วันเสาร์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2562

เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ตอนที่ 815 ข้อมูลที่ทำให้สมองพองโต


ตอนที่  815  ข้อมูลที่ทำให้สมองพองโต
 “หนุ่มน้อยผู้น่าสนใจ ปากเจ้าดีนัก มิน่าเล่าหญิงสาวทั้งสองถึงติดตามร่วมเป็นร่วมตายพร้อมกับเจ้า”  แม่เฒ่าซามีความสุข

 “ขอบคุณที่ชม”  เย่ว์หยางตอบรับตามมารยาท
 “หุบเขาทรายด้วยระดับพลังของเจ้าสามารถผ่านง่ายดายไม่มีปัญหา  แต่แม่หนูทั้งสองยังมีปัญหาอยู่บ้าง”  แม่เฒ่าซาขมวดคิ้วเล็กน้อย  “ต้องรู้ไว้ก่อนนะว่าสามหุบเขาที่พวกเจ้าเผชิญมามีแต่การฝึกฝนควบคุมร่างกายตนเอง แทบจะเรียกว่าไม่มีอะไรยาก  คนทดสอบที่แท้จริงก็คือคนที่อยู่ตามจุดพัก  สามด่านแรกเป็นการฝึกทำตามคำสั่ง  กล่าวอีกนัยหนึ่งไม่ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไรก็ตาม  พวกเจ้าจะต้องควบคุมร่างกายของพวกเจ้าเองเป็นหลัก   แต่ในจุดตรวจต่อไปนี้ในด่านหลังจากนี้ไป ไม่มีความเป็นระเบียบและยุ่งเหยิงอย่างสิ้นเชิง แม้ว่าเจ้าแข็งแกร่งก็ตาม แต่ถ้าเจ้ากระทำผิดกฎเจ้าจะต้องตาย ตัวอย่างเช่นในด่านที่สี่หุบเขาราคะ ที่นั่นเป็นด่านทดสอบจุดความปรารถนาในหัวใจของมนุษย์  ถ้าไม่สามารถเข้าใจได้เจ้าก็จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของที่นั่น หรือวิญญาณจะถูกกำจัดและสูญหายไปตลอดกาล ในที่นั้นเจ้าจะต้องทำตัวให้สอดคล้องกับกฎที่นั่นจึงจะสามารถผ่านไปได้ ถ้ายังไม่บรรลุระดับปราณราชันย์ ข้าไม่แนะนำให้แม่หนูทั้งสองร่วมผ่านด่านที่สี่พร้อมกัน อย่าว่าแต่การผ่านด่านจะมีความยากลำบากมากขึ้น”
 “ข้าต้องขอบคุณผู้อาวุโสจริงๆ  ที่ชี้แนะทางสว่างให้กับผู้เยาว์”  องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนรีบขอบคุณนาง
 “ท่านสามารถบอกเราถึงจุดทดสอบต่อๆ ไปได้หรือไม่  นั่นเกรงว่าเราจะไม่มีคุณสมบัติเพื่อเอาชนะอุปสรรคในด่านนั้นได้ชั่วคราวและต้องการทำความเข้าใจมากขึ้น  เมื่อมีเป้าหมายที่จะเอาชนะอุปสรรค สักวันหนึ่งในอนาคตจะได้เตรียมการล่วงหน้าได้”  เสวี่ยอู๋เสียคุยอย่างนอบน้อม
