ตอนที่ 822
น้ำตานางเงือก
เย่ว์หยางหาเวลาไปที่สมาคมนักรบรับจ้างหอทงเทียนชั้นที่หกและตั้งภารกิจ
รางวัลหนึ่งแสน
น้ำตานางเงือก
เมื่อกลับมาจากแดนสวรรค์
เย่ว์หยางถามกับเผ่าตระกูลที่มีอิทธิพลทุกที่ ก็ยังไม่ได้ข่าวของน้ำตานางเงือก
ไม่ว่าจะเป็นทวีปมืดเผ่าโยวหมิง เผ่าภูตบูรพาและเอลฟ์ชั้นสูง ฯลฯ
รวมทั้งเผ่าทะเลที่ไห่อิงอู่ปกครองทั้งหมด แม้ถามหาทั่วทุกที่แล้วก็ตาม
แต่น้ำตานางเงือกนั้นดูเหมือนเป็นแค่ของในตำนาน ไม่มีใครที่มีครอบครองอยู่
เพราะเรื่องนี้เองไห่อิงอู่ถึงกับปลีกตัวกลับมาตามหาท่านหญิงจูเว่ยและท่านหญิงเยี่ยนรวมทั้งเผ่าตระกูลทะเลอื่นเพื่อพูดคุยเรื่องนี้เป็นพิเศษ
ราชันย์ปีศาจใต้ก็ยังกลับไปตรวจดูคลังสมบัติของนางเอง..แม้แต่เซี่ยอีกลับไปบ้านเกิดพร้อมกับราชินีซิกเพื่อช่วยตามหา
แต่ก็ยังไม่ได้ร่องรอย
น้ำตานางเงือกอยู่ในมือของใครบางคน
เพียงแต่ไม่มีคนรู้
เกี่ยวกับตำนาน
หอทงเทียนมีบันทึกประวัติศาสตร์มากมาย และเย่ว์หยางได้พบเห็นมาหลายบันทึก
อันน้ำตานางเงือกนี้
ไม่ได้หมายถึงน้ำตาของนางเงือกจริงๆ มิฉะนั้นแค่ขอให้นางเงือกวายุช่วยร้องไห้
เรื่องก็สิ้นเรื่องไปแล้ว
แต่นั่นเป็นสมบัติพิเศษมาก
เพราะด้วยความสวยงามล้ำค่าอย่างหาที่เปรียบมิได้
คนธรรมดาทั่วไปเมื่อได้เห็นจะไม่สามารถกำจัดเสน่ห์นั้นออกไปได้
มีตำนานว่าแม้แต่นางเงือกเห็นสิ่งนี้แล้วก็ยังกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ ดังนั้นจึงได้ชื่อว่าน้ำตานางเงือก
ถ้าสวมน้ำตานางเงือกไว้บนตัว
สิ่งมีชีวิตในน้ำจะสามารถขึ้นฝั่งและหายใจอย่างอิสระได้ ในทำนองเดียวกัน
สิ่งมีชีวิตบนแผ่นดินสามารถหายใจใต้น้ำได้
ในขณะต่อสู้เมื่อนักรบสวมน้ำตานางเงือกต่อสู้จะส่งผลมาก
แน่นอนว่าน้ำตานางเงือกสามารถสนับสนุนเพิ่มความสามารถได้
นี่จึงเป็นสมบัติเสริมพลังที่หาได้ยากมาก
หลายพันปีมาแล้ว
น้ำตานางเงือกมีอยู่ค่อนข้างมาก และทั่วทั้งหอทงเทียนคาดกันว่ามีมากกว่าร้อยชิ้น
โดยทั่วไปนักสู้ปราณราชันย์ของเผ่าพันธุ์ต่างๆ
ล้วนมีเป็นเครื่องประดับ แต่สงครามเมื่อหกพันปีก่อน
น้ำตานางเงือกหายไปในกระแสธารประวัติศาสตร์
บางทีอาจมีอยู่
แต่ด้วยพลังของเย่ว์หยางไม่สามารถหาพบในทันทีได้
เขาถามทุกคนที่รู้จักในทุกที่
เย่ว์หยางเดินทางมาที่หอทงเทียนชั้นหกก็เพื่อตามหาน้ำตานางเงือก
ก่อนอื่นไม่สำคัญว่าน้ำตานางเงือกจะมีราคาเท่าใด
เย่ว์หยางตัดสินใจตั้งรางวัลหนึ่งแสนเหรียญไว้ก่อนหวังว่าคนวงในที่รู้จักจะรู้ถึงได้
“เขยเรา
ได้ข่าวว่าเจ้ากำลังตามหาน้ำตานางเงือกหรือ?”
