วันอังคารที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2562

เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ตอนที่ 791 ความตั้งใจที่ดี


ตอนที่  791  ความตั้งใจที่ดี [webmachine]
หุบเขาพิรุณ
 
เจ้าอ้วนไห่โวยวายใส่นักรบแดนสวรรค์ของกลุ่มทุ่งหิมะลั่น “พวกเจ้าบ้ากันหมดแล้วหรือ ข้าบอกไปแล้วว่าอย่าอัญเชิญอสูร พวกเจ้าโง่ไปแล้วตั้งแต่เมื่อใดกัน?”
ตั้งแต่เข้าหุบเขาพิรุณ เพราะอยู่ในสภาพแวดล้อมที่แตกต่างพวกเขาจึงกลัวการซุ่มโจมตี
ดังนั้นนักรบของกลุ่มทุ่งหิมะและกลุ่มเพลงสงครามจึงเรียกอสูรรบออกมา  และผลก็คือมีอสูรเงาเลียนแบบอสูรอัญเชิญออกมาเช่นกัน อสูรเหล่านี้ดูเหมือนออกมาไม่มีที่สิ้นสุด ทุกครั้งที่ฆ่าไปฝูงหนึ่ง จะมีอีกฝูงหนึ่งออกมาจากเขาวงกตของหุบเขาพิรุณ นักรบจากกลุ่มเขตรกร้างที่แปดได้พูดคุยกับถูไห่และราชาหลิงหวินจึงหลีกเลี่ยงการใช้อสูรพิทักษ์  แต่นักรบของกลุ่มทุ่งหิมะและกลุ่มเพลงสงคราม เพราะเห็นเจ้าอ้วนไห่ที่อ่อนแอทำเป็นเจ้ากี้เจ้าการ จึงไม่มีใครให้ความสนใจ  เป็นผลให้ถูกอสูรเงาถล่มแทบยับเยิน...
ทุกคนในกลุ่มเขตรกร้างที่แปดเห็นเช่นนั้นจึงรีบมาช่วยพูดคุย
ราชาหลิงหวินช่วยพูดรับประกันให้เจ้าอ้วนไห่  “ทุกคน, คำพูดของเสี่ยวไห่เป็นความจริง เขามีข้อมูลมากที่สุด รวมทั้งยังได้รับข่าวว่านักรบแดนทมิฬจะบุกโจมตีมาก่อน  และเขาได้ทราบมาจากหัวหน้าของเขา”
นักรบแดนสวรรค์ทั้งสามกลุ่มรับฟังราชาหลิงหวินและทราบว่าราชาหลิงหวินไม่ได้พูดเอง เป็นแต่ข่าวนี้ทราบจากคนอื่น
ที่ปากทางเข้าหุบเขาพิรุณที่ห่างไกลออกไป  นักรบแดนทมิฬดูเหมือนจะฉลาดมากกว่า  พวกเขาเก็บอสูรอัญเชิญไว้ทั้งหมด
ไม่มีอสูรเงาเข้ามาโจมตีพวกเขาอีก  ผู้นำนักรบที่แข็งแกร่งรีบสั่งการทันทีบวกกับได้ราชาหลิงหวินช่วยรับรองให้เจ้าอ้วนไห่ พวกเขาจึงยอมเชื่อคำพูดของเจ้าอ้วนไห่  แต่โดยฐานะผู้นำนักรบระดับปราณฟ้าและเป็นแม้กระทั่งผู้นำประเทศได้ พวกเขาจะไม่ยอมขอโทษเจ้าอ้วนไห่ นักรบระดับปราณดิน  อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่กล้าแข็งกระด้างมาก  บางทีเพราะเจ้าอ้วนไห่มีข้อมูลหุบเขาพิรุณอยู่มาก  พวกเขาแค่เพียงพยักหน้ารับทราบเล็กน้อย
