ตอนที่ 795 ความสงสัยของเย่ว์หวี่
สามวันต่อมาเมื่อเย่ว์หยางและเสวี่ยอู๋เสียและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนไต่ระดับบันไดสวรรค์ครั้งที่สาม
พวกเขาพบว่าจักรพรรดินีราตรีไม่ทราบว่าลงมารอพวกเขาตั้งแต่เมื่อไหร่
“ดูเหมือนว่าพวกเจ้าจะได้พบกับความลับของบันไดสวรรค์แล้ว...
ได้ผลเก็บเกี่ยวอะไรมาบ้าง? ว่าไง? นี่ต้องบอกว่าเป็นชะตา จะกำหนดแน่นอนลงไปก็คงไม่ได้ ตราบใดที่สงบจิตใจฝึกฝนตามเส้นทางของตนเอง
รางวัลที่เราได้รับตกทอดจากผู้อาวุโสรุ่นก่อนนั่นก็คือมรดกจากบันไดสวรรค์ เมื่อเรามีความแข็งแกร่งพอในระดับหนึ่ง
หรือบางครั้งที่เราต้องจากลาไป
ข้าก็ยังสามารถทิ้งเงาจิตสำนึกศักดิ์สิทธิ์ไว้ที่นี่ คอยให้คำแนะนำเล็กๆ น้อยๆ
แก่ผู้เยาว์ในอนาคต! นางพญาเฟ่ยเหวินหลี จักรพรรดิอวี้ ไหโหย่วเชียนเย่
เทียนหลุน อู๋เส้อนักสู้รุ่นอาวุโสได้ทิ้งเงาจิตสำนึกศักดิ์สิทธิ์ไว้ในบันไดสวรรค์แห่งนี้
ซึ่งเราก็ยังไม่รู้ว่าอยู่ตรงที่ใดบ้าง
พวกเจ้าได้ผลเก็บเกี่ยวอะไรบ้าง? ช่วยบอกให้ข้าร่วมยินดีด้วย!”
“คนที่พบเจอคนแรกเลยก็คือปิงเอ๋อ
นางเอาชนะและได้รับมุกมายาฟ้า...”
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเล่าถึงรายละเอียดผลเก็บเกี่ยวของแต่ละคน
“อาหมันเลื่อนเป็นเทพขุนพลด้วยหรือนี่?
พลังศักดิ์สิทธิ์เสาห้าธาตุศักดิ์สิทธิ์ ธาตุดิน? นี่ทำให้ข้าทึ่งจริงๆ
ข้ายังคงคิดว่านี่ต้องเป็นรางวัลระดับขั้นที่ห้าแสนขึ้นไปเสียอีก!” จักรพรรดินีราตรียินดีอย่างที่สุดเมื่อได้ยินว่าอาหมันเลื่อนชั้นเป็นเทพขุนพลธาตุดิน
เรื่องนี้ทำให้นางทึ่งอย่างอธิบายไม่ถูก
“แต่น่าเสียดายที่ระดับปัจจุบันของอาหมัน
คงแสดงฤทธิ์เทพขุนพลธาตุดินได้ไม่เกินหนึ่งในร้อย!”
เย่ว์หยางถอนหายใจเสียดาย
“ไม่เป็นไร, นี่นับเป็นโชคของอาหมันแล้ว
เปลี่ยนเป็นคนอื่น เจ้าจะไม่สามารถต้านทานพลังเทพของขุนพลเทพธาตุดินได้! นอกจากนี้ต่อให้อาหมันแสดงพลังเทพได้เพียงหนึ่งในร้อย แต่นั่นก็ยังเป็นพลังที่ไม่ธรรมดาอยู่ดี! นั่นคือพลังเทพ พลังเทพกับพลังธรรมดาแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง!” จักรพรรดินีราตรีได้ยินแล้ว
นางหัวเราะอย่างไม่เบื่อ และปลอบใจเย่ว์หยางไปด้วย
“จื้อจุนกับท่านได้ผลเก็บเกี่ยวในชั้นบนบ้างไหม?” เสวี่ยอู๋เสียถาม
“ผู้พิทักษ์ชั้นที่เจ็ดหมื่น
แปดหมื่นและเก้าหมื่นยอมรับข้าในระดับสูงสุด แต่ได้ผลเก็บเกี่ยวเพียงเล็กน้อย
ชั้นที่แสนและแสนห้าจื้อจุนก็ได้รับประโยชน์ไปอีกครั้ง
ตอนนี้นางบุกไปถึงขั้นที่สองแสน
จากการรบกับเผ่าเก้าแสง จักรพรรดินีฟ้า ระดับพลังของจื้อจุนเพิ่มขึ้นอีกมาก
เป้าหมายที่ตั้งไว้ก่อนนั้นขั้นที่สองแสนดูเหมือนว่าจะไม่ใช่เรื่องที่ยากมากเสียแล้ว
ระดับปัจจุบันของนางตั้งเป้าหมายไว้ที่ชั้นที่ห้าแสน ถ้าได้ความร่วมมือจากเย่ว์หยางน้อย
ข้าคาดว่านางอาจบุกไปถึงขั้นที่ล้านภายในหนึ่งปีก็ยังได้ พื้นฐานก็คือนางกับเย่ว์หยางน้อยมีคัมภีร์อัญเชิญชั้นศักดิ์สิทธิ์
จะทำให้ควบคุมเครื่องมือชั้นเทพได้สำเร็จ!”
