วันจันทร์ที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2562

เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ตอนที่ 797 ลอบทำร้าย


ตอนที่  797  ลอบทำร้าย
 “หุบเขาวายุ อยู่ตรงข้ามกับหุบเขาพิรุณ”
 
คำพูดของเย่ว์หยางไม่เพียงแต่บอกนักรบจากสามกลุ่มใหญ่เท่านั้น แต่ยังคงบอกนักรบแดนทมิฬ “สำหรับที่นี่ ห้ามลงบนพื้น มิฉะนั้นจะได้รับโทษจากพลังกฎสวรรค์ พยายามลอยตัวอยู่ในอากาศยิ่งสูงยิ่งดี ถ้าพวกเจ้ามีอสูรมาก ไม่ว่าพวกเจ้าจะเรียกออกมาเท่าใดก็ตาม  ในด่านนี้ไม่ห้ามการอัญเชิญอสูร มีแต่ข้อห้ามคือห้ามใช้อาวุธรวมทั้งอาวุธสมบัติระดับต่างๆ ด้วย...”
เย่ว์หยางพูดไม่ทันจบเขาเห็นนักรบปราณฟ้าคนหนึ่งยืนถืออาวุธหลั่งเหงื่อโทรมกาย ในมือเขาถือตรีศูลทอง
สองสามวินาทีต่อมาก็ไม่สามารถถือตรีศูลในมือได้อย่างมั่นคง
จึงต้องปล่อยไป
มันร่วงลงพื้น
เหมือนกับเขานักรบแดนทมิฬในฝั่งตรงข้าม มีนักรบถืออาวุธหลายคนปล่อยอาวุธลงพื้นอย่างต่อเนื่องตามลำดับแล้วแต่สภาพร่างกายกาย บางคนก็ต้านได้ระยะสั้น บางคนก็ต้านได้นาน
แต่ไม่ว่าจะต้านได้นานแค่ไหนก็ยืนยันได้ว่าไม่มีความหมาย เพราะอาวุธในหุบเขาวายุจะไม่กลับคืนไปหาเจ้าของ
บางทีอาจจะไม่แน่นอน ในกรณีที่ต้องการเอาชนะให้ได้หรือมีพลังเพียงพอ มิฉะนั้น นักรบที่ต้องการจะเก็บอาวุธคืนหรือใช้อาวุธในหุบเขาวายุก็คงจะไม่ง่าย  เจ้าอ้วนไห่และคนอื่นได้รับการกระตุ้นเตือนจากเย่ว์หยางอยู่ก่อนแล้ว จึงไม่แสดงการกระทำที่ดึงดันแบบนี้ พวกเขายืนกระตือรือร้นอยู่ในท่ามกลางนักสู้ปราณฟ้า แม้ว่าพลังของพวกเขาในกลุ่มคนพวกนั้นจะอ่อนแอที่สุด แต่ในขณะนี้ไม่มีใครกล้าแสดงอาการดูถูกพวกเขาอีกต่อไป...เมื่อพวกเขาเรียกคัมภีร์อัญเชิญ ทำให้กลุ่มนักรบแดนสวรรค์โห่ร้องดีใจ กลุ่มของคุณชายสามมีคัมภีร์อัญเชิญกันอยู่แล้ว
 “ในหุบเขาวายุ  พวกท่านจะต้องเอาชนะอุปสรรค จะดีที่สุดอย่าฆ่าศัตรูเอง เวลานั้นเป็นเรื่องของการใช้อสูรอัญเชิญ มิฉะนั้นพวกท่านจะโดนลงโทษถึงสิบเท่า นอกจากนี้อสูรเงาของที่นี่โจมตีแต่เจ้าของอสูรเท่านั้น คนอื่นจะถูกลงโทษสองครั้ง ทุกคนไม่สามารถช่วยท่านได้ ท่านได้แต่พึ่งพาตนเอง”  เมื่อเย่ว์หยางพูด มีอสูรเงาที่เป็นอสูรแดนสวรรค์ปรากฏตัวที่ขอบฟ้ามากมาย
