ตอนที่ 819 ยิ้มของเย่ว์หวี่
“มีอะไรหรือ?” หลังจากหลิวเย่ลงน้ำ
นางพบว่าเย่ว์หวี่มีสีหน้าเปลี่ยนไปและมองนางด้วยความประหลาดใจ นางคิดว่านางมีบางอย่างผิดปกติ
“ข้าไม่เป็นไร” เย่ว์หวี่รู้สึกตัวและโบกมือ
“พี่หลิวเย่!
จี้ทองของท่านดูสวยงามมากจริงๆ”
เป่าเอ๋อว่ายน้ำเข้ามาหา
นางพบว่าที่อกสีขาวดุจน้ำนมของหลิวเย่ห้อยจี้ทองเอาไว้ ตอนนี้จี้ส่องแสงรูปอักษรรูนทองสดใส
“อาจารย์ของข้ามอบให้ข้า ถ้าไม่ใช่เพราะท่านย้ำไว้ว่าห้ามทำหาย ข้าอาจยกให้เจ้าโดยไม่เสียดายก็ได้” หลิวเย่ใช้มือประคองจี้ทองอย่างระมัดระวัง
เป่าเอ๋อมองใกล้ๆ
ด้วยความสงสัยเล็กน้อย นางไม่รู้เรื่องอักษรรูนสวรรค์เท่าใดนัก
และปกตินางไม่สามารถเข้าใจชิ้นอักษรรูน จึงไม่รู้อะไร
เซี่ยอียังคงเงียบ
นางไม่สนใจจี้ทอง
แต่พอเห็นสีหน้าประหลาดใจของเย่ว์หวี่ทำให้นางรู้สึกสองคนนี้ต้องมีความเกี่ยวข้องกันบ้างเล็กน้อย
อย่างไรก็ตามในเมื่อเรื่องไม่เกี่ยวกับนาง
นางจึงไม่สนใจติดตามมากเกินไป
สาวใช้ลูกครึ่งเอลฟ์ลอบมองเย่ว์หวี่
แม้ว่าเย่ว์หวี่จะกลับคืนสู่ความสงบได้
แต่ใจนางยังคงปั่นป่วนราวกับเจอคลื่นสึนามิ
หลิวเย่เองก็มีจี้ทองนี้ด้วย
นั่นหมายความว่ายังไง? นางคือน้องสาวของนางหรือเปล่า? นางยังคงตามมาที่ตระกูลเย่ว์ด้วยหรือ?
สิ่งที่ทำให้จิตใจเย่ว์หวี่ปั่นป่วนที่สุดคือก่อนหน้านี้
ข่าวคราวที่แตกต่างที่บิดานางกับปู่ห้าพูดขัดแย้งกัน
ตามเรื่องราวที่เกิดขึ้นในอดีตคือพวกนางเกิดในสนามรบ อาจเป็นหลิวเย่ก็ได้
เพราะนางมีทักษะที่บริสุทธิ์ทักษะชำระใจสามารถสลายความชั่วร้ายของปีศาจ
ช่วยบิดาที่ตกไปอยู่กับพวกปีศาจ เพราะกลัวถูกทหารไล่ล่า
ท่านพ่อจึงไม่ยอมทอดทิ้งเด็กทารก แต่มอบเด็กให้สหายพาหนีไป ท่านพ่อคอยอยู่ระวังหลัง หลังจากเจ้าหญิงเผ่าปีศาจช่วยเหลือเขาจึงหนีไปได้
ความจริงสิ่งที่เกิดขึ้นในปีนั้นบิดานางตายแล้วและไม่สามารถรู้ได้
อย่างไรก็ตามมีเบาะแสหลายอย่าง
“เป็นไปได้ไหมว่าเป็นการฝากเพื่อทวงกลับ...” เย่ว์หวี่กลัวว่าน้ำตาจะไหล
นางทำเหมือนว่าประทับใจบ่อน้ำพุร้อนจึงไปนั่งที่โขดหินมองดูเหมือนนางเงือกและฉวยโอกาสปลดปล่อยความกดดันในใจ
สถานที่ซึ่งไม่มีใครพบเห็นนี้สามารถพบความสงบได้
ต่อไปจะสู้หน้าเสี่ยวซานได้ยังไง?
ในกรณีที่เขารู้ว่านางไม่ใช่พี่สาว
เขายังจะทำตัวกับนางอย่างนี้หรือไม่?
ใครจะสามารถจัดการดูแลชีวิตเขาได้ในทุกที่
ช่วยงานเขาในห้องปฏิบัติการ สามารถดูแลความเป็นอยู่ของเขาได้
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้แล้ว
คนอื่นจะมองนางว่าไง?