 “นักรบแดนทมิฬกำลังไล่หลังมา  ทุกคน! มาปรึกษากันก่อน จะเอายังไงกันดี?”  ผู้นำของกลุ่มเขตรกร้างที่แปดหลายคนเห็นพวกเขาป้องกันเจ้าอ้วนไห่และเย่คงและคนอื่นอย่างแข็งขัน ก็มีความคิดอยู่สองประการ หนึ่งป้องกันเหตุไม่คาดฝันมิให้เกิดขึ้นกับกลุ่ม  สอง กังวลว่ากลุ่มทุ่งหิมะ และกลุ่มเพลงสงครามจะชิงชัยชนะไป
 “จะไม่มีผลได้อะไรทั้งนั้นกับการเอาแต่ทะเลาะกันจนถึงที่สุด  ถ้าพวกท่านกลับไปมือเปล่าจากที่นี่ พวกท่านจะพอใจไหม?”  ผู้นำหลายคนของสองกลุ่มตกลงกันว่าพวกเขาจะไม่สู้กับนักสู้แดนทมิฬชั่วคราว  “อย่างนั้นตัวเลือกต่อไปก็คือ ทุกคนยอมฟังคำแนะนำของเสี่ยวไห่เป็นยังไง?”  ราชาหลิงหวินให้โอกาสเจ้าอ้วนไห่และคนอื่น
 “บอกเรามาได้เลย!  ผู้นำของสามกลุ่มนักรบใหญ่มีความหวังเล็กน้อย  เสี่ยวไห่ผู้นี้จะสร้างผลงานได้ดีที่สุดจริงๆ หรือ?
 “หัวหน้าของพวกเราบอกว่าที่นี่เรียกว่า หุบเขาพิรุณ มีพลังกฎสวรรค์คอยจำกัดพลังอยู่ทุกที่  ห้ามบิน ห้ามอัญเชิญ ห้ามฝ่าฝืน มิฉะนั้นจะต้องเจ็บตัวหนัก  ทั่วทั้งหุบเขาพิรุณเป็นเหมือนเขาวงกต เมื่อหลงทางก็ยากจะออกไปได้  ต่อให้พวกท่านเดินออกมาจากเขาวงกตของหุบเขาพิรุณได้ ก็ยังจะมีการทดสอบด่านสุดท้าย... หุบเขาพิรุณเป็นด่านทดสอบแรกที่เรียบง่ายที่สุดในการทดสอบสิบด่าน”  เย่คงยืนขึ้นพูดอย่างสบายๆ เปิดเผยความลับที่ทำให้สามกลุ่มนักรบใหญ่ลอบตกตะลึง  ในกลุ่มนักรบปราณดินนี้มีหัวหน้าผู้ลึกลับและมีความรู้ทุกอย่าง
มองอย่างผิวเผินกลุ่มนี้เป็นนักรบระดับปราณดินที่อ่อนแอที่สุด
แต่พวกเขาเต็มไปด้วยศักยภาพมากและยังมีอายุน้อย
ถ้าให้เวลาพวกเขา พวกเขามิกลายเป็นเจ้าพิภพแดนสวรรค์หรือนี่... หัวหน้าผู้ลึกลับนั้นที่แม้แต่ราชาหลิงหวินก็ยังเคารพและให้เกียรติน่าจะเป็นคนที่น่าเกรงขามมาก เป็นผู้มีศักดิ์ฐานะ เขาเชี่ยวชาญข้อมูลมากมายนักหรือ?
ถ้าเด็กหนุ่มพวกนี้พูดความจริง  พวกเขาคงได้รับคำแนะนำบางอย่างจากหัวหน้าพวกเขา  มีความลับบางอย่างหรือเปล่า?
กลุ่มทุ่งหิมะและกลุ่มเพลงสงครามทั้งสองมองหน้าผู้ของกลุ่มเขตรกร้างที่แปดและยืนร่วมกับกลุ่มนักรบปราณดิน
มองผิวเผินก็คือให้การปกป้อง แต่ถ้ามองให้ลึกซึ้งก็คือป้องกันไม่ให้คนภายนอกใกล้ชิดพวกเขา
