วันศุกร์ที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2562

เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ตอนที่ 801 ประจัญบาน สู้ในความมืด


ตอนที่  801  ประจัญบาน สู้ในความมืด
หุบเขามีด
เมื่อเย่ว์หยางและราชาหลิงหวินกับพวกเดินทางมาถึงหุบเขามีด พวกเขาพบว่าทุกอย่างยังปกติ

สามผู้นำที่รั้งอยู่มองดูด้วยความสงสัยขณะรอให้เย่ว์หยางมาถึง  ฮุยไท่หลางส่งจดหมายให้เขา แต่หลังจากพูดคุยกันแล้ว แม้ว่าพวกเขาจะเชื่อข้อความที่ฮุยไท่หลางส่งมา  แต่พวกเขาไม่จากไปทันที  เพื่อป้องกันเหตุการณ์ไม่คาดคิด สมาชิกสามกลุ่มใหญ่หาที่ซ่อนได้แน่นอน แต่หัวหน้ายังรั้งอยู่ลับๆ  สิ่งที่ทำให้ราชาหลิงหวินสับสนที่สุดก็คือพวกเขากล่าวว่าไม่เห็นใครผ่านไปทางหุบเขามีด
ประมุขตำหนักใหญ่จีอู๋ลี่ไล่ติดตามร่องรอยของคุก แคริบเบียนไม่ใช่หรือ แต่ ดาบยุติธรรม มือตุลาการ ค้อนพิพากษา สามตุลาการตำหนักยังไม่มีใครมา นั่นเป็นเรื่องแปลกเกินไป
 “อย่างน้อยจีอู๋ลี่ก็ค้นพบเจอความมีอยู่ของเราแล้ว”  เย่ว์หยางคิดถึงความเป็นไปได้
จีอู๋ลี่ในฐานะเป็นประมุขใหญ่ตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่รู้จุดอ่อนบริวารของเขา
ก่อนที่เขาจะทิ้งหน่วยทหารเล็กไว้เป็นการทดสอบ
เมื่อพบว่ามีคนสามารถฆ่าทหารตำหนักกลางได้  จีอู๋ลี่นี้จึงเอาบริวารของตนเองไปซ่อนทันทีอย่างง่ายดายและพรางตัวได้ไม่ทิ้งร่องรอยและซ่อนอยู่ในที่ลับ  ด้วยแผนใหญ่ของจีอู๋ลี่ต้องการฆ่าคุ้ก แคริบเบียน เขาจึงไม่กำจัดกลุ่มเขตรกร้างที่แปด กลุ่มทุ่งหิมะ และกลุ่มเพลงสงคราม  แต่มีการเคลื่อนไหวอย่างหนึ่ง
อย่างไรก็ตามนักรบสามกลุ่มซ่อนตัวอยู่ไม่ไกลจากดินแดนฝึกฝน
เย่ว์หยางคิดอย่างหนักและในใจมีความคิดที่ไม่ชัดเจนผุดขึ้น เขาขมวดคิ้ว “หรือว่าจีอู๋ลี่มาที่นี่ไม่เพียงแต่นำคนของเขามาเท่านั้น  แต่ยังล่อลวงทหารรับจ้างนักล่าสมบัติที่ไม่รู้ความจริง  เมื่อนักรบของสามกลุ่มใหญ่ของกลุ่มรกร้างที่แปด กลุ่มทุ่งหิมะและกลุ่มเพลงสงครามออกมาจากพื้นที่ฝึกฝน  นักล่าสมบัติจะถือโอกาสปิดล้อม
ด้วยวิธีนี้เหมาะที่สุดคือพวกตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์กระตุ้นให้แดนสวรรค์ตะวันตกฉวยโอกาสลงมือ
