่ว์หยางใช้เบิกทางเข้าเมืองลี่จ้าว  หลังจากนั้นเย่ว์หยางยังจะมีแผนตามมาอีกมาก การลงมือในเมืองลี่จ้าวเป็นแผนก้าวแรกเท่านั้น!
เมื่อทั้งสองฝ่ายคารวะทักทายกัน ทั้งสองฝ่ายต่างจับตาหาโอกาสกันและกัน
เย่ว์หยางยังคงจับตามองเจ้าเมืองถูไห่ ผู้ปกครองพิทักษ์เมืองลี่จ้าวมาถึงสามพันปี
ไม่ต้องพูดถึงความสามารถในการจัดการกิจการภายใน อย่างน้อยเขามีคุณสมบัติพิทักษ์คุ้มครอง  หอทงเทียนและประตูแดนสวรรค์ซึ่งเชื่อมโยงแดนสวรรค์ตะวันตกไม่เคยพ่ายแพ้สูญเสียในเงื้อมมือของเขามาหลายพันปีแล้ว  นอกจากนี้เมืองลี่จ้าวควรจะตกต่ำทรุดโทรม แต่ภายใต้การดูแลของถูไห่ เมืองลี่จ้าวไม่ถึงกับล่มสลาย
นี่แสดงให้เห็นว่าพลังของเจ้าเมืองถูไห่ ไม่ถึงกับทรงพลังมาก
ส่วนเจ้าเมืองถูไห่ก็มองดูเย่ว์หยางเช่นกัน
เขาคิดว่าเขาได้พบเจอรุ่นผู้เยาว์มาเป็นพันๆ ปีแล้ว ไม่มีผู้ใดในนั้นโดดเด่นเหมือนกับคุณชายสาม
ไม่ต้องพูดถึงเทียบเท่าคุณชายสูงศักดิ์ผู้มากศักดิ์ศรีนั้นเลย  แม้แต่จะเทียบผู้เยาว์ที่ชื่อเทียนหลัวกับทันหลางก็ยังไม่มี  แม้แต่สองสหายอ้วนผอมเย่คงกับเจ้าอ้วนไห่ล้วนแต่เป็นผู้เยาว์ที่มีพรสวรรค์ทั้งนั้น  คนเหล่านี้อายุยังน้อยมากก็มีความสำเร็จเหนือกว่าปราณดินระดับห้า เตรียมปราณฟ้า และอาจเป็นระดับปราณฟ้าก็ได้  พวกเขามีพลังเช่นนั้น  ถ้าไม่ใช่เพราะได้รับการอบรมฝึกฝนวิทยายุทธเลิศล้ำจากตระกูลใหญ่กอปรกับใช้พรสวรรค์ทั้งหมด จะมีความสำเร็จระดับนี้ในวัยยี่สิบได้ยังไง?
หลังจากคารวะสุราสามรอบ
เจ้าเมืองถูไห่พยายามมองหาหัวข้อสนทนาต่อเนื่อง และได้รู้ว่าการร้องรำทำเพลงตามปกติทำให้ฝ่ายตรงข้ามเบื่อเล็กน้อย  และเขาเริ่มกังวลอยู่ในใจ
ฝ่ายตรงข้ามเป็นผู้เยาว์ในตระกูลที่ถือช้อนทองมาเกิดและเติบใหญ่ขึ้น
การร้องรำทำเพลงเหล่านี้ไม่เข้าตาพวกเขาจริงๆ
คุณชายสามผู้นี้ชอบอะไรกันแน่
หากไม่เกิดความคิดใหม่ คาดว่าคงไม่สามารถรั้งอีกฝ่ายหนึ่งไว้ได้ คิดจะให้ของขวัญก็เป็นการดำเนินการที่ยากมาก?  ประการแรก..จะเอาอะไรให้เป็นของขวัญ?  มันราคาสูงเกินไป  ทื่อเกินไปฝ่ายตรงข้ามอาจไม่ชอบก็ได้  จะให้สิ่งของใช้ ฝ่ายตรงข้ามก็ไม่ได้ขาดแคลน จะมอบหญิงงามให้ก็คาดว่าฝ่ายตรงข้ามไม่ได้ขาดแคลน  ทั้งยังจะกระตุ้นความไม่พอใจจากสตรีข้างตัวเขา  จะให้อาวุธสมบัติ  แต่แค่องครักษ์ของเขาก็ใช้สมบัติชั้นทองกันแล้ว!