หากนางไล่ล่าหาความจริง แล้วหลิวเย่จะเศร้าเพียงไหน..
หลิวเย่นางทั้งใจดีและบริสุทธิ์
นางมีความรักต่อเสี่ยวซาน ถ้านางทราบความจริง นางจะถึงกับฆ่าตัวตายหรือไม่?
แต่ถ้าไม่พูดเรื่องนี้
ถ้าหลิวเย่รู้ในภายหลัง นางอาจจะเจ็บปวดมากกว่า”
แม้ว่านางจะไม่บอก
แต่เรื่องนี้จะปกปิดได้นานเพียงไหน
ท่านพ่อจากไปแล้ว
ปู่และปู่ห้า พวกท่านต้องทราบความจริง
ถ้าหลิวเย่ต้องการแต่งงานกับเสี่ยวซาน
พวกท่านอาจจะคัดค้าน เรื่องแบบนี้จะดีได้ยังไง?
ต้องการจะบอกความจริงเกี่ยวกับสถานะตนเองกับเสี่ยวซานน่ะหรือ
ถ้าท่านปู่และปู่ห้ารู้ว่าเสี่ยวซานผู้สืบทอดสถานะของอาสามเป็นเพียงชีวิตที่พี่สาวแม่สี่สร้างขึ้นจากพฤกษาศักดิ์สิทธิ์
บางทีผู้คนมากมายอาจต้องพบกับเรื่องเจ็บปวด แม่สี่คงจะไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่นางจะพูดแน่
นี่ไม่ใช่แค่เสี่ยวซานเท่านั้น ปิงเอ๋อและซวงเอ๋อจะทำยังไง
เรื่องอย่างนี้ยังจะตามตรวจสอบอีกหรือ?
ความจริงของเรื่องนี้เป็นการทำร้ายตัวเองอย่างหนึ่ง และยังมีผลต่อหลิวเย่ด้วย สำหรับปู่และปู่ห้า สำหรับเสี่ยวซานและปิงเอ๋อและซวงเอ๋อ พวกเขาจะต้องเผชิญความจริงอันโหดร้าย
แล้วนางจะทำอย่างไร?
เย่ว์หวี่ยิ่งคิดยิ่งว้าวุ่นสับสน
มีเรื่องต่างๆ มากมายวิ่งเข้ามาในหัวและนางรู้สึกสับสน
นางไม่เคยเห็นชิ้นส่วนจี้ทองที่อยู่ในคอของหลิวเย่
นางไม่เคยรู้ความจริง
แต่อย่างน้อยนางสามารถคงสถานการณ์ปัจจุบันนี้ต่อไปได้อย่างสับสนโดยไม่ต้องกังวลถึงความเป็นจริง
ภายในน้ำพุร้อนหลังจากไตร่ตรองเรื่องที่น่าอึดอัดหลายเรื่อง
เย่ว์หวี่รู้สึกปวดหัวขึ้นมาทันทีและเริ่มรู้สึกว่าความคิดของนางเริ่มสงบลงบ้าง
อสูรคลื่นคลั่งไม่ทราบว่าออกมาโดยอัตโนมัติตั้งแต่เมื่อใด และช่วยทำให้นางมีความสดชื่นขึ้น
อสูรคลื่นคลั่งก่อนหน้านั้นไม่มีร่างคล้ายมนุษย์และไม่มีปัญญา
เมื่อเย่ว์หวี่บรรลุระดับทูตศักดิ์สิทธิ์ในสนามพลังของเย่ว์หยาง
มันก็วิวัฒนาการในพลังงานกฎสวรรค์ไม่มีที่สิ้นสุด
มันพัฒนาไปเป็นบมุษย์โดยไม่รู้ตัว
และยังคงมีสติปัญญาด้วย บางทีเพราะเหตุผลของการรู้แจ้งในอาณาจักรการรู้แจ้งนั้น
แม้ว่าภูมิปัญญาของมันจะเป็นส่วนสำคัญ แต่รูปร่างมนุษย์ของมันก็น่าทึ่ง
มันใกล้จะเป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์แล้วจึงเข้าใจวิธีดูแลเจ้านาย...
