วันอาทิตย์ที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2562

เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ตอนที่ 809 จริงคือเท็จ เท็จคือจริง


ตอนที่  809  จริงคือเท็จ เท็จคือจริง
เย่ว์หยางหลังจากตรวจสอบกฎสวรรค์ประจำวิหารปีศาจดินซ้ำแล้วซ้ำเล่า ที่นี่มิใช่ว่าถึงกับเรียกอสูรอัญเชิญไม่ได้ เพียงแต่เรียกออกมาแล้วไม่สามารถสั่งให้ต่อสู้ได้  มิฉะนั้นจะถูกกฎสวรรค์ลงโทษ  นี่คงเป็นผนึกที่คนรุ่นจอมปีศาจลี่ตี้สร้างขึ้นเพื่อป้องกันจอมปีศาจลี่ตี้หลบหนี  เป็นไปไม่ได้ที่จะหลบหนีไปจากวิหารปีศาจดินโดยไม่ใช่พลังของอสูรศึก
 
นอกจากไม่สามารถใช้งานอสูรศึกแล้ว ในวิหารปีศาจดินจะใช้การกลั่นควบพลังโจมตีตามชอบใจไม่ได้
เมื่อกลั่นควบพลังโจมตี นั่นจะเป็นการกระตุ้นกลไกการทำงานของผนึก
จอมปีศาจลี่ตี้ไม่ยอมโจมตีง่ายๆ  และกฎสวรรค์ที่ลงโทษจะถูกเปลี่ยนส่งไปที่อสูรพิทักษ์ที่อยู่ในรูปชายชราผมขาวโดยทักษะแฝงเร้นคืนสนองและกระจกทนทุกข์  เขาไม่กล้าสะสมพลังของผนึกไว้
อสูรปีศาจเดิมทีคิดว่าสามารถประเมินเย่ว์หยางได้โดยใช้กฎสวรรค์ประจำวิหารปีศาจดิน
ไม่มีใครคิดว่าเย่ว์หยางจะสามารถมองออกได้ทันที
ที่ทำให้เขาประหลาดใจที่สุดก็คือการปรากฏของเพลิงอมฤต
 ตาย!
ชายชราผมขาวผู้ถูกโซ่เก้าเส้นล่ามแขวนอยู่ในอากาศพยายามดิ้นรนดึงกระชากโซ่น้ำแข็งจนกระทั่งเท้าของเขายืนแตะอยู่บนพื้น พลังเยือกแข็งที่น่ากลัวกระจายผ่านเท้าของเขาลึกลงไปในดินและตรงไปที่เท้าของเย่ว์หยาง  แม้จะมีเพลิงอมฤตคุ้มครองแต่เท้าของเย่ว์หยางถูกแช่แข็งทันที พลังไฟกับพลังน้ำแข็งปะทะกัน แม้ว่าเพลิงอมฤตจะไร้พ่าย แต่พลังน้ำแข็งที่ชายชรารุกโจมตีอยู่นั้นกลับได้เปรียบอยู่สองสามวินาที
 “ไปลงนรกเสียเถอะ!  จอมปีศาจลี่ตี้ไม่ยอมให้เย่ว์หยางมีโอกาสเรียกคัมภีร์อัญเชิญ ไม่ว่าการเรียกอสูรออกมาจะมีประโยชน์หรือไม่ เขาจะไม่ให้โอกาสเย่ว์หยางตอบโต้กลับ
ด้วยความเร็วยิ่งกว่าแสงร้อยเท่า
ขวานวิเศษในมือของจอมปีศาจลี่ตี้เงื้ออยู่เหนือศีรษะเย่ว์หยางฟันลงทันที
เย่ว์หยางประกบมือรับคมขวานเหนือศีรษะ 
ดาบเทพจักรพรรดิอวี้ขององค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนที่ฟันเป็นแนวตรงไม่มีผลอะไร  เพราะพลังของนางทำทำได้แค่สร้างรอยขีดตื้นๆ บนเกราะปีศาจฟ้าศักดิ์สิทธิ์ซึ่งมีคุณภาพดีที่สุด ไม่สามารถทำอันตรายจอมปีศาจลี่ตี้ได้  พลังโจมตีของเสวี่ยอู๋เสีย ถูกกระจกทนทุกข์สะท้อนกลับไปที่ขา
มือของจอมปีศาจลี่ตี้ปกคลุมไปด้วยน้ำแข็ง เขายกเท้าข้างหนึ่งยันใส่หน้าอกเย่ว์หยาง
