ตอนที่ 785 เป็นเด็กดีต้องได้ของดี
ปีนขึ้นไปร้อยขั้นแรกจะพบเห็นแท่นขนาดใหญ่ สามารถสร้างปราสาทตระกูลเย่ว์ได้ถึงสองสามหลัง
เมื่อขึ้นไปข้างบนจะมีเส้นทางสายหนึ่งทอดยาวออกไป
ข้างหนึ่งเป็นป่าเขียวชอุ่ม
และอีกด้านหนึ่งเป็นทะเลสาบงดงาม
นอกจากบันไดศิลาแล้ว ไม่มีพลังกฎสวรรค์คอยจำกัด ที่ลานที่ราบนี้จะแตกต่างกับพื้นล่าง
ที่นี่น่าจะเป็นจุดให้นักรบที่ปีนขึ้นบันไดได้หยุดพัก
“พักกันก่อน!”
เย่ว์หยางปีนขึ้นมาถึงร้อยขั้นไม่รู้สึกเหนื่อยหรือเพลีย แต่เมื่อเห็นหน้าของเย่ว์ปิงใบหน้าพราวไปด้วยหยาดเหงื่อ
เขาเช็ดให้นางอย่างเอ็นดูพร้อมกับลูบศีรษะนางเบาๆ และกล่าวชม เย่ว์ปิงเพิ่งจะบรรลุระดับปราณก่อกำเนิดได้ไม่นาน
แม้จะมีประสบการณ์ต่อสู้โชกโชน แต่ตอนนี้นางเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับห้า
กลยุทธ์ส่วนใหญ่ของนางเป็นไม้ตายสังหาร มีทักษะพิษร้ายแรง และพิษยางน่อง บ่อยครั้งที่สามารถฆ่าศัตรูมีพลังน่ากลัว
นักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับแปด เมื่อพบเจอเย่ว์ปิงก็ยังรู้สึกปวดเศียรเวียนเกล้า อย่างไรก็ตามนี่ไม่ได้หมายความว่าเย่ว์ปิงมีพลังเหนือกว่านักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับแปด
นางแค่ให้พี่ชายใช้ประโยชน์จากทักษะแฝงเร้นได้มากที่สุด สำหรับศักยภาพของน้องสาวของเขา
เย่ว์หยางไม่รีบเร่งให้น้องสาวเพิ่มพลังอย่างรวดเร็ว เขากลับใช้เวลาสร้างพื้นฐานให้นาง
ถ้าไม่ใช่เพราะวางพื้นฐานที่ดี
เย่ว์ปิงคงลำบากกว่าจะปีนขึ้นมาได้ถึงร้อยขั้นทั้งที่พลังศักดิ์สิทธิ์กดดันเอาไว้
เมื่อครู่นี้ใช้เวลาเพียงหนึ่งนาทีเย่ว์ปิงก็ปีนขึ้นไปชั้นบนของร้อยขั้นแรกพร้อมกับพี่ชายของนาง
นี่ถ้าเปลี่ยนนักสู้ปราณก่อกำเนิดคนอื่น
คงเป็นไปไม่ได้ที่จะทำได้สำเร็จ
นอกจากนี้เย่ว์ปิงยังมีเครื่องถ่วงน้ำหนักที่ร่างหลายชิ้น
ความยากลำบากจึงมากทวีคูณ
นางพญาดอกหนามมงกุฎทองตั่วตั่วและสองแฝดเทพธิดาศึก อาหง
อิคคาและสาวมังกรไร้เขาเจี้ยงอิง ลี่เยี่ยน จุ้ยมาวอี้ เด็กสาวยักษ์เผ่าไตตันเป็นพวกบ้าพลังไม่ยอมหยุดพัก
วิ่งขึ้นไปต่อด้วยความมุ่งมั่นอย่างสูง ทั้งยังเป็นการแข่งกันในระหว่างพวกนาง โดยเฉพาะตั่วตั่วนำหน้าคนอื่นทั้งหมด
ตามด้วยสองสาวอาเหยาอาหยู ทิ้งระยะห่างไปจนไม่เหลือร่องรอย
นางเซียนหงส์ฟ้าพานางพญาซัคคิวบัสของนาง เจ้าเมืองโล่วฮัวกับจิ้งจอกหิมะของนางโบกมือรออยู่หน้าเย่ว์หยาง
