ตอนที่ 799
การสังหารที่น่ากลัว
สองชั่วโมงต่อมา
ทหารสามกองของตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์นำโดยนายกองผู้น่าเกรงขามก้าวเดินผ่านประตูเทเลพอร์ตของศาลาหลบฝน
เงาห้าร่างที่ลึกลับยืนอยู่หน้าผู้เฒ่าอวี่ป๋
หัวหน้าของร่างเงาทั้งห้าไม่มีการสนองตอบ
แต่ก่อนหน้านี้ดูเหมือนร่างเงาพูดเหมือนกับเสียงขูดเหล็ก มือที่ค้ำคออวี่ป๋อค่อยๆ
คลายออกเหมือนกับว่าการตัดสินใจครั้งนี้ผ่านการตรองอย่างทั่วไป
ร่างเงาอีกร่างหนึ่งซึ่งยืนอยู่ข้างบุรุษผู้นี้ยิ้มตามปกติและพูดด้วยน้ำเสียงเสมือนสหายเก่า
“สหายเฒ่า! เชื่อว่าเจ้าคงเคยเห็นเฟ่ยเหวินหลีและจักรพรรดิอวี้และคนอื่นๆ
ที่กลายเป็นประวัติศาสตร์มาแล้ว
แต่เราฟื้นฟูความแข็งแกร่งในหลายพันปีต่อมา
ใครเป็นผู้ชนะที่แท้จริงก็เห็นกันได้ชัดแล้ว! หอทงเทียนไม่มีผู้เยาว์ที่โดดเด่น
ไม่ได้สร้างนักสู้ปราณราชันย์ออกมาอีกเลย อย่าคาดหวังเลยว่าจะมีจักรพรรดิอวี้คนที่สองออกมาอีก หอทงเทียนมาถึงเวลาพ่ายแพ้เบ็ดเสร็จครั้งสุดท้ายแล้ว เจ้ายังหวังว่าจะฟื้นฟูชีวิตได้อีกหรือ? เจ้าขอความเมตตาจากเราคงจะดีกว่า ฮ่าฮ่า!”
“เราจะไม่ยอมแพ้” สีหน้าของผู้เฒ่าอวี่ป๋อเจ็บปวด
มือของเขากุมอยู่ที่คอที่มีเหล็กล่ามไม่สามารถฟื้นฟูได้
“ทำไม?
แค่อาศัยกลุ่มทหารผ่านศึกของเฟ่ยเหวินหลีน่ะหรือ?
ตอนเริ่มต้นมีเฟ่ยเหวินหลี เจ้าก็ยังเอาชนะไม่ได้ ตอนนี้นางถูกผนึกไปแล้ว
และบางทีอาจถูกกำจัดไปแล้วก็ได้ แค่กลุ่มเศษเดนที่อ่อนแอ
ยังต้องการจะฟื้นฟูโลกอีกหรือ นี่คือความผิดพลาดที่ยิ่งใหญ่” ร่างเงาเยาะเย้ย
“หอทงเทียนจะไม่พินาศ
จะมีทายาทรุ่นหลังรับตกทอดมรดกพลังของบรรพบุรุษ
ไม่มีพลังใดๆ เอาชนะได้ตั้งแต่โบราณกาลมาก็เป็นแบบนี้!” อวี่ป๋อมีสีหน้าเจ็บปวดแต่ก็ยิ้มในทันใด
“ใช่แล้ว เป็นเช่นนี้มาตั้งแต่โบราณ
แต่จะไม่เกิดขึ้นในอนาคต
เพราะหลังจากการตายของจักรพรรดิอวี้ จะไม่มีจักรพรรดิอวี้คนที่สอง เจ้าฝึกจักรพรรดิอวี้ใช้ความพยายามมากมาย
แต่เขามีสมบัติเทพเพียงสามชิ้น
ด้วยพลังเต็มที่ของนักรบมังกรทะยาน พวกบันไดสวรรค์และแดนนรกทั้งสามฝึกเพื่อให้ไล่ตามเฟ่ยเหวินหลี
และจักรพรรดิอวี้ให้ทัน อาจกล่าวได้ว่าเจ้าทำได้สำเร็จ แต่ความสำเร็จของเจ้าก็เท่านั้น
ตอนนี้ด้วยความสามารถของเจ้ายังสามารถฝึกจักรพรรดิอวี้คนที่สองได้หรือไม่? เจ้ายังมีสมบัติศักดิ์สิทธิ์หรือไม่? เจ้ายังมีพลังศักดิ์สิทธิ์หรือไม่?
