ตอนที่ 804
ศัตรูที่มองไม่เห็น บุรุษผมงู
หุบเขาทราย
ตามเส้นทางที่บันทึกไว้ในแผนที่
เย่ว์หยางพาฮุยไท่หลาง เจ้าอ้วนไห่และพวกพ้องมาถึงทางเข้าวิหารปีศาจดิน
เมื่อเห็นทางเข้า
เย่ว์หยางอดสบถด่าผู้เฒ่าฟงป๋อมิได้
ตาแก่งี่เง่า
หัวขึ้นสนิมหมดแล้ว
เหตุผลที่เดินไปตามเส้นทางในแผนที่นั้นถูกต้องแล้ว
แต่มีเส้นทางหลายสายที่ไม่จำเป็นเลย เป็นเส้นทางเปล่าๆ ไม่มีอะไร
แผนที่ซึ่งผู้เฒ่าฟงป๋อให้มานั้นก็เหมือนกับวิธีพูดของเขาที่วกไปเวียนมาไม่รู้จักจบ
จนในที่สุดเย่ว์หยางค้นพบว่าถ้าใช้เส้นทางที่ดีที่สุดจะลดระยะทางได้ถึงสองในสาม นอกจากนี้ยังไม่ต้องเสี่ยงกับสัตว์ประหลาดที่คอยดักซุ่มทำร้ายระหว่างอย่างแมงมุมทรายเป็นต้น
“ช่างเถอะน่า,
ไปถึงปลายทางยังดีกว่าได้แผนที่มาผิดๆ”
เสวี่ยอู๋เสียออกมาจากโลกคัมภีร์ของเย่ว์หยาง
เมื่อนางออกมาไม่เพียงแต่เสวี่ยทันหลางเท่านั้น แม้แต่เจ้าอ้วนไห่
เย่คงและคนอื่นกลายเป็นเหมือนเด็กน้อยทันที
นอกจากจื้อจุนแล้ว
เสวี่ยอู๋เสียสง่าโดดเด่นมีศักดิ์ศรีที่สุด
นางจะดูน่ากลัวเมื่อพูดน้อยกว่าปกติ
การจัดการยังไม่ลงตัวนัก
นี่เป็นเรื่องเกี่ยวกับอารมณ์และบุคลิกภาพส่วนบุคคล
เกี่ยวข้องกับความแข็งแกร่งบ้างเล็กน้อย ตัวอย่างเช่น เย่ว์หวี่ต่อให้นางแข็งแกร่ง
ก็ไม่มีทางที่นางจะทำอย่างเสวี่ยอู๋เสียได้
“วิหารปีศาจดินดูเหมือนว่าจะแปลกประหลาดอยู่บ้าง” หลังจากต่อสู้ครั้งก่อนและได้เลื่อนระดับพลังทักษะแฝงเร้นหกรับรู้ของนางสามารถรู้สึกได้
ปกติ
เมื่อทักษะแฝงเร้นหกรับรู้ของนางจะแข็งแกร่งที่สุดต้องเป็นตอนต่อสู้
หกรับรู้กับสี่สัญลักษณ์อสูรตามตำนานรวมกันเป็นหนึ่ง
นั่นคือองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนที่แข็งแกร่งที่สุด
เย่ว์หยางขมวดคิ้วเล็กน้อย
ทางเข้าวิหารปีศาจดินมีวังวนทรายดูดขนาดมหึมา
ตรงกลางลึกมืดไม่เห็นก้นมีพลังน่ากลัว มีกระแสฉุดกระชากเหมือนใต้ท้องทะเล
ทุกคนรู้สึกได้ชัด แต่พื้นที่โดยรอบมองดูผิวเผินเงียบไม่มีชีวิต
ในหุบเขาทรายจะมีแมลงปีศาจหรือแมงมุมที่น่ากลัวคอยจับมนุษย์กิน
พวกมันซุ่มอยู่เป็นกลุ่มภายใต้พื้นทราย
เมื่อสิ่งมีชีวิตผ่านเข้ามา