อย่างไรก็ตาม เขาไล่ตามมาทันแน่นอน แต่พวกนางก็รู้สึกโล่งใจที่นำหน้าอยู่หนึ่งก้าว
อาหมันคอยคุ้มกันอยู่ข้างกายเย่ว์หวี่
แต่เย่ว์หวี่โบกมือทำนองว่านางสามารถประคองตัวเองได้โดยไม่ต้องให้คนอื่นช่วยพยุง
แม้ว่าจะผ่านบันไดร้อยขั้นแต่กลิ่นกายนางยังคงหอม
เหงื่อของนางเปียกโชกถึงชุดชั้นใน อกของนางสะท้อนขึ้นลงเล็กน้อย
และนางอ้าปากหอบ ดูเหมือนว่านางจะอยู่ในสภาพลำบากมากกว่าเย่ว์ปิง เย่ว์ปิงจะเป็นพวกใช้กำลังเป็นหลัก
ไม่ว่าจะเป็นพลังหรือร่างกายที่แข็งแรงเย่ว์ปิงดีกว่าเย่ว์หวี่ ความหนักหน่วงในการฝึกฝนจะอยู่ในระดับสูง แต่เย่ว์หวี่จะมีตัวช่วย แต่เมื่อไม่สามารถใช้ดาบนางฟ้าบินได้จึงต้องพึ่งพาขาทั้งสอง
อู๋เหินมองเห็นทะเลสาบฉากภาพงดงามตระการตา นางบังเกิดความกระตือรือร้นเตรียมกระดานสำหรับวาดภาพออกมาตั้ง
เมื่อทุกคนพัก นางวาดภาพเพื่อเป็นที่ระลึกถึงการฝึกฝนครั้งนี้
อารมณ์ของนางเบิกบานเพลิดเพลินกับการฝึกของนาง เย่ว์หยางหวังว่านางจะเพลิดเพลิน
ในการฝึกกับเขาส่วนใหญ่นางฝึกแบบคู่รักเน้นที่พลังภายใน
แต่การฝึกพลังกายภายนอกไม่ใช่รูปแบบการฝึกของอู๋เหิน
นอกจากนี้
นางต้องใช้เวลามากในการศึกษาค้นคว้าวงเวทอักษรรูนต่างๆ
นางไม่ใช่กำลังรบหลัก ดังนั้นจึงช่วยเย่ว์หยางด้วยวิธีที่ต่างไปจากคนอื่น
นางกับเย่ว์หวี่ทั้งสองคนจะรั้งอยู่เบื้องหลังเย่ว์หยาง
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนนั่งพิงรากต้นไม้
นางนั่งขัดสมาธิพาดดาบเทพจักรพรรดิอวี้ไว้บนตัก
และเข้าสู่ขอบเขตภายในใจตามคำขอของเย่ว์หยาง
นางจะไม่ยอมสูญเสียเวลาฝึกฝนไปเปล่าๆ
เสวี่ยอู๋เสียอ่านหนังสือ
บางครั้งดวงตาเป็นประกายของนางก็เหลือบมองมาทางเย่ว์หยาง
ขณะนั้นเย่ว์หยางกับเย่ว์ปิงและเย่ว์หวี่มาถึงริมฝั่งทะเลสาบและลองชิมน้ำดู
“ค่อนข้างหวาน น้ำนี่สามารถดื่มได้
เย็นฉ่ำ ข้าว่าน่าจะใช้อาบได้ไม่มีปัญหา
“เจ้าไปก่อนเถอะ ปล่อยข้าไว้ แล้วเราจะตามไป” เย่ว์หวี่เมื่อได้ยินเย่ว์หยางพูด
นางกระตุ้นให้เขาล่วงหน้าไปก่อน
“ใช่แล้ว, พี่สามไปก่อนก็ได้ ข้าจะต้องตามไปทันพี่สามแน่นอน!” เย่ว์ปิงชูกำปั้นน้อยๆ
การไล่ตามเย่ว์หยางคือเป้าหมายของนางเสมอมา ไม่เพียงแต่ไต่บันไดสวรรค์เท่านั้น
แต่ยังรวมถึงการฝึกฝนตามปกติ นางไม่เคยย่อหย่อน
แม้จะไม่มีญาณวิถีเหมือนกับพี่ชาย แต่นางจะไม่มีวันยอมแพ้ และจะไม่ยอมให้พี่ชายนางทิ้งห่างออกไปเรื่อยๆ!