แม้ว่านางจะไม่เข้าใจถึงความลำบากใจของเจ้านาย
แต่นางเห็นสภาพเจ็บปวดใจที่เจ้านายแสดงออก นางจึงแยกน้ำในบริเวณรอบๆ
ออกไปเพื่อที่เจ้านายจะได้ไม่รู้สึกอึดอัด
เมื่อเห็นมันพยายามทำอย่างนี้เจ็ดแปดครั้ง
อสูรคลื่นคลั่งดูมีลักษณะเหมือนเด็กที่เกิดจากน้ำ
เย่ว์หวี่อดเอื้อมมือไปแตะนางไม่ได้
“ขอบใจมาก, ข้าไม่เป็นไรมาก ขอให้ข้าได้สงบจิตใจก่อน”
อสูรคลื่นน้ำไม่สามารถพูดได้
นางได้แต่นั่งอยู่ข้างๆ เย่ว์หวี่
นางไม่รู้จะปลอบเจ้านายยังไง
จึงได้แต่อยู่เป็นเพื่อนเงียบๆ
เย่ว์หวี่เห็นนางกังวลห่วงใยตนเอง นางได้แต่ทำใจให้เข้มแข็ง
ไม่ว่าหลิวเย่จะเป็นน้องสาวร่วมสายโลหิตของนาง หรือว่านางเองก็เป็นหนึ่งในสามกุลธิดาตระกูลเย่ว์
นางคือตัวแทนตระกูลเย่ว์คนหนึ่ง นี่คือเหตุผลที่มิอาจหลีกเลี่ยงได้!
นานมาแล้ว
นางเคยให้คำมั่นกับเสี่ยวซานว่าจะดูแลเขาจากรุ่นสู่รุ่น
เรื่องนี้ไม่อาจเป็นอุปสรรคได้
ปมหัวใจนี้ไม่ว่าจะจริงหรือไม่
ไม่สำคัญว่าโลกจะมองอย่างไร นางต้องอยู่กับเสี่ยวซานสนับสนุนเขาและดูแลเขา!
เมื่อคิดได้เช่นนี้แล้วเย่ว์หวี่ลุกขึ้นยืนและเอื้อมมือลูบศีรษะอสูรคลื่นน้ำเบาๆ ดวงตาของนางมีแววสงบ
นางว่ายไปตามน้ำพุร้อนและภาพนางดูล่องลอยแปลกประหลาดเหมือนมีผ้าทับซ้อนอยู่บนตัว
เมื่อกลับไปถึงเขตสนามพลังแล้ว
นางเห็นว่าเย่ว์หยางยังคงหลับ และอู๋เหินรออยู่ข้างนอกคอยดูแล
เย่ว์หวี่พยักหน้าให้นาง
“เสี่ยวซานยังไม่ตื่น ดูแค่นี้ก็คงพอแล้ว ข้าอยากใช้โอกาสนี้
หาประสบการณ์ในบันไดสวรรค์ของตนเอง เผื่อว่าจะหาทางหลอมรวมความรู้ในขอบเขตใหม่ให้เร็วเท่าที่เป็นไปได้”
สำหรับอู๋เหินนี่เป็นครั้งแรกที่เห็นเย่ว์หวี่ทำเช่นนี้
ปกตินางไม่ค่อยสนใจคร่ำเคร่งการฝึกฝนมากนัก เกิดอะไรขึ้น
อย่างไรก็ตามนางไม่ได้ถาม แค่พยักหน้า “ไม่เป็นไร ข้าจะอยู่ที่นี่เอง
ท่านไปฝึกก่อนได้ เมื่อเขาฟื้นแล้วข้าจะตามไปสมทบ”
เย่ว์หวี่กอดนางเบาๆ
และปีกนางฟ้าปรากฏในอากาศ
เย่ว์หวี่ไม่เข้าใจจะจัดการกับปัญหาที่แท้จริงได้อย่างไร นางเลิกใช้ปีกนางฟ้าในช่วงนี้ก่อน
และได้แต่เตือนตนเองซ้ำ ว่าจะอยู่กับเย่ว์หยางและช่วยให้ความสนับสนุนเขาในทุกด้าน
แน่นอนเย่ว์หวี่ก็หวังว่าจะมีประสบการณ์วิวัฒนาการก่อนที่เขาจะตื่น
เพื่อที่ว่าจะได้ช่วยเขาได้แท้จริง แทนที่จะทำให้เขาเดือดร้อน
แน่นอนด้วยวิธีนี้
นางสามารถสงบความว้าวุ่นใจได้ชั่วคราว
ปล่อยวางทุกอย่าง
และฝึกฝนเพื่อยกระดับ
เย่ว์หวี่กลับเข้าไปฝึกตามเส้นทางฝึกฝนในบันไดสวรรค์ นางไม่เคยทุ่มเทเหมือนอย่างที่เคยเป็นมา
นางไม่ชอบต่อสู้เพื่อสงบอารมณ์
เกี่ยวการฝึกฝนเพื่อเลื่อนระดับเป็นความหวังที่สูงมาก
นางปล่อยทั้งหมดให้เป็นไปตามธรรมชาติ
ตอนนี้นางได้รับการเปลี่ยนแปลง
และนางบังคับตนเองให้เดินหน้าต่อด้วยความมุ่งมั่นและมีความปรารถนาอย่างไม่เคยมีมาก่อน
บันไดสวรรค์ขั้นที่
1500, 2000, 2500, 3000.... เย่ว์หวี่ไม่เคยคิดว่าตัวนางเองจะขึ้นไปถึงขั้นที่
3000 เผชิญหน้ากับร่างเงาพลังงาน ราชันย์ภูตอัคคี
ยอดผู้พิทักษ์ที่ทรงพลังประจำด่านทดสอบชั้นที่ 3000
เย่ว์หวี่ไม่กลัวและเผชิญหน้าอย่างกล้าหาญ นางใช้ดาบปีกนางฟ้าระเบิดพลังต่อสู้อย่างไม่เคยมีมาก่อน!