ทันใดนั้นผู้นำของทั้งสองกลุ่มปรับเปลี่ยนทัศนคติใหม่ และมองเย่คงนักสู้ปราณดินอย่างให้เกียรติมากขึ้น “ดีมาก, ในเมื่อน้องชายและพวกพ้องรู้จักหุบเขาพิรุณดี  ทั้งหุบเขานี้ก็มีความลึกลับ เอาอย่างนี้เป็นไง เลือกกลุ่มบุกเบิกทาง? ถ้าเป็นไปอย่างราบรื่นข้าและกลุ่มจะต้องตอบแทนแน่นอน”
ถ้าไม่ใช่เพราะผู้นำของกลุ่มเขตรกร้างที่แปดคอยระแวดระวังอยู่ หัวหน้าของอีกสองกลุ่มคงต้องการเข้ามาพูดคุยด้วย
 “ไปกันเถอะ!  เสวี่ยทันหลางเห็นนักรบแดนทมิฬโผล่ให้เห็นในระยะไกล จึงนำกลุ่มวิ่งเข้าไปในส่วนลึกของหุบเขาพิรุณ
ถ้าเขาเป็นนักสู้ปราณดินธรรมดา แต่บังอาจนำหน้านักรบปราณฟ้าระดับราชาหลายคน เขาคงถูกมองอย่างเย็นชาแน่นอน  ตอนนี้ ไม่, ทุกคนยินดีให้เขานำทาง  ที่ไปพร้อมกับเสวี่ยทันหลายยังมีองค์ชายเทียนหลัว พี่น้องตระกูลหลี่และเจ้าอ้วนไห่ เย่คงไล่ตามกันไป
เกือบทุกทางแยก ทั้งหกคนจะคอยสื่อสารกันตลอด
เป็นการสื่อสารกันเฉพาะแบบ
แม้ว่าจะเป็นครั้งแรกที่เข้ามา แต่พวกเขาได้รับสัญญาณจากเย่ว์หยาง ก็เหมือนม้าแก่ที่รู้ทาง... ผู้นำทั้งสามกลุ่มที่ตามอยู่ด้านหลังเขา แต่ละคนคนลอบป้องกันตัวและต่างรู้สึกทึ่ง  แน่นอนว่าเรื่องที่พวกเขาทึ่งไม่ใช่เสวี่ยทันหลาง องค์ชายเทียนหลัว หรือนักสู้ปราณดินผู้อ่อนแอ  แต่เป็นหัวหน้าที่เป็นยอดฝีมือของพวกเขาที่ถ่ายทอดข้อมูลให้พวกเขาอย่างดี!
ใครจะรู้ว่าเขาสามารถรู้ความลับเก่าก่อนของโบราณสถานนี้มาก่อนหรือไม่?
ราชาหลิงหวินและเจ้าเมืองถูไห่ตอนนี้ลอบพอใจ
มีคุณชายสามตระกูลเย่ว์ ดูเหมือนว่าอนาคตของพวกเขาจะไม่มีขีดจำกัด
หอทงเทียน
ชั้นที่สิบ
หมู่เกาะฝนดาวตก ทะเลไร้ขอบเขต
เย่ว์หยางกลับมาที่นี่ นอกจากนี้จักรพรรดินีสมุทรไห่อิงอู่จะไปฝึกฝนยังบันไดสวรรค์ ก็มีมารสัมฤทธิ์ฟ้า จักรพรรดิมังกร จักรพรรดิใต้พิภพและผู้เฒ่าหนานกงผู้กำลังปรับทุกข์เพราะประตูเข้าแดนสวรรค์
 “มีอะไรเปลี่ยนแปลงในแดนสวรรค์บ้างไหม?”  มารสัมฤทธิ์ฟ้าถามคำถามทั่วไป แต่ในใจของเขาต้องการสู้และฆ่า
 “มีของอะไรดีๆ ติดไม้ติดมือมาบ้างไหม?”  สิ่งที่จักรพรรดิมังกรคิดก็คือนึกว่าเย่ว์หยางคิดยาสูตรใหม่ได้ ดังนั้นจึงให้ทุกคนทดลองดู
