ตอนที่ 894
ถวายบังคมฝ่าบาท
เย่ว์หยางค้นคว้าหน้ากากทองเจมิไนอยู่เป็นเวลานาน
แต่ไม่พบคำตอบ แม้ว่าเขาเหมือนกับจะจับเค้าลางความเป็นจริงได้ แต่ก็ยังไม่ได้แน่นอน เขาละอายใจเหมือนกับตกอยู่ในหมอก
ในที่สุดเขาตัดสินใจไปขอเข้าเฝ้าสนทนากับฝ่าบาท
ฟังจากน้ำเสียงของแม่สี่ที่เปิดเผยออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ ดูเหมือนเมื่อเร็วๆ
นี้ฝ่าบาทจะถามถึงความคืบหน้าของ ‘กำไลอสูร’ กล่าวอีกอย่างหนึ่งก็คือดูเหมือนว่าพระองค์จะหายกริ้วและยกโทษให้เย่ว์หยางบ้างแล้ว
ตีเหล็กในขณะที่ยังร้อน
เย่ว์หยางเข้าใจความจริงข้อนี้ดี
เย่ว์หยางวุ่นวายกับการเตรียมตัวกับการนี้เป็นพิเศษ
เขาไม่สนใจชามข้าวเอาแต่ค้นคว้าจนกระทั่งถึงเวลาตีสาม
ในราตรีที่เงียบสงัด
เย่ว์หยางลอบเข้าไปในวังที่เงียบสงบอีกครั้ง
คราวนี้นางกำนัลหน้าห้องหอเห็นเขา
แต่นางไม่รู้สึกประหลาดใจอีกต่อไป
และแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ปล่อยให้เย่ว์หยางลอบเข้าไปอย่างง่ายดาย
เย่ว์หยางตื่นตัวและดึงเก้าอี้มานั่งรอฝ่าบาทอยู่เงียบๆ
และอดทนไม่พูดอะไรนานถึงสิบนาที จู่ๆ
มีหมอนใบหนึ่งปลิวออกมาจากที่เตียงกระแทกใส่หน้าเขา “เจ้าเองหรือ,
เจ้าเด็กตัวเหม็น มาพบข้าตอนกลางดึกแบบนี้บ่อยๆ ข้าจะฆ่าเจ้าสักวัน!”
“อย่าเพิ่งกริ้วพระเจ้าค่ะ!” เย่ว์หยางดึงหมอนมากอดในอ้อมแขน เขาส่งกำไลข้อมือ วัตถุประดิษฐ์ที่ใกล้จะสำเร็จแล้วให้กับจักรพรรดิ “ดูสิ
ข้าสร้างกำไลมิติเก็บของเสร็จไปได้ครึ่งหนึ่งแล้ว ฝ่าบาท ข้าเห็นว่าท่านอยู่เงียบๆ
จะเหงา
ข้าก็เลยนึกขึ้นได้และเกิดแรงบันดาลใจเป็นพิเศษ”
“ข้าน่าจะเอาเจ้าไปขังไว้ในคุกน้ำเน่า
น่าจะเงียบกว่า และสร้างแรงบันดาลใจได้มากกว่า!”
หัวซิ่วรี่ยังคงโกรธ
“อ่า..ครั้งก่อนนั้นข้าพูดผิดไปนิดเดียว ขอประทานอภัย
ข้าคิดว่าท่านค่อนข้างดีจริงๆ ไม่น่าจะเป็นคนที่เบื่ออะไรง่ายๆ ไม่น่าเบื่อเหมือนเจ้าอ้วนไห่ ก็คล้ายๆ
กับข้านั่นแหละ เป็นคนที่มีอารมณ์สุนทรี
และย่อมมีเวลาอึดอัดบ้างยามอยู่ท่ามกลางบุปผาเป็นหมื่นดอก
มิฉะนั้นข้าจะเห็นด้วยได้ยังไงเล่า?