“ข้าจะอยู่พร้อมกับพวกนางเอง
เจ้าวางใจได้ หรือให้อาหมันอยู่กับเราก็ได้” หลังจากอี้หนานลองแตะน้ำในทะเลสาบแล้ว
นางถอดรองเท้าออกอย่างร่าเริง และก้าวเดินไปบนพื้นทรายใต้ทะเลสาบ
และรู้สึกเพลิดเพลินเต็มที่
“อย่างนั้นก็ได้” อาหมันรั้งอยู่เย่ว์หยางรู้สึกโล่ใจ
แต่เขารู้ว่าถ้าเขาไม่ลงมาและไต่ระดับขึ้นไป อย่างนั้นการเดินทางครั้งนี้ พี่เย่ว์หวี่และปิงเอ๋อจะไล่ตามพวกเขาไม่ทัน พวกนางจะถูกทิ้งล้าหลังไปเรื่อยๆ
ด้วยพลังของพวกนางคาดว่าเป้าหมายพันขั้นคงจะยากไปเล็กน้อย
เขาเองจำเป็นต้องไปให้ถึงระดับแสนขั้น เป็นไปไม่ได้ที่พวกนางจะไต่ระดับขึ้นมาถึง เขายิ้มและจัดผมที่โชกเหงื่อที่หน้าผากนาง
และกอดน้องผู้ดื้อดึงอีกครั้งและให้กำลังใจนาง “พยายามให้เต็มที่ พี่จะรอเจ้าอยู่ที่นั่น “
เย่ว์ปิงพยักหน้าหนักแน่น
ใบหน้านางแสดงถึงความตั้งใจแน่วแน่
ตรงข้ามกับเย่ว์หวี่
นางไม่ต้องการให้เย่ว์หยางกอดนาง และหลบเขาอย่างรวดเร็ว แต่นางหนีไม่พ้นกลับทุบใส่เขาเบาๆ “ข้าพยายามอย่างดีที่สุดแล้ว ไม่ต้องมาเร่งข้า!”
สาวน้อยอี้หนานเมื่อเห็นเย่ว์หยางวิ่งออกไปก้าวผ่านไปได้หลายพันขั้น
นางมองอย่างต่อเนื่องจนไม่เห็นเงาของเขา บางทีนางอาจไล่จนตามเขาไม่ทัน แม้ว่านางจะไล่ไม่ทันก็ตาม
แต่นางไม่เศร้าเสียใจ มีแต่จะยินดีกับเขา! นางกางแขนและกอดเขา “ข้าจะพยายามอย่างหนัก เจ้ารอข้าก่อน!” จากนั้นงับหูเขาอีกและกระซิบ “ถ้าเจ้าแอบมาหาตอนกลางคืน
ข้าจะไม่บอกพี่หวี่และปิงเอ๋อ!”