 “คุณชายสาม, ท่านว่าจีอู๋ลี่จะซ่อนทหารของตำหนักไว้ในคัมภีร์อัญเชิญหรือไม่? และเขาพาพวกเขาผ่านเข้าไปที่หุบเขามีดใช่ไหม?”  ราชาหลิงหวินตอบสนองแม้ว่าจะไม่ได้ใตร่ตรองลึกเกินไป แต่เขาคาดเดาการกระทำบางอย่างของจีอู๋ลี่
 “บางทีเขาอาจรังเกียจที่จะสู้กับเรา...”  องค์ชายเทียนหลัวและเสวี่ยทันหลางไตร่ตรองอย่างลึกซึ้ง
 “อย่างนั้น จีอู๋ลี่จะต้องลงมืออย่างดุเดือด”  เย่คงและคนอื่นที่อยู่กับเย่ว์หยางมายาวนาน พยายามอนุมานถึงเหตุผลการต่อสู้
 “จีอู๋ลี่ เจ้านั่นคงวางกำลังคนไว้ลอบทำร้ายเราใช่ไหม? ถ้าเป็นอย่างนี้จริงๆ เราอยู่ในอันตรายต้องถูกบังคับให้เดินไปข้างหน้า และยิ่งพบกับพื้นที่ทดสอบพวกเขาก็ยิ่งมีโอกาสเป่าเราทิ้งได้ง่ายเหมือนกับฝุ่น!  เจ้าอ้วนไห่ตะโกนและทำให้ราชาหลิงหวินมีสีหน้าสุดฝืน  ถ้าเป็นความจริงอย่างที่เจ้าอ้วนไห่พูด อย่างนั้นสามกลุ่มใหญ่จะตกอยู่ในภาวะจำยอม  ออกจากดินแดนทดสอบ เป็นไปได้ว่าจะต้องพบกับอันตราย จะไปต่อข้างหน้าความแข็งแกร่งก็ไม่เพียงพอ
ด้วยพลังที่น่ากลัวของประมุขตำหนักใหญ่จีอู๋ลี่และทหารที่บ้าคลั่งเกือบพันที่ซ่อนเร้นอยู่ในความมืด จะรับมือคนพวกนี้ได้อย่างไร?
เย่ว์หยางไม่รู้ว่าจะทำยังไงกับคนอื่น  แต่เขาไม่ยอมปล่อยสหายจากไปแน่
จากไปก็หมายความเข้าแผนของศัตรู
หมายถึงความตาย!
 “พวกเจ้าเข้าไปในคัมภีร์ก่อน  เราจะรับมือกับเหตุเปลี่ยนแปลงโดยใช้หลักการพื้นฐาน  ฮุยไท่หลางจะติดตามข้าอย่างใกล้ชิดไม่จากไปไหน”  เย่ว์หยางให้เจ้าอ้วนไห่ และเย่คงรวมทั้งสหายอื่นเข้าไปอยู่ในโลกคัมภีร์ของฮุยไท่หลาง ด้วยพลังของพวกเขาหากปล่อยให้เผชิญกับศัตรูเป็นไปได้จะถูกฆ่าทันที
 “แล้วเราจะทำยังไง?”  หัวหน้าของทั้งสามกลุ่มรู้แล้วว่าเหตุการณ์คับขัน  หน้าของพวกเขาบิดเบี้ยว ไม่รู้จะทำอะไรต่อไป
 “มีสองทางเลือก หนึ่งคือติดตามเราและฝ่าด่านหุบเขามีดและด่านทดสอบที่จะตามมา ไม่ใช่แค่หุบเขามีด  แต่ยังต้องผ่านด่านที่สามด้วย เรามีแต่ต้องเคลื่อนไปข้างหน้า  หลังจากผ่านสามด่านได้ การฝึกฝนที่นี่จึงถือว่าสำเร็จ แล้วข้าจะหาทางพาพวกเจ้าออกไป  ทางเลือกที่สองคือ พวกเจ้าจากไปเดี๋ยวนี้ ออกไปจากดินแดนฝึกฝนให้เร็วเท่าที่เป็นไปได้  หลังจากออกไปแล้ว ถ้าจะให้ดีให้ไปซ่อนตัวในเมืองเจิ้งฝู” เย่ว์หยางให้สองทางเลือก
 “พวกเราส่วนใหญ่ยังไม่แข็งแกร่งพอจะติดตามคุณชายสามได้....”  หัวหน้าคนหนึ่งส่ายศีรษะอย่างกระวนกระวาย