 “ขออภัย! เรามาสายไปหน่อย!” จอมปีศาจบารุธ ฮาซินและราชาปีศาจอื่นๆ แม้ไม่ได้รับหนังสือเชิญจากเย่ว์หยาง  แต่พวกเขารู้ว่าหนังหน้าพวกเขาหนากว่าธรรมดาอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องให้เย่ว์หยางเปิดเผยพูดคุยโดยตรงก็ได้  อย่างไรก็ตาม ถ้าเป็นพลังที่แท้จริง เย่ว์หยางไม่ชอบเป็นหนี้ผู้คนและไม่ปฏิบัติกับทุกคนอย่างไร้น้ำใจ ทุกคนมักจะได้รางวัลติดมือเล็กๆ น้อยๆ
 “ดีแล้ว พวกท่านมาได้พอดี”  เย่ว์หยางไม่ต้องการเรียกพวกเขา  แต่ครั้งต่อไปอาจต้องใช้คนมาก  ยิ่งมากยิ่งดี
เย่ว์หยางไม่พูดอะไร แค่เปิดประตูเทเลพอร์ตของโลกวารีของบันไดสวรรค์ชั้นหนึ่ง
มารสัมฤทธิ์ฟ้ากับพวกที่เหลือสงสัยกันมาก ไปบันไดสวรรค์ จะทำอะไรกันแน่?
โลกวารีบันไดสวรรค์ชั้นแรกใช้ผนึกหัวหน้าหย่งฮุยในเวลานี้ ทุกคนยอมแพ้  อย่างไรก็ตามการใช้วิธีข่มเหงหย่งฮุยมากเกินไปไม่ใช่เรื่องที่ดี  นอกจากนี้คนผู้นี้เลือกยอมแพ้  แต่เย่ว์หยางยังไม่ว่าง ในที่สุดเขาจึงต้องถูกคุมขังอยู่ในโลกวารีต่อไป 
หลังจากบาดเจ็บหนักเขาต้องซ่อนตัวอยู่ในคัมภีร์อัญเชิญ และปล่อยมารสัมฤทธิ์ฟ้าเฝ้าศพเยี่ยเสี่ยวในจุดที่อยู่ใกล้ๆ และทุกคนถูกโจมตียอมแพ้
เพียงแค่คนผู้นี้ไม่ได้รับการปกป้องจากหย่งฮุย หลังจากต้านทานอยู่หลายวันก็ยอมแพ้
ประกาศยอมแพ้
ตอนนี้เขากำลังรักษาบาดแผล
ไปบันไดสวรรค์ ใครจะคลายผนึกของนักสู้โบราณได้?
ทุกคนคิดเช่นนั้น พวกเขาประหลาดใจเล็กน้อย  คุณชายสามตระกูลเย่ว์เรียกนักรบมารวมกันได้ เขาเป็นใครกัน?
 “ไม่ต้องคิดมากเกินไป ไม่มีใครเคยทำลายผนึกได้ชั่วคราวก่อน!  เย่ว์หยางความทะเยอทะยานของทุกคน เขากวักมือเรียกและไม่ได้พูดถึงบันไดสวรรค์ที่แท้จริง  แต่พูดเกี่ยวกับดินแดนแห่งการฝึกฝนของแดนสวรรค์  “ในแดนสวรรค์นั้นนางพญาเฟ่ยเหวินหลีและจักรพรรดิอวี้เคยไปฝึกฝนในสถานที่นั้นมาแล้ว  แม้ว่าในประวัติศาสตร์จะยังไม่เคยมีใครผ่านได้ถึงสิบด่าน  ขนาดนางพญาเฟ่ยเหวินหลีที่มีฝีมือศักยภาพสูงที่สุดก็ยังผ่านได้เก้าด่าน ... พวกท่านจงไปฝึกที่นั่น  แล้วข้าจะตามไปฝึกที่นั่นเพื่อผ่านด่านด้วยกัน!
 “ดินแดนแห่งการทดสอบหรือ? ก็ดีเหมือนกัน” มารสัมฤทธิ์ฟ้ากลัวว่าจะไม่มีโอกาสท้าทานต่อสู้ และที่น่าสนใจที่สุดก็คือดินแดนแห่งการทดสอบยังไม่มีใครผ่านทุกด่านได้
