วันจันทร์ที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2562

เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ตอนที่ 790 ด้วยวิธีการของคนอื่น


ตอนที่  790  ด้วยวิธีการของคนอื่น
หัวใจของเขาถูกควักออกมาและบีบจนเละ
 
หน้าของผู้อาวุโสเปลี่ยนไป  แต่กลับคืนเป็นปกติอย่างรวดเร็วและมีท่าทางาหยิ่งยโสมากกว่าเดิม
 “เจ้าคิดว่าจะฆ่าข้าได้โดยใช้วิธีบดขยี้หัวใจของข้าอย่างนั้นหรือ   ข้ามีร่างอมตะไม่จำเป็นต้องมีหัวใจในร่างกาย และไม่ใช่เรื่องยากที่จะสร้างหัวใจใหม่  มีแต่อาวุธเทพเท่านั้น มิฉะนั้นไม่มีทางทำร้ายข้าได้!  ผู้อาวุโสตำหนักหัวเราะพลางชี้มาที่เสวี่ยอู๋เสียและป้องกันเทพธิดาวายุที่ด้านหลัง เขาพูดอย่างเหี้ยมเกรียม “ในทางตรงกันข้ามยิ่งข้าบาดเจ็บมากเจ้าก็จะได้รับผลจากทักษะบาดแผลเดียวกัน ตอนนี้เจ้าชักจะน่าสมเพชขึ้นบ้างแล้ว!
เขาไม่เชื่อว่าเสวี่ยอู๋เสียจะเหมือนกับองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน สูญเสียการมองและการได้ยินแต่ยังสู้ต่อได้
นี่เป็นแค่ข้อยกเว้นเดียว
เป็นไปไม่ได้ที่ทุกคนจะเป็นเช่นนั้น!
เสวี่ยอู๋เสีไม่ตอบ และไม่ถอยเช่นกันนางแค่มองผู้อาวุโสตำหนักกลางอย่างเย็นชา เหมือนกับคนเจ้าปัญญากำลังมองดูสุนัขบ้า
ในใจของผู้อาวุโสตำหนักรู้สึกไม่สบายใจเมื่อเห็นเสวี่ยอู๋เสียมีสีหน้าอย่างนั้น มุมปากของเขาเม้มเหี้ยมเกรียม มีอารมณ์ดีใจผิดธรรมดา เขาดึงกระจกวิเศษที่แปลกประหลาดออกมาก่อน และส่องหน้าเหมือนบันทึกภาพ จากนั้นใช้กรงเล็บควักตาทั้งสองจากหกข้างออกและใส่ปากเคี้ยว
แขนอีกสองข้างแทงใส่หูตนเอง
นัยน์ตาของเขาที่ยังเหลืออยู่มองดูเสวี่ยอู๋เสียด้วยอาการหยิ่งยโส และคาดว่าจะมองเห็นมีบาดแผลอย่างเดียวกันจากทักษะแฝงเร้นบาดแผลเดียวกัน และหวังจะเห็นภาพแห่งความเจ็บปวด
อย่างไรก็ตามไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เสวี่ยอู๋เสียยืนนิ่งกับที่อย่างใจเย็น ดวงตาทั้งสองมองนิ่งอย่างเย็นชา
ใบหน้านางไม่มีความเจ็บปวดแต่อย่างใด ราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น หรือว่าทักษะบาดแผลเดียวกันของเขาจะใช้ไม่ได้ผลกับนางอย่างสิ้นเชิง
 “เป็นไปไม่ได้ ทำไมเจ้าถึงไม่บาดเจ็บอะไรเลย?  ทำไมเจ้าไม่เป็นอะไร? ไม่มีอะไรผิดปกติกับเจ้าเลยหรือ?”  ผู้อาวุโสตำหนักไม่อยากเชื่อใบหน้าตนเองที่เห็นในกระจกวิเศษ เขาควักตาสองข้างจากสี่ข้างและบีบจนเลือดกระจาย... เสวี่ยอู๋เสียมองดูอย่างเยือกเย็นเหมือนกับว่ากำลังมองสุนัขไล่งับหางของมันเอง  ผู้อาวุโสตำหนักแทบจะเป็นบ้า  สตรีนางนี้ไม่ได้รับบาดเจ็บจากทักษะแฝงเร้นบาดแผลเดียวกันของเขาได้ยังไง? เขาเริ่มคิดว่าพลังความอดทนของนางยิ่งใหญ่น่ากลัว  แต่เขายังฝืนใจยกแขนและใช้มีดกรีดท้องจากนั้นดึงลำไส้ออกมาพันที่คอ