 “ข้าเพียงแต่พูดว่าจะพยายามดูแล  ข้าไม่อาจพูดว่าจะไม่มีใครไม่ได้รับบาดเจ็บเสียหาย ที่สำคัญนี่เป็นการทดสอบด้วยกฎส่วนบุคคล คนอื่นไม่สามารถช่วยได้”  เย่ว์หยางมีความสามารถพาทุกคนไปจากดินแดนทดสอบได้  แต่เขาไม่ใช่พี่เลี้ยงของนักรบแดนสวรรค์  เขาจะไม่ทำอะไรที่แสดงถึงความใจดี อย่าว่าแต่นำกลุ่มนักรบสามกลุ่มเหล่านี้ออกไปโดยปลอดภัยในครั้งนี้  แต่จะมีสักกี่คนที่ขอบคุณเขา?  บางทีหลังจากนั้นเย่ว์หยางอาจโดนกล่าวหาว่าหลอกลวงพวกเขา เมื่อครู่นี้ยังให้ฮุยไท่หลางส่งจดหมายไปให้พวกเขา  พวกเขาก็ยังไม่สนใจ แค่เพียงจุดนี้ เย่ว์หยางไม่สามารถเชื่อพวกเขาได้เต็มที่
 “ทำไมเราไม่ออกไปด้วยกัน? นี่จะทำให้ปลอดภัยมากขึ้นไม่ใช่หรือ?”  หัวหน้าคนหนึ่งค่อนข้างขลาดเขลาและไม่กล้าสู้กับจีอู๋ลี่ หัวหน้าประมุขตำหนักกลาง และเจ้าตำหนักทั้งสาม
จีอู๋ลี่ไม่ใช่นักสู้ของตำหนักธรรมดา ชื่อของเขาเป็นที่ยอมรับไปทั่วแดนสวรรค์
เทียบกับแดนสวรรค์ตะวันตก เมื่อเทียบกับสามจอมภพแดนสวรรค์ที่ถูกลืมไปแล้วหกพันปี ยังน่ากลัวยิ่งกว่า
พวกเขากับเย่ว์หยางมีความมั่นใจว่าสามารถท้าทายต่อสู้กับนักรบธรรมดาของตำหนักกลางได้แม้กระทั่งผู้อาวุโสของตำหนัก  แต่สำหรับจีอู๋ลี่ประมุขตำหนักใหญ่ ความกล้าหาญสุดท้ายของเขาไม่อาจยกระดับได้  ต้องรู้ไว้ว่าเหนือผู้อาวุโสและรองเจ้าตำหนักขึ้นไปก็เป็นเจ้าตำหนัก  สำหรับเจ้าตำหนักมิอาจเทียบพลังกับประมุขเจ้าหนักได้เลย
นอกจากนี้จีอู๋ลี่เป็นประมุขตำหนักใหญ่ เป็นบุรุษอันดับหนึ่งของสามเจ้าตำหนักใหญ่ในตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ มีบุคลิกแทบจะเทียบกับเทพเจ้าได้แล้ว
เย่ว์หยางยังคงมีสีหน้าสงบ  แต่ใจเขายอมยกเลิกการไล่ติดตาม และตอบตามปกติ “บางทีจีอู๋ลี่อาจจับตามองข้าอยู่แล้ว  ถ้าข้าไปกับทุกคน  อย่างนั้นอาจถูกทำลายล้างได้   ถ้าพวกเจ้าจากไป จีอู๋ลี่ไม่ง่ายนักกับการตามกับปตันคุ้ก  ข้าจะอยู่หุบเขาวายุ  ดังนั้นเขาจะไม่เบี่ยงเบนความสนใจไปจากข้า ดังนั้นพวกเจ้าอาจจะปลอดภัยที่สุดถ้าจากไปเดี๋ยวนี้!  ราชาหลิงหวิน สถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว ท่านสามารถตรองใหม่ได้”
ในที่สุดเย่ว์หยางก็ยังลองใจราชาหลิงหวินอีกครั้ง
ราชาหลิงหวินฟังแล้วกลัวว่าเย่ว์หยางจะสงสัยความจริงใจของเขา  เขาสาบาน “คุณชายสาม!  ในเมื่อหลิงหวินตัดสินใจแล้ว ข้าสาบานว่าจะติดตามท่านแน่นอน!