เจ้ามีประกายศักดิ์สิทธิ์หรือไม่?...ไม่มีเลย
เวลาฝึกของจักรพรรดิอวี้ยังไม่เพียงพอเข้าถึงขอบเขตของปราณราชันย์อันศักดิ์สิทธิ์ได้ เขาไม่สามารถหลอมรวมกับประกายศักดิ์สิทธิ์ได้
อาวุธเทพและพลังเทพที่ว่างเปล่า แต่ก็ยังตายในเงื้อมมือของสามจอมภพแดนสวรรค์
ตอนนี้จิ่วเซียว ซิวคงและหมิงเยี่ยกวงกลับมาแล้ว
ตอนเราถูกปลดปล่อย จักรพรรดิอวี้ก็ตายแล้ว หอทงเทียนไม่มีความแข็งแกร่งอีกแล้ว”
ร่างเงานั้นยื่นแขนจับไหล่ผู้เฒ่าอวี่ป๋อเบาๆ เหมือนกับเป็นสหายเก่ายิ้มแล้วกล่าว
“บางทีเจ้าอาจยังไม่หมดหวังคิดว่าหัวหน้าโจรสลัดก็เป็นเช่นนั้น
ช่วยให้เขาผ่านได้สิบด่านและได้รับคัมภีร์เทพ
อย่างนั้นคงจะมีโอกาสกอบกู้ได้ เจ้าคิดอย่างนั้นใช่ไหม?”
“คัมภีร์เทพจะไม่มีทางตกเป็นของนักรบตำหนักกลางของพวกเจ้าแน่
พวกเจ้าทุกคนล้วนแต่ทรยศหักหลัง
คัมภีร์เทพจะไม่ยอมรับพวกกบฏ!” ผู้เฒ่าอวี่ป๋อแค่นเสียงเย็นชา
“หลายหมื่นปีผ่านไป
จะกบฏหรือไม่กบฏเจ้าก็พูดเกินไป
ตอนนี้ใครจะรู้ความจริงเกี่ยวกับตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ของเรา? ในทั่วแดนสวรรค์ในสายตานักรบทั้งหมด
เราคือผู้พิทักษ์ความยุติธรรมและเจ้าคือรากเหง้าแห่งความชั่วร้าย” ร่างเงานั้นมีความสุขหัวเราะและโบกมือ
“เราไม่ต้องการคัมภีร์เทพ เจ้าสิ่งนั้นทำสัญญาได้ยาก เป็นของอันตรายมาก
ถ้าเจ้าไม่ระวังให้ดี มันจะทำให้แดนสวรรค์ห่างไกลออกไปทุกทุกที บอกตามตรง
ข้าเองยอมรับว่าในใจข้าก็อยากได้คัมภีร์เทพเหมือนกัน แต่ข้าไม่ใช่เจ้าของสิ่งนั้น
ทำไมข้าจะต้องหลงรักมันด้วยเล่า
ข้าแค่ต้องการให้เจ้าได้มันไป”
“เฟ่ยเหวินหลีไม่สามารถเอาชนะด่านที่สิบได้ คุ้ก
แคริบเบียนยิ่งไม่มีทางทำได้สำเร็จ”
ร่างเงาที่พูดเหมือนเสียงเหล็กแตกพูดอย่างดีใจ
“ใช่แล้ว แม้ว่าเราจะนั่งเฉยๆ ไม่ทำอะไร
เขาก็ยังพ่ายแพ้หนีไปทางแดนสวรรค์ใต้เป็นหัวหน้าโจรสลัด อย่างไรก็ตามปีนี้แตกต่างจากวันเวลาเก่าก่อน
จิ่วเซียวและซิวคงกลับมาแล้ว คาดว่าจักรพรรดิอวี้คงตายไปแล้ว และด้วยพลังของเราที่เหมือนๆ
กันไม่จำเป็นต้องรออีกแล้ว ทำลายหอทงเทียนได้เดี๋ยวนี้เลย” เสียงพูดดังขึ้น
แต่มาจากเงาร่างที่ยโสโอหัง
“ในเมื่อเป็นแบบนี้ ทำไมเจ้าไม่ไปเล่า?” อวี่ป๋อไม่เลิกคิ้วไม่คุกคามฝ่ายตรงข้าม
“เราอยู่ที่นี่
นอกจากนี้เพื่อดับความหวังสุดท้ายของเจ้า ความหวังที่พวกเจ้าทุกคนปีศาจเฒ่า
ถ้าเจ้าฉลาดจงบอกความลับแดนล่มสลายแห่งทวยเทพที่เจ้ารู้ อย่าบังคับข้าให้ลงมือ”
“แดนล่มสลายแห่งทวยเทพเป็นสถานที่ดี แต่น่าเสียดายที่ข้าไม่เคยไป” อวี่ป๋อถอนหายใจ
“ดูกันว่าเจ้าจะทนได้นานแค่ไหน และสักวันหนึ่ง
เจ้าจะต้องหลั่งน้ำตานองหน้าเสนอหน้าขอร้องเรา จำคำข้าไว้ให้ดี
เจ้าจะต้องตระหนักในไม่ช้า
หรือเจ้าจะดูหอทงเทียนทั้งหมดตกไปอยู่ในโลกมืดกับตาตัวเองและกลายเป็นดินแดนสวะ!” ร่างเงาหัวเราะ
และไม่สนใจความรู้สึกของผู้เฒ่าอวี่ป๋อจะเป็นเช่นไร
“...” ผู้เฒ่าอวี่ปัวไอ “เจ้าต้องการให้ข้าพูดอะไร
ตอนนี้จะให้ข้าขอร้องเจ้าหรือ? เด็กน้อย!