 “ได้ยินมาว่าร้านขายอสูรเสริมศักยภาพได้ล่วงเกินอาคันตุกะผู้มีเกียรติ เราผู้เป็นเจ้าเมืองได้ทำการลงโทษไปแล้ว  ไม่ทราบว่าท่านอาคันตุกะจะเอามังกรบินทองที่ซื้อไปเลยหรือว่าจะเอาไปลงเวทีต่อสู้ของสัตว์อสูร  เราจะได้ไปดื่มกินและดูอสูรต่อสู้ไปด้วยดีไหม?”  เจ้าเมืองถูไห่พยายามหลอกล่อฝ่ายตรงข้าม  ถ้าเขาชอบการพนัน ก็จะมีหัวข้อคุยต่อได้มาก มีการพนันขันต่อกันอย่างปลอดภัย ดูสัตว์อสูรต่อสู้เอาชนะกันและฉวยโอกาสแสวงหาความมั่งคั่งจากฝ่ายตรงข้าม
นี่เป็นเรื่องปกติของพวกนักสู้ปราณฟ้า
เจ้าเมืองถูไห่คิดว่าคุณชายสามยังไม่น่าจะฝีมือดีเท่ากับพวกหอทงเทียน  แต่เขาต้องลอง
เย่ว์หยางโบกมือ “ไม่จำเป็น”
อาจารย์จิ้งจอกเฒ่าที่นั่งอยู่ข้างเขาหัวเราะและอธิบายในฐานะที่เป็นหัวหน้าองครักษ์ของคุณชายสาม  “ร้านอสูรเสริมศักยภาพได้รับบทเรียนเพียงพอแล้ว น้องสาวของคุณชายสามก็ได้รับไข่ของกระเรียนหงอนเทาที่นางชอบแล้ว  ส่วนมังกรบินทอง เย่คงและเจ้าอ้วนต้องการซื้อไปเลี้ยงตั๊กแตนของคุณชาย  ถ้าการทำธุรกรรมสมเหตุสมผล ก็ไม่มีอะไรที่น่ากังวล  เรื่องนี้ผ่านไปแล้ว  คุณชายไม่ได้ติดใจเอาความ ทั้งคู่กรณีก็ได้รับบทเรียนไปแล้ว”
 “สู้ศึกอสูร  เราก็สนใจเหมือนกัน” เย่คงและเจ้าอ้วนไห่และคนอื่นลุกขึ้นยืน
เจ้าเมืองถูไห่ขยิบตาให้ถูตั่วญาติของเขา
ถูตั่วพากลุ่มขุนพลทหารแห่แหนรายล้อมเจ้าอ้วนไห่และเย่คงรวมทั้งคนอื่นๆ นำไปยังลานประลอง
พ่อบ้านเจียวซือสั่งยกเลิกการร้องรำบันเทิง และรับรองเย่ว์หยางอาคันตุกะผู้มีเกียรติของเจ้าเมืองถูไห่ด้วยตนเอง   เสวี่ยทันหลางเอาหนังสือที่ตัวเขาถูกบังคับให้อ่านออกมาท่อง  ถูไห่เป็นหัวหน้าผู้ปกครองมีชื่อเสียงในเมืองลี่จ้าว เขาจัดให้มีการบริหารจัดเก็บภาษีในเมือง  องค์ชายเทียนหลัวชะเง้อดูหนังสือในมือของเสวี่ยทันหลาง
มีหลายคนที่ชอบอ่านหนังสือต่อหน้าสาธารณชน เพื่อเป็นการอวดความรู้ของพวกเขา
บ่อยครั้งที่มีคนชอบดูหนังสืออย่างนี้ แต่ความจริงกลับไม่รู้อะไร
เพราะไม่มีทักษะการเรียนรู้
ฉากแรกของข้อมูลนี้ หัวหน้าผู้บริหารเพิ่งมาถึงงานเลี้ยง และไม่มีเวลาค้นหาข้อมูลต่างของฝ่ายตรงข้ามจากพ่อบ้านเจียวซือ