ถูไห่และหัวหน้าอีกสี่คนที่ตัดสินใจอยู่ต่อ  ยังคงไตร่ตรองและกล่าวว่าพวกเขาจะไม่จากไป พวกเขาตัดสินใจติดตามเย่ว์หยาง
ล้อเล่นหรือเปล่า สถานการณ์ตอนนี้ การอยู่กับคุณชายสามปลอดภัยที่สุด... พวกตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์มาถึงและจีอู๋ลี่ปรากฏตัวและหายไป สัญญาณทั้งหมดนี้แสดงถึงจุดเริ่มต้นของความวุ่นวายในแดนสวรรค์  ในยุคแห่งความวุ่นวายนี้ชีวิตของมนุษย์มีราคาถูก อาจกลายเป็นวีรบุรุษหรือไม่ก็ตายอย่างเดียวดาย
ติดตามคุณชายสามไม่จำเป็นต้องปกป้องชีวิต  แต่สามารถเป็นวีรบุรุษได้แน่นอน
จากไปตอนนี้ เป็นไปได้ว่าจะต้องพบกับการทำลายล้างครั้งใหญ่!
คนโง่เท่านั้นที่รีบจากไป!
 “ถ้าเป็นอย่างนั้นเราจะไปรอพวกท่านในเมืองเจิงฝู” หัวหน้ากลุ่มทั้งสามไม่เคยเห็นพลังที่แท้จริงของคุณชายสาม ดังนั้นเขาไม่ยินดีทุ่มเทชีวิตให้เขา  เขาตัดสินใจนำกลุ่มของพวกเขากลับ  พวกเขารู้สึกว่า พวกเขาทั้งสามกลุ่มพึ่งพากันและกัน ถ้าทางตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้มุ่งเน้นที่ล้อมฆ่า ก็น่าจะปลอดภัย
 “ระวังตัวด้วย”  ราชาหลิงหวินมีแรงกระตุ้นให้รู้สึกว่าสหายที่จะแยกจากไปนี้ อาจจะวิ่งออกไปหาความตายก็ได้
 “รักษาตัวด้วย ระมัดระวังให้มาก!  ถูไห่ก็มีความรู้สึกอย่างเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม เหตุผลบอกพวกเขาอย่างนั้น
ไม่ว่าพวกเขาจะโน้มน้าวอะไรในตอนนี้  คนพวกนี้ก็คงไม่ฟัง เพราะหลายอย่างยังไม่ย่ำแย่ถึงที่สุด  และนักรบของทั้งสามกลุ่มยังมีความหวัง
เพื่อนร่วมกลุ่มที่ไม่สามารถโน้มน้าวได้มองดูพวกเขาผ่านประตูเทเลพอร์ตซึ่งใช้งานโดยสามหัวใหญ่ ราชาหลิงหวินถอนหายใจไม่สามารถทนดูได้ เขาไม่รู้ว่าถูกหรือผิด แต่รู้ว่านักรบทั้งสามกลุ่มที่ออกไปตอนนี้ไม่ถูกแน่นอน
เย่ว์หยางถามชื่อของระดับหัวหน้าทั้งสี่ ซึ่งทำให้พวกเขาดีใจ
การสอบถามครั้งนี้คือการรับรอง
 “ข้ากุยซิน ส่วนเขาเป็นพี่ชายแท้ๆ ของข้าชื่อกุยเจิน!” บุรุษสองคนที่มีหน้าตาคล้ายกันแนะนำตัว พลังของพี่กุยซินน้อยกว่าราชาหลิงหวินเล็กน้อย ถ้าพวกเขาผนึกพลังสู้ พวกเขาสามารถเอาชนะได้ทั้งหลิงหวินและถูไห่ ส่วนอีกสองคน คนหนึ่งชื่อฉางซือ อีกคนหนึ่งชื่อเถี่ยว่าน ทั้งสองเป็นสหายของพี่น้องกุยซิน แม้ว่าพวกเขาจะมาจากที่ต่างๆ แต่เพราะคบกันมานาน พวกเขานับเป็นเพื่อนเก่า