ราชันย์ฟ้าบูรพาจู่ๆ ก็วิ่งเข้ามาตามหาเย่ว์หยาง
“หา? ท่านมีด้วยหรือ?” เย่ว์หยางเมื่อได้ยินก็มีความสุข
“ข้าไม่มี, ของแบบนั้นเอาไว้ประดับจมูกสตรี
บุรุษหยาบกร้านอย่างข้าจะเอาไปทำไม?”
ราชันย์ฟ้าบูรพาปฏิเสธ
“ปัญหาก็คือข้าจำเป็นต้องได้สมบัติชิ้นนี้เพื่อเอาไปรายงานความสำเร็จของข้า” เย่ว์หยางมองดูราชันย์ฟ้าบูรพาเพื่อเตรียมหาข้อแก้ตัวไม่ให้เขาลากตัวไปเป็นเพื่อนดื่ม ตอนนี้เย่ว์หยางไม่มีอารมณ์ดื่ม ตรงกันข้ามเขาคิดถึงเรื่องคัมภีร์เทพ
ด้านหนึ่งต้องเตรียมเก็บกักพลังเอาไว้เพื่อไปพบกับนางพญาเฟ่ยเหวินหลี
และตอนนี้ก็กังวลเรื่องน้ำตานางเงือก ไม่มีเวลาจะให้ความสนใจราชันย์ฟ้าบูรพาแต่อย่างใด
“เอาแต่หน้านิ่วคิ้วขมวดเคร่งเครียดทั้งวัน
จะแก้ปัญหาอะไรได้!”
ราชันย์ฟ้าบูรพาพบว่าเย่ว์หยางไม่อยู่ในอารมณ์ที่ดีจึงไม่คิดจะชวนไปดื่ม แต่ก่อนที่เขาจะแยกไป
เขาป้องปากกระซิบที่หูเย่ว์หยาง “เจ้าไปทูลขอฝ่าบาทได้ แต่อย่าบอกนะว่าข้าเป็นคนบอกความลับนี้”
“แน่นอนอยู่แล้ว” เย่ว์หยางมีความสุข
เขาตบอกและให้คำรับรองกับราชันย์ฟ้าบูรพา
ความจริงถ้าเย่ว์หยางต้องการวิพากษ์วิจารณ์จักรพรรดิเทียนหลัวหัวซิ่วรี่
เขายิ่งไม่กล้าตำหนิโดยเปิดเผย
นอกจากนี้ราชันย์ฟ้าบูรพาทำผิดแล้ว
จะไม่ถูกลงราชอาชญา
ต่อให้ทำผิดสองครั้งก็ไม่โดน เขาเป็นพวกหนังหน้าหนาอยู่แล้ว
ไม่สนใจอะไร
ราชันย์ฟ้าบูรพาหนังหนาขนาดที่กล้าดื่มเหล้าถูกๆ ของพวกทหารรับจ้าง นั่นคือสิ่งที่พวกเขารู้กัน
ราชันย์ฟ้าบูรพาตบไหล่เย่ว์หยางและขอยาเม็ดพลังยุทธ
ค่าแจ้งข่าวคือยาเม็ดพลังยุทธ
เขารู้ว่าจะรีดไถอะไรได้บ้าง
“ดีมากเขยข้า
ข้าจะไปก่อน ต่อไปเจ้าต้องการหาอะไร ไม่ต้องตั้งเป็นภารกิจก็ได้
มันยุ่งยากเกินไป แค่มาถามข้าตรงๆ รู้ไหมว่าข้าเป็นใคร?
ข้าไปมาทั่วหอทงเทียนมาหลายปี”
ราชันย์ฟ้าบูรพามีความรู้สึกว่าตนเองมีคุณสมบัติทำหน้าที่นักสืบส่วนตัว
“...”
เย่ว์หยางอึ้ง
โชคดีที่คนผู้นี้มีธิดาที่ไม่เหมือนกับเขา!
ในทางกลับกันจักรพรรดิเทียนหลัวหัวซิ่วรี่
ถ้าเป็นบุรุษแล้วจะมีน้ำตานางเงือกได้ยังไง?
ต่อให้มีน้ำตานางเงือก
แล้วเป็นความลับมากขนาดนั้นได้อย่างไร? แม้แต่ราชันย์ฟ้าบูรพาและคนอื่นไม่ได้ถือว่าเป็นความลับหรือ?