ในแง่ของการเลือกหญิงงามถือว่าเราคล้ายกันได้”
เย่ว์หยางเอามือตบอก มิตรที่รู้ใจรสนิยมเดียวกันหาได้ยาก
ดังนั้นไม่จำเป็นต้องถือสาเป็นอารมณ์กับเรื่องเหล่านี้
“ถ้าเจ้ายังพล่ามต่อไปอีก ข้าคงโมโหแน่!” เสียงของฝ่าบาทอ่อนลง
“เราท่านต่างก็เป็นบุรุษกันทั้งนั้น ถ้าท่านพูดบางอย่าง แม้ว่าท่านจะพูดอย่างนั้น
แต่ก็อย่าจริงจังเกินไป นอกจากนี้โกรธง่ายบ่อยๆ
จะทำให้ตับไตไม่ดี เมื่อตับไตไม่ดี ชีวิตก็ไม่มีความหวังที่ดี”
เย่ว์หยางต้องการสื่อความหมายว่าเป็นมนุษย์ควรมีใจกว้าง
“เจ้า....”
หัวซิ่วรี่มีความรู้สึกเหมือนอาหารติดคอไม่รู้จะเอาออกอย่างไร?
“เรามาค้นคว้าเรื่องกำไลข้อมืออสูรกันเถอะ แม้ว่าจะยังไม่เสร็จสิ้นอย่างเป็นทางการ
แต่ข้าเชื่อว่าพระองค์คงจะเห็นคุณสมบัติการทำงานได้บ้างในตอนนี้ ข้าได้กันพื้นที่ซึ่งเหมือนกับภายในแหวนข้างใน แต่นั่นยังไม่ใหญ่เพียงพอให้อสูรได้นอน แต่ลักษณะที่อยู่จะคล้ายกับคัมภีร์อัญเชิญทองแดง
แน่นอนว่าพื้นที่มิตินี้ไม่สามารถวิวัฒนาการได้
และอย่างน้อยไม่สามารถวิวัฒนาการได้อัตโนมัติ เมื่อนักรบคนหนึ่งทำสัญญากับอสูรที่เหมาะสมกับคุณสมบัติธาตุของเขา
อย่างนั้นในที่นี่ก็เป็นเหมือนกับบ้านพักอาศัยของพวกมัน
ภายนอกวงเวทอักษรรูนและหินผลึกจะเป็นพลังงานสำหรับอัญเชิญและสั่งงานให้วงเวททำงาน
แน่นอนว่านี่ยังไม่เพียงพอ
ข้ามาที่นี่ได้เตรียมตัวอย่างเล็กๆ น้อยๆ มาด้วย
สิ่งประดิษฐ์ของข้ายังไม่สำเร็จจนใช้งานได้เต็มที่ ข้าคิดว่าท่านคงเข้าใจได้ ข้ายังไม่ได้จับงานนี้เต็มที่ แค่เอาตัวอย่างมาคุยปรึกษากับท่านก่อนในตอนนี้!”
“วงเวทอัญเชิญและหินผลึกไม่จำเป็นต้องพูดถึง
ข้าคิดว่าส่วนที่ยากที่สุดก็คือทำอย่างไรนักรบจึงจะสื่อสารทางจิตได้?”
เมื่อเห็นเจ้าเด็กนี่พูดเป็นงานเป็นการ คงไม่ใช่เรื่องดีที่ทำให้เขาโกรธ
“นั่นเป็นจุดสำคัญที่สุด ข้าต้องคุยกับอู๋เหิน,
อู๋เสียและพี่หวี่ถึงวิธีสร้างวงเวทอักษรรูนสื่อวิญญาณที่ดีที่สุดบนกำไลอสูรโดยไม่มีการทำอันตรายวิญญาณ นี่คือแผนก้าวหน้าเล็กน้อยของข้า แต่ยังไม่ขยายขนาดเต็มที่ แน่นอนว่าเรื่องนี้ข้าไม่กลัวคำวิจารณ์ของท่าน
แต่ข้ากลัวท่าน!”
เย่ว์หยางทำสีหน้าหวาดกลัว
“เจ้ามีขวัญราคะเทียมฟ้า
ยังจะต้องกลัวด้วยหรือ?”
หัวซิ่วรี่อดแดกดันเขาไม่ได้
“บุรุษส่วนใหญ่ก็เป็นอย่างนี้ทั้งนั้น
ถ้าท่านพบเห็นหญิงงามในหมู่หญิงงาม ท่านก็ย่อมลุ่มหลงอยู่แล้ว!” เย่ว์หยางหัวเราะ “ปราชญ์บัณฑิตยังกล่าวเลยว่า
ข้าควบคุมตัวเองได้ดีแล้ว”
“เหลวไหล พูดแต่เรื่องไร้สาระ!” หัวซิ่วรี่ชักรู้สึกว่าทนต่อทัศนคติหน้าหนาของเย่ว์หยางไม่ได้
“เหลวไหลเหรอ? ไม่เลย
ข้าดูแคลนคนขี้โม้โอ้อวดเสมอ แต่ข้ามักพูดความจริงเสมอ” คำพูดของเย่ว์หยางทำหัวซิ่วรี่อ่อนใจ
“เอาล่ะ ก็ได้ ก็ได้..