 “เรายังไม่เริ่มกันหรือ?”  ราชาหลิงหวินตกใจ
 “อสูรเงามีมากเกินไป!  ถูไห่เห็นอสูรเงาที่ด้านตรงข้ามกำลังบินมาไม่หยุดหย่อน ดูจากจำนวนแล้วเกินหมื่น ก็ตกใจอย่างหนัก อสูรเงาสามกลุ่มใหญ่น่ากลัวที่สุด  กลุ่มอสูรที่มีจำนวนน่ากลัวที่สุดก็คือฝูงนางแอ่นพายุสายฟ้าที่บินหนาแน่นเต็มท้องฟ้า
เหล่าผู้นำกลุ่มที่ช่างสังเกตพบความจริงที่เหลือเชื่อ
คุณชายสามตระกูลเย่ว์ นอกจากใช้ฝูงนางแอ่นพายุสายฟ้าแล้ว ไม่ได้ใช้อสูรบินชนิดอื่น
อสูรเงานี้มีจำนวนเกินหมื่น? คุณชายสามตระกูลเย่ว์ใช้นางแอ่นพายุสายฟ้าโดยไม่ยอมเปิดเผยพลังที่แท้จริง?
ถ้าเป็นเช่นนี้ คุณชายสามตระกูลเย่ว์ก็ไม่ได้รับผลร้ายจากหุบเขาวายุ...
นั่น นั่นน่ากลัวเหลือเกิน
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้แล้ว ผู้นำหลายคนถึงกับหน้าเปลี่ยนสี พวกเขาเห็นอสูรเงาที่เลียนแบบอสูรของพวกเขาทั้งหมด รวมทั้งอสูรลับที่ยังไม่ได้เรียกออกมา  แต่คุณชายสามตระกูลเย่ว์ผู้ลึกลับ นอกจากนางแอ่นพายุสายฟ้าไม่มีอสูรเงาอื่นสักตน นี่หมายความว่ายังไง? หุบเขาวายุทำอะไรคุณชายสามตระกูลเย่ว์ผู้นี้ไม่ได้หรือ?  เขาอยู่เหนือการละเล่นนี้อย่างสมบูรณ์?  คุณชายสามตระกูลเย่ว์ผู้นี้เป็นเผ่าพันธุ์ในตำนาน หรือว่าเป็นลูกหลานชาวสวรรค์ชั้นบนที่ลงมาสวรรค์ล่าง?
 “พวกเจ้าสามารถให้การสนับสนุนได้ แม้ว่าพวกเจ้าจะไม่สามารถสู้โดยตรง  แต่ช่วยสนับสนุนให้ก็ยังดี!” เย่ว์หยางโบกมือและสายฟ้าสีม่วงกลายเป็นตาข่ายพลังงานอยู่เหนือท้องฟ้า
นางแอ่นพายุสายฟ้าทั้งหมดช่วยสนับสนุนทันที
ในทางตรงกันข้ามอสูรเงาเหล่านี้ไม่มีเพิ่มขึ้นสักตัว
ความยากลำบากในหุบเขาวายุมีความลำบากมากกว่าหุบเขาพิรุณหลายเท่า  อุปสรรคชุดนี้สำหรับผู้นำระดับราชาผู้นำเหล่านักรบระดับขุนพล  โชคดีที่อสูรพวกนี้แก่และดี แต่อสูรเงาเลียนแบบของมันจึงมีจุดอ่อนและเสียเปรียบอยู่ในใจของมัน การสู้และเอาชนะจึงไม่เป็นปัญหา
นักรบแดนสวรรค์ธรรมดาไม่มีอะไรต้องพูดถึง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งอสูรบางตัวแข็งแกร่งทรงพลังมากกว่านักรบผู้เป็นนาย สิ่งที่พวกเขาทำมาก็คืออาศัยอสูรของตนเองแสวงหาความสำเร็จ