เย่ว์หยางรู้สึกว่าความสงสัยนี้ฆ่าแมวได้
ฝันหยก, น้ำตานางเงือก หอสมุดแห่งจักรวรรดิเทียนหลัว
ไม่รู้ว่ามีสมบัติวิเศษมากเพียงไหน?
ราชันย์ฟ้าบูรพาแยกจากไป เย่ว์หยางไปขอเข้าเฝ้าจักรพรรดิเทียนหลัว
หัวซิ่วรี่ทันที
เช่นเดียวกับเหตุผลครั้งล่าสุด
จักรพรรดิประชวร ไม่สะดวกจะรับอาคันตุกะ
สตรีที่เป็นเจ้าหน้าที่วังถามเย่ว์หยางอย่างระมัดระวังเกี่ยวกับวัตถุประสงค์ในการเข้าเฝ้าของเย่ว์หยาง
ขณะที่ผลการแจ้งให้จักรพรรดิเป็นผู้กำหนด
ครั้งนี้ก็เหมือนกับครั้งก่อน
ล่าสุดนั้นเป็นจุ้ยมาวอี้พาเขาไปทูลขอหยกสุบิน คราวนี้เขาต้องดำเนินการจริง
แม้ว่าจะอยู่ห่างจากประตูวัง แต่เย่ว์หยางไม่ว่ายังไงก็ตาม ก็เข้าไปหาจักรพรรดิในระยะสิบเมตรไม่ได้ ใช้เวลานานกว่านั้นจะมีรัศมีที่เย่ว์หยางผู้มีปณิธานราชันย์สามารถชักจูงได้ง่ายและสามารถรู้สึกได้
ในฐานะของคนรุ่นหลัง จักรพรรดิช่วยดูแลแม่สี่และซวงเอ๋อ นอกจากยังมีผู้สูงอายุอื่นรวมอยู่ด้วย เย่ว์หยางแสดงความเคารพ
เป็นการแสดงให้เห็นว่าเขาเป็นเด็กดี
เสียงของจักรพรรดิหัวซิ่วรี่กริ้วมาก “ใครบอกเรื่องนี้กับเจ้า?”
เย่ว์หยางไม่ลังเลแม้แต่น้อยรีบขายพ่อตาทันที “ถวายบังคมฝ่าบาท เป็นราชันย์ฟ้าบูรพา”
“เจ้าผู้นี้หนังหนาชาด้านจริงๆ
ถ้าไม่เอาแต่เมาเหล้าฝันเฟื่องไปวันๆ ก็หาคุยเรื่องไร้สาระกับผู้เยาว์!”
จักรพรรดิเทียนหลัวหัวซิ่วรี่กริ้วถึงกับตรัสบริภาษ
ท่าทีเคร่งขรึมพระพักตร์บึ้งตึงทำให้เย่ว์หยางตกใจกลัว เขาคิดว่าหลายวันที่ผ่านมาราชันย์ฟ้าบูรพาคงไม่ได้สร้างความรู้สึกที่ดี
อย่างไรก็ตามหลังจากราชันย์ฟ้าบูรพาแจ้งข่าวให้ทราบแล้ว เขาคงรู้ผลที่ตามมา
และเผ่นหนีไปตามปกติ เพราะรู้ว่าฝ่าบาทจะกริ้ว
เขาคงยังไม่กลับมาในช่วงนี้ก่อน อย่างไรก็ตามราชันย์ฟ้าบูรพาคงเผ่นไปหาจักรพรรดิจุนอู๋โหย่วหาเพื่อนดื่มเหล้าสักวันหรือสองวัน
“เขาทำไม่ถูกมาก ข้าก็เพิ่งจะตำหนิเขาไป”
เย่ว์หยางถือโอกาสแสดงออกว่าเขาเป็นคนดีมีคุณธรรม
“เจ้าก็ต้องมาให้น้อยลง!” น่าเสียดายที่เขามองออก
“พะย่ะค่ะ ข้าผิดเอง!” เย่ว์หยางก็หนังหนาไม่ด้อยไปกว่าราชันย์ฟ้าบูรพา
“น้ำตานางเงือกไม่ใช่เป็นของที่หายาก แค่เป็นเพราะเจ้า
ถึงกับต้องใช้กลอุบายหลอกล่อด้วยหรือ น่าหงุดหงิดจริง!”