 “ข้างในนั้นมีนักสู้ที่แข็งแกร่งของแดนสวรรค์มารวมตัวกัน สำหรับพลังของชาวหอทงเทียนของเรา บอกตามตรงเลยว่าข้ามิอาจรับได้เท่าใดนัก” เย่ว์หยางพูดจนทุกคนอดรู้สึกละอายมิได้
ถ้าไม่ใช่เพราะจื้อจุนและจักรพรรดินีราตรีทั้งสองคนนี้โดดเด่นขึ้นมา หอทงเทียนนับว่าตกต่ำเช่นกัน
หลังจากการตายของจักรพรรดิอวี้ ก็ไม่มีนักสู้ที่แข็งแกร่งเป็นพิเศษสามารถฝ่าผนึกเข้าแดนสวรรค์ได้ จนกระทั่งคุณชายสามตระกูลเย่ว์ปรากฏตัว แน่นอนว่าเพราะการปรากฏตัวขึ้นมาของเขา หอทงเทียนจึงรุ่งเรืองขึ้นมาอย่างไม่หยุดยั้ง  อย่าว่าแต่ระดับปราณก่อกำเนิดเลย ระดับปราณราชันย์ก็เริ่มมีคนบรรลุขึ้นมาทีละคนๆ  ถ้าทุกคนยังสามารถก้าวหน้าได้ต่อไปอีก คาดว่าวันที่ชาวหอทงเทียนจะไปโลดแล่นที่แดนสวรรค์คงอยู่อีกไม่ไกล
เย่ว์หยางไม่พูดอะไรมาก แค่โยนวัตถุเงาดำออกมา
เมื่อทุกคนเห็น พวกเขาพบว่าเป็นสัตว์ประหลาดที่คลุ้มคลั่งตนหนึ่ง
วิญญาณของมันพังทลาย แต่ความแข็งแกร่งของมันทำให้ทุกคนประหลาดใจ  นี่ทำให้ดูเหมือนว่าคุณชายสามตระกูลเย่ว์เป็นเจ้านายของสัตว์ประหลาดที่เสียสตินี้ และมันมีพลังปราณฟ้าระดับห้าขั้นสูง!
 “เขาคือผู้อาวุโสของตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ มีผู้อาวุโสอย่างนี้อยู่หลายคนในตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ไม่รู้อีกกี่คน  นอกจากนี้ระดับเหนือพวกเขายังมีรองเจ้าตำหนัก และเจ้าตำหนัก เหนือกว่านั้นไปอีกยังมีเจ้าตำหนักใหญ่ เจ้าตำหนักสูงสุด  แม้แต่ตัวข้าเองก็ยังสงสัยว่ามีระดับเทพในระดับที่สูงขึ้นไป เป็นระดับหนึ่ง  ปกติแล้วบุคคลเช่นนั้นมีอยู่จริง และเรายังไม่สามารถรับมือได้ในตอนนี้  ไม่จำเป็นต้องคิดถึง  ดังนั้นตราบใดที่ทุกคนคิดว่า ถ้าเราพบกับเจ้าตำหนักที่แข็งแกร่งมากกว่าผู้อาวุโสตำหนักกลางนั้นร้อยเท่าในสนามฝึกฝนทดสอบนั้น  นั่นจะดีแค่ไหน!  ข้าไม่สงสัยเลยว่าพวกท่านจะสามารถท้าทายเจ้าตำหนักได้สักวัน  แต่ก่อนอื่นนั้นพวกท่านโค่นคนที่เรียกว่าผู้อาวุโสตำหนักผู้มีร่างเกือบเป็นอมตะนี้ลงให้ได้ต่อหน้าข้าเสียก่อน”  เย่ว์หยางลบสนามพลังสร้างโลกที่ใช้โค่นผู้อาวุโสตำหนักซึ่งวิกลจริตไปแล้ว ผู้อาวุโสตำหนักพอรู้สึกตัวว่ามีนักสู้ฝ่ายศัตรูล้อมไว้ทั้งหมด ก็แตกตื่นตกใจร้องและปลดปล่อยพลังทันที