อาหมันรั้งอยู่และทำหน้าที่คุ้มกันความปลอดภัยทั้งสามนาง
มีเทพธิดาศึกผู้มีพลังของหัวใจธรณีสารและพลังยักษ์ไตตัน
เย่ว์หยางวางใจได้มากแล้ว
นอกจากนี้วิญญาณของเย่ว์ชิวที่เฝ้าอยู่ปากประตู
จะไม่ยอมให้คนอื่นเข้ามา
คนที่เขายอมให้ผ่านเข้ามาก็เพื่อมาฝึกฝนในบันไดสวรรค์เท่านั้น
เย่ว์หยางตัดสินใจไปต่อ
และท้าทายตนเองด้วยการไต่ระดับบันไดสวรรค์ชั้นสูงขึ้นไป เมื่อเขาตัดสินใจไปต่อ
เสวี่ยอู๋เสียปิดหนังสือแห่งสัจจะ
และองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนรีบลุกขึ้นยืนและสะพายดาบเทพจักรพรรดิอวี้ไว้ที่หลัง
และออกไปพร้อมกับเสวี่ยอู๋เสียและเย่ว์หยางต่อไป
เสี่ยวเหวินหลีติดตามอยู่ข้างหลังเย่ว์หยางอย่างเงียบงัน
แม้ว่าจะแปลงร่างมนุษย์ได้สมบูรณ์
แต่เธอก็ยังไม่ชอบพูด
ด้วยพลังของทั้งสี่เมื่อเร่งความเร็วรวดเดียว
อย่าว่าแต่ไต่ระดับไปได้ถึงร้อยขั้น
ยิ่งที่ราบสำหรับพักในระหว่างไม่มีกฎสวรรค์ก็ยิ่งไปได้เร็วเหมือนสายฟ้า
เงาร่างทั้งสี่ผ่านไปตามเส้นทางคดเคี้ยวของทะเลสาบและหายไปทันที
รอจนเงาปรากฏอีกครั้ง เย่ว์ปิงเห็นพวกเขา
เย่ว์หยางเสวี่ยอู๋เสียปรากฏตัวห่างออกไปหลายกิโลเมตร
รออีกหนึ่งนาทีนางได้แต่แหงนหน้ามองพวกเขาก้าวไปบนบันไดศิลาสูงห่างออกไปสิบกิโลเมตร
นางมองเห็นเงาของเย่ว์หยางและเสวี่ยอู๋เสียไต่ระดับไกลออกไปเกินพันขั้น...
“เราต้องพยายามอีก” เย่ว์ปิงมีสายตามุ่งมั่น
และตัดสินใจว่าต้องไล่ตามพี่ชายนางให้ทัน
“ระวัง”
อี้หนานผู้อ่อนไหวอย่างมากพบว่าดูเหมือนจะมีบางอย่างลอยขึ้นมาจากในทะเลสาบ
อาหมันรีบปกป้องเย่ว์หวี่และเย่ว์ปิง
บนผิวทะเลสาบที่ใสกระจ่างมีวิญญาณสัตว์ประหลาดน้ำร่างโปร่งแสงลอยขึ้นมาจากก้นทะเลสาบ และดูเหมือนว่าผิวทะเลสาบมีฟองผุดขึ้น
สัตว์ประหลาดขนาดใหญ่ลอยออกมาจากผิวทะเลสาบมองดูเหมือนบอลน้ำ
แต่ไม่ได้อัดกันเป็นก้อน แต่สิ่งนั้นเคลื่อนไหวอย่างแปลกประหลาดและมองดูดีๆ
เหมือนกับเป็นร่างมนุษย์โปร่งใส
อู๋เหินไม่ได้หยุดวาดภาพ แค่พูดเบาๆ “มนุษย์น้ำ,
ข้าได้ยินมาว่ามีมนุษย์น้ำที่บันไดสวรรค์ มนุษย์น้ำนี้ไม่ใช่อสูร
เป็นแค่การฉายภาพจากพลังงานจิตสำนึกของนักรบบันไดสวรรค์ในแม่น้ำและทะเลสาบ พวกมันจะทำหน้าที่ปกป้องแหล่งน้ำของบันไดสวรรค์ โดยทั่วไปไม่ได้โจมตีเอาชีวิต พวกมันสามารถเอาชนะและพ่ายแพ้ได้
... โอว..อีกเรื่องหนึ่งก็คือ พวกมันไม่มีวันตาย”
อาหมันเอาชนะตัวประหลาดได้ก่อนจะจบประโยคสุดท้ายของอู๋เหิน
พลังของอาหมันต่อให้เป็นอสูรปราณฟ้าก็ยังสามารถฆ่าได้อย่างง่ายดายอยู่ดี
ไม่ต้องพูดถึงมนุษย์น้ำที่มีพลังระดับเตรียมปราณก่อกำเนิด
อย่างไรก็ตามเป็นอย่างที่อู๋เหินแนะนำ
มนุษย์น้ำที่พ่ายแพ้ค่อยๆ ฟื้นตัวอย่างช้าๆ
บนผิวทะเลสาบและหลุดรอดไปถึงเย่ว์ปิงโดยไม่มีความกลัว
นอกจากมนุษย์น้ำตนแรกที่โผล่ออกมาจากผิวทะเลสาบแล้ว ยังมีมนุษย์น้ำอีกหลายสิบที่ออกมาจากทะเลสาบและตรงเข้าหาเย่ว์ปิง
“พวกมันไม่มีวันถูกฆ่า แล้วพวกมันรู้ได้ยังไงว่าแพ้?”