เสวี่ยทันหลางอ่านหนังสือในใจต่อหน้าธารกำนัล มีบางคนที่รู้สึกเหยียดหยามเขาในใจ ว่าเด็กหนุ่มผู้นี้กระตือรือร้นหาความรู้จริงๆ  แต่เขาไม่ควรอ่านหนังสือในงานเลี้ยง  เห็นได้ชัดว่าเป็นการเสแสร้ง
อย่างไรก็ตามพวกเขาก็ต้องพบด้วยความประหลาดใจว่า สิ่งที่เขียนไว้ในหนังสือไม่ใช่ตัวอักษรธรรมดา  แต่เป็นอักษรรูนสวรรค์
ไม่มีคำอธิบายถึงข้อเขียนแต่อย่างใด
เป็นอักษรรูนสวรรค์ล้วนๆ... ที่น่าทึ่งที่สุดก็คืออักษรรูนสวรรค์เหล่านี้มีการเคลื่อนไหวตลอดเวลาและผสานกันเป็นรูปแบบใหม่ๆ หลายอย่าง เมื่อเขาศึกษาอักษรรูนสวรรค์อย่างระมัดระวังก็คิดว่าเข้าใจอักษรรูนได้แน่  แต่พอเหลือบมองครั้งแรกเขาต้องตกใจเมื่อพบว่าเขาไม่เข้าในสิ่งที่เขียนไว้ข้างใน
ขณะที่มองดู เสวี่ยทันหลางถึงกับเหงื่อออกเต็มหน้าผากและไหลเป็นทาง
การเขียนของเขามาตรฐานมาก
เมื่อเทียบกับหนังสือที่บันทึกเป็นอักษรรูนแดนสวรรค์ ความแตกต่างเพียงอย่างเดียวก็คือหนังสืออักษรรูนสวรรค์ที่เขาเขียน  ไม่มีพลังของอักษรรูนแดนสวรรค์  แต่จะมีการเคลื่อนที่เปลี่ยนแปลงโดยอัตโนมัติสร้างสิ่งใหม่ๆ ออกมา มีทั้งหลอมรวมสร้างสรรค์แนวคิดใหม่
 “บางทีอาจเป็นการสอนของอาจารย์ผู้รอบรู้ของเขา   แต่บุรุษน้ำแข็งไม่มีความรู้ความเข้าใจอักษรรูนสวรรค์เท่านั้นเอง”  เขาลอบปาดเหงื่อเยียบเย็น
ตอนนี้เขารู้แล้วว่า อีกฝ่ายไม่ได้ถูกบังคับ  แต่เขาต้องการเรียนรู้จริงๆ
ข้าเองก็กระหายอยากเรียนรู้จริงๆ
ในอีกด้านหนึ่งเจ้าเมืองถูไห่ยังคงลอบเช็ดเหงื่ออยู่ในความมืด
เขาพบว่ายิ่งสนทนากับคุณชายสาม ก็ยิ่งพบว่าตัวของเขาเองลำพองตัวเองอย่างโง่เขลานัก
คุณชายสามผู้นี้จงใจพูดคำพูดสองสามคำ เป็นความหมายลึกซึ้งเข้าใจได้ยาก  ถ้าไม่ได้สุ่ยตงหลิวพูดไกล่เกลี่ยอธิบาย  อย่างนั้นก็จะไม่เข้าใจสิ่งที่คุณชายสามอธิบายมาทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวแดนสวรรค์ การฝึกอสูร การเลื่อนชั้นอาวุธสมบัติ เรื่องเหล่านี้เป็นความรู้เมื่อหมื่นปีที่แล้ว  ทั้งหมดเป็นความลับแต่คุณชายสามรู้เป็นอย่างดี
เมื่อได้ยินเขาพูดความรู้ที่ไม่เหมือนใคร ถูไห่รู้สึกเลื่อมใสเหลือเชื่อ แม้แต่เขาเองยังอดปรบมือโห่ร้องมิได้
 “หินดำและขาวถูกนำมายังแดนสวรรค์ตะวันตกโดยชาวหอทงเทียน!  มีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากมายในระหว่าง และข้าคาดไม่ถึงเลยว่าประวัติศาสตร์ที่แท้จริงจะเป็นเช่นนี้”  พ่อบ้านเจียวซือลอบถอนหายใจครั้งแล้วครั้งเล่า