 “หลิงหวินก่อนพบกับคุณชายสามเป็นทหารหน่วยเล็กของแดนสวรรค์บน” หลิงหวินและอีกสี่คนไม่คุ้นเคยกัน เขารีบถือโอกาสแนะนำตัวอีกครั้ง
 “ข้าคือถูไห่ เดิมทีเป็นเจ้าเมืองภายใต้บัลลังก์ราชาหลิงหวิน  เขารับผิดชอบปกป้องประตูแดนสวรรค์ให้ตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ และด้วยเหตุผลด้านพลังจึงทำให้ไม่เคยมีโอกาสเข้าแดนสวรรค์บนเลย” ถูไห่พูดแนะนำตัวเองอย่างเปิดใจกับทุกคน  เขายังหวังความเห็นใจจากเย่ว์หยาง หวังให้เย่ว์หยางไม่ปิดโอกาสเขาที่เป็นนักสู้ปราณฟ้าระดับสี่ชั้นสูง
 “แดนสวรรค์คือความหวัง และผู้คนต่างมุ่งมั่นทุ่มเทอย่างหนักเพื่อความก้าวหน้า!” เย่ว์หยางปลอบโยนด้วยสองประโยค
เขาเอายาเม็ดพลังยุทธออกมาหกเม็ดและแจกจ่ายให้ทุกคนคนละเม็ด
เมื่อราชาหลิงหวินได้รับยาเม็ดพลังยุทธคุณภาพดีที่สุด ซึ่งเป็นของที่หาได้ยากเย็นที่สุดแม้แต่ในแดนสวรรค์บน  เขาตกใจจนพูดไม่ออก  โดยเฉพาะอย่างยิ่งถูไห่แทบจะร้องไห้โฮออกมา  ด้วยยาเม็ดพลังยุทธนี้ เขาจะมีโอกาสบรรลุผ่านพลังปราณฟ้าระดับสี่ที่ไม่สามารถผ่านได้มาถึงเกือบพันปีแล้ว
พลังปราณฟ้าระดับห้าเป็นมาตรฐานขั้นต่ำสำหรับการเข้าแดนสวรรค์บน
บัดนี้ ในที่สุดก็มีความหวัง
สำหรับผู้ที่ไม่ได้รับการยอมรับมานานแล้วสามารถได้รับการยอมรับ ความปรารถนาที่เก็บกดอยู่ในใจมาหลายปีได้รับการปลดปล่อยผ่อนคลายต่อหน้าคุณชายสาม
ทันทีที่ท่านชูมือ รุ่งอรุณแห่งความหวังจะปรากฏ
นี่คือความสามารถของคุณชายสาม...ไม่สิ, นี่เป็นแค่การเริ่มต้น  ถ้าได้สร้างผลงานอันยิ่งใหญ่และได้รับอนุมัติจากเขาโดยตรง แดนสวรรค์บนที่ยังเป็นความฝัน จะไม่เป็นปัญหาอีกต่อไป?
 “มันล้ำค่าเกินไป คุณชายสาม!  เรายังไม่ได้ทำงานอะไรที่คุ้มค่าเลย”  ราชาหลิงหวินพูดจนคนอื่นกลัวไม่กล้ารับไว้ด้วย
 “เมื่อมีโอกาสในการได้รับรางวัล เรื่องยาเม็ดพลังยุทธไม่ต้องไปสนใจมาก สู้เพื่อให้ชนะก็พอ อย่าว่าแต่ยาเม็ดพลังยุทธเลย ต่อให้เป็นยาเม็ดเทพยุทธข้าก็ไม่เสียดาย” เย่ว์หยางโบกมือและโยนเหยื่อล่ออย่างยาเม็ดพลังยุทธออกไป  ถ้าท่านต้องการให้ม้าวิ่งเร็ว อย่าให้มันกินแต่หญ้าอย่างเดียว  แค่นั้นยังไม่พอ คนเราควรจะให้สิ่งของที่ถูกใจเพื่อกระตุ้นให้ทำงาน มิฉะนั้นใครจะทุ่มเทชีวิตทำงานให้?