เย่ว์ปิงถามอย่างสงสัยขณะที่ตั้งท่าหันหน้าใส่ศัตรู
“เมื่อพลังที่เหนือกว่าครอบงำ หรือใช้ลูกไม้เล็กๆ
น้อยๆ มีหลายวิธี” อู๋เหินยิ้มเล็กน้อย
และตวัดพู่กันเบาๆ
นางวาดอักษรรูนสวรรค์ในอากาศว่างเปล่าและฉายออกมาใส่ร่างของมนุษย์น้ำตนแรก
มนุษย์น้ำหยุดทันทีและร่างกลายเป็นหมอกหายไปไม่เหลือร่องรอยในทันที
เมื่อมันปรากฏอีกครั้ง มันกลับเข้าไปในทะเลสาบแล้ว
แต่ไม่โจมตีอีกต่อไป มันดำดิ่งลงสู่ก้นทะเลสาบ ค่อยๆ หายไป
ดูเหมือนมันยอมรับความคงอยู่ของอู๋เหิน
มนุษย์น้ำที่อาหมันสู้ด้วยไม่สามารถคลี่คลายได้ อู๋เหินสามารถเข้าใจและทำให้มันยอมรับได้ นี่เป็นการผนวกรวมใช้ปัญญาและทักษะ และที่สำคัญคือพลังของอักษรรูนสวรรค์!
เย่ว์หวี่คิดว่าจำเป็นต้องให้มนุษย์น้ำยอมรับ
นางเรียกคัมภีร์อัญเชิญออกมาทันที และเรียกอสูรคลื่นคลั่งซึ่งเป็นอสูรพิเศษระดับแพลตตินัม
และใช้ทักษะแฝงเร้นพิเศษ ‘หยุดน้ำ’
ทั่วทั้งทะเลสาบ สามวินาทีต่อมาพลังของเย่ว์หวี่ได้รับการยอมรับจากมนุษย์น้ำ
และมันจมน้ำหายไป
อย่างไรก็ตามมนุษย์น้ำยังคงโจมตีคนบนฝั่งทั้งสามคือเย่ว์ปิง
อี้หนานและอาหมัน
“กระจกหวนคืน”
อี้หนานชี้นิ้วที่เรียวงามเหมือนหยก
มนุษย์น้ำที่รายล้อมนางถูกพลังสะท้อนโจมตีใส่ตนเองจนพ่ายแพ้อีกครั้ง
“สะท้าน” อาหมันใช้วิธีที่ดี
เย่ว์หวี่ให้อสูรคลื่นคลั่ง แตกต่างจากอี้หนานที่ใช้สนามพลังจิต
แต่อาหมันกลับใช้พลังแห่งความทรนง เท้าข้างหนึ่งเหยียบพื้น
ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์น้ำที่อยู่บนผิวทะเลสาบหรืออยู่ที่ริมฝั่งสลายกลายเป็นละออง
“ข้ายังไม่ได้แสดงฝีมือเลย!” เย่ว์ปิงเป็นกังวล
นางไม่คิดว่าจะได้รับการยอมรับจากมนุษย์น้ำ
นางเลียบไปตามทะเลสาบหวังจะได้พบมนุษย์น้ำที่ยังไม่สูญสลาย
นางหาอยู่นานจึงพบเจอมนุษย์น้ำที่เพิ่งโผล่ออกมาจากก้นทะเลสาบ นางกระตือรือร้นรีบเข้าไปหาและไม่ลืมที่จะแสดงมารยาทที่สุภาพเหมือนพบคนไม่รู้จักครั้งแรก
แต่นางไม่รู้ว่ามนุษย์น้ำไม่มีชีวิตเป็นแค่ภาพฉายพลังงานความคิดของนักรบบันไดสวรรค์
เย่ว์ปิงแสดงมารยาทตามธรรมเนียมของนักสู้ปราณก่อกำเนิดกับมนุษย์น้ำ
และพูดอย่างตื่นเต้น
“ข้าอยากได้รับการยอมรับ โปรดชี้แนะข้าด้วย!”