ท่าเท้านั้นพุ่งออกมาเหมือนค้อนสายฟ้า เย่ว์หยางไม่อาจขยับไหล่ได้
เขาหงายตัวงอเอวไปด้านหลัง
ในท่าสะพานเหล็ก
เย่ว์หยางหลบพ้นท่าเท้ายันของจอมปีศาจลี่ตี้ทั้งที่มือยังประกบจับขวานยักษ์  จอมปีศาจลี่ตี้คิดจะใช้เท้ายันใส่อีกครั้ง แต่แขนอกและท้องถูกบิดไปมาอย่างต่อเนื่อง ขณะนั้นจอมปีศาจลี่ตี้ใช้กระจกทนทุกข์ที่อยู่ในมือขวาช่วยเหลือช่วยสะท้อนพลังเตะ  ลูกเตะนั้นเตะใส่ร่างของเย่ว์หยางที่กำลังหมุนตัว
สถานการณ์ต่อสู้ดูเหมือนจะไม่มีประโยชน์  แต่เย่ว์หยางพลิกตัวบิดกลับไปกลับมาทันที
แค่เพียงหลบการหมุนเตะของจอมปีศาจลี่ตี้
ไม่ว่าจะเป็นจังหวะเวลาและระยะเตะ เย่ว์หยางคำนวณไว้อย่างแม่นยำ
จอมปีศาจลี่ตี้เตะใส่อากาศและเปลี่ยนการตัดสินใจ   และเพลิงอมฤตของเย่ว์หยางละลายพลังน้ำแข็งที่แข็งแกร่งของชายชราผมขาว และฟื้นฟูสภาพเย่ว์หยางอย่างสมบูรณ์  เย่ว์หยาง เสวี่ยอู๋เสียและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนตั้งกระบวนรบในรูปสามเหลี่ยม
ที่อกของเขามีรอยเท้าอย่างชัดเจนและรอยเท้าเดียวกันนั้นปรากฏให้เห็นบนผนังน้ำแข็งห่างออกไปหลายสิบเมตร
พลังระเบิดที่ซึมผ่านตัวเขาไปได้นั้นน่ากลัวมาก
ผลลัพธ์ที่น่าสะพรึงกลัวนี้
ถ้าหากปล่อยให้จอมปีศาจลี่ตี้โจมตีโดนเต็มที่ ยากจะคิดถึงผลที่ตามมาได้จริงๆ
ที่มุมปากของเย่ว์หยางมีเลือดซึมออกมาช้าๆ แม้ว่าจะไม่โดนโจมตีอย่างเต็มที่ แต่หากปล่อยให้จอมปีศาจลี่ตี้เตะถูก คงจะบาดเจ็บหนักหนาสาหัส  โชคดีที่ประสบการณ์การต่อสู้ของเย่ว์หยางและทักษะการต่อสู้ของเขาดีกว่าสหายทุกคน และเสวี่ยอู๋เสียกับองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนยังช่วยหันเหความสนใจอยู่ด้านข้าง  หากเปลี่ยนเป็นคนอื่นคงปล่อยให้จอมปีศาจลี่ตี้ฆ่าไปแล้ว
 “เจ้าจะไม่มีทางโชคดีอย่างนั้นอีก”  จอมปีศาจลี่ตี้ไม่เชื่อว่าการโจมตีอีกครั้ง เจ้าเด็กผู้นี้จะหลบหลีกได้อีก
 “เหลวไหล, อย่านึกว่าเจ้ามีอายุยืนเป็นหมื่นปีดีกว่า!  เย่ว์หยางเช็ดเลือดที่มุมปาก  ตอนนี้ในที่สุดเขาก็รู้ได้ ในที่สุดได้พิสูจน์ผลลัพธ์ว่ามีผลเช่นเดียวกับที่จักษุทิพย์ของเขามองเห็น วิหารปีศาจดินยังมีช่องว่างแห่งกฎอย่างหนึ่ง
จอมปีศาจลี่ตี้พบช่องโหว่ของกฎสวรรค์นี้  เขาเองก็พบเช่นกัน
คัมภีร์อัญเชิญของเย่ว์หยางเปล่งแสงสว่างวาบ