จักรพรรดิเทียนหลัวหัวซิ่วรี่แม้ว่าจะพูดอย่างนี้แต่ดูเหมือนจะไม่สบายใจที่ของอย่างนี้ต้องตัดใจส่งให้เย่ว์หยาง หลังจากชะงักเล็กน้อย เขากล่าว
“ด้วยเหตุผลบางอย่าง เจ้าอาจต้องทำงานบางอย่างชดใช้ให้ข้าในอนาคต”
“เรียกข้าน้อยได้ทุกเมื่อ”
เย่ว์หยางเอามือแตะอกเป็นการปฏิญาณว่าพร้อมบริการยี่สิบสี่ชั่วโมง
“อย่ามาทำหน้าระรื่น นี่เป็นเรื่องจริงจัง
และเจ้าห้ามไม่ให้แสดงความไม่เคารพต่อหน้าจักรพรรดิอีก” ฝ่าบาทดูเหมือนจะกริ้วกับมารยาทของเย่ว์หยาง
จนถึงกับวิพากย์วิจารณ์ถึงรอยยิ้ม
“พระเจ้าค่ะ, เพียงแต่ข้าพระบาทไม่ทราบว่าพระองค์ต้องการให้ข้าพระบาททำอะไร?”
เย่ว์หยางเดาว่าไม่มีใครในฮาเร็มของพระองค์ต้องเปลี่ยวเปล่าจนต้องการความอบอุ่นหรือเปล่า? แน่นอน
เรื่องแบบนี้เย่ว์หยางได้แต่คิดในใจเท่านั้น และไม่กล้าเผยออกมาแม้แต่น้อย มิฉะนั้นเป็นไปได้ว่าเขาอาจถูกฉีกเป็นชิ้น
ไม่ว่ายังไงก็ตามศักดิ์ศรีของฝ่าบาทก็ยังเป็นหลักสำคัญ
“ค่อยว่ากันทีหลัง
ห้ามไม่ให้เจ้าบอกเรื่องนี้กับใคร
เรื่องนี้ข้ายังไม่ได้ตัดสินใจ และเป็นเรื่องที่น่ารำคาญมาก ช่างเถอะ
ตอนนี้เจ้ากลับไปได้แล้ว
น้ำตานางเงือกจะมีคนนำไปให้เจ้า! จักรพรรดิเตือนเย่ว์หยางก่อนจากไป “ห้ามคิดถึงมันด้วย
และห้ามไม่ให้บุคคลที่สามรู้เรื่องการสนทนาในวันนี้ ถ้าอู๋เสียรู้เข้า ข้าจะตัดลิ้นเจ้า!”
“สบายพระทัยได้, ข้าพระบาทรักษาความลับได้เสมอ
แม้แต่ตอนหลับก็ยังไม่พูดเลย แม้จะไม่มีอะไรที่เกี่ยวกับสาวงามก็ตามที ก็จะไม่พูดคุยความลับของวันนี้แน่นอน”
เย่ว์หยางพร้อมจะตั้งฉายาของของบุคคลที่เข้มงวดที่สุดในหอทงเทียน
“ใครจะรู้ว่าเจ้ากลอกกลิ้งแค่ไหน ฮึ่ม..” จักรพรรดิแค่เสียงหงุดหงิด
เย่ว์หยางยิ้มและเดินถอยจากมา
แม้ว่าเขาจะอยู่ห่างจากประตูตำหนัก
แต่เขาไม่ได้กลิ่นอายเป็นพิเศษ
อย่างไรก็ตามเนื่องจากเขาเลื่อนระดับพลังเป็นนักสู้ปราณราชันย์แล้ว
ความรู้แจ้งของเขาแตกต่างจากเดิมอย่างสิ้นเชิง
เขาเคยใช้การดู
และตอนนี้เขารู้สึกจากการดูและชัดเจน
ตอนนี้พลังตาทิพย์แม้ว่ายังไม่ถึงระดับสูงสุด แต่ก็ใกลเคียงระดับสูงสุด
และตาของเทพปรากฏที่หน้าประตู ลักษณะของประตูทำให้ไม่เห็นได้ชัด แต่ยังน้อยเย่ว์หยางยังพอเห็นได้บ้าง
แน่นอนว่าเย่ว์หยางผู้ฉลาดถึงไม่สามารถเห็นได้ แต่การปกป้องศักดิ์ศรีของเขาก็สำคัญเช่นกัน
ไม่ใช่จักรพรรดินีราตรี....