เมื่อมนุษย์น้ำระดมโจมตีเป็นสายฝนใส่ร่างนาง นางหมุนตัวอย่างนุ่มนวล
ฝ่ามือทั้งคู่ราวกับผีเสื้อเกาะดอกไม้
นางใช้วิทยายุทธสู้ระยะประชิดโดยใช้กระบวนท่าที่เย่ว์หยางบัญญัติให้นางนามว่า
“ฝ่ามือผีเสื้อ” โดยรวบรวมพลังโจมตีลึกลับไว้บนฝ่ามือ
ควบพลังฝ่ามือจนกลายเป็นบอลพลังงาน
นอกจากนี้ขณะที่นางวาดมือในกลางอากาศ
ร่างมนุษย์น้ำลอยขึ้นไปในอากาศและบิดตัวกลายเป็นมังกรน้ำ
เมื่อร่างมังกรน้ำพ้นจากผิวทะสาบก็บินตรงไปยังเส้นขอบฟ้าและกลายเป็นฝนพร่างพรมลงพื้นล่าง
เมื่อมนุษย์น้ำควบแน่นสร้างร่างขึ้นมาอีกครั้ง
มันยอมรับสาวน้อยเย่ว์ปิงแล้ว
มันจมลงในน้ำอย่างช้าๆ
เย่ว์ปิงคารวะตามมารยาทนักสู้ปราณก่อกำเนิดอีกครั้ง
“ขอบคุณ, ถ้านี่เป็นด่านแรกของบันไดสวรรค์
อย่างนั้นเราก็ยังอยู่ในเส้นทางไล่ตามพี่สาม ข้าเอาชนะมนุษย์น้ำได้ทั้งหมด
ได้รับการยอมรับจากผู้อาวุโสทั้งหมด แค่นี้ก็ไม่ทำให้พี่ชายข้าผิดหวังแล้ว”
เย่ว์หวี่กับอี้หนานมองดูอย่างอารมณ์ดีและขำขัน เด็กคนนี้จริงจังเกินไป
ความจริงในระดับชั้นล่าง
ไม่ได้มีการยอมรับจากมนุษย์น้ำ
มนุษย์น้ำระดับเตรียมปราณก่อกำเนิดมีพลังอ่อนแอเกินไป
คิดว่าเป็นเรื่องยากลำบากจริงๆ
นั่นคือพลังภาพฉายจิตสำนึกของนักรบบันไดสวรรค์ระดับเหนือพันขั้นบันไดสวรรค์ขึ้นไป
นอกจากนี้มนุษย์น้ำชนิดนี้ไม่มีสติปัญญา
มันไม่ใช่สิ่งมีชีวิตที่ฉลาดแต่อย่างใด
เป็นแค่เพียงภาพฉายพลังงานจากจิตสำนึกของผู้พิทักษ์บันไดสวรรค์ที่ยังเหลือทิ้งไว้
เพื่อเป็นการปกป้องแหล่งน้ำที่นี่
ถ้าไม่ใช่เพราะอี้หนานล้างมือล้างเท้าจนเปียกโชก คาดว่ามนุษย์น้ำทั้งหมดเหล่านี้คงไม่ลอยตัวขึ้นมาเหนือผิวน้ำ
ขณะที่เย่ว์หวี่เตรียมจะเรียกเย่ว์ปิงกลับมา
ทันใดนั้นนางเห็นมนุษย์น้ำลอยขึ้นมาจากก้นบึ้งทะเลสาบอีกครั้ง
ทุกคนแปลกใจว่าในเมื่อได้รับการยอมรับแล้ว
พวกเขายังจะสู้ต่อได้ยังไง?