คำพูดของจักรพรรดินีราตรีทำให้เย่ว์หยาง
เสวี่ยอู๋เสียและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนต้องตกใจกันทั้งสามคน
ทุกคนรู้ว่าจื้อจุนมีความก้าวหน้าในตอนสู้กับจักรพรรดินีฟ้า
แต่ไม่มีใครเคยคิด
ว่านางจะก้าวหน้ามากขนาดนี้
เป้าหมายก่อนนั้นก็คือบันไดสวรรค์ขั้นที่สองแสน หากดูเหมือนว่าจักรพรรดินีราตรีพูดว่าไม่มีความยากมากในชั้นต่อๆ
ไป
ระดับปัจจุบันของจื้อจุนยังไปได้ขอบเขตขนาดไหน?
นางสามารถบุกเดี่ยวไปถึงขั้นที่สามแสน หรือว่าขั้นที่สี่แสน?
เมื่อนางยังเห็นว่าทั้งสามคนยังคลางแคลงใจ
จักรพรรดินีราตรีหัวเราะเสียงเหมือนระฆังเงินนุ่มนวลราวกับสายลม “พวกเจ้าเด็กน้อย
พวกเจ้าก้าวหน้าเติบโตได้ คนอื่นไม่สามารถก้าวหน้าได้หรือ? พวกเจ้าฉลาดเกินกว่าที่พวกเจ้ารู้ตัว
และพวกเจ้าไปได้ครั้งละสิบขั้น แต่เราไม่สามารถก้าวไปได้สักขั้นหรือไง?”
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนรีบโบกมือ “นั่นต่างกัน ก้าวย่างของท่าน
ก้าวเดียวก็ไปได้มากกว่าสิบขั้น ในขอบเขตของท่านทุกย่างก้าวล้วนแต่เปลี่ยนแปลงสะเทือนถึงฟ้าดิน!”
จักรพรรดินีราตรีมีความสุข
“ไม่ต้องมาประจบ เรารู้ตัวเองดี”
เย่ว์หยางเมื่อได้ยินว่าจักรพรรดินีราตรีไม่ยินดีพูดถึงขอบเขตการฝึกฝนมากเกินไป
เขารีบเปลี่ยนหัวข้อถาม
“จื้อจุนตั้งใจว่าให้ข้าตามไปให้ทันที่แสนขั้นหรือสองแสนขั้นหรือ?
ท่านคิดว่าตอนนี้ข้าสามารถไต่ระดับไปถึงขั้นสองแสนได้หรือ? อย่าว่าแต่สองแสนเลย ขั้นที่แสนข้าคิดว่าแค่นี้ก็เต็มกลืนแล้ว!”
จักรพรรดินีราตรีรอเขาพูดจบ จึงพูดปลอบอย่างอารมณ์ดี
“เราทุกคนรู้ว่าเจ้ากังวล แต่การฝึกฝนจะกังวลมากไปไม่ได้!”
เสวี่ยอู๋เสียตาเป็นประกาย และพูดด้วยความประหลาดใจ
“ท่านช่วยให้เขาบรรลุผ่านไปได้ไหม?”