 “พูดกันยืดยาวก็ยังไม่ดีเท่าเล่นเกมกันสักตาหนึ่ง?”  เจ้าเมืองถูไห่มีความสุข
ถ้าคุณชายสามชอบเล่นหมากกระดาน  อย่างนั้นก็มาถูกที่แล้ว
แม้ว่าทักษะในการเล่นหมากรุกจะยังไม่ค่อยดีมาก  แต่ราชาหลิงหวินก็ชอบเล่นหมากรุก  เจ้าเมืองถูไห่ค้นพบการละเล่นหมากกระดานกับราชาหลิงหวินมานานแล้ว  จนถึงวันนี้เขาเล่นหมากรุกต่อเนื่องกับเจียวซือได้โดยไม่มีการชักหมากกลับ  เจ้าเมืองถูไห่รู้สึกว่าผู้มีฝีมือบางคนไม่ได้ใช้ฝีมือเต็มที่  แต่ย่อมจะมีโอกาสได้ใช้ฝีมือแน่
ตัวอย่างเช่น การละเล่นหมากรุก
เครื่องมือนี้ไม่ได้ใช้ในการรบ แต่เป็นเครื่องมือใช้พัฒนาความสัมพันธ์ให้ก้าวหน้าได้
ไม่ใช่เรื่องยากกับการเสียเงินให้กับคนระดับสูงกว่า  แต่ถ้าพวกเขาได้เล่นหมากรุกกับฝ่ายตรงข้ามได้ ก็จะพัฒนาสัมพันธ์เป็นสหายกันได้
เดิมทีใต้เท้าถูไห่เป็นเพียงขุนนางทั่วไปของอาณาจักรหลิงหวิน เขาได้รับการแต่งตั้งจากราชาหลิงหวินกลายเป็นผู้พิทักษ์เมืองลี่จ้าว  ไม่ได้เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเขากับราชาหลิงหวิน
 “ดีเหนือนกัน แต่ข้าเล่นหมากรุกไม่เก่ง ท่านเจ้าเมืองโปรดออมฝีมือให้ข้าบ้างด้วยเถิด”  เย่ว์หยางพูดถ่อมตัว
 “เราเจ้าเมืองมีความคิดหยาบกร้าน พอคันไม้คันมือก็มักจะเล่นแค่วันละกระดานสองกระดาน”  เจ้าเมืองถูไห่คิดว่าฝ่ายตรงข้ามคงมีฝีมือหมากรุกไม่เท่าใดนัก นี่ต้องใช้ทักษะหลายอย่างไม่อาจดูถูกฝ่ายตรงข้ามได้มิฉะนั้นจะกลายเป็นการดูถูกกัน  ปกติเขาจะเล่นหมากรุกกับราชาหลิงหวินมักจะแอบวางหมากที่ราชาหลิงหวินก็มองไม่เห็น หรือเขาอาจเห็นแต่ก็มีความสนุกกับการเล่นกับบริวารของเขา
พ่อบ้านเจียวซือถือตัวหมากรุกมาวางบนกระดาน
รอบแรกผ่านไป
เจ้าเมืองถูไห่รู้สึกขายหน้ามากที่มั่นใจในตนเองเกินไปจนอยากจะแทรกแผ่นดินหนียิ่งนัก
เขากล้าพูดได้ว่าถ้าไม่ใช่เพราะฝ่ายตรงข้ามลอบเปิดทางรอดให้เขาหลายครั้ง เป็นไปได้ว่าคงแพ้ไปนานแล้ว
แม้ว่าเจ้าเมืองถูไห่จะไม่ใช่ระดับปรมาจารย์  แต่เขาก็รู้สึกได้ว่าเขาเป็นหนึ่งในยอดฝีมือไม่กี่คนในอาณาจักรหลิงหวิน
อย่างไรก็ตาม เมื่ออยู่ต่อหน้าคุณชายสาม..