 “หุบเขาราคะที่เพิ่งพูดมานี้ก็มีความยากมาก ทุกคนจะมีความต้องการเพิ่มมากขึ้นเป็นสองเท่า  ของธรรมชาติ สภาพแวดล้อมและกฎสวรรค์ที่นั่นยังคงส่งผล โดยสรุปก็คือเป็นจุดผ่านที่ยากมาก  นักรบที่ผ่านไปได้มีเพียงไม่กี่คน  หลังจากผ่านด่านที่สี่ได้แล้ว สิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือจะไม่ได้พบเจอผู้พิทักษ์แบบเราอีกแล้ว  ทั้งหมดจะเป็นการทำงานของกฎสวรรค์อย่างสมบูรณ์แบบ ทั้งโหดเหี้ยมและอำมหิต นักรบที่ผ่านการป้องกันเข้าไปแล้วและพลาดท่าจะถูกทำลายอย่างเด็ดขาดไม่มีใครสามารถช่วยหรือสอนได้... หนุ่มน้อย เจ้าคิดอย่างจริงจังว่าเจ้าสามารถท้าทายความปรารถนาของเจ้าได้  ถ้าเจ้าไม่มั่นใจเด็ดขาด อย่างนั้นเส้นทางนี้จะเป็นเส้นทางไปแล้วไม่หวนกลับ!  แม่เฒ่าซาเตือนเย่ว์หยาง
 “ขอบคุณ, ข้าจะรับไว้พิจารณา”  สำหรับการเอาชนะอุปสรรคโหดอย่างนั้น เย่ว์หยางไม่ได้รีบร้อนเหมือนคนทั่วไป
ตอนนี้เขาไม่ใช่ตัวคนเดียวอีกต่อไปแล้ว
เบื้องหลังของเขายังมีแม่สี่ ปิงเอ๋อ ซวงเอ๋อ โล่วฮัว มารกฎฟ้า เขายังแบกความหวังของทวีปมังกรทะยานและหอทงเทียน
เย่ว์หยางรู้ว่าเขาไม่สามารถผิดพลาดได้ ดังนั้นเมื่อเผชิญหน้ากับความท้าทายที่สุดแสนลำบาก  เขาต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ แต่ไม่หุนหันพลันแล่นท้าทาย ถ้าไม่เลื่อนระดับพลังปราณราชันย์  เย่ว์หยางจะไม่ท้าทายหุบเขาราคะที่แม่เฒ่าซาย้ำเตือน  แต่ตอนนี้เขามีความมั่นใจเมื่อเทียบกับก่อนหน้านั้น
เขาตัดสินใจกลับไปยังบันไดสวรรค์ก่อน
หลังจากปรึกษากับทุกคนแล้ว เขาจึงค่อยกลับมาคนเดียวและท้าทายด้วยตนเอง
แม่เฒ่าซาไม่กดดันเขาอีกต่อไป จากนั้นนางเพิ่มเติมข้อมูลหลังจากนั้นอีก “ที่ยากกว่าหุบเขาราคะก็คือด่านที่ห้าหุบเขาอสูร จะเป็นที่ซึ่งนักรบทุกคนต้องไม่ใช้พลังของพวกเขาเอง ต้องใช้ฝึกอสูรทั้งหมดตั้งแต่พวกมันอ่อนแอจนกระทั่งแข็งแกร่ง  ถ้าอสูรตายในการฝึกอย่างนั้นผู้ท้าทายจะถูกกฎสวรรค์ลงทัณฑ์  ถ้าอสูรพ่ายแพ้ถึงสามครั้ง ผู้ท้าทายจะถูกลงทัณฑ์เปลี่ยนไปเป็นอสูรโดยตรง...  