เจ้าเป็นใครข้าเข้าใจชัดแล้ว ไม่จำเป็นต้องโอ้อวดสรรพคุณอีก
เรากลับมาเข้าเรื่องอสูรกัน!” สำหรับเจ้าเด็กหน้าหนานี้
จักรพรรดิเองก็จนปัญญาจะจัดการ
แต่เพราะพรสวรรค์และสติปัญญาของเย่ว์หยางทำให้หัวซิ่วรี่ชื่นชมเขาอย่างจริงใจ ถ้าเปลี่ยนเป็นคนอื่น
เขาคงไม่สามารถทำกำไลอสูรได้แน่
ต่อให้เขาออกแบบมาเหมือนกัน
แต่คงไม่สามารถเลียนแบบเขาได้เป็นแน่ ด้วยเหตุนี้จักรพรรดิหัวซิ่วรี่จึงอ่อนข้อให้เย่ว์หยาง
“ข้าอยากจะให้ท่านช่วยเรื่องเล็กๆ
สักสองเรื่อง”
เย่ว์หยางพูดถึงวัตถุประสงค์การมาในที่สุด
“ลองพูดมาก่อน”
จักรพรรดิหัวซิ่วรี่พูดอย่างระวัง
ถ้าเป็นสัญญาที่ไม่เท่าเทียมกัน
เขาก็ไม่สามารถทำตามใด
เจ้าเด็กนี่เป็นใครกัน?
เขายังน่ากลัวยิ่งกว่าพยัคฆ์ตัวใหญ่
เมื่อเขาบอกความจริง เขาอาจไม่รู้จักพอก็ได้
หัวซิ่วรี่ตัดสินใจว่าถ้าเจ้าเด็กนี่เสนอเงื่อนไขใดที่ไร้สาระอีก
เขาจะตะเพิดออกไปจากห้องบรรทมทันที และจะไม่ยอมให้เขาเข้ามาอีก
เย่ว์หยางลังเลอยู่ชั่วขณะ
หัวซิ่วรี่จึงรู้สึกผิดอยู่บ้าง
เด็กคนนี้สงสัยอะไรอยู่?
เขารู้ว่าเขาควรจะไล่เจ้าเด็กนี่ไปตั้งแต่ครั้งก่อนแล้ว แต่เขาใจดีเกินไป
ในใจของเขารู้สึกมีเรื่องกวนใจเล็กน้อย
ทันใดนั้นเขาได้ยินเย่ว์หยางกล่าว
“เรื่องแรก ต้องการความช่วยเหลือเกี่ยวกับกำไลอสูร ถ้าท่านให้นักรบทำสัญญากับอสูร
จะต้องมีธาตุองค์ประกอบที่เข้ากันได้
แม้ว่าข้าจะมีประสบการณ์เล็กน้อย
แต่หวังว่าทุกคนสามารถแลกเปลี่ยนแบ่งปันประสบการณ์กันได้ ข้าต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับอสูรและลักษณะของนักรบ
เพื่อสร้างเครื่องทดสอบที่เหมาะสมกับความต้องการที่แตกต่างหลากหลาย ท่านก็รู้ว่านี่เป็นการทดสอบที่สำคัญมาก
ถ้ามีอะไรผิดพลาด
อย่างนั้นทุกชีวิตของนักรบจะได้รับผลกระทบ”
จักรพรรดิหัวซิ่วรี่พอได้ยินคำพูดของเขาก็รู้สึกคลายใจ “โอว, ก็ได้ แต่ข้าไม่ชอบพูดมากเกินไป
ข้าจะเตรียมการเรื่องนี้ในอีกสองสามวัน
ข้าจะเขียนแนวความคิดข้าและให้คนส่งไปให้เจ้า!”