เสียงเรียกที่ตื่นเต้นของนาง
ทำให้เย่ว์หยางและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนตอบสนองทันที
ทุกคนมองมาทางจักรพรรดินีราตรีอย่างคาดหวัง
จักรพรรดินีราตรียังไม่เอ่ยปาก
ดูเหมือนนางลังเลเล็กน้อยเหมือนกับจะเรียบเรียงคำพูด
เวลาผ่านไปเล็กน้อยนางพูดเสียงไพเราะ “ในการสร้างความก้าวหน้าของเรา
เราไม่อาจกังวลได้
เราต้องเลือกอย่างเหมาะสม.... เสี่ยวหยาง! จุดก้าวหน้าของเจ้าไม่ใช่อย่างอื่น
แต่เป็นการต่อสู้!
เจ้ายังไม่ควรใช้บันไดสวรรค์สำหรับฝึกฝนในเวลานี้ก่อน แต่ควรต่อสู้กับศัตรู
ประการแรกคือกระตุ้นศักยภาพที่ยังอยู่ในระดับต่ำของเจ้า
เมื่อศักยภาพที่ต่ำของเจ้าได้รับการกระตุ้นต่อเนื่องจนกระทั่งมีผลสำเร็จ
เจ้าจะบรรลุระดับปราณราชันย์ได้จริงๆ! ไม่ต้องห่วง
ระดับนี้จะเป็นระดับบรรลุตามธรรมชาติของเจ้า
เจ้าไม่ต้องได้ปัจจัยและเงื่อนไขพิเศษ
เจ้าเพียงแค่สู้ต่อไปและปรับสภาวจิตใจของเจ้าให้มีความพร้อมเต็มที่!”
เย่ว์หยางคิดอยู่ชั่วขณะหนึ่ง “ท่านจะให้ข้ากลับไปแดนสวรรค์ใช่ไหม?”
“ถูกแล้ว การฝึกของเจ้าที่นี่ ไม่มีอะไรที่ไม่ดี
แต่เพราะมีเจ้าอยู่ด้วย ทุกคนจะทำได้ไม่ดีที่สุด
มีเจ้าอยู่ที่นี่ ทุกคนกลัวว่าเจ้าจะกังวลไม่กล้าท้าทายขีดจำกัดตัวเอง! แต่ถ้าเจ้าอยู่ในแดนสวรรค์และบรรลุระดับปราณราชันย์ได้
จึงค่อยกลับมาที่นี่อีกแล้วฝึกกับข้ากับจื้อจุนด้วย นั่นจะไม่มีปัญหา
เราจะพยายามไต่ไปที่ระดับห้าแสน.. ถ้าเจ้าอยู่สู้ในแดนสวรรค์
และยังไม่บรรลุระดับปราณราชันย์
ข้าไม่รู้ว่าจะเรียกว่าเป็นงานทางการได้หรือเปล่า..
เจ้าจงกลับไปวังเทียนหลัวตามหาอาเซียน (แม่สี่) ถามนางว่านางต้องการให้พาไปที่โลกคัมภีร์เทพไหม
บางทีนางอาจช่วยให้เจ้าทำสัญญากับคัมภีร์เทพได้!”
“หา,
แม่สี่น่ะหรือ?”
เย่ว์หยางตกใจหลังจากได้ยินเช่นนั้น
“ข้าคาดเดาแค่นี้ และยังไม่แน่ใจเต็มร้อย
นอกจากนี้ถ้าเจ้าบรรลุพลังปราณราชันย์ด้วยตนเอง จงอย่าใช้คัมภีร์เทพนี้
คัมภีร์เทพไม่ง่ายกับการทำสัญญา ต่อให้เจ้าทำสัญญาได้
เจ้าก็ยังใช้ไม่ได้ในตอนนี้
แต่เจ้าจะได้รับผลกระทบจากคัมภีร์”
จักรพรรดินีราตรีชะงักเล็กน้อยและพูดต่อสองสามคำ
ในที่สุดไม่รอให้เย่ว์หยางและเสวี่ยอู๋เสียหายตกใจ นางลอยหายไปกับสายลม
แม่สี่มีหน้าที่ให้เย่ว์หยางทำสัญญากับคัมภีร์เทพอย่างนั้นหรือ?
ข่าวนี้น่าตกใจมากกว่าการหลอมรวมกับพลังศักดิ์สิทธิ์ห้าธาตุของอาหมันและกลายเป็นขุนเทพธาตุดิน!
