ตอนที่ 983
ทักษะแฝงเร้นสุดยอด
จ้าวสุริยา
เขายืนสงบอยู่ต่อหน้าตำหนักทอง
เหมือนกับสุภาพบุรุษที่ตกลงนัดหมายกับสหายและรักษาสัญญา แม้ว่าสหายของเขาจะไม่มา
เขาก็ยังตั้งใจรอคอย
หมิงลี่ฮ่าวนั่งอยู่บนบันไดตำหนักทอง
มือวางอยู่บนเข่าและศีรษะตก
สำหรับจ้าวสุริยา
อยู่ห่างจากตำหนักทองเพียงโล่พลังทองกั้นอยู่เท่านั้น
รัศมีบนร่างของเขาหมองลงเหมือนตะเกียงน้ำมันที่ไฟอ่อน
และที่น่าประหลาดใจก็คือร่างของหมิงลี่ฮ่าวไม่มีบาดแผลแต่อย่างใด
บนบันไดไม่ไกลจากเขา
มีร่างคนๆ หนึ่งนอนอย่างเงียบสงบเหมือนกับเจ้าหญิงนิทรา
แต่นั่นคือเทวีเสรีภาพที่มาก่อน หน้าผากนางไม่มีสิ่งใดผิดปกติ
ยกเว้นรอยนิ้วมือเปื้อนเลือดเล็กน้อย
อย่างไรก็ตาม ร่างกายของนางค่อยๆ จางหายไปอย่างช้าๆ เหมือนกับว่ามีพลังกำจัดจากคัมภีร์อัญเชิญกลืนกินร่างนางอย่างเงียบงัน
เย่ว์หยางเหาะถลามาจากระยะไกล
แม้ว่าเขาจะเห็นความผิดปกติของหมิงลี่ฮ่าวและเทวีเสรีภาพนานแล้ว
แต่เขาไม่ถอยกลับเร่งความเร็วมากขึ้นมายืนอยู่ข้างจ้าวสุริยา
“เจ้ามาแล้วหรือ?”
จ้าวสุริยาพูดเหมือนกับคุยกับสหายที่ไม่ได้พบกันมาหลายปี
ไม่ใช่ศัตรูคู่ปรับ
“ต้องขอโทษด้วย
การจราจรติดขัด ทำให้ข้ามาสายไปหน่อย”
เย่ว์หยางขอโทษอย่างจริงใจ
“ไม่เป็นไร ถ้าเจ้ามาก็นับว่าไม่เลว ถ้าข้าเป็นเจ้า
ข้าคงไม่กล้ากลับมาที่นี่อีก”
จ้าวสุริยามองดูเย่ว์หยาง เขารู้สึกขอบคุณเล็กน้อยและถอนหายใจ
“ถ้าเจ้าไม่มีความโดดเด่น ถ้าเจ้าไม่มีความกล้า
ถ้าเจ้าไม่ใช่จักรพรรดิอวี้รุ่นใหม่แห่งหอทงเทียน
ข้าเองก็อยากคบเจ้าเป็นสหายจริงๆ
ในแดนสวรรค์มีศัตรูมากมาย แต่มีสหายไม่กี่คน เด็กหนุ่มที่คู่ควรแก่การเป็นสหาย
แต่ข้าต้องทำลายด้วยน้ำมือตนเอง แม้ว่าข้าจะไม่ใช่สตรีผู้มีอารมณ์อ่อนไหว
แต่ข้าก็ยังรู้สึกเสียใจอยู่บ้าง
บางทีนี่อาจเป็นโชคชะตา!”
“โชคชะตาจะเป็นเช่นไร? ก่อนความจริงจะเปิดเผย
ไม่มีใครรู้แน่” เย่ว์หยางหัวเราะและส่ายหน้าโต้แย้ง “ถ้าพูดให้ถูกโชคชะตาเอาแน่นอนไม่ได้
และบางทีก็อ่อนไหว
บางคนดูเหมือนจะยิ่งใหญ่มีพลังล้นหลาม แต่ในสุดเขาอาจประสบชะตากรรมโหดร้ายก็ได้ ใครจะรู้จนกว่าจะถึงที่สุด?”
“คนที่มีพลังใกล้เคียงกับเทพเจ้า
เจ้าคิดว่าเขาจะจบอย่างไร?
ถูกกำจัดหรือกำชัยชนะ?”