เขาไม่ได้เรียกอสูร  แต่ตัวคัมภีร์เอง และโลกคัมภีร์ยังคงมีอยู่ไม่จำเป็นต้องอัญเชิญ แม้แต่ในพื้นที่ต้องห้าม ก็ยังไม่สามารถหยุดสภาพสนามพลังที่วุ่นวายจากการปรากฏขึ้นมาเองของคัมภีร์  เมื่ออสูรโลกคัมภีร์ปรากฏออกมา ไม่ต้องพูดเรื่องให้พลังสนับสนุนเย่ว์หยางผู้เป็นนาย แค่พื้นที่โดยรอบตัวมัน ต่อให้เป็นวิหารปีศาจดินก็ตามก็ยังถูกดูดซับพลังงานเหมือนกับหลุมดำที่ขยายขึ้น.. ไม่มีอะไรหยุดมันได้ เป็นไปตามที่เย่ว์หยางคาด (อสูรโลก) มันเป็นอสูรชนิดพิเศษที่คงอยู่นอกกฎทั่วไป
ถ้าเมื่อครู่ล้มเหลว  เย่ว์หยางจะถูกกฎสวรรค์ประจำวิหารปีศาจดินลงโทษ
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่เขาจะได้ยืนยันข้อพิสูจน์นี้  ความคงอยู่ของเพลิงอมฤตก็เป็นส่วนหนึ่งของข้อพิสูจน์ยืนยันของเขา
ที่เหนือกว่ากฎสวรรค์ทั่วไป  ยังมีกฎสวรรค์ที่สูงมากกว่า  ก็เหมือนกับเทพธรรมดา และเทพระดับสูงกว่า
เพลิงอมฤต อสูรโลก ไม่คำนึงถึงความคงอยู่นั้น
แม้แต่ดาบเทพจักรพรรดิอวี้ในมือขององค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน สมบัติประดิษฐ์ที่รองจากสมบัติเทพในมือของจอมปีศาจลี่ตี้ และคัมภีร์แห่งสัจจะในมือของเสวี่ยอู๋เสียซึ่งเป็นแรงบันดาลใจที่ส่งผลต่อการตัดสินใจเย่ว์หยาง
 “ตราบใดที่เจ้าไม่โจมตี  เจ้าตอบโต้หรือป้องกันตัว เจ้าจะไม่ถูกกฎสวรรค์ที่นี่ลงโทษ” เสวี่ยอู๋เสียเปิดคัมภีร์แห่งสัจจะหน้าต่อไป และนางจึงได้คำตอบที่แท้จริง  นี่เป็นผลสรุปเช่นเดียวกับที่เย่ว์หยางเห็นผ่านตาทิพย์  ด้วยคำตอบยืนยันเช่นนี้ อย่างนั้นเย่ว์หยางสามารถแสดงพลังได้อย่างปลอดภัย ไม่ต้องกังวลกฎสวรรค์ประจำวิหารปีศาจดินอีกต่อไป
 “จมูกพยัคฆ์ในร่างข้ารับรู้เรื่องนี้ได้เสมอ”  องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนให้คำตอบรับรอง
 “เมื่อเป็นเช่นนี้ อย่างนั้นเราต้องเริ่มตอบโต้”  เย่ว์หยางเหยียดมือ สตรีทั้งสองลอยตัวอยู่ใกล้ๆ รอบๆ ร่างกายของเย่ว์หยางมีประกายระยิบระยับเหมือนดวงดาว
 “...ฮึ..มดแมลงที่ยังพอมีฝีมืออยู่บ้าง”  จอมปีศาจลี่ตี้รู้สึกตึงเครียดในใจ แต่ขาทั้งสองที่ถูกเพลิงอมฤตเผานั้นเจ็บปวดจริงๆ  ถ้าไม่ใช่เพราะเกราะปีศาจฟ้าช่วย เขาคงถูกเพลิงเผาไปแล้ว และภายใต้แรงระเบิดของเพลงอมฤต เขาคงตายอย่างน่าอนาถ  แน่นอนว่าเย่ว์หยางมีพลังระดับเตรียมปราณฟ้า นั่นเป็นความเชื่อมั่นที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่เขาเชื่อว่ายังจะเอาชนะได้  แม้ว่าเจ้าเด็กคนนี้จะน่ากลัวผิดไปจากธรรมดา แต่ถ้าไม่มีพลังปณิธานราชันย์เป็นไปไม่ได้ที่จะเอาชนะในการต่อสู้ครั้งนี้
จอมปีศาจลี่ตี้ล่อหลอกและใช้ขวานฟันอย่างบ้าคลั่งอีกครั้ง
ทันใดนั้นเขาทิ้งขวานลงจากในอากาศและปล่อยพลังปราณทำลายล้าง