แม่สี่และพี่สาวนางมีที่มายังไงกันแน่ ทำไมถึงมีพลังลึกลับมากนัก ทั้งยังคลุมเครือ?
เย่ว์หยางคิดถึงความเป็นไปได้อย่างหนึ่ง
แม่สี่ในตอนนี้มีวิธีติดต่อพี่สาวของนางใช่หรือไม่?
พี่สาวแม่สี่เป็นสตรีที่ลึกลับที่สุดในหอทงเทียน
เป็นสตรีคนเดียวที่สามารถเข้าแดนล่มสลายแห่งทวยเทพ
นางยังอยู่ในแดนล่มสลายแห่งทวยเทพ?
หรือว่าบันไดล้านขั้นเป็นระดับการฝึกของนักสู้ปราณฟ้าหรือไม่?
เสวี่ยอู๋เสียรู้สึกตัวไวที่สุด
นางลูบหลังเย่ว์หยางอย่างนุ่มนวล “อย่าคิดมากไปเลย แม่สี่, ไม่ว่าจะเป็นยังไงก็ตาม
ข้าหวังว่าเราจะต้องก้าวหน้าไปอย่างดีที่สุด”
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนยังคงพยักหน้ายืนยันรับรองเสวี่ยอู๋เสียและกล่าว
“นี่, เราทั้งสองจะอยู่กับเจ้าจะไปฝึกที่แดนสวรรค์พร้อมกับเจ้า
รอให้บรรลุระดับปราณราชันย์ด้วยกัน จากนั้นค่อยกลับไปวังเทียนหลัวด้วยกัน
ตามหาแม่สี่และไปที่โลกคัมภีร์เทพด้วยกัน ถ้าเราสามารถใช้คัมภีร์เทพได้
อย่างนั้นก็ทำสัญญา ถ้าทำสัญญาไม่ได้ก็ไม่เป็นไร
ข้าเชื่อว่าคัมภีร์ของเจ้าต่อไปจะกลายเป็นคัมภีร์เทพได้แน่นอน!”
“ก็ได้!” เย่ว์หยางลอบปาดเหงื่อ
ความจริงเขามีคัมภีร์เทพอยู่เล่มหนึ่งแล้ว แต่เขายังใช้ไม่ได้
ปัจจุบันนี้มีทั้งคัมภีร์เพชร ของคัมภีร์เทพ
เป็นไปได้หรือที่จะทำสัญญากับกฎเทพดั้งเดิม?
คำตอบนี้ เย่ว์หยางไม่สามารถหาได้!
เนื่องจากแนวความคิดที่ว่าน้ำกับน้ำมันไม่สามารถเข้ากันได้
เย่ว์หยางคิดในใจว่าถ้าเขาไม่สามารถทำสัญญากับคัมภีร์เทพได้ เขาจะไม่ปล่อยให้คนอื่นทำสัญญา
แม่สี่และเสวี่ยอู๋เสียหรือองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนถ้าสามารถทำสัญญาได้
ก็ควรให้นางทำสัญญา! หรืออย่างแย่จริงๆ
ก็ช่วยนางพญาเฟ่ยเหวินหลีออกมาจากผนึกหลุมดำแล้วให้นางทำสัญญากับคัมภีร์เทพ....
ต้องรู้ไว้ก่อนว่าคัมภีร์เทพมีเพียงสิบเล่ม!
ในแดนสวรรค์ อย่าว่าแต่คัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์และคัมภีร์เทพเลย
แค่คัมภีร์ชั้นเพชรก็ยากจะเห็นได้
แค่มีคัมภีร์แพลตตินัม หรือคัมภีร์ทองของนักรบแดนสวรรค์เท่านั้น! ดังนั้นของดีๆ อย่างคัมภีร์เทพจะมอบให้คนอื่นได้หรือ?
ถ้าเย่ว์หยางสามารถทำสัญญากับคัมภีร์เทพได้ ตามความคิดของเขากฎเทพดั้งเดิมในการทำสัญญา
ก็ถือว่าไม่มากเกินไป
เมื่อไม่สามารถทำสัญญาได้หลายเล่ม
อย่างนั้นหลอมรวมกันก็พอเป็นไปได้...
