วันเสาร์ที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2562

เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ตอนที่ 795 ความสงสัยของเย่ว์หวี่


ตอนที่  795  ความสงสัยของเย่ว์หวี่
สามวันต่อมาเมื่อเย่ว์หยางและเสวี่ยอู๋เสียและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนไต่ระดับบันไดสวรรค์ครั้งที่สาม พวกเขาพบว่าจักรพรรดินีราตรีไม่ทราบว่าลงมารอพวกเขาตั้งแต่เมื่อไหร่
 
 “ดูเหมือนว่าพวกเจ้าจะได้พบกับความลับของบันไดสวรรค์แล้ว... ได้ผลเก็บเกี่ยวอะไรมาบ้าง? ว่าไง? นี่ต้องบอกว่าเป็นชะตา จะกำหนดแน่นอนลงไปก็คงไม่ได้  ตราบใดที่สงบจิตใจฝึกฝนตามเส้นทางของตนเอง รางวัลที่เราได้รับตกทอดจากผู้อาวุโสรุ่นก่อนนั่นก็คือมรดกจากบันไดสวรรค์ เมื่อเรามีความแข็งแกร่งพอในระดับหนึ่ง หรือบางครั้งที่เราต้องจากลาไป ข้าก็ยังสามารถทิ้งเงาจิตสำนึกศักดิ์สิทธิ์ไว้ที่นี่ คอยให้คำแนะนำเล็กๆ น้อยๆ แก่ผู้เยาว์ในอนาคต!  นางพญาเฟ่ยเหวินหลี จักรพรรดิอวี้ ไหโหย่วเชียนเย่ เทียนหลุน อู๋เส้อนักสู้รุ่นอาวุโสได้ทิ้งเงาจิตสำนึกศักดิ์สิทธิ์ไว้ในบันไดสวรรค์แห่งนี้ ซึ่งเราก็ยังไม่รู้ว่าอยู่ตรงที่ใดบ้าง  พวกเจ้าได้ผลเก็บเกี่ยวอะไรบ้าง? ช่วยบอกให้ข้าร่วมยินดีด้วย!
 “คนที่พบเจอคนแรกเลยก็คือปิงเอ๋อ นางเอาชนะและได้รับมุกมายาฟ้า...” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเล่าถึงรายละเอียดผลเก็บเกี่ยวของแต่ละคน
 “อาหมันเลื่อนเป็นเทพขุนพลด้วยหรือนี่? พลังศักดิ์สิทธิ์เสาห้าธาตุศักดิ์สิทธิ์ ธาตุดิน? นี่ทำให้ข้าทึ่งจริงๆ  ข้ายังคงคิดว่านี่ต้องเป็นรางวัลระดับขั้นที่ห้าแสนขึ้นไปเสียอีก!” จักรพรรดินีราตรียินดีอย่างที่สุดเมื่อได้ยินว่าอาหมันเลื่อนชั้นเป็นเทพขุนพลธาตุดิน เรื่องนี้ทำให้นางทึ่งอย่างอธิบายไม่ถูก
 “แต่น่าเสียดายที่ระดับปัจจุบันของอาหมัน คงแสดงฤทธิ์เทพขุนพลธาตุดินได้ไม่เกินหนึ่งในร้อย!” เย่ว์หยางถอนหายใจเสียดาย
 “ไม่เป็นไร, นี่นับเป็นโชคของอาหมันแล้ว เปลี่ยนเป็นคนอื่น เจ้าจะไม่สามารถต้านทานพลังเทพของขุนพลเทพธาตุดินได้!  นอกจากนี้ต่อให้อาหมันแสดงพลังเทพได้เพียงหนึ่งในร้อย  แต่นั่นก็ยังเป็นพลังที่ไม่ธรรมดาอยู่ดี!  นั่นคือพลังเทพ  พลังเทพกับพลังธรรมดาแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง!  จักรพรรดินีราตรีได้ยินแล้ว นางหัวเราะอย่างไม่เบื่อ และปลอบใจเย่ว์หยางไปด้วย
 “จื้อจุนกับท่านได้ผลเก็บเกี่ยวในชั้นบนบ้างไหม?”  เสวี่ยอู๋เสียถาม