 “ยาเม็ดเทพยุทธ?”  เย่ว์หยางพูดยาเม็ดเทพยุทธด้วยอารมณ์ที่ไม่กังวลใจแม้แต่น้อย ก็ยิ่งทำให้ราชาหลิงหวินตกใจหนักยิ่งกว่าเดิม
ยาเม็ดเทพยุทธเป็นตำนานยาเพิ่มพลังระดับเทพ
เจ้าตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์เพื่อให้ได้ยาเม็ดเทพยุทธนี้ยังต่อสู้กันเองโดยไม่สนใจความสามัคคี
เมื่อความแข็งแกร่งมาถึงความแน่นอนระดับหนึ่ง  สิ่งที่มีค่าที่สุดไม่ใช่การบรรลุระดับหรือพลัง  แต่เป็นศักยภาพ  เมื่อไม่มีศักยภาพนักสู้ปราณฟ้าหลายคนก็แค่อยู่ในระดับที่แน่นอนไปตลอดชีวิต ได้แต่มองดูคนอื่นไล่ตามทัน และแซงระดับพลังของตนขึ้นไป.. ถ้าท่านมียาเม็ดเทพยุทธ เรื่องนี้จะไม่เกิดขึ้น!  นั่นเป็นสาเหตุให้ยาเม็ดเทพยุทธทำให้นักสู้ถึงกับคลั่ง!
แน่นอนว่าเย่ว์หยางแค่โยนเหยื่อล่อ
เว้นแต่ราชาหลิงหวินจะกลายเป็นกัปตันคุ้ก บริวารผู้ภักดีของนางพญาเฟ่ยเหวินหลี มิฉะนั้นต่อให้เย่ว์หยางมียาเม็ดเทพยุทธมากมายก็คงไม่ให้พวกเขาแน่
ยาเม็ดเทพยุทธจะมีมากหรือไม่มากก็ตาม เย่ว์ซวงคงกินได้ไม่ต่างกับขนมถั่วกวน แต่คนภายนอกนั้นทำให้ความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้น
 “ข้าสาบานว่าจะขอสู้ตาย!  พวกราชาหลิงหวินตื่นเต้นจนหัวใจแทบกระดอนออกมานอกตัว  แน่นอนพวกเขาก็รู้ดีว่ายาเม็ดเทพยุทธมิใช่จะได้รับกันง่ายๆ   แต่บัดนี้มียาเม็ดพลังยุทธอยู่ในมือ พวกเขาไม่สนใจว่าตนเองจะยอมเชื่อเย่ว์หยางหรือไม่  แต่ขณะนี้พวกเขาลอบตัดสินใจแน่วแน่ แม้ว่าจะยากลำบาก พวกเขาจะต้องได้ยาเม็ดเทพยุทธสักครั้งในชีวิต  มิฉะนั้นชีวิตพวกเขาคงตายไปเปล่าๆ
ถ้ามีโอกาสเช่นนั้น ถ้าท่านไม่หวงแหนเอาไว้ เกรงว่าคนนอกคงจะรู้ว่าพวกเขามีชีวิตที่สูญเปล่า เกิดมาแล้วก็ตายไป
ตอนนี้ราชาหลิงหวินรู้สึกว่าพวกเขาโชคดีอีกครั้ง
โชคดีที่เลือกติดตามคุณชายสามอย่างแน่วแน่  มิฉะนั้นจะได้รับยาเม็ดพลังยุทธได้ยังไง? เป็นไปได้หรือไม่ที่จะมีความหวังได้รับยาเม็ดเทพยุทธ?