 “น่าเบื่อ”  เสวี่ยอู๋เสียใช้นิ้วขาวเรียวยายพลิกหน้าหนังสือแห่งสัจจะ และมืออีกข้างหนึ่งปิดปากทำท่าหาวด้วยความเบื่อหน่าย
 “เจ้า,มีทักษะสร้างพลังป้องกันได้!  ผู้อาวุโสตำหนักเข้าใจจนได้
สตรีสองคนนี้ คนหนึ่งยังผิดปกติมากยิ่งกว่า
เมื่อครู่นี้สตรีนางนั้นไม่มีตา ไม่มีหู และแขนได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก แต่ยังต่อสู้ได้ นี่ก็นับว่าไม่ธรรมดาแล้ว
อย่างไรก็ตามเทียบกับสตรีนางนี้ก็ยังผิดธรรมดามากกว่า  เจ้าตำหนักยังไม่สามารถสร้างความเสียหายให้กับทักษะบาดแผลเดียวกันนี้ได้  คาดไม่ถึงสตรีนางนี้มีความสามารถมากยิ่งกว่า นางยังเป็นมนุษย์หรือไม่?
เสวี่ยอู๋เสียไม่ตอบ
หลังจากทำความเข้าใจสนามพลังศักดิ์สิทธิ์  ภายในสนามพลังศักดิ์สิทธิ์ นางคือเทพเจ้าในสนามพลังนี้
แม้ว่าจะไม่สามารถส่งผลจิตสำนึกระดับปราณฟ้าและพลังกฎสวรรค์   แต่เพราะผู้อาวุโสตำหนักกลางไม่มีความเข้าใจสำนึกปราณราชันย์และพลังกฎสวรรค์ ในสนามพลังศักดิ์สิทธิ์ของเสวี่ยอู๋เสียอย่างน้อยนางสามารถเป็นเทียมเทพได้  ไม่ต้องพูดถึงการโจมตีทางพลังวิญญาณ ในทางกลับกันสำนึกศักดิ์สิทธิ์จะคอยป้องกันทักษะแฝงเร้นในการทำร้ายจากศัตรูซึ่งทำได้ง่ายดายเหมือนเกมเด็กเล่น
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเสวี่ยอู๋เสียได้รับการป้องกันจากเทพธิดาวายุ
เทพธิดาวายุแม้ว่าจะไม่ได้เป็นเทพจริงๆ  แต่ก็ยังมีพลังเทวทูตมากตราบเท่าที่นางคอยปกป้องอยู่ข้างตัวเสวี่ยอู๋เสีย ศัตรูคิดจะใช้พลังจิตทำร้ายเสวี่ยอู๋เสียยิ่งเป็นไปไปไม่ได้!
 “ลูกไม้ของเด็กอ่อนหัด เมื่อเจ้าถูกเห็นจุดอ่อน ก็ได้แต่เล่นตลกแสดงปาหี่เท่านั้น” เสวี่ยอู๋เสียมีคัมภีร์แห่งสัตว์สมบัติระดับเทพ  แม้ว่ายังไม่เทียบเท่าตาทิพย์ของเย่ว์หยาง  แต่มองผ่านความลับของผู้อาวุโสตำหนักที่คลุมเครือได้ นั่นเป็นเรื่องที่ง่าย เมื่อใดก็ตามที่ผู้อาวุโสตำหนักใช้ทักษะแฝงเร้นบาดแผลเดียวกันได้สำเร็จ  เขาจะต้องใช้อสูรที่ผสานร่างกับเขาและกระจกวิเศษในมือของเขาเพื่อให้ส่งผลต่อวิญญาณโดยตรง  มิฉะนั้นจะจับเป้าหมายไม่ได้ นี่เป็นวิธีที่ถูกต้องแม่นยำมาก แต่เมื่อเผชิญกับสนามพลังศักดิ์สิทธิ์ของเสวี่ยอู๋เสียก็เป็นแค่ขยะเท่านั้น