ชายชราผมขาวไม่สามารถช่วยอะไรได้ในเวลานี้ ตอนนี้แค่ลากโซ่น้ำแข็ง เขาจะถูกลงทัณฑ์ทันที สายฟ้าขนาดใหญ่ระเบิดออกมาจากด้านบนของปราสาทและฟาดลงเหนือตัวเขา  อย่างไรก็ตามก่อนที่จะถูกลงโทษ  บุรุษชราผมขาวเปิดคัมภีร์โบราณและสร้างพลังงานคลุมตัวจอมปีศาจลี่ตี้และทั้งเย่ว์หยาง เสวี่ยอู๋เสีย องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนทั้งสามคน  พวกเขาไม่สามารถหลบพ้นแรงระเบิดของพลังสายฟ้าได้
ปัง!
เดิมทีเขาคิดว่าจะโจมตีจอมปีศาจลี่ตี้เพื่อส่งผลกระทบถึงเย่ว์หยางอีก  และเขาพบว่าคนที่อยู่หน้าเย่ว์หยางก็เป็นเย่ว์หยางอีกคนหนึ่งที่กระทำเหมือนกัน
ขวานวิเศษแผ่คลื่นพลังระเบิดออกไปในแบบเดียวกัน..
จอมปีศาจลี่ตี้ถูกฟันในขวานเดียว
แม้ว่าเกราะปีศาจฟ้าบนร่างของเขาเป็นสมบัติคุณภาพดีที่สุดทำให้ไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่เขาก็ยังร้องโหยหวนด้วยความตกใจ  “เป็นไปไม่ได้ นี่ไม่ใช่ภาพลวงตา!
รอบตัวเย่ว์หยางมีดวงดาวเล็กนับไม่ถ้วนส่องแสง ที่เห็นได้ชัดที่สุดคือสิบสองดาวนักษัตรซึ่งมีอยู่ในท้องฟ้ายามปกติ บังเอิญว่ากลุ่มดาวนักษัตรทั้งสิบสองกลุ่มคล้ายกับกลุ่มดาวแอรีส (กลุ่มดาวแกะ) ทอรัส (กลุ่มดาววัว) เจมินี่ (ดาวคนคู่) เหมือนกับว่าประวัติศาสตร์เป็นจริง
กลุ่มดาวแกะกำลังโคจรในท้องฟ้า
ทุกๆ ย่างก้าวจะมีจุดดวงดาวเพิ่มขึ้น และพลังของเขาจะเพิ่มทวีคูณ
เดินสั้นๆ ไม่กี่ก้าวพลังของกลุ่มดาวสิบสองนักษัตรก็เพิ่มขึ้นหลายเท่า  แต่หลังจากนั้นวัวกระทิงทองที่ดูดุร้ายต่างจากรูปดาวแกะที่ดูมีรูปลักษณ์สง่างาม ตาของมันสีแดงแทบถลนจากเบ้า จมูกของมันมีควันและเปลวไฟ มันลดศีรษะต่ำเหมือนกับว่าจะใช้เขาขวิดดาวแกะ...
ทุกย่างก้าวของกระทิงทอง จอมปีศาจลี่ตี้จะรู้สึกว่าแรงโน้มถ่วงเพิ่มขึ้น
มีแรงโน้มถ่วงที่ไม่อาจบอกได้เหมือนกับว่าต้องการจะดูดร่างของจอมปีศาจลี่ตี้ทั้งตัว
 “สิ่งเหล่านี้ดูเหมือนกับภาพลวงตา แต่ไม่ใช่ภาพลวงตา นี่เป็นสนามพลังแบบไหน? แม้แต่สำนึกเทพจะทำแบบนี้ก็ยังเป็นไปไม่ได้  เจ้าเป็นใคร?”  จอมปีศาจลี่ตี้ผลักมือออก คิดว่าจะปล่อยพลังคลื่นระเบิดทำลายล้างกลุ่มดาวแกะและดาววัว  ทันใดนั้นปรากฏเงาร่างหนึ่งค่อยๆ เดินออกมาจากความมืด  เงานี้เหมือนกับอยู่โลกมืดมาเป็นเวลานานมากและเดินออกมา  เขาจ้องมองอยู่เป็นเวลานาน  ทันใดนั้นจอมปีศาจลี่ตี้ตระหนักถึงคลื่นพลังงานที่แปลกประหลาด พลังคลื่นระเบิดของเขายังกลั่นควบได้ไม่เต็มที่  การปรากฏของเงานี้ใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งวินาที