ถ้าเปลี่ยนร่างกับอสูร ผู้ท้าสู้ก็ยังต้องตาย และเป็นการถูกกำจัดถาวร  เป็นที่น่าสังเกตว่าอสูรที่ฝึกฝนดีแล้วจึงจะออกจากหุบเขาอสูรได้  ผู้ท้าทายอาจต้องติดอยู่ในนั้นตลอดชีวิต หรือไม่ก็กลายเป็นสมาชิกของที่นั่นไปเลย”  “ด่านที่หกยังคงเป็นด่านที่ยากโหดหินเช่นกัน หุบเขาปีศาจ ผู้ท้าสู้จะต้องเลือกว่าจะเลือกตะโกนท้าค่ายแสงสว่างว่านม่อ สามารถสังหารเทวทูตดำในค่ายดำก็ได้ ทั้งสองฝ่ายนั้นมีขีดจำกัดเวลาที่ต้องทำให้สำเร็จ ต้องบรรลุเป้าหมายของค่ายต่างๆ สิ่งที่น่ากลัวที่สุดของหุบเขาปีศาจก็คือผู้ท้าทายหลายคนที่เข้าไปแล้ว มีแต่ผู้ชนะเท่านั้นที่รอดชีวิตได้  ผู้แพ้จะถูกขังอยู่ในหุบเขาปีศาจตลอดกาลจะไม่มีทางหลบหนีได้”  เมื่อแม่เฒ่าซาพูดถึงหุบเขาปีศาจ สีหน้านางฉายแววหวาดกลัวลึกๆ เห็นได้ชัดว่ามีบาดแผลที่ลบไม่ออกกับการท้าทายครั้งนั้น
 “มีผู้ท้าทายและล้มเหลวหลายคนอยู่ในหุบเขาปีศาจหรือ?”  เสวี่ยอู๋เสียคิดว่าพูดถูกจุด
 “ถูกแล้ว”  แม่เฒ่าซาชูนิ้วขึ้น  “หนึ่งในสิบของคนในหุบเขาปีศาจ ก็คือผู้ท้าทาย”
 “น่ากลัวจริงๆ” เย่ว์หยางหวั่นใจ
เขารู้สึกว่าหนังศีรษะคันเป็นระยะๆ
มีผู้ท้าทายมากมายติดอยู่ในหุบเขาปีศาจโดยไม่คาดคิด  ก่อนอื่นเอาแค่ความแข็งแกร่งที่ผ่านด่านที่สี่หุบเขาราคะ และด่านที่ห้าหุบเขาอสูร จำนวนหนึ่งในสิบก็นับว่ามากมายมหาศาล พอจะรู้ได้ว่าด่านที่หกนั้นไม่ธรรมดาขนาดไหน
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนตะลึงแต่ยังถามต่อ  “ผู้อาวุโส! ท่านพอบอกเกี่ยวกับข้อมูลหลังจากผ่านด่านที่เจ็ดได้ไหม?”
แม่เฒ่าซาส่ายหน้า “ข้าไม่เคยเข้าด่านที่เจ็ด หุบเขาชีวิต  กล่าวกันว่ายากยิ่งกว่าด่านที่หกหุบเขาปีศาจ ข้าไม่มีความมั่นใจจริงๆ ว่าจะท้าทายได้  ในที่นั้นคิดว่าคนที่ผ่านเร็วที่สุดก็คือแม่หนูเฟ่ยเหวินหลี  ใช้เวลาหกเดือนกว่าจะผ่านได้สมบูรณ์  นักสู้ที่ผ่านด่านที่เจ็ดหลายคน จะติดอยู่ในด่านที่เจ็ดไปตลอดชีวิตไม่มีทางออกมาได้  หนุ่มน้อย! เจ้าต้องใคร่ครวญให้ดี ต่อให้เจ้าผ่านด่านที่เจ็ดได้ก็ใช่ว่าจะผ่านไปได้ง่ายๆ  มาถึงเจ็ดในเก้าด่านนี้ก็เกินขีดความรู้ข้าไปมากแล้ว.. ต้องขออภัยที่ข้ามีข้อมูลสำหรับผ่านด่านที่เจ็ดไม่กี่อย่างไม่มากพอจะให้เจ้า  เพราะข้ารู้ว่าไม่มีข้อมูลอะไรในด่านที่แปดและด่านที่เก้า ปกติหลังจากผ่านด่านที่เจ็ด สำหรับเจ้าในตอนนี้ยังห่างไกลมาก เจ้าควรคิดหาวิธีผ่านหุบเขาราคะและหุบเขาอสูรให้ได้ก่อน!  เย่ว์หยางพยักหน้าขอบคุณอีกครั้ง