พวกมันจะออกมาลากเหยื่อลงไปในหลุมทรายลึกไม่มีที่สิ้นสุดอย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตามภายในระยะสิบกิโลเมตรของวังวนทรายดูดไม่มีสิ่งมีชีวิตคงอยู่
เหมือนกับว่ามีสิ่งมีชีวิตบางอย่างที่เป็นตัวทำลายล้างคงอยู่ที่นี่
ทำให้พวกมันต้องหลบหลีกหนีไปจนไกล
เสวี่ยอู๋เสียปิดคัมภีร์แห่งสัจจะและส่ายหน้าเล็กน้อย นางถามเย่ว์หยาง
“คัมภร์แห่งสัจจะไม่ได้แสดงอะไรมากนัก มีแต่จุดมืดอยู่จุดหนึ่ง เจ้าเล่า? เห็นอะไรบ้างไหม?” นางรู้ว่าสายตาของเย่ว์หยางมองเห็นความจริงได้
แม่นยำมากกว่าคัมภีร์ของนางเองเสียอีก
เย่ว์หยางส่ายศีรษะ
“ข้าสังเกตเห็นแต่เพียงพลังผนึกอ่อนๆ ส่วนที่อื่นไม่สามารถมองเห็นได้”
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเมื่อได้ยินก็ตกใจเล็กน้อย “ถ้าเป็นอย่างนี้จริงๆ อย่างนั้นเส้นทางของเราจะมีอันตรายมากขึ้น พลังผนึกอ่อนแอลงหมายความว่าศัตรูอาจหลุดพ้นจากผนึก
จอมปีศาจลี่ตี้อาละวาดในแดนสวรรค์เมื่อหลายพันปีที่แล้ว
ถ้าเราต้องเผชิญกับเขาโดยตรงคงต้องพบกับความยากลำบากแสนเข็นแน่ แม้ว่าจะยังไม่อยู่ในสภาพเลวร้ายที่สุด
แต่มีลางสังหรณ์บอกว่าการหาโองการมารฟ้าไม่ใช่เรื่องดี!”
“ไม่เข้าถ้ำเสือ แล้วจะได้ลูกเสือหรือ”
เย่ว์หยางถีบฮุยไท่หลางที่ยังลังเลให้นำหน้าก่อน จากนั้นพาสองสาวกระโดดตาม
“นี่คือเส้นทางสร้างชื่อเสียงก้องโลก จะต้องเริ่มขึ้นจากศึกนี้”
เจ้าอ้วนไห่พยายามให้กำลังใจตนเอง
“พูดมาก”
เย่คงอยู่ด้านหลังเขา
เจ้าอ้วนไห่ชะงักเท้าและขาสั่น
เมื่อพวกเขากระโดดลงไปที่เบื้องหลังก้นเหวลึกก็พบว่ายังคงมีโลกอีกโลกหนึ่งอยู่ข้างหลัง
พลังผนึกกระจายอย่างต่อเนื่องทั่วบริเวณ
ทั้งพื้นดินพื้นฟ้าไม่มีแสงแม้แต่น้อย ไม่มีเมฆ ไม่มีน้ำ ดิน โลกที่ไม่มีสิ้นสุดมีแต่หินดำหรือลาวาสีดำ
ลาวาสีดำเหล่านี้อุณหภูมิสูงยิ่งกว่าหินแมกม่าเสียอีก
แม้แต่หินดำเหล่านี้ก็ยังถูกเผาผลาญ คลื่นความร้อนทำให้คนแทบไม่กล้าเข้าใกล้ ฮุยไท่หลางแลบลิ้นเลียและดูสีหน้าของเจ้าอ้วนไห่แสดงอาการรู้สึกร้อนรุ่ม
เย่ว์หยาง
เสวี่ยอู๋เสียและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนทั้งสองไม่สนใจ และมองดูรอบๆ อย่างระมัดระวัง
หือ?