 “เราคือเงาใคร?”  เงานั้นออกมาถึงข้างหน้าของจอมปีศาจลี่ตี้  จอมปีศาจลี่ตี้พบว่าเงานี้เหมือนเขาราวกับพี่น้องฝาแฝดหรือเหมือนภาพสะท้อนในกระจก
 “เจ้าพูดได้หรือ?”  จอมปีศาจลี่ตี้ไม่คิดว่าพลังนี้จะทำให้เงานี้พูดได้ เงาปีศาจนี้เหมือนเกินไปหรือเปล่า?
 “ประตูเป็นตาย  ประตูเป็นและตาย!  บุรุษผมขาวเตือนจอมปีศาจลี่ตี้ ว่านี่คือประตูแห่งความตายในหอทงเทียน ภาพลวงตาของประตูเป็นตายเหมือนจริงมาก
 “เจ้ามีความสามารถพิเศษอยู่มากแค่ไหน?”  จอมปีศาจลี่ตี้ตกใจ  จิตใจเขาหวั่นไหวแต่รีบทำใจให้มั่นคงทันที แต่เมื่อมองดูเย่ว์หยางกำลังกลั่นกระบี่ดำกุยจ้าง และกระบี่ขาวซวงหัว เขาอดร้องตกใจมิได้ “เจ้าจะมากเกินไปแล้ว เจ้าเป็นแค่นักสู้ระดับเตรียมปราณฟ้าธรรมดา เจ้ามีพลังมากมายไม่ธรรมดาได้ยังไง? ถ้านี่ไม่ใช่ภาพลวงตา ปราณกระบี่ของเจ้าย่อมไม่ติดข้อจำกัดของผนึกหรือไม่? ปราณกระบี่  ปราณกระบี่นี้เป็นของเจ้าหรือ?” 
“ข้าฝึกพลังฝ่ามือของข้ามา ยังต้องบอกเจ้าด้วยหรือ?”  เย่ว์หยางพูดวางมาดเลียนแบบดาราโจวชิงสือราวกับไม่เห็นเป็นเรื่องสำคัญ
กฎสวรรค์จำกัดปราณกระบี่ไร้ลักษณ์ของเย่ว์หยางได้หรือไม่?
ทักษะแฝงเร้น สนามพลัง สมบัติวิเศษและอสูรศึกไม่สามารถจำกัดพลังของปราณกระบี่ไร้ลักษณ์ได้ นั่นเป็นสิ่งที่เหนือธรรมชาติกว่าสิ่งอื่นทั้งหมด เย่ว์หยางรู้แล้วว่าเขาไม่สามารถรับประกันได้ว่ายังจะถูกจำกัดไว้หรือไม่  ตอนนี้เขาลองกลั่นควบพลังและค้นพบความลับว่า อย่างน้อยวิหารปีศาจดินไม่สนใจความคงอยู่ของปราณกระบี่
เย่ว์หยางยังคงมองว่าเขาสามารถใช้พลังสังหารได้
ขณะที่จอมปีศาจลี่ตี้รู้สึกหวั่นเกรงกระบี่ดำกุยจ้างและกระบี่ขาวซวงหัว ทันใดนั้นเขาเห็นเย่ว์หยางรวบนิ้วคล้ายกับกำเส้นเบาบาง
เขากลัวจนร่างแทบทรุดกับสิ่งที่เห็น นั่นกฎสวรรค์น้อย?
เจ้าเด็กนี่รู้จักกระทั่งพลังกฎสวรรค์น้อยหรือ?
จอมปีศาจลี่ตี้ร้องลั่น
เขาต้องการจะหนี แต่พบว่าร่างของเขาอ่อนล้าไปชั่วครู่แทบจะขยับไม่ได้
เขามองดูเย่ว์หยางกับสตรีทั้งสองลอยอยู่ในอากาศ และปราณกระบี่มรณะทั้งสองกำลังพุ่งตรงเข้ามาหา เงาความตายปรากฏในใจเขาในรอบหลายพันปี เขาตื่นตระหนกหวาดกลัวตะโกนลั่น “เป็นไปไม่ได้ เจ้าเป็นแค่ภาพลวงตา ประตูเป็นตายแท้จริงก็คือภาพลวงตา
 “ผู้อาวุโส, เชิญท่านคร่ำครวญเสียใจก่อนตายได้เลย!  เย่ว์หยางตอบ

5 ความคิดเห็น:

ulomzx กล่าวว่า...

ตาย ตาย และตายแน่ๆ

มีตน กล่าวว่า...

ขอบคุณ​ครับ​

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

akekapoj-tee กล่าวว่า...

ขอบคุณมากครับ

chay กล่าวว่า...

ฉว้ะๆๆๆ

แสดงความคิดเห็น