ในหุบเขามีด
เงาร่างล่องหนปรากฏอยู่เหนือหนูทองค้นสมบัติ
การมาถึงของพวกเขา ผู้อาวุโสตำหนักทั้งสองไม่รู้อะไร
หนึ่งในร่างเงารู้ทันทีเมื่อเห็นหนูทองค้นสมบัติและร่างเงาเลียนแบบ และในที่สุดอดชื่นชมอย่างจริงใจไม่ได้ “เป็นคู่หูที่ดีที่สร้างมาใช้ในการรบในแดนสวรรค์ นึกไม่ถึงเลยว่าเขาจะฉลาดคล่องแคล่วอย่างนั้น หาได้ยากจริงๆ”
 “หลานฟง, หนูทองค้นสมบัตินี้ด้วยฝีมือของช่างในตำหนักของเจ้าสามารถสร้างได้ไหม?”  ร่างเงาอีกร่างประหลาดใจ
 “เป็นไปไม่ได้ คนพวกนั้นไม่สมควรหิ้วรองเท้าให้กับผู้สร้างหนูทองนี้ด้วยซ้ำ มันน่าทึ่งมาก สามารถอยู่ในสถานการณ์พรางตัวของเราได้แล้วส่งข้อมูลให้เจ้านายทำให้สองผู้อาวุโสเหมือนตัวโง่งมได้... ว่านม่อเจ้าเห็นคู่ต่อสู้สามารถรอดชีวิตจากผู้อาวุโสตำหนักได้ไหม?”  บุรุษชื่อหลานฟงเจ้าตำหนักไฟคนที่อวี่ป๋อพูดถึง  ในตำหนักกลางทั้งหมด เขาอาจถูกจัดไว้ในห้าสุดยอดหรือสามสุดยอดก็ได้
 “เจ้าชิงเอามาเลยได้ไหม?”  บุรุษชื่อว่านม่อถาม
 “แม้ในที่อย่างนี้ คงไม่สามารถชิงมาได้สำเร็จ  อาจจะทำลายก็ได้”  แต่บุรุษผู้ลึกลับที่สุดซึ่งอยู่ตรงกลางพูดขึ้น  เขาคือประมุขใหญ่ตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ จีอู๋ลี่
 “อะไรนะ?  แม้แต่ท่านก็ไม่สามารถทำลายได้หรือ?”  บุรุษชื่อว่านม่อตกใจ
 “นี่มันอสูรที่มีคุณสมบัติทางโลหะ พวกมันคงจะถูกหลอมรวมมาห้าตัวหรือหนึ่งตัว และเจ้าตัวเล็กนี้สามารถซ่อมแซมได้ตัวได้ในคัมภีร์อัญเชิญ” หลานฟงให้ความเห็น
 “ข้าเกลียดของดีๆ ที่ข้าหาไม่ได้และทำลายไม่ได้จริงๆ...”  บุรุษชื่อว่านม่อโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง  เขากล่าวในที่สุด “เมื่อเห็นอสูรที่ยอดเยี่ยมของศัตรูแล้ว รู้สึกไม่สบายใจจริงๆ เห็นแล้วอยากจะซัดผู้อาวุโสตำหนักสักตุ้บสองตุ้บ!  ศัตรูดีกว่า แต่พวกเขากลับโง่กว่า มีหนูน้อยวิ่งอยู่รอบตัว พวกเขากลับไม่พบเจอ เป็นผู้อาวุโสประสาบ้าอะไรกัน  แม่มันเถอะ ข้าไม่ได้ระบายอารมณ์แล้วพาลจะบ้าตาย!
 “พวกเขาเป็นคนของตำหนักแสงจงหัว  ถ้าเจ้าทำอะไรพวกเขา จงหัวจะต้องกล่าวโทษเจ้าตำหนักมืดต่อสาธารณชนแน่”  หลานฟงหัวเราะลั่น
 “.....” ว่านม่อพูดไม่ออก
 “ถ้ารู้สึกเบื่อ ก็ไม่จำเป็นต้องทำอะไร ก่อนอื่นแค่ไล่จับตาดูหัวหน้าโจรสลัดคู่สงครามนี้อย่างช้าๆ ไปก่อน”  จีอู๋ลี่คนที่อยู่ตรงกลางโบกมือ อีกหกคนหายไป เหลืออยู่แต่ผู้อาวุโสที่ยังไม่รู้อะไร
ด้านนอกหุบเขามีด เย่ว์หยางยิ้มมุมปากและปิดคัมภีร์อัญเชิญ

6 ความคิดเห็น:

krisda กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Boybravo กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

sarinnan กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

akekapoj-tee กล่าวว่า...

ขอบคุณมากครับ

chay กล่าวว่า...

เย่รู้ตัวแล้วนะ 555

แสดงความคิดเห็น