เขาประหลาดใจเมื่อพบว่ามีต้นไม้
ต้นไม้ปีศาจสีดำไม่มีกิ่งและใบ
มีแต่ลำต้น รากบิดเป็นเกลียวขนาดใหญ่ และมีปมไม้ดูเหมือนหน้าและหัวคน เมื่อเย่ว์หยางเข้าไปใกล้
ต้นไม้ปีศาจที่น่าเกลียดเหล่านี้จะแกว่งโบกกิ่งเหมือนกับพยายามจะจับเขา
และยังมองเห็นความรู้สึกอำมหิตกระหายเลือดปรากฏอยู่บนใบหน้าของต้นไม้ เมื่อเย่ว์หยางพบเห็นต้นไม้ปีศาจเหล่านี้ ไม่ทราบว่าพื้นที่รอบๆ
มีเงาภูตผีแทรกออกมาจากช่องว่างรอยแยกหินตั้งแต่เมื่อไหร่ มันน่าเกลียดแต่ไม่ใช่ปีศาจร้าย แต่เกิดจากความคิดชั่วร้าย... ถ้าร่างเงาสำนึกศักดิ์สิทธิ์ที่สุดยอดฝีมือทิ้งเอาไว้ที่บันไดสวรรค์เป็นพลังด้านบวก พวกพลังเงาภูตผีเหล่านี้เป็นพลังงานด้านลบ
ต้นไม้ปีศาจ
และปีศาจโหยหวน น่าจะเป็นสำนึกปีศาจและพลังงานด้านลบของจอมปีศาจลี่ตี้
วิหารปีศาจดินไม่มีทางเข้า
แต่มีสัตว์ประหลาดมากมาย
เสวี่ยอู๋เสียขมวดคิ้วเบาๆ
ดูเหมือนว่าจอมปีศาจลี่ตี้จะไม่ได้น่ากลัวจริง
นางเห็นเคยพบเห็นร่างเงาสำนึกศักดิ์สิทธิ์ที่ผู้อาวุโสรุ่นก่อนทิ้งไว้ที่บันไดสวรรค์
แต่เงาปีศาจโหยหวนและต้นไม้ปีศาจไม่ได้อ่อนแอต่างจากเงาสำนึกศักดิ์สิทธิ์ขั้นที่ต่ำกว่าพัน
จอมปีศาจลี่ตี้นี้ยังคงถูกผนึกและถูกกฎสวรรค์ลงทัณฑ์อยู่
จะเป็นยังไงถ้าจอมปีศาจลี่ตี้ได้รับอิสรภาพ? พลังงานด้านลบจะน่ากลัวกว่าปัจจุบันนี้ได้สักร้อยเท่าหรือเปล่า?
“พวกเจ้ารั้งอยู่
พยายามกำจัดไม้ปีศาจและวิญญาณร้ายเหล่านี้ให้ได้
เราจะหาทางเข้าวิหารปีศาจดินที่แท้จริง แล้วค่อยกลับมารับพวกเจ้า” เย่ว์หยางรู้สึกว่ามีฮุยไท่หลาง รวมทั้งเจ้าอ้วนไห่และคนอื่นอยู่ด้วยถือว่ามีพลังเพียงพอไม่น่ามีปัญหาอะไรกับการอยู่ที่นี่
เขาพาเสวี่ยอู๋เสียและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนข้ามสัตว์ประหลาดจำนวนมากที่ค่อยๆ
ล้อมเข้ามา และบินไปที่ซึ่งพลังงานชั่วร้ายแผ่ออก...
“ระวังตัวด้วยทุกคนอย่าได้ตกลงไปในหิน สัตว์ประหลาดเหล่านี้ไม่กลัวความร้อน
คาดว่าพวกมันจะซุ่มรอลอบทำร้ายเราอยู่ข้างล่าง” องค์ชาย์เทียนหลัวพบว่าเขาอ่อนแอที่สุดในสนามที่นี่ ความสามารถและอสูรปีกเพลิงของเขาไม่สามารถขัดขวางศัตรูได้
ไม่สามารถตัดการสนับสนุนของศัตรูได้
โชคดีมีเสวี่ยทันหลางอยู่ด้วย
พลังน้ำแข็งของเขาเป็นดาวข่มสัตว์ประหลาดที่นี่ พลังที่นี่อาจเกินขีดจำกัด อาจจะทำให้เจ้าสูญเสียพลังของตนเองก็ได้
เสวี่ยทันหลางไม่ใจเย็นแล้วในครั้งนี้ เขาเรียกอสูรพายุสายฟ้าเปลี่ยนพื้นที่รอบๆ
เป็นโลกน้ำแข็ง
“ลุย!”
เย่คงและพวกรู้ว่าร่างกายกำลังลอยขึ้น
แต่สัตว์ประหลาดเหล่านั้นเริ่มเคลื่อนไหวอย่างน่ารังเกียจ
“ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว!”