เจ้าต้องการขู่ให้ข้ากลัวและโอนอ่อนผ่อนตามหรือ”
ร่างเงานั้นตบหน้าผู้เฒ่าอวี่ป๋อทันที
หน้าของผู้เฒ่าอวี่ป๋อบวมทันที
มุมปากของผู้เฒ่าอวี่ปัวมีเลือดไหลเป็นสาย
เขาแค่ยิ้มอย่างไม่สนใจ
เมื่อร่างเงานั้นเตรียมจะลงมือต่อ
ร่างเงาแรกที่อยู่ตรงกลางซึ่งเงียบมาตลอดยื่นมือออกกันไว้ทันที “พอ, ไม่จำเป็นต้องทำสิ่งที่ไร้ประโยชน์
ปล่อยคนกลุ่มน้อยไว้ปิดด่านที่หนึ่ง
จะได้แน่ใจว่าหัวหน้าโจรสลัดจะไม่อยู่ในด่านที่หนึ่งอีกต่อไป มิฉะนั้นอวี่ป๋อจะไม่พูดกับเจ้ามากมายเป็นแน่ เขากำลังถ่วงเวลา”
ร่างเงาห้าร่างเข้าประตูเทเลพอร์ตของศาลาหลบฝน
ภายใต้การข่มสติของพวกเขา
แม้แต่ผู้เฒ่าอวี่ป๋อก็ไม่สามารถซ่อนประตูเทเลพอร์ตได้
ตั้งแต่แรกเริ่มเป็นไปไม่ได้ที่จะขัดขวางคนของตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์
มีหน่วยทหารสิบคนรั้งอยู่
ประมาณห้านาทีต่อมา
ความจริงมีเงาร่างหนึ่งที่สามารถล่องหนและไม่ปรากฏกระพริบวาบในอากาศ
ไม่ยอมเข้าไปในประตูเทเลพอร์ต
เงาร่างนี้
ถ้าไม่เข้าประตูเทเลพอร์และออกไปจากหุบเขาพิรุณ
ไม่มีใครสามารค้นพบความคงอยู่ของเขา
หลังจากเงาร่างทั้งห้าออกไปแล้ว
เขาไม่ได้ออกไปอย่างแท้จริง
อย่างไรก็ตามหลังจากรอห้านาที
เขาพบว่าผู้เฒ่าอวี่ป๋อไม่มีปฏิกิริยา และรู้สึกว่าเป้าหมายสามารถออกไปได้
ความจริงใครยังจะอยู่ต่อหน้าทหารกลุ่มใหญ่เป็นเวลานาน?
อวี่ป๋อส่ายศีรษะและสีหน้าของเขาเยาะเย้ยเล็กน้อย
แต่ในที่สุดก็เงียบและไม่ใส่ใจการกระทำของศัตรูต่อไป
รอจนกระทั่งเงาล่องหนลอยตัวจากไป
เย่ว์หยางจึงลอยออกมาราวกับว่าไม่เห็นทหารสิบคนของตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ยืนเฝ้าอยู่ในศาลาหลบฝน
หลังจากบินเข้ามาในศาลาหลบฝน
เขานั่งบนม้านั่งหินราวกับว่าเป็นบ้านของตนเอง
ภายใต้การสังเกตการณ์ของทหารของตำหนักทั้งสิบ
เขาเอื้อมมือรินเหล้าใส่แก้ว
“เด็กน้อย, ให้ข้าสักหน่อยได้ไหม?” ผู้อาวุโสอวี่ป๋อรู้สึกว่าพยาธิสุรากำเริบ
“กลุ่มคนเมื่อครู่นี้ที่หยิ่งยโสมาก
เป็นตัวอะไร?”