มีอย่างหนึ่งที่จะข่มได้
บางคนเกิดมาเป็นดาวข่มของคนบางคนจริงๆ
ผู้อาวุโสตำหนักกลางมีทักษะแฝงเร้นบาดแผลเดียวกันซึ่งใช้กับอสูรที่มีร่างที่ฟื้นฟูได้เร็วและร่างแทบจะเป็นอมตะ มีกระจกวิเศษที่คอยนำทางวิญญาณอย่างแม่นยำ
มองอย่างผิวเผินเขาแข็งแกร่งมาก  แต่ด้วยพลังวิญญาณในตอนนี้เมื่ออยู่ต่อหน้าเสวี่ยอู๋เสียที่เป็นรองจักรพรรดินีราตรี จื้อจุน  หรือเทียบกับเย่ว์หยางนี่เหมือนเป็นการรบกับสวะ
 “ข้าจะฆ่าเจ้า!
ผู้อาวุโสตำหนักกลางขุ่นเคืองและโกรธแค้น
ทักษะแฝงเร้นบาดแผลเดียวกันและกระจกวิเศษไม่มีผลแต่อย่างใด  ทันใดนั้นเขาใช้พลังป่าเถื่อนและระเบิดพลังปราณฟ้าระดับห้าและปล่อยหมัดใส่เสวี่ยอู๋เสียทันที
พลังปราณฟ้าระดับห้า
เสียงดังกึกก้องเหมือนฟ้าคำราม พลังที่น่ากลัวโจมตีใส่เสวี่ยอู๋เสีย
คัมภีร์แห่งสัจจะที่อยู่ในมือเสวี่ยอู๋เสียถูกนางเปิดไปอีกหน้าหนึ่งดึงอักษรรูนสวรรค์ออกมา
ขณะเดียวกันไม่ทราบว่ากำแพงอักษรรูนแก้วเกิดขึ้นต่อหน้าเสวี่ยอู๋เสียเมื่อไหร่ เสาผลึกสะท้อนพลังปราณฟ้าระดับห้าของผู้อาวุโสตำหนักกลางได้ทั้งหมด นี่คือกำแพงแก้วอักษรรูนที่อู๋เหินใช้เพื่อป้องกันการโจมตีของศัตรู หลังจากเสวี่ยอู๋เสียค้นคว้าได้ก้าวหน้าก็นำมาผสานใช้กับสนามพลังสำนึกศักดิ์สิทธิ์ และสร้างขึ้นมาเพื่อใช้สะท้อนพลังศัตรู นามว่ากำแพงแก้วอักษรรูน
ผู้อาวุโสตำหนักโจมตีอย่างดุร้าย ผลก็คือแขนของเขาชาเพราะถูกพลังสะท้อน
เขาลอบตกใจ
อย่างไรก็ตามเขาลังเลจะล่าถอย  ทันใดนั้นเขาสังเกตว่ากำแพงแก้วอักษรรูนของฝ่ายตรงข้ามเริ่มมีรอยร้าวเพราะพลังปราณฟ้าระดับห้าของเขา  เขามีความมั่นใจทันที จึงเพิ่มพลังและกลับไปโจมตีอีก
 “ทำลาย!
ผู้อาวุโสตำหนักกลางเร่งพลังปราณฟ้าระดับห้าชั้นสูงอีกครั้ง!
กับแค่ระดับเตรียมนักสู้ปราณฟ้า
พวกเจ้าต้องการสู้เองหรือ?
Dreaming!
ฝันไปเถอะ
ผู้อาวุโสตำหนักกลางไม่รู้ว่าเขาตกอยู่ภายใต้สนามพลังสำนึกศักดิ์สิทธิ์ของเสวี่ยอู๋เสียไปแล้ว  และเขาไม่รู้ว่ารอยแตกร้าวบนผนังแก้วอักษรรูนนั้นเป็นเพียงภาพลวงตาที่สนามพลังสำนึกศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ต่อหน้าเขา  เขาไม่รู้ว่าทุกอย่างที่เขาเห็นเมื่อกำแพงแก้วอักษรรูนสะท้อนเป็นเพียงภาพลวงตา   ความมุ่งมั่นจะทำลายกำแพงแก้วอักษรรูนทำให้ผู้อาวุโสตำหนักกลางบ้าคลั่ง
ในภาพลวงตานั้นเขาเห็นรอยแยกในกำแพงแก้วอักษรรูนขยายใหญ่ขึ้นทุกที
ในที่สุด ในที่สุด ภายใต้พลังหมัดที่หนักหน่วง จึงเกิดรูขึ้น
ผู้อาวุโสตำหนักกลางควงหมัดและเร่งโจมตี