ถูไห่พบว่าตนเองเป็นเหมือนเด็กน้อยที่เพิ่งจะหัดเล่นหมากรุกปล่อยให้อีกฝ่ายไล่ต้อนอย่างง่ายดาย  เมื่อเขาเห็นว่าคุณชายมีท่าทีดูเบื่อหน่ายเล็กน้อย  ในใจของเขารู้สึกอยากจะร้องออกมาดังๆ โอวหรือว่าสวรรค์ต้องการเอาใจฝ่ายตรงข้าม ฝีมือหมากรุกของคุณชายสามผู้นี้ ผิดปกติเกินไป  ต่อให้อีกฝ่ายหนึ่งออมมือให้หลายครั้ง แต่ก็กดดันได้จนแทบอยากโดดน้ำตาย
 “อะแฮ่มๆ คงจะดีกว่าถ้าให้ผู้น้อยได้สอดแทรกรับมือคุณชายสาม!  พ่อบ้านเจียวซือมีฝีมือทางหมากรุกที่ดีกว่าเจ้าเมืองถูไห่จึงคิดแทนที่เจ้าเมือง
 “ดีมาก”
กระดานที่สองผ่านไปครึ่งชั่วโมง
เจ้าเมืองถูไห่แทบไม่อาจทนดูบนกระดานหมากรุกได้อีก  เขากลัวว่าจะร้องออกมาดังๆ
น่ากลัวเหลือเกิน  ตอนนี้พ่อบ้านเจียวซือไม่ยอมให้คุณชายสามกินหมากง่ายๆ แต่ไม่มีความกลัวว่าตัวหมากเล็กน้อยจะรอดอยู่ได้ ทุกหมากดูเหมือนจะอยู่รอดได้  แต่ในความเป็นจริงนั่นเป็นหมากตายแล้ว ไม่ว่าจะเดินหมากให้ปลอดภัยเพียงใด ผลที่ออกมาก็เหมือนกันคือฆ่าตัวตาย
เจียวซือปาดเหงื่อและขออภัยฝ่ายตรงข้าม และเกมจบลงเท่านั้น
เมื่อเห็นท่าทีเบื่อหน่ายในสายตาคุณชายสาม เจ้าเมืองถูไห่ลอบกัดฟันคิดถึงคนๆ หนึ่ง
การปกป้องปากทางผนึกคุมขังนักสู้ของหอทงเทียนที่เกาะสุริยันต์คุ้มครองโดยนักสู้ปราณฟ้าที่ตำหนักกลางแดนสวรรค์ส่งมาเมื่อหกพันปีก่อน  ผู้เฒ่านั้นไม่เคยห่างจากทางเข้าแม้แต่ครึ่งก้าว  ทุกวันเขาจะเล่นหมากรุกสร้างความบันเทิงให้ตนเอง  ฝีมือหมากรุกของเขา แม้แต่ราชาหลิงหวินก็ยังไม่อาจเทียบได้ ถ้าสามารถโน้มน้าวคุณชายสามกับเฒ่าผู้นั้นให้เล่นกระดานต่อไป  เชื่อได้ว่าอาจทำให้พวกเขานับถือเป็นพี่น้องกันก็ได้
ปัญหาก็คือทางผ่านไปหาผู้คุมนักรบนักโทษหอทงเทียน  นอกจากเจ้าเมืองแล้ว คนนอกไม่ได้รับอนุญาต
เจ้าเมืองถูไห่ไม่กังวลว่าจะมีคนบุกปล้นคุก
อย่างไรก็ตามถ้าตำหนักกลางแดนสวรรค์ทราบเข้า บางทีเขาอาจจะไม่ได้อยู่ในตำแหน่งเจ้าเมืองต่อไป