นางนวลสายลมของเจ้าอ้วนไห่เริ่มโจมตีก่อน
มันยิงแสงสายฟ้าออกไปที่ต้นไม้ปีศาจ
ใบหน้าที่ปรากฏบนต้นไม้ปีศาจบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด แต่ยังคงเงียบ
ทุกคนจินตนาการว่านั่นเป็นความเสียใจไห้หวนอย่างหนึ่ง
สายฟ้าไม่สามารถฆ่าต้นไม้ปีศาจให้ได้ตาย
มันฟื้นฟูด้วยความเร็วที่มองเห็นด้วยตาเปล่า
เนื้อลำต้นที่ร่วงหล่น
ค่อยๆ ฟื้นตัว
แม้แต่กิ่งที่ร่วงตกไปบนพื้นหินหลอมละลายก็ฟื้นตัวเป็นกิ่งใหม่ไม่มีสัญญาณของความตาย
เมื่อนางนวลสายลมเห็นว่าการโจมตีไม่ได้ผล
มันพ่นลมเย็นพร้อมกับใบมีดน้ำแข็งใส่ต้นไม้ปีศาจอีกครึ่งหนึ่งที่เหลือ ต้นไม้ปีศาจถูกแช่แข็งทันที
สีหน้าของมันชะงักค้างเป็นครั้งแรก
หลังจากนั้นชั่วขณะก็ฟื้นขึ้น ใบหน้าของมันแสดงอาการหวาดกลัว
ปากของมันพ่นลมร้อนออกมาหลอมละลายน้ำแข็ง...
“โชคดีที่น้ำแข็งส่งผลต่อมัน” เย่คงลอบปาดเหงื่อเยียบเย็น
“โอว ยาหยีของข้า, เจ้าเข้าใจวิธีใช้พลังน้ำแข็งด้วยหรือ?” เจ้าอ้วนไห่จับนางนวลสายลมและจูบมันทันที ในทางตรงกันข้ามนางนวลสายลมกลับเบือนหน้าหนี
“ใครเป็นเจ้านายกันแน่?”
พี่น้องตระกูลหลี่ชักจะสับสน ในเมื่ออสูรฉลาดมากกว่าเจ้านาย ใครควรจะพูดคำนี้แน่
“เปลี่ยนอาวุธทุกอย่างให้มีคุณสมบัติด้านน้ำแข็ง"
คำพูดขององค์ชายเทียนหลัวเท่ากับเป็นการประกาศเริ่มต้นต่อสู้
อีกด้านหนึ่งเย่ว์หยางบินห่างออกไปห้าสิบกิโลเมตรและพบหน้าผาสูงดำ
ครึ่งหนึ่งของหน้านี้ถล่มทลายไปแล้ว
เย่ว์หยางและหญิงสาวทั้งสองบินลงไปและพบเจอถ้ำกว้างใหญ่
วิหารปีศาจดินคือสิ่งก่อสร้างในถ้ำหินโดยการเจาะเข้าไปในหิน
ตามพื้นผิวเสาหินจะสลักลึกสร้างเป็นวงเวทผนึกลึกลับ วงเวทผนึกนี้ไม่ใช่ผนึกของจอมปีศาจลี่ตี้
แต่เป็นผนึกของวิหารดินนี่ซึ่งไม่สามารถทำลายได้ง่ายๆ อะไรก็ตามที่พยายามโจมตีใส่วิหารปีศาจดินจะสะท้อนกลับไปโจมตีผู้นั้นด้วยอิทธิพลพลังของผนึกนี้
ไม่ต้องกังวลว่าจะต้องรีบเข้าไปดู
เย่ว์หยางคงจะค้นคว้าวิธีการทำงานของวงเวทผนึกยักษ์นี้เสียก่อน
วิหารปีศาจดินสูงประมาณร้อยเมตร
ในสายตาของเย่ว์หยางถือว่าเป็นแค่ปราสาทขนาดเล็กเท่านั้น
ทุกอย่างมองดูเหมือนปราสาท
แต่สิ่งที่แตกต่างกันก็คือปราสาทนี้ไม่ได้ก่อสร้างด้วยหิน
แต่สร้างขึ้นด้วยน้ำแข็ง เป็นพลังผนึกน้ำแข็งสุดยอด
พลังกฎสวรรค์ที่ไร้เทียมทานยังรักษอุณหภูมิของน้ำแข็งให้ต่ำกว่าศูนย์
เย่ว์หยางลองวางเท้าบนปราสาทน้ำแข็งชั้นแรก