อสูรเงาไม่เคยกลัวหรือถอย ไม่เคยหลบ ไม่ทรยศต่อสมรภูมิ  แม้ว่าจะไม่มีเจ้านายคอยสั่ง แต่ต่อสู้ได้ไม่อ่อนด้อยกว่าอสูรแท้มากนัก
อสูรของนักรบแดนสวรรค์หลายคนต่อสู้อย่างดุเดือดและได้รับบาดเจ็บหนัก และเลือกวิธีทรยศ
บางคนไม่หลบการโจมตีของอสูรเงา และตายอย่างน่าอนาถ
สิบนาทีต่อมา
หัวหน้าของกลุ่มทั้งสามเอาชนะในการสู้รบได้ ราชาหลิงหวินเหนื่อยจนหอบ ถ้าไม่มีการเตือนจากเย่ว์หยางและพวกเขามีส่วนร่วมในการสู้ เขาคงโดนลงโทษสู้สองเท่า ผลที่ตามมาคงสุดจะคาดคิด ที่ทำให้พวกเขาแปลกใจก็คือเย่คงและคนอื่นๆ เอาชนะได้แล้ว
คนที่ช้าที่สุดในกลุ่มก็คือเจ้าอ้วนไห่
เพราะการโจมตีของนกนางนวลเงาทำให้เจ้าอ้วนไห่ต้องเหนื่อยหนัก โชคที่เขามีนกนางนวลสายลมแท้คอยช่วย ในที่สุดต้องแลกมาด้วยบาดแผลและรอยช้ำจากชัยชนะนั้น
 “อสูรฉลาดเกินไป บางครั้งก็ไม่ค่อยดีเหมือนกัน!  เจ้าอ้วนไห่ลอบถอนหายใจ
 “แควก..” การถอนหายใจของเขาทำให้นกนางนวลสายลมไม่พอใจ มันยิงดาบสายลมออกไปหนึ่งครั้ง  ขณะที่เจ้าอ้วนไห่หลบ มันกระพือปีกด้วยความโกรธและยิงสายฟ้าใส่หัวเจ้าอ้วนไห่ ทำให้หัวเจ้าอ้วนไห่ยุ่งเหยิงราวกับเล้าไก่ และมีควันสีน้ำเงินฟุ้งขึ้น
 “โอวยาหยี! นี่เจ้ารู้วิธีใช้สายฟ้าหรือนี่?” เจ้าอ้วนไห่ไม่โกรธ แต่เขาถามด้วยความดีใจ
 “ชิ!” นางนวลสายลมทำเป็นไม่สนใจเจ้าอ้วนไห่ ดูเหมือนมันยังงอนอยู่
 “เป็นเจ้านายประสาอะไรกัน!” เย่คงหัวเราะจนน้ำตาเล็ด “สติปัญญาของเจ้านาย น้อยกว่าของอสูรเสียอีก  เจ้าอ้วน! เจ้าสร้างประวัติศาสตร์ทั่วแดนสวรรค์แล้ว!
 “ก็ยังดีกว่าเจ้าที่สร้างประวัติศาสตร์อะไรไม่ได้!  เจ้าอ้วนไห่โกรธและคว้าคอเย่คง
 “เจ้าล่ะ เจ้าอ้วน! ยังหายใจลำบากอยู่หรือเปล่า?” เย่คงใช้หมัดต่อยตาซ้ายเจ้าอ้วนทันที
 “คุณชายผู้นี้จะขอสู้กับเจ้าแล้ว”  เจ้าอ้วนไห่ตอบโต้กลับ
เมื่อเจ้านายทะเลาะกัน นางนวลสายลมทำเป็นไม่รู้ว่าหากินได้ยังไง มันแกล้งยิงมีดใส่หลังเย่คง ขณะที่เพลิดเพลินกับการดูทั้งคู่ทะเลาะกัน
เห็นได้ชัดว่าอสูรที่ผสานกับเย่คงมีปัญญาน้อย พอกดดันเล็กน้อยมันก็สู้
เมื่อเห็นนางนวลสายลมของเจ้าอ้วนไห่ฉลาดแสนรู้ ถูไห่และหลิงหวินน้ำลายหกทั้งคู่