อย่างไรก็ตาม คัมภีร์เทพที่มากอย่างนี้
เขาต้องครอบครองให้เต็มที่ ไม่อาจปล่อยให้คนอื่นได้ คัมภีร์เทพเป็นเครื่องมือเทพเจ้าที่ดีที่สุด
ภายในมีอสูรเทพเป็นอสูรพิทักษ์ ทักษะแฝงเร้นระดับเทพ
มีสนามพลังและสำนึกศักดิ์สิทธิ์ที่ไร้เทียมทาน มีพลังเทพและประกายเทพ
สิ่งนั้นถ้าตกไปอยู่ในเงื้อมมือศัตรูคงไม่ใช่เรื่องดี
หลังจากเย่ว์หยางและเสวี่ยอู๋เสียและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนตัดสินใจแล้ว
พวกเขากลับไปยังแดนสวรรค์และเข้าไปในดินแดนฝึกฝน และได้เวลาสู้กับพวกตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์
จุดพักขั้นที่สี่ร้อย
เย่ว์หวี่และอู๋เหินกลับไปเริ่มต้นครั้งที่เก้า
และมองดูหลิวเย่กำลังทดสอบกับเงาจิตสำนึกศักดิ์สิทธิ์ ‘มนุษย์หมอก’
มนุษย์หมอกอยู่ในกลุ่มหมอกขาว
หลิวเย่ทุ่มเทสู้ทั้งด้วยแรงกายและแรงใจจนแทบหมดแรง
ถ้าไม่ใช่เพราะประสบการณ์ที่ฝึกฝนอย่างเข้มงวดกับเย่ว์หยางมายาวนาน
ในการไต่บันไดสวรรค์ยิ่งสิ้นเปลืองแรงมากมายอยู่แล้ว
หลิวเย่คงไม่มีแรงยืนหยัดอยู่ได้ มนุษย์หมอกในขั้นที่สี่ร้อยยากจะเอาชนะได้
มันไม่ได้มีร่างที่มองเห็นเป็นพิเศษ เป็นเพียงกลุ่มหมอกหนา แต่เปลี่ยนแปลงได้ดังใจบางครั้งเปลี่ยนแปลงเป็นรูปมนุษย์
บางครั้งก็เป็นอาวุธ และเริ่มโจมตีติดตาม
ถ้าไม่ใช่เพราะกวางทะลุมิติเคลื่อนไหวได้เร็ว นอกจากนี้หลิวเย่ยังเทเลพอร์ตบ่อยครั้งในช่วงเวลาวิกฤติหลบพ้นอันตรายได้
มิฉะนั้นนางคงโดนมนุษย์หมอกและเคียวหมองฟันเข้าที่เอวไปแล้ว
“ฟื้นฟูกำลังเข้า ข้าไม่สามารถบอกจุดอ่อนของมันให้เจ้าได้ เจ้าต้องเอาชนะมันด้วยตัวเจ้าเอง แล้วจึงจะได้รับการยอมรับอย่างบริบูรณ์
รางวัลชั้นที่สี่ร้อยยังไม่มีใครได้ไป
บางทีอาจเป็นของเจ้าก็ได้ เจ้าต้องพยายามให้ได้!
เย่ว์หวี่ใช้ความสามารถมากมายจึงเอาชนะมนุษย์หมอกได้
นางอดห่วงกังวลหลิวเย่ไม่ได้
“ข้าทราบ”
หลิวเย่เสียสมาธิกับการตอบ แทบทำให้มนุษย์หมอกฟันใส่นางได้ นางตกใจเทเลพอร์ตถอยห่างออกไปร้อยเมตรพร้อมกับกวางทะลุมิติ
สายรัดศีรษะของนางถูกหมอกเคียวฟันขาด
ปลิวในอากาศ
เย่ว์หวี่มองดูหลิวเย่ไต่ชั้นสี่ร้อย ดูเหมือนนางจะมีความแข็งแกร่งเล็กน้อย
หลิวเย่นี้ไม่มีพลังโจมตีแน่นอน
หือ?
ขณะที่เย่ว์หวี่กำลังกระวนกระวาย
ทันใดนั้นนางมองเห็นเสื้อคลุมที่ถูกเคียวหมอกฟันขาดปรากฏจี้ทองเป็นประกาย?
จี้ทองเล็กๆ นั้นดูคุ้นตา ยิ่งนัก?
7 ความคิดเห็น:
ขอบคุณครับ
ใกล้จะได้รู้ความจริงแล้ว
เอาจริง ๆ ก็น่าจะเดาได้ละนะ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว
แสดงความคิดเห็น