หนึ่งวันผ่านไป
สิบวันผ่านไป
ครึ่งเดือนต่อมา
เมื่ออู๋เหินเห็นจักรพรรดินีราตรีก้าวออกมาช้าๆ นางรู้สึกถึงตำแหน่งพลังงานในท้องฟ้าได้ทันที
มีพลังงานที่อธิบายไม่ถูกลุกโชนจากท้องฟ้า เทียบอาหงเลื่อนเป็นทูตศักดิ์สิทธิ์
อาหมันได้รับตกทอดพลังจากเสาห้าธาตุศักดิ์สิทธิ์แล้วเลื่อนเป็นเทพขุนพลได้
นับว่าไม่อ่อนด้อยกว่ากันเลย
พลังที่มหาศาลนี้ไม่มีร่องรอยแห่งความนุ่มนวลของทะเลสาบหรือของทะเลที่เงียบสงบ
ความรู้สึกของการเกิดคล้ายกับการเห็นน้ำตกไหลทะลักขึ้นไปบนท้องฟ้าและทิ้งตัวลงมาที่ผิวทะเลสาบจากระยะสูงเป็นพันฟุตก่อให้เกิดคลื่นและละอองน้ำกระจาย...
แม้ว่าพื้นที่จะอยู่สูงมาก แต่อู๋เหินก็ยังรู้สึกได้ชัด
แม้แต่นางก็ยังรู้สึกทึ่งที่อ่านความรู้สึกของอีกฝ่ายได้
“เย่ว์หวี่เลื่อนไปเป็นระดับทูตศักดิ์สิทธิ์ที่แท้จริงได้แล้ว”
จักรพรรดินีราตรียืนอยู่ด้านข้างอู๋เหิน
สนามพลังดารารายของนางกระจ่างมากกว่าเดิม
ร่างที่งดงามนั้นเงยหน้ามองดูท้องฟ้า เสียงของนางไพเราะเสนาะโสต “เข้าถึงขอบเขตระดับทูตศักดิ์สิทธิ์
ทั้งที่ยังไม่ทันเลื่อนเป็นปราณราชันย์หรือ?
เย่ว์หยางสร้างปาฏิหาริริย์ให้กับโลกนี้อีกแล้ว แต่ถึงจะเป็นปาฏิหาริย์ยังไงก็ตาม
ดูเหมือนว่าเย่ว์หวี่ก็ฝึกฝนอย่างพากเพียรเหมือนกัน!
ข้าคิดว่านางจะทำได้ดียิ่งขึ้นเมื่อเวลาผ่านไปและคงจะเลื่อนไปอยู่ในระดับทูตศักดิ์สิทธิ์ที่แท้จริงได้ คิดไม่ถึงเลยว่านางจะล้ำหน้าพวกเจ้าทุกคนได้”
“นางฝึกฝนอย่างหนักจริงๆ” อู๋เหินได้ยินแล้วมีความสุข
เพราะเป็นผู้ที่เข้าใจเย่ว์หวี่มากที่สุด
บันไดสวรรค์ขั้นที่ห้าพัน
หลังจากท้าทายต่อเนื่องถึงสิบครั้ง
ในที่สุดเย่ว์หวี่ก็เอาชนะผู้พิทักษ์ด่านจ้าวสมุทรของขั้นที่ห้าพันได้และได้รับการยอมรับสูงสุดในการใช้กฎพลังงานห้าพันขั้นตอน
เหมือนกับว่านางมองเห็นผู้อาวุโสผู้ทิ้งภาพเงาจิตสำนึก
ให้หลอมรวมพลังงานที่นางทิ้งไว้เข้ากับพลังทูตศักดิ์สิทธิ์ พลังจ้าวสมุทรหลอมรวมเข้ากับอสูรคลื่นคลั่ง
กลายเป็นอสูรสึนามิ ชั้นเพชรระดับห้า...