เย่ว์หยางมีความสุขและโยนหมอนโลดเต้นทันที
“เยี่ยม, ข้ารู้ว่าท่านจะต้องสัญญาแน่
มองดูเขา
เขาเหมือนเด็กคนหนึ่ง
พระองค์อดมีความสุขไม่ได้
เจ้าเด็กนี่ถ้าไม่นับเรื่องพูดไม่อยู่กับร่องรอย
ก็น่าพอใจดีอยู่หรอก มิน่าเล่า นางถึงบอกว่าเขาดีจริงๆ และนั่นก็เป็นความจริง เขากอดอกและยิ้มตอบ
“ไม่เพียงแต่ประสบการณ์ของข้าเท่านั้น
แต่ข้าจะให้องครักษ์พิทักษ์ฟ้าสักหลายคนร่วมมือกับเจ้าเต็มที่”
เย่ว์หยางเช็ดน้ำตา
“น่าปลาบปลื้มจริงๆ ดูสิ น้ำตาข้าไหลออกมาแล้ว
รบกวนท่านรออีกเดี๋ยว!”
หัวซิ่วรี่พูดไม่ออก
“เงื่อนไขที่สองคืออะไร?” เมื่อเห็นท่าทางตลกของเจ้าเด็กนี่
เขาอดหัวเราะเบาๆ ไม่ได้
เขากระแอมเล็กน้อยและพูดจริงจัง และพูดเร็วขึ้น
“อ่า... ง่ายมาก ข้าอยากให้ท่านช่วยข้า
เล่าเรื่องดวงตาใต้พิภพให้ข้าฟังหน่อย ข้าอยากรู้ที่มาต่างๆ” นี่คือวัตถุประสงค์ที่แท้จริงของเย่ว์หยาง
“เจ้ามากวนใจข้าได้ยังไง? ข้าไม่รู้” หัวซิ่วรี่ชักขุ่นเคือง
“ข้าคิดว่าท่านควรจะรู้ ... ข้าไม่สามารถหาใครมาถามได้ จักรพรรดินีราตรีไม่อยู่ที่นี่ จื้อจุนข้าก็ไม่กล้าถามนางในเรื่องเล็กน้อย” เย่ว์หยางพูดไม่ทันจบ จักรพรรดิหัวซิ่วรี่กริ้ว
“ขนาดจื้อจุน เจ้ายังไม่กล้ารบกวนนาง อย่างนั้นเจ้ากล้ากวนใจข้าหรือ? หรือเห็นว่าข้ารังแกกันได้
ขอเตือนเจ้าไว้ก่อน อย่ายั่วโมโหข้า
มิฉะนั้นข้าจะตะเพิดไล่เจ้าออกไป!
เรื่องแบบนี้ทำไมเจ้าไม่ถามผู้เฒ่าหนานกงผู้ทรงภูมิรู้มายาวนาน!”
“ท่านผู้นี้ไม่ได้อยู่ใกล้ ข้าเลยคร้านจะไปหาผู้เฒ่าหนานกง อย่างไรก็ตามท่านก็อยู่ตรงนี้แล้วช่วยบอกข้าหน่อยเถิด”
เย่ว์หยางยิ้มทำให้หัวซิ่วรี่เหมือนกับทุบใส่ผ้าฝ้าย เขาไม่ยิ้มด้วย
และคิดว่าไม่รู้จะจัดการกับเจ้าเด็กนี่ยังไง
“เจ้าต้องการทำอะไรกับดวงตาใต้พิภพ?” เขาสงสัย
“ถูกแล้ว
ข้าเพิ่งพบว่าดวงตาใต้พิภพเข้ากันได้ดีกับหน้ากากเจมิไน แต่ก็ยังไม่ได้กลับคืนมา ดังนั้นข้าจึงหาท่าน ข้าคิดว่าถ้าข้าได้ดวงตาใต้พิภพกลับคืนมา
ข้าอาจพบความลับที่ทำให้คลายผนึกชั้นสุดท้ายได้
ในกรณีนี้หน้ากากเจมิไนของข้าอาจวิวัฒนาการหรือกลับไปเป็นสมบัติชั้นเทพก็เป็นได้” เย่ว์หยางพูดตามตรง
“เกี่ยวกับดวงตาใต้พิภพ ข้ารู้อยู่เพียงเล็กน้อย แต่ข้าไม่บอกเจ้า!”