 “ผู้พิทักษ์ชั้นที่เจ็ดหมื่น แปดหมื่นและเก้าหมื่นยอมรับข้าในระดับสูงสุด แต่ได้ผลเก็บเกี่ยวเพียงเล็กน้อย ชั้นที่แสนและแสนห้าจื้อจุนก็ได้รับประโยชน์ไปอีกครั้ง ตอนนี้นางบุกไปถึงขั้นที่สองแสน  จากการรบกับเผ่าเก้าแสง จักรพรรดินีฟ้า ระดับพลังของจื้อจุนเพิ่มขึ้นอีกมาก เป้าหมายที่ตั้งไว้ก่อนนั้นขั้นที่สองแสนดูเหมือนว่าจะไม่ใช่เรื่องที่ยากมากเสียแล้ว  ระดับปัจจุบันของนางตั้งเป้าหมายไว้ที่ชั้นที่ห้าแสน ถ้าได้ความร่วมมือจากเย่ว์หยางน้อย ข้าคาดว่านางอาจบุกไปถึงขั้นที่ล้านภายในหนึ่งปีก็ยังได้  พื้นฐานก็คือนางกับเย่ว์หยางน้อยมีคัมภีร์อัญเชิญชั้นศักดิ์สิทธิ์ จะทำให้ควบคุมเครื่องมือชั้นเทพได้สำเร็จ!
คำพูดของจักรพรรดินีราตรีทำให้เย่ว์หยาง เสวี่ยอู๋เสียและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนต้องตกใจกันทั้งสามคน
ทุกคนรู้ว่าจื้อจุนมีความก้าวหน้าในตอนสู้กับจักรพรรดินีฟ้า
แต่ไม่มีใครเคยคิด
ว่านางจะก้าวหน้ามากขนาดนี้
เป้าหมายก่อนนั้นก็คือบันไดสวรรค์ขั้นที่สองแสน  หากดูเหมือนว่าจักรพรรดินีราตรีพูดว่าไม่มีความยากมากในชั้นต่อๆ ไป  ระดับปัจจุบันของจื้อจุนยังไปได้ขอบเขตขนาดไหน? นางสามารถบุกเดี่ยวไปถึงขั้นที่สามแสน หรือว่าขั้นที่สี่แสน?
เมื่อนางยังเห็นว่าทั้งสามคนยังคลางแคลงใจ จักรพรรดินีราตรีหัวเราะเสียงเหมือนระฆังเงินนุ่มนวลราวกับสายลม “พวกเจ้าเด็กน้อย พวกเจ้าก้าวหน้าเติบโตได้ คนอื่นไม่สามารถก้าวหน้าได้หรือ?  พวกเจ้าฉลาดเกินกว่าที่พวกเจ้ารู้ตัว และพวกเจ้าไปได้ครั้งละสิบขั้น  แต่เราไม่สามารถก้าวไปได้สักขั้นหรือไง?”
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนรีบโบกมือ “นั่นต่างกัน ก้าวย่างของท่าน ก้าวเดียวก็ไปได้มากกว่าสิบขั้น ในขอบเขตของท่านทุกย่างก้าวล้วนแต่เปลี่ยนแปลงสะเทือนถึงฟ้าดิน!
จักรพรรดินีราตรีมีความสุข  “ไม่ต้องมาประจบ  เรารู้ตัวเองดี”
เย่ว์หยางเมื่อได้ยินว่าจักรพรรดินีราตรีไม่ยินดีพูดถึงขอบเขตการฝึกฝนมากเกินไป เขารีบเปลี่ยนหัวข้อถาม “จื้อจุนตั้งใจว่าให้ข้าตามไปให้ทันที่แสนขั้นหรือสองแสนขั้นหรือ? ท่านคิดว่าตอนนี้ข้าสามารถไต่ระดับไปถึงขั้นสองแสนได้หรือ?  อย่าว่าแต่สองแสนเลย  ขั้นที่แสนข้าคิดว่าแค่นี้ก็เต็มกลืนแล้ว!
จักรพรรดินีราตรีรอเขาพูดจบ จึงพูดปลอบอย่างอารมณ์ดี “เราทุกคนรู้ว่าเจ้ากังวล แต่การฝึกฝนจะกังวลมากไปไม่ได้!
เสวี่ยอู๋เสียตาเป็นประกาย และพูดด้วยความประหลาดใจ “ท่านช่วยให้เขาบรรลุผ่านไปได้ไหม?”
เสียงเรียกที่ตื่นเต้นของนาง ทำให้เย่ว์หยางและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนตอบสนองทันที
ทุกคนมองมาทางจักรพรรดินีราตรีอย่างคาดหวัง
จักรพรรดินีราตรียังไม่เอ่ยปาก ดูเหมือนนางลังเลเล็กน้อยเหมือนกับจะเรียบเรียงคำพูด เวลาผ่านไปเล็กน้อยนางพูดเสียงไพเราะ “ในการสร้างความก้าวหน้าของเรา เราไม่อาจกังวลได้  เราต้องเลือกอย่างเหมาะสม.... เสี่ยวหยาง! จุดก้าวหน้าของเจ้าไม่ใช่อย่างอื่น แต่เป็นการต่อสู้!  เจ้ายังไม่ควรใช้บันไดสวรรค์สำหรับฝึกฝนในเวลานี้ก่อน แต่ควรต่อสู้กับศัตรู ประการแรกคือกระตุ้นศักยภาพที่ยังอยู่ในระดับต่ำของเจ้า เมื่อศักยภาพที่ต่ำของเจ้าได้รับการกระตุ้นต่อเนื่องจนกระทั่งมีผลสำเร็จ เจ้าจะบรรลุระดับปราณราชันย์ได้จริงๆ!  ไม่ต้องห่วง  ระดับนี้จะเป็นระดับบรรลุตามธรรมชาติของเจ้า เจ้าไม่ต้องได้ปัจจัยและเงื่อนไขพิเศษ เจ้าเพียงแค่สู้ต่อไปและปรับสภาวจิตใจของเจ้าให้มีความพร้อมเต็มที่!
เย่ว์หยางคิดอยู่ชั่วขณะหนึ่ง  “ท่านจะให้ข้ากลับไปแดนสวรรค์ใช่ไหม?”
 “ถูกแล้ว การฝึกของเจ้าที่นี่ ไม่มีอะไรที่ไม่ดี แต่เพราะมีเจ้าอยู่ด้วย ทุกคนจะทำได้ไม่ดีที่สุด  มีเจ้าอยู่ที่นี่ ทุกคนกลัวว่าเจ้าจะกังวลไม่กล้าท้าทายขีดจำกัดตัวเอง! แต่ถ้าเจ้าอยู่ในแดนสวรรค์และบรรลุระดับปราณราชันย์ได้ จึงค่อยกลับมาที่นี่อีกแล้วฝึกกับข้ากับจื้อจุนด้วย นั่นจะไม่มีปัญหา เราจะพยายามไต่ไปที่ระดับห้าแสน.. ถ้าเจ้าอยู่สู้ในแดนสวรรค์ และยังไม่บรรลุระดับปราณราชันย์  ข้าไม่รู้ว่าจะเรียกว่าเป็นงานทางการได้หรือเปล่า.. เจ้าจงกลับไปวังเทียนหลัวตามหาอาเซียน (แม่สี่) ถามนางว่านางต้องการให้พาไปที่โลกคัมภีร์เทพไหม บางทีนางอาจช่วยให้เจ้าทำสัญญากับคัมภีร์เทพได้!
 “หา, แม่สี่น่ะหรือ?”  เย่ว์หยางตกใจหลังจากได้ยินเช่นนั้น
 “ข้าคาดเดาแค่นี้ และยังไม่แน่ใจเต็มร้อย นอกจากนี้ถ้าเจ้าบรรลุพลังปราณราชันย์ด้วยตนเอง จงอย่าใช้คัมภีร์เทพนี้ คัมภีร์เทพไม่ง่ายกับการทำสัญญา ต่อให้เจ้าทำสัญญาได้ เจ้าก็ยังใช้ไม่ได้ในตอนนี้  แต่เจ้าจะได้รับผลกระทบจากคัมภีร์”  จักรพรรดินีราตรีชะงักเล็กน้อยและพูดต่อสองสามคำ ในที่สุดไม่รอให้เย่ว์หยางและเสวี่ยอู๋เสียหายตกใจ นางลอยหายไปกับสายลม
แม่สี่มีหน้าที่ให้เย่ว์หยางทำสัญญากับคัมภีร์เทพอย่างนั้นหรือ?
ข่าวนี้น่าตกใจมากกว่าการหลอมรวมกับพลังศักดิ์สิทธิ์ห้าธาตุของอาหมันและกลายเป็นขุนเทพธาตุดิน!
แม่สี่และพี่สาวนางมีที่มายังไงกันแน่  ทำไมถึงมีพลังลึกลับมากนัก ทั้งยังคลุมเครือ?
เย่ว์หยางคิดถึงความเป็นไปได้อย่างหนึ่ง แม่สี่ในตอนนี้มีวิธีติดต่อพี่สาวของนางใช่หรือไม่?  พี่สาวแม่สี่เป็นสตรีที่ลึกลับที่สุดในหอทงเทียน เป็นสตรีคนเดียวที่สามารถเข้าแดนล่มสลายแห่งทวยเทพ