รูในกำแพงแก้วผลึกอักษรรูนขยายใหญ่ขึ้น
แม้แต่ในช่วงพริบตาที่กำแพงจะแตกสลาย เขาใช้กรงเล็บกระแทกเต็มแรง... จากนั้นข้ามไปมองหาศัตรู
หลังจากเข้าไปในภาพลวงตาแล้ว  เขาคิดว่าเขาประสบความสำเร็จทำลายกำแพงแก้วอักษรรูนได้ และสามารถทำร้ายศัตรูที่ยังมองไม่เห็น  ร่างจริงของเสวี่ยอู๋เสียปิดคัมภีร์แห่งสัจจะและกำลังคิด
พลังกฎสวรรค์เกิดขึ้นระหว่างคิ้วของนาง
เสวี่ยอู๋เสียในตอนนี้ไม่สามารถใช้พลังกฎสวรรค์ขนาดเล็กได้ทั้งหมด นางสามารถสร้างร่องรอยของพลังกฎสวรรค์ได้อย่างจำกัด  นางต้องรวบรวมสมาธิและใช้พลังจิตทั้งหมดเพื่อรวบรวมควบกลั่นเป็นพลังกฎสวรรค์ขนาดเล็ก  แต่ต้องไม่ลืมว่านางยังมีอสูรพิทักษ์เทพธิดาวายุ
เทพธิดาวายุถือพลังกฎสวรรค์ขนาดเล็กในมือ นางกำหมัดและต่อยใส่ผู้อาวุโสตำหนัก
หมัดต่อยใส่ไหล่สายของผู้อาวุโสตำหนัก
ตรงนั้นคือจุดอันตรายที่แท้จริงของผู้อาวุโสวิหาร
ผู้อาวุโสวิหารบาดเจ็บหนัก จนเขาตื่นตัวจากภาพลวงตา การระเบิดของพลังกฎสวรรค์โจมตีจุดที่น่ากลัวที่สุดของวิญญาณเขา เขาหวาดกลัวแทบตาย โบกมือทั้งสองไปมาเพื่อป้องกันตัว
พลังกฎสวรรค์หายไปอย่างรวดเร็วหลังจากบดขยี้จุดตรวจสอบวิญญาณที่สำคัญ  ด้วยพลังปัจจุบันของเสวี่ยอู๋เสียเป็นไปไม่ได้ที่จะคงพลังนี้ไว้ได้นาน
มิฉะนั้นผู้อาวุโสตำหนักกลางคงตายไปแล้ว!
ผู้อาวุโสตำหนักกลางได้รับบาดเจ็บทางวิญญาณแต่ไม่ตาย เขารีบหนีด้วยความตื่นกลัว
ไม่ว่าจะเป็นนักสู้เตรียมปราณฟ้าหรือไม่ก็ตาม  ปัญหาก็คือพลังกฎสวรรค์ไม่ใช่สิ่งที่เขาจะเข้าไปยุ่งได้  อย่างไรก็ตามผู้อาวุโสตำหนักกลางขณะที่หลบไปกลับกระแทกใส่กำแพงแก้วอักษรรูน... เพียงแต่ตอนนี้เขาไม่ได้ทำลายกำแพงแก้วอักษรรูนแม้แต่น้อย  เขาไม่ได้โจมตีใส่กำแพงแก้วแต่อย่างใด  ที่เขาโจมตีทำลายไปนั้นเป็นเพียงภาพลวงตาที่เสวี่ยอู๋เสียพรางตาผู้อาวุโสตำหนักกลางไว้อย่างชาญฉลาด นางรู้แล้วว่าผลการต่อสู้จะออกมาเป็นเช่นนั้น
สิ่งเดียวที่ทำให้นางเสียใจก็คือ
ช่วงเวลาที่กฎสวรรค์คงอยู่สั้นมาก ไม่ถึงหนึ่งวินาที
ถ้าคงอยู่ได้นานมากกว่าสองวินาที ผู้อาวุโสตำหนักกลางอาจจะล้มกับพื้น...เทพธิดาวายุจะตรึงแขนทั้งสองของผู้อาวุโสตำหนักด้วยพลังน้ำแข็งได้อย่างง่ายดาย
เสวี่ยอู๋เสียดีดนิ้วสองครั้ง แขนทั้งสองของเขาหายไป
ผู้อาวุโสตำหนักร้องโหยหวน
ในชีวิตของเขาฆ่าศัตรูด้วยวิธีทารุณกรรมมานับไม่ถ้วน  แต่ความรู้สึกถูกฆ่าโดยถูกศัตรูทำทารุณกรรมเขายังไม่เคยลอง
พลังเยือกแข็งที่แข็งแกร่งอย่างนี้ร่างอมตะของเขาไม่อาจต้านทานได้  หลังจากถูกแช่แข็งอย่างนี้ร่างกายของเขาไม่สามารถฟื้นฟูได้!