หัวซิ่วรี่รู้สึกว่าเมื่อเขาได้ลงโทษเจ้าเด็กผู้นี้ เมื่อเจ้าเด็กนี่ร้องขอ
เขาจะไม่บอกและปล่อยให้กระวนกระวาย
“โธ่เพ่!
ถามหน่อยไม่ได้หรือไง?”
เพราะสมบัติเทพทำให้เย่ว์หยางกระวนกระวายจริงๆ
“บังอาจเรียกข้าว่าพี่เชียวหรือ?” จักรพรรดิหัวซิ่วรี่พูดไม่ออก
“ไม่ใช่อย่างนั้น ท่านเข้าใจผิด ก็ท่านนั่งอยู่ตรงนี้
ไม่ต้องการให้ข้าเรียกพี่ชาย หรือจะให้เรียกว่าพี่สาว?” เย่ว์หยางกระวนกระวาย
“อย่างน้อยมารยาทในการขอความช่วยเหลือจากคนอื่นของเจ้าเด็กนี่ก็ยังดีขึ้นบ้าง” หัวซิ่วรี่รู้สึกภูมิใจเล็กน้อย ที่ยังมีวันที่เจ้าเด็กนี่ตกเป็นเบี้ยล่างเขา ถ้าเย่ว์หยางไม่ถามความลับนี้
เขาก็คงไม่คิดเรื่องนี้ ต่อให้ไม่ถามในวันนี้ เขาอาจจะพบกับหนานกงและยังอาจจะไม่รู้ความจริงก็เป็นได้
“ฝ่าบาทผู้ฉลาด กล้าหาญ
เก่งกาจที่สุดทำให้เทียนหลัวยอดเยี่ยมที่สุดในโลก โปรดประทานบอกความลับของดวงตาใต้พิภพแก่ข้าด้วยเถิด!” เย่ว์หยางพูดประจบ
“พูดต่อไป จนกว่าข้าจะบอกให้หยุด” เขาแค่นเสียง
“ฝ่าบาท! ท่านจะถือตัวไปไย!” เย่ว์หยางไม่ได้ให้ความร่วมมือ
“ไม่งั้นก็ไสหัวออกไปเดี๋ยวนี้..” อารมณ์ดีของเขาพลันแตกสลาย แต่ก็ยังมีความเมตตาอยู่เล็กน้อย
จะบอกความลับเขาหน่อย แต่คิดไม่ถึงว่าเจ้าเด็กนี่น่ารำคาญแทบตาย?
“ข้าผิดไปแล้ว ผิดไปแล้ว” เย่ว์หยางขึ้นเสียงก้มหน้าอย่างสำนึกผิด
เขาตัดสินใจให้เย่ว์หยางฟังสิ่งที่เขาจะพูด
เย่ว์หยางแสดงมารยาทฟังด้วยความเคารพ
แต่เขาใช้คำพูดไม่ถูก
“ข้าผิดไปแล้ว ข้าผิดจริงๆ ข้าไม่รู้ควรต้องทำอะไร
ข้าไม่รู้ว่าฝ่าบาทชอบให้ประจบสอพลอ
แต่ข้าไม่ต้องการพูดเช่นนั้น
พูดไปแล้วฝ่าบาทไม่ยินดี นี่เป็นความผิดความพลาดของข้าเอง ข้าผิดไปแล้ว
ต่อไปข้าจะเปลี่ยนนิสัยแล้ว..ฝ่าบาท
ข้าสัญญาว่าครั้งนี้ข้าจะทำให้ท่านสบายใจยิ่งขึ้น ข้าตื่นเต้นจริงๆ..”
“เจ้าเด็กบ้า หาที่ตาย!” เขาเตะด้วยความโมโห
เย่ว์หยางร่างปลิวออกไปราวกับดาวตก
เจ้าเด็กนี่ชักจะเหลวไหลขึ้นทุกวัน? การประเมินต่อรองไม่ได้ขึ้นอยู่กับเจ้า
!-!
11 ความคิดเห็น:
เฮ้อ..ตอนนี้ไม่มีอะไรสำคัญเลย
no comment....
ว่าแล้วต้องโดนเตะ พ่อตากะลูกเขย
มีสิครับท่าน ก็วิธีอัพเกรตหน้ากากไง!!!
ขอบคุณหลายๆ
ขอบคุณครับ
ใจจ้า
ขออีก
ขอบคุณครับ
ขอบคุณมากครับ
55555
แสดงความคิดเห็น