นางยังอยู่ในแดนล่มสลายแห่งทวยเทพ?
หรือว่าบันไดล้านขั้นเป็นระดับการฝึกของนักสู้ปราณฟ้าหรือไม่?
เสวี่ยอู๋เสียรู้สึกตัวไวที่สุด นางลูบหลังเย่ว์หยางอย่างนุ่มนวล “อย่าคิดมากไปเลย แม่สี่, ไม่ว่าจะเป็นยังไงก็ตาม ข้าหวังว่าเราจะต้องก้าวหน้าไปอย่างดีที่สุด”
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนยังคงพยักหน้ายืนยันรับรองเสวี่ยอู๋เสียและกล่าว “นี่, เราทั้งสองจะอยู่กับเจ้าจะไปฝึกที่แดนสวรรค์พร้อมกับเจ้า รอให้บรรลุระดับปราณราชันย์ด้วยกัน จากนั้นค่อยกลับไปวังเทียนหลัวด้วยกัน ตามหาแม่สี่และไปที่โลกคัมภีร์เทพด้วยกัน ถ้าเราสามารถใช้คัมภีร์เทพได้ อย่างนั้นก็ทำสัญญา ถ้าทำสัญญาไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ข้าเชื่อว่าคัมภีร์ของเจ้าต่อไปจะกลายเป็นคัมภีร์เทพได้แน่นอน!
 “ก็ได้!  เย่ว์หยางลอบปาดเหงื่อ ความจริงเขามีคัมภีร์เทพอยู่เล่มหนึ่งแล้ว แต่เขายังใช้ไม่ได้
ปัจจุบันนี้มีทั้งคัมภีร์เพชร ของคัมภีร์เทพ
เป็นไปได้หรือที่จะทำสัญญากับกฎเทพดั้งเดิม?
คำตอบนี้ เย่ว์หยางไม่สามารถหาได้!
เนื่องจากแนวความคิดที่ว่าน้ำกับน้ำมันไม่สามารถเข้ากันได้ เย่ว์หยางคิดในใจว่าถ้าเขาไม่สามารถทำสัญญากับคัมภีร์เทพได้ เขาจะไม่ปล่อยให้คนอื่นทำสัญญา  แม่สี่และเสวี่ยอู๋เสียหรือองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนถ้าสามารถทำสัญญาได้ ก็ควรให้นางทำสัญญา!   หรืออย่างแย่จริงๆ ก็ช่วยนางพญาเฟ่ยเหวินหลีออกมาจากผนึกหลุมดำแล้วให้นางทำสัญญากับคัมภีร์เทพ....
ต้องรู้ไว้ก่อนว่าคัมภีร์เทพมีเพียงสิบเล่ม!
ในแดนสวรรค์ อย่าว่าแต่คัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์และคัมภีร์เทพเลย แค่คัมภีร์ชั้นเพชรก็ยากจะเห็นได้  แค่มีคัมภีร์แพลตตินัม หรือคัมภีร์ทองของนักรบแดนสวรรค์เท่านั้น! ดังนั้นของดีๆ อย่างคัมภีร์เทพจะมอบให้คนอื่นได้หรือ?
ถ้าเย่ว์หยางสามารถทำสัญญากับคัมภีร์เทพได้  ตามความคิดของเขากฎเทพดั้งเดิมในการทำสัญญา ก็ถือว่าไม่มากเกินไป
เมื่อไม่สามารถทำสัญญาได้หลายเล่ม อย่างนั้นหลอมรวมกันก็พอเป็นไปได้...
อย่างไรก็ตาม คัมภีร์เทพที่มากอย่างนี้ เขาต้องครอบครองให้เต็มที่ ไม่อาจปล่อยให้คนอื่นได้  คัมภีร์เทพเป็นเครื่องมือเทพเจ้าที่ดีที่สุด ภายในมีอสูรเทพเป็นอสูรพิทักษ์ ทักษะแฝงเร้นระดับเทพ มีสนามพลังและสำนึกศักดิ์สิทธิ์ที่ไร้เทียมทาน มีพลังเทพและประกายเทพ สิ่งนั้นถ้าตกไปอยู่ในเงื้อมมือศัตรูคงไม่ใช่เรื่องดี