อสูรปราณดิน แม้ว่าจะไม่ใช่อสูรปราณฟ้า แต่มีความฉลาดแสนรู้  ถ้ามันเติบโตขึ้นคาดจะกลายเป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์ที่แปลงร่างเป็นมนุษย์ได้และไม่มีทางทิ้งเจ้าของ!  ในแดนสวรรค์อสูรจะมีความแข็งแกร่งมาก แต่ไม่ค่อยฉลาด.. เขาคิดว่าเจ้านกตัวน้อยนี้คงเทียบได้กับฮุยไท่หลางที่เอาแต่ขี้เกียจทั้งวัน
หลิงหวินเห็นกับตาตนเอง  เมื่อเผชิญกับอสูรเงาที่มีความแข็งแรงระดับเดียวกัน ฮุยไท่หลางแค่อ้าปากก็กลืนอสูรเงาได้
ไม่ถึงหนึ่งนาที
มันจบการต่อสู้ได้
เหมือนกับว่าอสูรเงาไม่เคยมีอยู่
เย่ว์หยางสังเกตว่านางนวลสายลมซึ่งมองดูการกระทำของเจ้าอ้วนไห่กับเย่คง คิดว่าเจ้าตัวเล็กนี้โตไปคงทรงพลังมาก
โดยไม่รู้ตัวการเปลี่ยนแปลงเป็นมนุษย์เริ่มขึ้นโดยไม่ต้องใช้พลังเจ้านายช่วย บางทีการต่อสู้ระหว่างเจ้าอ้วนกับซุ่นเทียนคงทำให้มันวิวัฒนาการอย่างต่อเนื่อง ถ้าไม่ใช่เพราะมันช่วยคาดว่าเจ้าอ้วนไห่คงตายในเงื้อมมือของซุ่นเทียนไปแล้ว  มันจะยังไม่เปลี่ยนแปลงตอนนี้ แต่ตราบใดที่เจ้าตัวน้อยนี้มีวิวัฒนาการอีกสองสามครั้ง ต่อไปจะเรียกว่ามันไม่ได้แล้ว จะต้องเรียกว่านางแทน
รอจนเจ้าอ้วนไห่กับเย่คงตีกันจนเหนื่อย นักรบแดนสวรรค์ค่อยแยกผู้แพ้ผู้ชนะออกจากกัน
ผู้แพ้ทั้งหมดร่วงลงพื้น
แม้ว่าพวกเขาจะไม่ถูกอสูรเงาฆ่าตายพวกเขาก็ตายภายใต้การลงโทษของกฎสวรรค์
ผู้ชนะทุกคนลอยตัวอยู่ในอากาศ ยินดีกับชัยชนะที่ยากลำบาก
แน่นอนว่าพวกเขารู้กันทุกคน
การทดสอบของหุบเขาวายุเพิ่งเริ่มขึ้น
คลื่นขนาดใหญ่ย่อมกวาดล้างทรายไปได้ฉันใด ผู้อ่อนแอในแดนสวรรค์จะถูกกลืนกินฉันนั้น  พวกเขาเข้าใจเหตุผลนี้ชัดเจนอยู่แล้ว มีพลังเพียงพอ ความวิบัติจะทำอะไรได้ ตรงกันข้ามถ้าสามารถทดสอบได้ พวกเขาจะเข้าสู่ระดับใหม่ พยายามประสบความสำเร็จเพื่ออนาคต
 “ต่างจากหุบเขาพิรุณ นอกจากอสูรเงาแล้ว ไม่มีระยะทางที่แน่นอน ในภูมิภาคที่น่ากลัวมีอสูรพิทักษ์หุบเขาวายุ เราสามารถเลือกยากๆ หรือค่อยไปทีละก้าวก็ได้” เย่ว์หยางและคนอื่นมองกันเองและโบกมือเล็กน้อย  “การลงโทษบางทีเราอาจพบกับความประหลาดใจ ตัวอย่างเช่นมีผู้อาวุโสตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์อาจจะโผล่มาคนหรือสองคนถูกทิ้งให้อยู่ในภูมิประเทศที่น่ากลัว  ข้าเชื่อว่าถึงเวลานั้นเราคงจะเคลื่อนไหวไปพบกับการจัดการของตำหนักอัคคี!