เย่ว์หยางได้ข้อสรุป
เขาสงสัย
แต่ตอนนี้ปฏิเสธการคาดเดานี้ออกไป
จักรพรรดินีราตรีก็คือจักรพรรดินีราตรี ฝ่าบาทก็คือฝ่าบาทแม้ว่า
บางส่วนจะค่อนข้างคล้าย
ในเวลาเย็นเจ้าหน้าที่หญิงส่งกล่องมาให้เขาเปิดดูมองเห็นน้ำตานางเงือกที่เปล่งประกายรัศมีที่แตกต่างกัน เย่ว์หยางทำจมูกฟุดฟิดเหมือนกับว่าเขาได้กลิ่นที่อยู่ในกล่องมาเป็นเวลานาน
แต่ไม่ได้ทำให้กลิ่นอ่อนๆ ของสมบัติจางหายไป
เขารีบขอบคุณสตรีเจ้าหน้าที่ผู้นั้นแล้วรีบกลับไปยังดินแดนฝึกฝนของแดนสวรรค์ตะวันตก
เขาลอบเข้าไปในวงล้อมของนักรบมรณะตำหนักกลางและกลับเข้าไปในดินแดนทดสอบผ่านเข้าไปที่ด่านที่สาม
ด่านหุบเขาทรายพบกับแม่เฒ่าซาและช่วยให้นางสมปรารถนา
เมื่อแม่เฒ่าซาสวมน้ำตานางเงือก
ร่างนางเปล่งรัศมีเฉิดฉัน
แม้ว่าจะไม่สามารถดึงน้ำในสระออกมาได้มากนัก
แต่จะล้างหน้าล้างมือย่อมไม่มีปัญหา
นี่แค่เริ่มต้น
ด้วยทักษะของแม่เฒ่าซาและพลังของน้ำตานางเงือก
ความต้องการจะได้อาบน้ำของนางคาดได้ว่าจะได้รู้กันไม่นาน
แม่เฒ่าซากำลังร้องไห้อย่างมีความสุข
แม้ว่านางไม่ได้ให้รางวัลเย่ว์หยาง
แต่นางพยายามนึกและบอกตำแหน่งวงเวทอักษรรูนโบราณให้เย่ว์หยางทราบ “ถ้าไม่มีใครทำลายเสียก่อน มันน่าจะอยู่ตรงนั้นและวงเวทอักษรรูนโบราณจะไม่หายไปกับกาลเวลา มันอยู่มานานอย่างนั้นจนข้านึกภาพไม่ออก อย่างไรก็ตามข้าจำได้อย่างหนึ่ง เมื่อภูตไหมฟ้ากับจ้าวอัคคีพิโรธสู้กัน
ทั้งสองน่าจะถูกฝังไว้ที่หุบเขากระบี่ เมื่อทั้งสองไม่มีข่าวคราวอะไรจนบัดนี้
คิดว่าอาจจะตายในที่เดียวกัน... เจ้าลองไปมองหาดู
บางทีเจ้าอาจจะพบสิ่งของโบราณของทั้งสอง... ต้องขอโทษด้วยเย่ว์หยางน้อย
เพราะช่วงเวลายาวนานมากจริงๆ และวันนี้ข้ามีความสุขมาก
แต่ข้าจำเหตุการณ์ในอดีตได้ไม่มาก บางทีเจ้าค่อยกลับมาครั้งหลังก็ได้
ข้าจะพยายามเค้นหาความทรงจำที่มีประโยชน์ให้เจ้า!”
“ขอบคุณแม่เฒ่าซาลามาน
ข่าวอักษรรูนโบราณก็เป็นตัวนำทางที่ยอดเยี่ยมมากอยู่แล้ว
ผู้เยาว์มีแต่จะขอบคุณ”
เย่ว์หยางตอบด้วยความจริงใจ
คุณค่าของอักษรรูนโบราณเป็นสิ่งที่ไม่มีวัตถุวิเศษอย่างใดเทียบได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเย่ว์หยางในปัจจุบันนี้
ต้องการหลอมรวมกับอักษรรูนโบราณให้ได้มากที่สุด!
7 ความคิดเห็น:
ภูตไหมฟ้ากับจ้าวอัคคีพิโรธสนับสนุนพลังภูอัคคีของเยว์หยางแน่นอน
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณมากครับ
ได้เวลา...คนขุดสุสาน
เย่ว์หยางเดาว่าไม่มีใครในฮาเร็มของพระองค์ต้องเปลี่ยวเปล่าจนต้องการความอบอุ่นหรือเปล่า? แล้วบอกว่าคล้ายจักรพรรดิราตรี แต่ไม่ใช่ สรุปผู้หญิงหรือผู้ชาย ถ้าเป็นผู้หญิง ทำมันถึงคิดว่ามีใครในฮาเล็มเหงาเปล่าเปลี่ยว อะไรของมึงวะไอ้คนเขียนนิยาย ขอบคุณที่แปลครับ
แสดงความคิดเห็น