พลังปราณฟ้าระดับห้าชั้นสูงระเบิดออกทันที  แข็งแกร่งจนมารสัมฤทธิ์ฟ้าถูกพลังกระแทกถอยหลังไปถึงร้อยเมตร
ทุกคนสีหน้าเปลี่ยนไป
ผู้อาวุโสตำหนักกลางยังมีพลังสูงถึงระดับนี้ ไม่ต้องพูดถึงเจ้าตำหนักเลย ย่อมมีพลังมากกว่าคนเสียสติผู้นี้ถึงร้อยเท่า... จุดที่สำคัญที่สุดก็คือ ผู้อาวุโสตำหนักนี้ ยกเว้นอสูรที่เขาผสานร่างเข้าเป็นหนึ่งเดียวแล้วไม่ยอมให้เย่ว์หยางปลดมันออกไป เขาไม่มีอสูรอื่น  ถ้ามันทรงพลังมากกว่าเขา ในการครอบครองคัมภีร์อัญเชิญ สำนึกปราณราชันย์และอสูรพิทักษ์ที่ช่วยสนับสนุนพลัง จะแข็งแกร่งมากเพียงไหน? นั่นเป็นเรื่องที่นึกภาพไม่ออก!
 “ตกลง, การฝึกฝนที่ท้าทาย ก็เริ่มจากคนวิกลจริตของเจ้า!  มารสัมฤทธิ์ฟ้ารู้จักเย่ว์หยางดีที่สุด  เขาเอาผู้อาวุโสตำหนักกลางกลับมาจากแดนสวรรค์แทนที่จะฆ่าคนวิกลจริตนี้  เย่ว์หยางตั้งใจดีเช่นกัน
นี่คือโอกาสให้ทุกคนได้ฝึกฝนและเสริมสร้างประสบการณ์
ถ้าได้แรงกดดันจากภายนอกที่น่ากลัวเช่นนั้น การฝึกฝนของทุกคนจะต้องไม่ช้าแน่
มารสัมฤทธิ์ฟ้า จักรพรรดิมังกร จักรพรรดิใต้พิภพและคนอื่นล้วนยกระดับพลังทุกคน  และจะต้องทุ่มเทพลังล้อมผู้อาวุโสตำหนักผู้ถูกสนามพลังสร้างโลกทรมานจนเสียสติ  แต่เย่ว์หยางปลีกตัวเหาะออกมาและรับตัวไห่หลาน เซี่ยอีและราชันย์ปีศาจใต้และกลับไปรับหลิวเย่และเป่าเอ๋อพาไปที่ประตูเข้าบันไดสวรรค์ของแท้
ยังมีการฝึกฝนที่แตกต่างรอพวกเขาอยู่....

10 ความคิดเห็น:

oBABYVOXo กล่าวว่า...

ไห่หลานนี่คนไหนก็หว่า เซี่ยอีนี่จำได้ แหม จับมาให้คนอื่นรุมตีเพื่อฝึกฝน 555++

Ammz กล่าวว่า...

ไห่หลาน ราชินีสมุทรไง

Yukio กล่าวว่า...

ถ้าจำไม่ผิดก็ไห่อิงอู๋นั่นแหละไหหลานน่าจะเป็นชื่อจริงเพราะเป็นลูกสาวจักรพรรดิสมุทรกวนหลาน

krisda กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Boybravo กล่าวว่า...

ขอบคุณค่ะ

sarinnan กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Lex กล่าวว่า...

ไห่หลาน = ไห่อิงอู่
ไห่หลานเป็นชื่อจริงที่ราชินีแมงกระพรุนตั้งให่แต่แรก ส่วนไห่อิงอู่ เป็นชื่อที่ใช้หลบซ่อนว่าเป็นลูกของจักรพรรดิ์สมุทร

akekapoj-tee กล่าวว่า...

ขอบคุณมากครับ

chay กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

แสดงความคิดเห็น