จ้าวสุริยายิ้ม
“อย่าว่าแต่ใกล้เคียงเทพเจ้าเลย ต่อให้เป็นเทพเจ้าก็มีวันตาย!”
เย่ว์หยางตอบโต้อย่างไม่ลดราวาศอก
“อย่างนั้นก็ลองดู!” จ้าวสุริยายิ้มกว้างมากขึ้นพร้อมกับแผ่รังสีฆ่าฟัน
“เล่าฮ่าว! เจ้าตายหรือยัง?” จู่ๆ
เย่ว์หยางตะโกนถามหมิงลี่ฮ่าวที่อยู่ข้างใน
“ใกล้แล้ว”
หมิงลี่ฮ่าวขณะที่พูดก็มีเลือดทะลักออกจากปากและจมูก แต่ปรากฏประกายแสงระยิบระยับอยู่ข้างหน้าเขา
กฎสวรรค์ในคัมภีร์เทพกวาดสิ่งสกปรกแปลกปลอมหายไปหมดไม่เหลือร่องรอย
“ตอนแรกข้าอุตส่าห์คิดว่าเจ้ามีความสามารถมากพอ
คาดไม่ถึงเลยว่าสมองของเจ้ายังทื่อใช้ไม่ได้อีกด้วย” เย่ว์หยางส่ายหัว “ข้าขอให้เจ้าพาจ้าวสุริยาเข้ามา เจ้าไม่เพียงแต่ไม่ฟังคำของข้าเท่านั้น
แต่ยังทำอะไรบางอย่างกับจ้าวสุริยาด้วย
เล่าฮ่าว!
การอวดอ้างความสามารถอย่างนั้นไม่ดีไม่ใช่หรือ? ถ้าเจ้าสามารถทำอะไรจ้าวสุริยาได้ ข้าจะต้องลงมือทำไม? แค่มองดูเจ้าแสดงฝีมือย่อมไม่ดีกว่าหรือ!”
“เจ้าเด็กบ้า,
บิดาทำอย่างนั้นย่อมมีเหตุผล”
หมิงลี่ฮ่าวโมโห
แต่เขาไม่สามารถยืนได้
มองผิวเผินเขาไม่เป็นอันตราย
แต่ความจริงอวัยวะภายในของเขาบอบช้ำสาหัส
“จ้าวสุริยา ในกรณีนี้
ดูเหมือนท่านจะไม่ค่อยให้ความสนใจบ้างเลยนะ?”
เย่ว์หยางหันไปมองจ้าวสุริยาและวิจารณ์
“เจ้าพูดแบบนั้น หมายความว่ากระไร?” จ้าวสุริยาถามด้วยความสงสัย
“ด้วยสถานะของจ้าวตำหนักเทพสุริยะ
เจ้าสู้ประลองกับหมิงลี่ฮ่าว
ก็เท่ากับลดคุณค่าตัวเอง
เจ้าร่วมมือกับคนอื่นเพื่อหวังผลชนะ
อย่างนี้ก็เป็นได้แค่อันธพาลข้างถนน
จะเป็นจ้าวสุริยาได้อย่างไร!” เย่ว์หยางแค่เสียงเยาะเย้ย
“ความจริงที่บอกว่าเป็นกลุ่มคนเป็นการพูดเกินจริงไปหน่อย เราสู้กันสองต่อสองต่างหาก” จ้าวสุริยาอธิบายด้วยเสียงราบเรียบ
“หมิงลี่ฮ่าวและเทวีเสรีภาพจับกลุ่มฝ่ายหนึ่ง ข้ากับเจ้าตำหนักน้ำก็เป็นอีกกลุ่มหนึ่ง จำนวนคนเท่ากัน เงื่อนไขเหมือนกัน ข้าเพราะเห็นว่าอีกฝ่ายมีสตรีคนหนึ่ง
จึงยอมให้นางเคลื่อนไหวก่อน ในสนามรบจะมีนักรบสักกี่คนที่รักษาความสง่างามอยู่ได้
ข้าเชื่อว่าแม้แต่คุณชายไตตันเจ้าก็ยังทำไม่สำเร็จ”
“แน่นอนว่าคุณชายไตตันไม่อาจเหมือนจ้าวสุริยาได้แน่!”