ปรากฏว่าขาของเขาถูกแช่แข็ง
“น่ากลัวยิ่งนัก” เย่ว์หยางสีหน้าเปลี่ยน
สิ่งที่น่ากลัวที่สุดไม่ใช่พลังน้ำแข็ง
แต่เป็นการควบคุมพลังกฎสวรรค์ด้วยหลักการที่ถูกต้อง
พลังของน้ำแข็งหลักจากผนึกขาของเย่ว์หยางก็ไม่ลามขึ้นไปต่อ
พลังกฎสวรรค์ซึ่งถูกควบคุมไว้ได้เป็นอย่างดีหลังจากผู้ใช้ไม่อยู่แล้ว
ทำให้เย่ว์หยางทึ่งและเป็นการเปิดโลกทัศน์ใหม่ให้กับเขาให้ได้มีความรู้และประสบการณ์ในการใช้พลังกฎสวรรค์มากขึ้น
เขาเอื้อมมือโอบและค่อยๆ
ยกองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและเสวี่ยอู๋เสียด้วยกัน ให้ทั้งสองนั่งบนบ่าของเขาและเดินแบกเข้าไปในวิหารปีศาจดิน
นี่คือพื้นที่เดียวที่เย่ว์หยางสามารถทะลวงผ่านเข้าไปได้
หากไม่มีพลังจักษุทิพย์และความรู้ที่พี่สาวแม่สี่ตกทอดมาให้เขา
เขาคงไม่สามารถทำเช่นนี้ได้
ในวิหารปีศาจดินทุกคนจะต้องเดินด้วยเท้า
ซึ่งก็หมายความว่าทุกคนจะต้องถูกแช่แข็งขาทั้งสองจึงจะเข้าปราสาทนี้ได้
เย่ว์หยางอุ้มองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและเสวี่ยอู๋เสียและเดินเข้าไปโดยไม่ได้ละเมิดกฎการเดินด้วยเท้า
เขาแค่ใช้ประโยชน์จากช่องว่างของกฎสวรรค์เล็กน้อย และคิดว่าในอนาคต คนอื่นๆ
คงไม่สามารถใช้วิธีนี้ได้
“ยินดีต้อนรับ
เป็นเวลาหลายปีมาแล้วที่ไม่มีอาคันตุกะมาเยือนปราสาทแห่งนี้
ข้าไม่คิดเลยว่าจะมีอาคันตุกะถึงสี่คนเข้ามาวันนี้
เหมือนกองไฟที่อบอุ่นจริงๆ!” เสียงที่ไพเราะเหมือนบัณฑิตผู้คงแก่เรียนดังมาจากภายในส่วนลึกของปราสาท
“สี่คน?” เย่ว์หยางหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย
เดิมทีพวกเขาก็มีกันสามคน ใครคือคนที่สี่?
“ข้านึกไม่ถึงเลยว่าเด็กน้อยผู้รอบคอบกับคัมภีร์ที่แทบใกล้เคียงระดับเทพจะมองไม่เห็นการพรางตัวของข้า
แต่ข้าผู้เป็นใหญ่ที่นี่กลับมองเห็นได้พลันทันที
นี่แหละจอมปีศาจลี่ตี้แห่งแดนสวรรค์ตัวจริง!” มีเสียงหนึ่งดังอยู่ด้านหลังเย่ว์หยาง
ในความมืดมีเงาร่างบุรุษรูปงามผู้หนึ่งเผยชุดคลุมให้เห็นลักษณะของเขา
ผมของเขาเป็นงู เย่ว์หยางเหมือนจะยิ้มมองดูเงาสะท้อนของเขาจากผิวน้ำแข็ง
เห็นเขี้ยวทั้งสี่ของเขาเหมือนกับผีดูดเลือดและลิ้นสองแฉกเหมือนงู
6 ความคิดเห็น:
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับผม
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณมากครับ
อ้าว...พี่เย่ถูกลูบคมแล้ว
แสดงความคิดเห็น