สำหรับข้อมูลการผ่านด่านที่แปดและด่านที่เก้า เย่ว์หยางคาดว่าแม่ทูนหัวของเขาคงจะมีข่าวดีให้เขา
มีนางพญาเฟ่ยเหวินหลีผู้เคยผ่านด่านที่เก้ามาแล้ว เย่ว์หยางเชื่อว่านางรู้ ชัดเจนมากกว่าแม่เฒ่าซา และบางทีในมุมมองวิธีการของนางอาจต่างจากเย่ว์หยางก็ได้
หลังจากกลับไปที่บันไดสวรรค์  ถ้าต้องการความรู้เขาคงต้องหาเวลาไปพบกับนางพญาเฟ่ยเหวินหลี
นางคือคนเดียวที่รู้ความลับทั้งหมด
เมื่อกล่าวอำลาแม่เฒ่าซา เย่ว์หยางบังเอิญนึกถึงเรื่องกระจกทนทุกข์ขึ้นมาได้ทันที
เขาหันไปขอแม่เฒ่าซาให้ช่วยดูแลแทนเขาว่าสิ่งนี้เกิดขึ้นมาได้ยังไง  ใครจะรู้กันว่าแม่เฒ่าซามองดูแล้วส่ายศีรษะตอบว่าไม่รู้ความลับของสิ่งนี้
อย่างไรก็ตามการกระทำของเย่ว์หยางสร้างความประหลาดใจให้กับแม่เฒ่าซาจึงลองสอบถามเขา “เจ้าไปวิหารปีศาจดินมาหรือ?  ข้าจำได้ว่ากระจกทนทุกข์นี้เป็นสมบัติของตู๋กูฉางฟงจากสี่ตระกูลใหญ่ในแดนสวรรค์... ในอดีตตู๋กูฉางฟงที่ยังอายุน้อย มุ่งมั่นจะท้าสู้กับจอมปีศาจลี่ตี้  หลังจากนั้นเขาก็ไม่กลับมาอีกเลย  เขาตายหรือยัง?”  เย่ว์หยางส่ายหน้า “เขายังไม่ตาย แค่กลายเป็นตุ๊กตาน้ำแข็ง สิ่งนี้ข้าเก็บมาจากตำหนักปีศาจดิน”
เจ้าเด็กนี่พบว่าแม่เฒ่าซายังคงไม่รู้ว่าเขาฆ่าจอมปีศาจลี่ตี้ไปแล้วโดยไม่ได้บอกใคร และเขาก็โกหก  นี่ก็ถือว่าดีไม่ต้องเปลืองน้ำลายอธิบายถึงวิธีการฆ่าจอมปีศาจลี่ตี้ผู้ทรงพลัง ถ้าให้นางเห็นสิ่งที่ยังบกพร่องนั่นไม่ใช่เรื่องดี
แม่เฒ่าซาไม่คิดว่าเย่ว์หยางเพิ่งยกระดับเป็นนักสู้ปราณราชันย์ก็สามารถฆ่าจอมปีศาจลี่ตี้ได้
ในสายตาของนางคิดว่าเด็กหนุ่มนี้ไม่ธรรมดาเพียงพอแล้ว  เป็นเหมือนต้นอ่อนน้อยๆ ของนักสู้ปราณราชันย์และจะกลายเป็นนักสู้ปราณราชันย์ที่ดีได้  มีความรู้แจ้งพลังปราณราชันย์ซึ่งเป็นสำนึกเทพอยู่ในระดับเริ่มต้นและจะกลายเป็นประกายเทพต่อไปในอนาคต  แม้ว่าระดับปัจจุบันของเย่ว์หยางยังไม่สู้มากนัก  แต่นางแม้เป็นผู้อาวุโสก็ยังไม่กล้าดูแคลน  ด้วยศักยภาพระดับนี้เย่ว์หยางจะประสบความสำเร็จเหนือเทพราชันย์ในอนาคต นั่นเป็นเรื่องของศรัทธา...”