หลังจากเย่ว์หยางและเสวี่ยอู๋เสียและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนตัดสินใจแล้ว พวกเขากลับไปยังแดนสวรรค์และเข้าไปในดินแดนฝึกฝน และได้เวลาสู้กับพวกตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์
จุดพักขั้นที่สี่ร้อย
เย่ว์หวี่และอู๋เหินกลับไปเริ่มต้นครั้งที่เก้า และมองดูหลิวเย่กำลังทดสอบกับเงาจิตสำนึกศักดิ์สิทธิ์ มนุษย์หมอก
มนุษย์หมอกอยู่ในกลุ่มหมอกขาว หลิวเย่ทุ่มเทสู้ทั้งด้วยแรงกายและแรงใจจนแทบหมดแรง ถ้าไม่ใช่เพราะประสบการณ์ที่ฝึกฝนอย่างเข้มงวดกับเย่ว์หยางมายาวนาน ในการไต่บันไดสวรรค์ยิ่งสิ้นเปลืองแรงมากมายอยู่แล้ว หลิวเย่คงไม่มีแรงยืนหยัดอยู่ได้ มนุษย์หมอกในขั้นที่สี่ร้อยยากจะเอาชนะได้ มันไม่ได้มีร่างที่มองเห็นเป็นพิเศษ เป็นเพียงกลุ่มหมอกหนา แต่เปลี่ยนแปลงได้ดังใจบางครั้งเปลี่ยนแปลงเป็นรูปมนุษย์ บางครั้งก็เป็นอาวุธ และเริ่มโจมตีติดตาม  ถ้าไม่ใช่เพราะกวางทะลุมิติเคลื่อนไหวได้เร็ว นอกจากนี้หลิวเย่ยังเทเลพอร์ตบ่อยครั้งในช่วงเวลาวิกฤติหลบพ้นอันตรายได้ มิฉะนั้นนางคงโดนมนุษย์หมอกและเคียวหมองฟันเข้าที่เอวไปแล้ว
 “ฟื้นฟูกำลังเข้า ข้าไม่สามารถบอกจุดอ่อนของมันให้เจ้าได้  เจ้าต้องเอาชนะมันด้วยตัวเจ้าเอง  แล้วจึงจะได้รับการยอมรับอย่างบริบูรณ์ รางวัลชั้นที่สี่ร้อยยังไม่มีใครได้ไป  บางทีอาจเป็นของเจ้าก็ได้ เจ้าต้องพยายามให้ได้!  เย่ว์หวี่ใช้ความสามารถมากมายจึงเอาชนะมนุษย์หมอกได้ นางอดห่วงกังวลหลิวเย่ไม่ได้
 “ข้าทราบ” หลิวเย่เสียสมาธิกับการตอบ แทบทำให้มนุษย์หมอกฟันใส่นางได้  นางตกใจเทเลพอร์ตถอยห่างออกไปร้อยเมตรพร้อมกับกวางทะลุมิติ
สายรัดศีรษะของนางถูกหมอกเคียวฟันขาด
ปลิวในอากาศ
เย่ว์หวี่มองดูหลิวเย่ไต่ชั้นสี่ร้อย ดูเหมือนนางจะมีความแข็งแกร่งเล็กน้อย
หลิวเย่นี้ไม่มีพลังโจมตีแน่นอน
หือ?
ขณะที่เย่ว์หวี่กำลังกระวนกระวาย ทันใดนั้นนางมองเห็นเสื้อคลุมที่ถูกเคียวหมอกฟันขาดปรากฏจี้ทองเป็นประกาย? จี้ทองเล็กๆ นั้นดูคุ้นตา ยิ่งนัก?

7 ความคิดเห็น:

Numton กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Unknown กล่าวว่า...

ใกล้จะได้รู้ความจริงแล้ว

นักอ่านนิรนาม กล่าวว่า...

เอาจริง ๆ ก็น่าจะเดาได้ละนะ

Boybravo กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

sarinnan กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

chay กล่าวว่า...

ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว

แสดงความคิดเห็น