เย่ว์หยางไม่สนใจทหารตำหนักที่รายล้อม และถามถึงเงาลึกลับที่มาก่อนหน้าเขา
“ตาย!” ทหารทั้งสิบโจมตีใส่เย่ว์หยาง
“เหล้าดีจริงๆ!”
เย่ว์หยางเหมือนกับจะไม่เห็นอาวุธทั้งสิบที่ฟันใส่ตัวเขา ยังคงแหงนหน้าดื่ม
ปัง
ปัง ปัง ปัง!
ราชาหลิงหวินและเจ้าเมืองถูไห่
และผู้นำอีกเก้าคนพุ่งออกมาจากศาลาหลบฝนด้วยความเร็วสูงโจมตีใส่ทหารตำหนักกลางทั้งสิบ เมื่อพวกเขาโจมตีเย่ว์หยาง พวกเขาทุกคนถูกบังคับให้ออกจากศาลาหลบฝน เย่ว์หยางไม่สนใจกับสภาพรอบตัว
ส่งแก้วเหล้าให้ผู้เฒ่าอวี่ป๋อและถาม
“ถ้าท่านเห็นคนเลว นั่นไม่ใช่เรื่องดี
ผู้เฒ่า! ท่านต้องเป็นเหมือนกับข้า เป็นคนดี
ดังนั้นจึงปล่อยให้คนคุมขังตัวเองที่นี่
ไม่สามารถตอบโต้ใครได้เลย ไม่ว่าเขาจะทำเลวยังไง”
ผู้เฒ่าอวี่ป๋อหัวเราะ “สายเกินไปแล้ว
ถ้าเราผู้ชรารู้เรื่องเลวร้ายมากเกินไป ก็ไม่สามารถเป็นคนดีได้ตั้งแต่แรก มันสายเกินไป!”
เย่ว์หยางลังเลเล็กน้อย
“นั่นเป็นเรื่องไม่สามารถเข้าใจได้
โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่รู้สึกละอายใจมากกว่าข้า มันน่ารำคาญที่สุด
แต่เราคุณชายนี้ยังไม่พร้อมตอนนี้
ข้าจะให้ท่านได้แก้แค้นในภายหลัง!”
“แก้แค้น?
ฮะฮะ, ไม่ใช่ว่าเราผู้เฒ่าคัดค้านเจ้าหรอกนะ พวกนั้นแต่ละคนสามารถฆ่าเจ้าได้ด้วยมือข้างเดียว
เมื่อครู่นี้เราผู้เฒ่ายังกลัวว่าเจ้าจะกระโดดออกมาหาเรื่อง
คนพวกนั้นเป็นหัวหน้าสามประมุขใหญ่ของตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์
เป็นประมุขใหญ่ที่รู้จักกันดีทั่วแดนสวรรค์
มีพลังแข็งแกร่งกว่าเมื่อเทียบกับสามจอมภพแดนสวรรค์
หากเจ้าต้องการลงมือก็จงกลับไปฝึกอีกสักสองปีแล้วค่อยมาพูดกัน!