นางคาดไม่ถึงว่าเย่ว์หยางฆ่าจอมปีศาจลี่ตี้ไปแล้ว  แต่คาดว่าเขาคงจะถอยออกมาหลังจากโดนจอมปีศาจลี่ตี้โจมตีอย่างหนัก ทำให้ได้ผลเก็บเกี่ยวมาบ้างเล็กน้อย เช่นกระจกทนทุกข์นี้เป็นสินสงครามของเขา
 “สี่ตระกูลใหญ่แดนสวรรค์ เกี่ยวข้องกับหอทงเทียนเราเล็กน้อย ลืมเสียเถอะ, ถ้าเขาไม่ตาย เจ้าไม่สามารถทำอะไรเพื่อช่วยเขาได้ ปล่อยให้เจ้าเด็กนั่นได้รับบทเรียนที่น่าภาคภูมิใจไปก่อนเถอะ  ข้ามองไม่เห็นอะไรเลย แค่รู้สึกแปลกๆ ดีที่สุดคืออย่าได้ใช้ แค่มองเห็นแว่บแรกข้าก็เห็นความผิดปกติบางอย่าง
 “เราจะระมัดระวัง” เย่ว์หยางเก็บกระจกทนทุกข์กลับเข้าไปในเจดีย์ปราบปีศาจและเตรียมจะจากไป  ทันใดนั้นแม่เฒ่าซาร้องเรียกทั้งสามคน
 “ดูเหมือนพวกเจ้าเป็นคนดีไม่น้อย พวกเจ้าช่วยเอาน้ำตานางเงือกมาให้ข้าได้ไหม? ด้วยน้ำตานางเงือกนั้นข้าอาจป้องกันทัณฑ์สวรรค์ได้ในช่วงเวลาสั้น เผื่อว่าข้าจะได้อาบน้ำบ้างเสียที  อย่างน้อยได้ล้างหน้า ล้างมือ ล้างเท้าก็ยังดี” แม่เฒ่าซาขอร้องเช่นนี้
 “ข้าจะทำทุกอย่างที่เป็นไปได้” เย่ว์หยางเห็นว่านางอยู่สภาพที่น่าเวทนามาก  นางยืนอยู่ใกล้น้ำแต่ไม่ได้อาบน้ำเป็นเวลานานนี่เป็นเรื่องที่น่าอึดอัดเช่นกัน
แต่เขาไม่กล้าพูดอะไร
น้ำตานางเงือกนี้ไม่ใช่ว่าจะหากันได้ง่ายๆ มิฉะนั้นแม่เฒ่าซาคงไม่ต้องยืนอยู่ที่นี่เป็นเวลานานแล้ว
แม่เฒ่าซาไม่รู้จักความลับของกระจกทนทุกข์  บางทีนางพญาเฟ่ยเหวินหลีอาจรู้ก็ได้
เย่ว์หยางยิ่งกระตือรือร้นจะไปพบนางพญาเฟ่ยเหวินหลีในครั้งนี้
ก่อนที่จะออกจากดินแดนฝึกฝนนี้พร้อมกับเสวี่ยอู๋เสียและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนใช้เข็มทิศสามภพกลับไปที่บันไดสวรรค์  เย่ว์หยางเทเลพอร์ตกลับไปที่ด่านที่สองหุบเขาวายุ  การต่อสู้ของราชาหลิงหวินและพวกจบสิ้นแล้ว
ถูไห่สีหน้าขมขื่น แขนของเขาหัก และขาขวาขาดถึงเข่าเหลือครึ่งเดียว
ราชาหลิงหวินไม่มีแผลบาดเจ็บตามร่างกาย  เมื่อเย่ว์หยางกลับมาหาราชาหลิงหวิน ราชาหลิงหวินไม่ปิดอกของเขาเอาไว้... มีรูบาดแผลรอยเลือดถูกแทงทะลุ ถ้าไม่ใช่เพราะราชาหลิงหวินอดกลั้นเพียงพอ เขาคงตายไปแล้ว