 “ข้าชักเหนื่อยอยู่บ้าง, ยกให้เจ้าก็แล้วกัน!  เสวี่ยอู๋เสียลอยมาอยู่ข้างเย่ว์หยาง  การใช้พลังกฎสวรรค์ ทำให้นางใช้พลังจิตเกินตัว แม้ว่านางจะทำได้สำเร็จ  แต่ก็พลาดฆ่าผู้อาวุโสตำหนักไม่สำเร็จ  น่าเสียดาย
 “เจ้าทำได้ดีมาก ไม่ต้องกังวลเกินไป”  เย่ว์หยางกุมมือของเสวี่ยอู๋เสีย, พลังกฎสวรรค์ใช่ว่าจะใช้กันได้ทุกคน? นอกจากนี้ยังต้องมีความรู้แจ้งพลังกฎสวรรค์ที่สมบูรณ์ ไม่ใช่พลังสมบัติ, หรือเหตุผลอื่นสนับสนุน แค่นี้ก็เพียงพอสำหรับเสวี่ยอู๋เสียแล้ว!  ส่วนที่ยากที่สุดก็คือเสวี่ยอู๋เสียต่อสู้กับยอดฝีมือ นางสู้กับผู้อาวุโสตำหนักกลาง  แต่ยังเยือกเย็นสร้างพลังกฎสวรรค์ขนาดเล็กได้  ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะคู่ต่อสู้เป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง คงไม่ง่ายที่จะฆ่าเขา  นางชนะแล้ว
 “ต่อไปเป็นเจ้าบ้าง”  เสวี่ยอู๋เสียกำลังสู้กับผู้อาวุโสตำหนัก คาดไว้แล้วว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะเอาชนะในช่วงที่สำคัญ ที่ด้านตรงข้ามทุกแห่งถูกจำกัดไว้โดยเทพธิดาวายุของนาง  แม้แต่ทักษะแฝงเร้นบาดแผลเดียวกันและร่างอมตะก็ยังได้รับผล  มีอย่างเดียวที่ป้องกันสุดยอดพลังปราณฟ้าระดับห้าได้เด็ดขาดก็คือกำแพงแก้วอักษรรูน
อย่างไรก็ตาม นางให้เย่ว์หยางเป็นคนเผด็จศึกสุดท้าย
เขาคือคนสำคัญที่สุดในใจนาง!
ไม่ว่าเมื่อใดก็ตามนางต้องการให้เขาได้รับประโยชน์มากที่สุดไม่ว่าจะเป็นประสบการณ์การต่อสู้หรือโอกาสพัฒนาก้าวหน้า
เย่ว์หยางไม่ได้ใช้สมบัติใดๆ ไม่ว่าจะเป็นวงจักรล้างโลกหรือวงจักรนิรันดร  เขารีบตรงเข้าไปหาผู้อาวุโสตำหนัก และใช้กำปั้นทุบหน้าของอีกฝ่ายหนึ่ง ขณะที่อีกฝ่ายเตรียมใช้ทักษะบาดแผลเดียวกัน และเตรียมใช้กระจกนำวิญญาณร่วมกัน “ทำให้เจ้ามาปรากฏอยู่ต่อหน้าข้าได้  ข้าจะให้เจ้าพบกับฝีมือที่น่ากลัวของข้า...ไปตายซะเถอะ”
เย่ว์หยางยิ่งโมโหมากขึ้นทุบตีอีกฝ่ายหนึ่ง ขณะที่ระเบิดพลังใช้สนามพลังสร้างโลก
ประตูตาย!
ผู้อาวุโสตำหนักกลางรอโอกาสตอบโต้ เขาพบว่ามีภาพตัวเขาเองที่ฝั่งตรงข้ามได้ถือกระจกวิเศษไว้ หลังจากกระจกวิเศษจับภาพเขาได้ ภาพนั้นยิ้มชั่วร้ายและใช้วิธีควักดวงตาตนเอง จากนั้นเบ้าตาเขาจะว่างเปล่าและเจ็บปวด  เขาตะโกนอย่างคลุ้มคลั่ง  “เป็นไปไม่ได้  เจ้าใช้ทักษะบาดแผลเดียวกันได้ยังไง? ทำไม ทำไมข้าต้องมาทนทุกข์กับการบาดเจ็บทางวิญญาณ  ตาข้า...หูข้า...แขนข้า...ไม่!