อย่าว่าแต่ประมุขใหญ่ตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์จีอู๋ลี่เลย
เอาแค่เจ้าตำหนักไฟหลานฟง
เจ้าตำหนักมืดว่านหมอและกระบี่คุณธรรมของตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ หัตถ์ชี้ขาด
และขุนค้อน สามตุลาการใหญ่ตำหนักกลาง ไม่ว่าเป็นคนไหน
เด็กน้อยเจ้าก็ยากจะทานทนรับได้แล้ว!” ผู้เฒ่าอวี่ป๋อกระดกเหล้าในแก้ว
สีหน้าของเขาแสดงอาการเหมือนคนถูกพิษ
เจ็บปวด จากนั้นฟื้นตัวมีสติและยิ้มให้เย่ว์หยาง “เด็กน้อย! เจ้ามีจิตใจเช่นนี้ เราผู้เฒ่าพอใจจริงๆ เจ้าเด็กจักรพรรดิอวี้นั่นดีแต่ผายลม
ต่างจากเด็กน้อยเจ้าที่ยังมีน้ำใจ”
“แน่นอน,
นี่คือบุคคลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก” เย่ว์หยางตีเสมอ
ยิ่งชมก็ยิ่งชอบ
“คุ้ก, เจ้านั่นลำบากเสียแล้ว
เป็นเรื่องลำบากมากเพราะจีอู๋ลี่จับตาอยู่ ถ้าเด็กน้อยเจ้ายังหาวิธีที่ดีไม่ได้
จงกลับไปหอทงเทียนเสียเถอะ!” ผู้เฒ่าอวี่ป๋อเงยหน้าเล็กน้อย และถอนหายใจ
“แดนสวรรค์! ดูเหมือนจะปั่นป่วนอีกครั้ง”
“อย่ามองโลกในแง่ร้ายเกินไป จักรพรรดิอวี้ทำได้
เด็กน้อยผู้นี้ก็ต้องทำได้เหมือนกัน”
เย่ว์หยางตบไหล่ผู้เฒ่าอวี่ป๋อด้วยความมั่นใจในตนเอง
อย่างไรก็ตาม
เมื่อเขาออกมาดูการต่อสู้ข้างนอก ก็มีสีหน้าประหลาดใจอย่างควบคุมไม่ได้
ขณะนี้การต่อสู้เปลี่ยนไปอย่างไม่ธรรมดา
หัวหน้ากลุ่มทั้งสามทุกคนมีพลังปราณฟ้าระดับห้า
ทั้งยังมีราชาหลิงหวินและถูไห่โจมตีใส่นักรบตำหนักกลางที่มีพลังปราณฟ้าระดับสามยกเว้นนายกองที่มีพลังปราณฟ้าระดับห้าซึ่งมีไม่กี่คน
ไม่เพียงแต่ไม่ชนะ
แต่ยังทำให้อีกฝ่ายอับอายอย่างมาก
ทำไมเป็นเช่นนี้
นักรบปราณฟ้าระดับห้าคนหนึ่งต้องการจะฆ่านักรบปราณฟ้าระดับสามสิบคนกลับทำไม่ได้
ตอนนี้ทั้งสิบเอ็ดคนโจมตีคนอ่อนแอกว่าไม่กี่คนได้
แต่กลับถูกฝ่ายตรงข้ามบีบตีโต้จนต้องถอยร่น เป็นเรื่องนึกไม่ถึงจริงๆ
เจ้าเมืองถูไห่อยู่ในสภาพย่ำแย่
ปล่อยให้นายกองฝ่ายตรงข้ามไล่ต้อนจนบาดเจ็บหนักและกระอักโลหิตจนต้องถอนตัวจากการต่อสู้
เย่ว์หยางตัวสั่นเล็กน้อย ตอนนี้ถ้าไม่ใช่เพราะฮุยไท่หลางช่วยทันเวลาเชื่อว่าถูไห่คงถูกฝ่ายตรงข้ามฆ่าทันที!
“เด็กน้อย,
ตอนนี้รู้แล้วใช่ไหมว่าตำหนักกลางร้ายกาจเพียงไหน?
คนพวกนี้เป็นทหารของตำหนักกลางโดยตรง
ที่เจ้าเคยเผชิญหน้าก่อนนั้นเป็นแค่กองกำลังผสมรอบนอก!” ผู้เฒ่าอวี่ป๋อยิ้ม
และเตือนเย่ว์หยางให้ระวัง เพราะประมาทเล็กน้อยอาจถึงแก่ชีวิตได้!
“ตาย!”
ขณะนั้นทหารตำหนักกลางโจมตีใส่ราชาหลิงหวินโดยไม่สนใจความเป็นความตาย
เขาใช้แขนโอบรัดร่างราชาหลิงหวินไว้
ทหารอีกคนไม่ลังเลใช้ง้าวยาวฟันใส่
เพื่อแทงทั้งสหายและราชาหลิงหวินด้วยกัน
ทหารที่กอดราชาหลิงหวินดูเหมือนกับบ้าไปแล้วและพร้อมจะตายพร้อมกับเขา
เพื่อเกียรติยศสูงสุด
ปัง..
เขาคว้าราชาหลิงหวินไว้และระเบิดตัวเอง...
4 ความคิดเห็น:
โชว์ให้ตาแก่ดูหน่อยยย
ขอบคุณครับ
ขอบคุณมากครับ
ตายไหมนิ ราชาเอยราชา
แสดงความคิดเห็น