นอกจากนี้นักสู้ปราณฟ้านั้นไม่อนุญาตให้คนภายนอกเข้ามาเล่นหมากรุก  เรื่องนี้ต้องพิจารณาอย่างระมัดระวัง   เจ้าเมืองถูไห่มองดูคุณชายสามอีกครั้ง รู้สึกว่าคุณชายสามผู้นี้เป็นยอดฝีมือผู้เดียวดาย    ถูไห่มองดูคุณชายสาม เขาล้างกระดานและลุกขึ้นเดินออกไป  สุ่ยตงหลิวผู้มีภูมิรู้ดุจทะเล เทียนหลัวผู้สง่างาม ทันหลางผู้กระตือรือร้นในการศึกษา สี่คนเดินออกไป
เจ้าเมืองถูไห่ลอบถอนหายใจ เมื่อใช้หนังสือบังหน้าแขกผู้ทรงเกียรติก็แสดงความรังเกียจน้อยลง แต่พวกเขาไม่มีทางสร้างมิตรภาพกันได้
ข้าไม่น่าเล่นหมากรุกเลย ผลออกมาเลยไม่ดี
สร้างความผิดหวังให้กับฝ่ายตรงข้ามเกินไป
 “อะไรนะ?”
เมื่อพ่อบ้านเจียวซือและคนใช้ได้ยินความคิดของเจ้าเมืองถูไห่  พวกเขาสีหน้าเปลี่ยนและคัดค้านทันที  “ไม่ได้, เรื่องนี้เป็นไปไม่ได้แน่นอน!
พวกเขาไม่ทันได้เห็น  พวกเขาเดินออกจากจวนเจ้าเมือง เย่ว์หยางไปที่รถม้าบินโดยสารและหันมายิ้มให้อย่างลึกลับ
อาจารย์จิ้งจอกเฒ่าพูดอย่างมั่นใจ  “วันสุดท้ายเราจะแวะมาอีก”
องค์ชายเทียนหลัวยิ้ม  “บางทีพรุ่งนี้เราค่อยมา เผื่อว่าเราจะไปในวันพรุ่งนี้
อาจารย์จิ้งจอกเฒ่าโบกมือ  “ไม่, เราต้องให้เวลาฝ่ายตรงข้ามคิดสักเล็กน้อย   ถ้ารีบร้อนเกินไปฝ่ายตรงข้ามจะเป็นกังวลและไม่สามารถตัดสินใจได้  ก่อนหน้านั้นผู้เฒ่าเต่ามังกรว่าไว้ไม่ผิด  มีนักรบของหอทงเทียนถูกผนึกขังไว้ที่นี่จริงๆ  เย่ว์หยาง งั้นข้าจะดูฝีมือเจ้า”
 “ถ้าเจ้าไม่ใช้ปณิธานราชันย์ และสนามพลังสร้างโลก คงไม่ง่ายที่จะเล่นหมากรุกชนะคนที่ศึกษามาพันๆ ปีได้” เย่ว์หยางลังเลเล็กน้อย “ข้ารู้ว่ามันถูกผนึกมากี่ปีแล้ว  ข้ายังไม่สนใจสักช่วงเวลาหนึ่ง  เราควรจะตามหาสลัดเฒ่าคุ้ก แคริเบียนก่อน จะทำให้หลายคนไม่ต้องไปกระตุ้นความสงสัยของพวกตำหนักกลางแดนสวรรค์”

6 ความคิดเห็น:

sittichok กล่าวว่า...

ขอบคุณมากเลยนะครับ

Boybravo กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

ท้องฟ้าจะมีความหมาย ถ้ามีคนแหงนมอง กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

nutzido กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

akekapoj-tee กล่าวว่า...

ขอบคุณมากครับ

แสดงความคิดเห็น