14 ความคิดเห็น:

Emptiest กล่าวว่า...

ยอมตายตั้งแต่เชี่ยนเชี่ยนก็สบายแล้ว

แอบอ่าน กล่าวว่า...

โมโหมากเลยไม่รีบฆ่าสินะ

sarinnan กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Unknown กล่าวว่า...

พี่เย่ว์หยางเอาไปทรมานซักวัน

Boybravo กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

ulomzx กล่าวว่า...

ดาบนั้นคืนสนองจริงๆๆ

zen zen กล่าวว่า...

เปลี่ยนจากขอบคุณเป็นโดเนดไห้คนแปลไม่ดีกว่าหรอคับ

zen zen กล่าวว่า...

ไส่อินเนอร์ตอนพี่หยางพูดว่าประตูตาย

นักอ่านนิรนาม กล่าวว่า...

ผู้อาวุโส วิหาร/ตำหนัก อันไหนกันแน่ครับ 555 choose one

Hemm กล่าวว่า...

เพราะบางครั้งเขาก็ให้ศัพท์มาเป็น palace บางครั้งก็ให้ศัพท์มาเป็น temple อย่าเอาอะไรมากกับ webmachine ครับ ฉบับอิงฯ ตอนนี้แปลถึงตอนที่ 747 ถ้าจะให้ผม choose one เพื่อให้ศัพท์มันแน่นอนคงต้องหยุดแปล และรอแปลตามฉบับ อิงฯ ครับไม่ต้องไปตามแกะฉบับแปลด้วยโปรแกรม

ก็มาดิคร๊าฟ กล่าวว่า...

ยอมตายแล้วดรอบของมาแต่แรกก็จบไปแล้ว ทำให้พี่เย่วโมโหเอง ช่วยไม่ได้

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

akekapoj-tee กล่าวว่า...

ขอบคุณมากครับ

chay กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

แสดงความคิดเห็น