เย่ว์หยางเข้าใจพวกเขา แม้ว่าจะมีกันหกคน แต่ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเอาชนะผู้อาวุโสของตำหนักกลางในสภาพแวดล้อมที่เสียเปรียบแบบนั้น
แต่สิ่งที่ทำให้เย่ว์หยางประหลาดใจก็คือราชาหลิงหวินกลับเลือกจะไม่ฆ่าพวกเขา
เขาจับเป็นผู้อาวุโสฟลามิงโกและผู้อาวุโสฉีฟง
เพราะเหตุนี้เองพรสวรรค์ของทั้งหกจึงต้องแลกมาด้วยราคาที่หนักหนาสาหัส
เมื่อเห็นอาการบาดเจ็บบอบช้ำของผู้อาวุโสฟลามิงโกและฉีฟงทั้งสองคนนี้ เย่ว์หยางคาดว่าการต่อสู้คงต้องดุเดือดรุนแรง  เย่ว์หยางจับสองผู้อาวุโสโยนใส่เจดีย์ปราบปีศาจและผนึกเอาไว้ จากนั้นมอบยาเม็ดพลังยุทธคุณภาพสูงสุดให้ราชาหลิงหวินและทุกคน  “ทำกันได้ดีมาก!  อย่างไรก็ตามนี่แค่จุดเริ่มต้น  เราต้องสั่นสะเทือนตำหนักกลางให้ได้ ผู้อาวุโสตำหนักนี้เป็นแค่เพียงปลายยอดภูเขาน้ำแข็ง ตอนนี้อย่าเพิ่งออกไปก่อนชั่วคราว ด่านที่สามเรียบง่ายไม่มีนักรบแดนทมิฬจะเข้าไปได้  ข้าคาดว่าพวกเขาคงออกไปข้างนอกหมดแล้ว
ราชาหลิงหวินได้ฟังแล้วมีสีหน้ากระอักกระอ่วน “แดนรกร้างที่แปด กลุ่มทุ่งหิมะและกลุ่มเพลงสงครามมองทุกอย่างในแง่ร้าย ไม่มีสัญญาณในเชิงบวกเลย  ความเป็นไปได้นี้พวกเขาคาดเดาได้ถูกต้องแล้ว  แต่พวกเขากลับเอาหัวมุดทรายไม่ยินยอมจะคิดล่วงหน้าไว้ก่อน
ตอนนี้พวกเขาได้ยินคำเตือนของเย่ว์หยาง
พวกเขารู้สึกเศร้าใจ
 “ถ้าพวกเจ้ากังวลเรื่องนักรบมรณะ  พวกเจ้าสามารถไปที่วิหารปีศาจดินได้ แผนที่อยู่ในนี้ พวกเขาไม่มีทางคิดว่าพวกเจ้าจะไปที่อย่างนั้น”  ถ้าเย่ว์หยางไม่พูด ราชาหลิงหวินถึงกับตกใจร้องเตือน “อย่างนั้นท่านปราบปีศาจในวิหารปีศาจดินได้แล้วหรือ?”
 “พวกท่านไปก็เห็นเอง!  เย่ว์หยางยิ้มและหันกายจากไป  คนทั้งหกรวมทั้งราชาหลิงหวินประหลาดใจยืนงงเป็นไก่ตาแตก!-!

6 ความคิดเห็น:

ulomzx กล่าวว่า...

ห้าๆๆไปก็ไม่เจอกอะไร...เยว่หยางเก็บมาหมดแล้วววว

Pingku กล่าวว่า...

ขอบคุณคับบ

Krisda กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

มีตน กล่าวว่า...

ขอบคุณ​ครับ​

Boybravo กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

akekapoj-tee กล่าวว่า...

ขอบคุณมากครับ

แสดงความคิดเห็น