 “อะไรนะ?”  คำพูดของเย่ว์หยางทำให้คนในที่นั้นหน้าเปลี่ยนสี
 “นอกจากผู้อาวุโสที่อยู่ในกลุ่มข้างนอกแล้ว  ยังมีผู้อาวุโสรวมห้าคนที่เข้ามาก่อนแล้ว  ข้าคิดว่าจะมีการสร้างความตื่นตะลึงในหุบเขาวายุ!  เย่ว์หยางพูดเช่นนี้นักรบแดนสวรรค์ถึงกับตกตะลึงพร้อมกัน
ตามคำพูดของคุณชายสาม ดูเหมือนว่าผู้อาวุโสข้างนอกคงถูกคุณชายสามฆ่าไปแล้ว
คนทั้งหมดมองดูเย่ว์หยางด้วยสายตาซาบซึ้งขอบคุณ
รวมทั้งนักรบแดนทมิฬ
เพื่อความอยู่รอด พวกเขาถูกบังคับให้ดำเนินไปบนเส้นทางนี้มากที่สุด
ในหุบเขาดาบสายลม ผู้อาวุโสสองคนสนทนากันเบาๆ อยู่ในความมืด “แย่จริงๆ  ข้ามาเห็นภาพนี้เสียได้  เราต้องสู้ศึกครั้งนี้ บางทีเราอาจท้าทายผู้อาวุโสก็ได้  และเพื่อเป็นการแสดงความเคารพรองเจ้าตำหนักเราที่เพิ่งตายไป   ยังมีตำแหน่งว่างอีกตำแหน่งหนึ่ง!
 “ข้าไม่ต้องการเป็นคนใหญ่คนโต  แต่ข้าไม่กลัวที่จะเป็นเหมือนกัน!  เขาหัวเราะเยาะตำแหน่งผู้อาวุโส  “ข้าจะสร้างดาบศักดิ์สิทธิ์ล่ะนะ”
 “ดาบศักดิ์สิทธิ์, พระเจ้า, นับเป็นเกียรติยิ่งนัก”
 “แนวความคิดของข้าในเวลานั้น...”
 “ต้องทำให้สามกลุ่มใหญ่ กลุ่มเขตร้างที่แปด กลุ่มทุ่งหิมะและกลุ่มเพลงสงครามถูกกำจัด  มิฉะนั้นข้ารับรองได้ว่าเจ้าจะไม่ได้แม้แต่มุกบนดาบศักดิ์สิทธิ์!  ฆ่าให้หมดหรือ พระเจ้า!  เจ้าช่างกล้าคิด!  อย่างไรก็ตามภูมิประเทศแบบนี้ ไม่ค่อยดีนัก  แต่ก็มีทางเป็นไปได้ ฮ่าฮ่า!
พวกเขาไม่ให้ความสนใจว่าในสถานที่น่ากลัวอย่างหุบเขาดาบสายลม มีเพียงหนูทองค้นสมบัติตัวหนึ่งกำลังหมอบนิ่ง
ไม่ใช่ มันมีอยู่สองตัว
อีกตัวหนึ่งเป็นแค่หนูเงา
แต่ไม่ว่าจะเป็นหนูเงาหรือหนูทองค้นสมบัติ ล้วนไม่มีพลังโจมตี ทั้งสองจึงอยู่ด้วยกันอย่างสันติ เหมือนกับเป็นอสูรฝาแฝด!

9 ความคิดเห็น:

oBABYVOXo กล่าวว่า...

ไม่เฉลียวใจเลย

WingF กล่าวว่า...

หนู 2 ตัว ค้นสมบัติได้สองเท่าไปเลย ใครหาเรื่องตายอีกหละ

Boybravo กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Krisda กล่าวว่า...

ขอบคุณครีบ

sarinnan กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Lex กล่าวว่า...

เสริมเงาให้หนูค้นสมบัติด้วยเหรอ

akekapoj-tee กล่าวว่า...

ขอบคุณมากครับ

chay กล่าวว่า...

หนูขุดทองชัดๆ

แสดงความคิดเห็น