ปิงเอ๋อใช้พลังขนาดนั้นแล้วยังไม่ได้รับการยอมรับอีกหรือ?
เย่ว์หวี่และอี้หนานประหลาดใจ อาหมันเตรียมพร้อมเข้าปกป้องเย่ว์ปิง
อู๋เหินหยุดวาดรูปด้วยความสงสัย..
สิ่งที่ทำให้พวกนางประหลาดใจก็คือมนุษย์น้ำไม่ได้ลงมือโจมตี เพียงแต่ยื่นมือค่อยๆ
ส่งมุกที่งดงามให้เย่ว์ปิงที่ยังยืนตะลึงทำอะไรไม่ถูก
“เกิดอะไรขึ้น” เย่ว์ปิงอดยื่นมือไปรับมุกเม็ดโตไว้ไม่ได้
แต่นางไม่เข้าใจเหตุผลจึงเดินกลับไปหาอู๋เหิน
“อาจเป็นไปได้ว่าในช่วงหลายพันปีไม่มีใครสุภาพมากมารยาทเหมือนปิงเอ๋อ
ดังนั้นเจ้าจึงได้รับรางวัลมารยาทดีจากผู้อาวุโส อย่างไรก็ตามการได้รับรางวัลนับเป็นเรื่องดี ไหน, ให้ข้าดูหน่อยว่าเป็นมุกอะไร
ดูเหมือนจะเป็นของดีไม่น้อย” อู๋เหินยิ้มและกวักมือเรียกเย่ว์ปิง
“อา..ได้ๆ”
เย่ว์ปิงรีบหันไปขอบคุณมนุษย์น้ำที่กำลังจมลงในทะเลสาบ
เมื่อเย่ว์ปิงกลับมาและส่งมุกงามเม็ดโตให้ดี
อู๋เหินยิ้มเล็กน้อยแต่ไม่ได้รับมาถือไว้
นางเอื้อมมือลูบศีรษะปิงเอ๋อเบาๆ และกล่าว “ปิงเอ๋อเด็กดี! นี่ไม่ใช่มุกธรรมดา
แต่จะเป็นอัญมณีสมบัติประจำตัวเจ้าตลอดไป
นี่เป็นของขวัญที่ผู้อาวุโสให้เจ้า น่าจะมีค่าเทียบได้กับมุกมายาฟ้าในมุกฝนดาวตก
ข้าไม่รู้ว่ามันจะใช้งานอะไรได้
แต่บางทีพี่ชายเจ้าน่าจะรู้! ปิงเอ๋อ! ยินดีด้วยนะ,
เด็กดีขยันขันแข็งอย่างเจ้า แม้แต่วิญญาณในบันไดสวรรค์ก็ยังอวยพรเจ้า!”
เย่ว์ปิงประหลาดใจขณะมองดูมุกมายาฟ้าในมือ
นางมองดูท้องฟ้าในทิศทางที่เย่ว์หยางล่วงหน้าไปก่อน “รอก่อนพี่สาม! ปิงเอ๋อจะต้องพยายามอย่างหนัก....!”
7 ความคิดเห็น:
ขอบคุณครับ
ขอบคุณคับ
ขอบคุณมากครับ
ปิงเอ๋อ น่ารักที่สุด
ขอบคุณครับ
ขอบคุณมากครับ
ขอบคุณครับ
แสดงความคิดเห็น