อสูรสึนามิ: ชั้นเพชรระดับห้า อสูรสายธาตุ รูปมนุษย์ อสูรพิทักษ์
มีลักษณะคล้ายกับเจ้านาย ก่อตัวจากธาตุ(น้ำ)เป็นหลัก ทักษะพิเศษคือ สึนามิ, น้ำพุ, น้ำตกฟ้า,
กระแสน้ำ, น้ำวน, เป็นอสูรวิญญาณ, ผูกพันกับเจ้านาย
ขณะที่เย่ว์หวี่ออกมาจากลำแสงเลื่อนระดับ
ใบหน้าของนางมีน้ำตาอาบแก้ม
อสูรสึนามิซึ่งมีลักษณะคล้ายนางถึงเก้าในสิบส่วน
ไม่ใช่เด็กอีกต่อไป แต่นางดูเป็นเหมือนดรุณีน้อยอายุสิบสี่ แม้ว่าจะดูไม่เต็มวัย
แต่ร่างสีเขียวอ่อนของนางดูเหมือนเย่ว์หวี่
ถ้าคนมองอย่างผิวเผินอาจเข้าใจผิดว่าเป็นพี่น้องกันได้ อสูรสึนามิคุกเข่าข้างหนึ่งทักทายเจ้านาย
และนางเลื่อนเป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์
นางเรียนรู้มารยาทจากความทรงจำส่วนหนึ่งของผู้เป็นนาย
เย่ว์หวี่จับไหล่ทักทายอสูรสึนามิและกอดนางเบาๆ
เหมือนกับว่านางพบน้องสาวตัวเอง
ทันใดนั้นอสูรสึนามิเปลี่ยนไปเป็นร่างพลังงาน
ผสานกับร่างเย่ว์หวี่
ร่างวิญญาณและเจ้านายหลอมรวมกันทำให้อสูรสึนามิได้เรียนรู้และเลียนแบบสำนึกความรู้สึกของเจ้านายที่ผ่านมา
ทำให้นางเติบโตภายใต้อิทธิพลของเจ้านาย ในทำนองเดียวกัน
นางสามารถช่วยให้ความมั่นใจในชีวิตหรือการสู้รบของเจ้านายมากขึ้น
เย่ว์หวี่กลับลงมาที่บันไดสวรรค์ชั้นล่าง
อู๋เหินและทุกคนมารอพบอยู่ที่เชิงเขาแล้ว
นางกอดทุกคนทีละคน...
เย่ว์หวี่หลังจากได้พบประสบการณ์ยากลำบากมามาก
นางมีความแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง
ตอนนี้นางไม่เพียงแต่แข็งแกร่งมากขึ้น
แต่นางยังคลายปมในใจที่คั่งค้างมาเป็นเวลานาน เย่ว์หวี่กอดหลิวเย่และกระซิบข้างหูนางเบาๆ “หลิวเย่!
เจ้าต้องพยายามเข้าไว้!”
หลิวเย่ไม่เข้าใจความหมายในคำพูดนี้ของนาง นึกว่าเป็นการให้กำลังใจกันธรรมดา
ทุกคนไม่รู้ความจริง
รวมทั้งหลิวเย่ผู้ที่นางกอดไว้
และเขาก็ยังไม่รู้ด้วย
มีแต่อู๋เหินที่รู้จักเย่ว์หวี่ดีที่สุด
สามารถคาดการณ์ได้เล็กน้อย
“ท่านยิ้ม หัวเราะได้อย่างนี้ ข้าไม่เห็นท่านหัวเราะมานานมากแล้ว” อู๋เหินมองดูเย่ว์หวี่อย่างมีความหมาย
“ไม่ใช่ข้าเท่านั้น ทุกคนยังยิ้มมากกว่าเสียอีก” เย่ว์หวี่ยิ้มและตอบ นางยิ้มหน้าแดงเปล่งปลั่ง
วันนี้เป็นวันพิเศษ สายลมจากทะเลสาบพัดลูบไล้ร่างทุกคนอย่างนุ่มนวล!-!
8 ความคิดเห็น:
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
เดาไม่ออกว่าเย่ว์หวี่รู้อะไรมาหลังจากผ่านขั้นห้าพัน
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณมากครับ
เทพอีกคนแล้ว
แสดงความคิดเห็น