มีเสียงชายชราคนหนึ่งดังเนิบนาบขึ้นที่ด้านหลังเย่ว์หยาง
เสียงของเขาเหมือนกับฟันเฟืองเหล็กที่ขึ้นสนิมมาหลายปีเป็นลักษณะที่มิอาจบรรยายออกมาได้
“ตามข้อมูลที่ข้าเจ้าตำหนักได้รับมาจากหน่วยข่าวกรอง คุณชายไตตัน
ไม่ว่าจะอยู่ในหอทงเทียนหรือในแดนสวรรค์ สามารถอธิบายได้ด้วยประโยคเดียว
น่ารังเกียจเป็นชื่อเล่นของคุณชายไตตัน
หน้าด้านเป็นชื่อจริงของคุณชายไตตัน!
ถ้าเทียบกันด้วยวิธีเดียวกันนี้ตามความหมายของคุณชายไตตัน
เจ้าก็กลายเป็นคนซื่อและใจดีไปเลย!”
มีชายชราคนหนึ่งศีรษะกลม
ผมสีขาวเป็นเงาประกาย และเคราของเขายาวถึงอก
ปรากฏตัวที่ด้านหลังเย่ว์หยาง
เขาถือไม้เท้าหัวมังกรสลักจากไม้จันทน์ทอง
สวมชุดยาวแขนกว้างปกคอเสื้อสีทอง
แขนเสื้อเป็นสีม่วง และเสื้อคลุมส่วนล่างเป็นรูปเครื่องหมายเมฆสีขาว
ชายชรานอกจากบนศีรษะไม่มีผมแล้ว
เคราของเขายาวเหยียดตรงถึงหู ดวงตาของเขามีแววเจ้าปัญญา
ตาสีน้ำเงินเข้มเหมือนน้ำทะเล
แม้แต่เย่ว์หยางที่เพิ่งเห็นตาของคนผู้นี่ก็ยังรู้สึกประทับใจ
แน่นอนว่าพลังจากสั่งสมความรู้มานานเป็นพันปี คนเราสามารถมีดวงตาปัญญาคู่หนึ่งได้
เย่ว์หยางรู้จักยอดฝีมือในหอทงเทียนและในแดนสวรรค์ตะวันตกนับไม่ถ้วน อย่างไรก็ตามกล่าวได้ว่ามีอยู่เพียงคนเดียวเท่านั้นที่พอจะเทียบลักษณะกับชายชราข้างหน้านี้ได้
นั่นคือผู้เฒ่าหนานกง!
นอกจากนั้นผู้เฒ่าหนานกงที่ไม่ลืมถือหนังสืออ่านก่อนนอน มองดูทั่วโลกคงไม่มีใครมีปัญญาเทียบกับชายชราผู้นี้ได้
ภูมิปัญญาที่ยิ่งใหญ่อย่างนั้น
อย่าว่าแต่เย่ว์หยางเลย
แม้แต่คนธรรมดาก็สามารถมองออกได้
ตราบใดที่มองเห็นดวงตาของชายชราผู้นี้
ก็จะไม่มีใครสงสัยถึงภูมิความรู้ในสมองของเขา
แม่เฒ่าอู่เถิง
อาจารย์จิ้งจอกเฒ่าและบัณฑิตจิ้งเฉา อาจารย์ของเย่ว์หวี่และคนอื่นๆ แม้ว่าพวกเขาจะเป็นปราชญ์ผู้มีภูมิรู้มากมาย แต่เมื่อเทียบกับชายชรานี้เกรงว่ายังจะด้อยกว่า
“เจ้าตำหนักน้ำคนใหม่?” เย่ว์หยางขมวดคิ้ว เขาไม่คิดว่าเจ้าตำหนักน้ำคนใหม่จะมีลักษณะนี้
ไม่คิดว่าเขาจะมาปรากฏตัวที่นี่
“อา, ไม่ใช่เจ้าตำหนักน้ำคนใหม่ แต่เป็นเจ้าตำหนักน้ำแน่นอน”
ชายชราผู้มีดวงตาฉลาดคู่หนึ่งยิ้มเหมือนเป็นคนใจดีมีเมตตา
เป็นผู้เฒ่าที่น่าคบหาน่าเข้าใกล้
“ข้าดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าตำหนักน้ำมาหลายพันปีแล้ว ระหว่างที่ข้าดำรงตำแหน่งอยู่นั้น ข้าทำงานให้ที่นี่และตำหนักกลาง หากเจ้ายังบอกว่าข้าเป็นเจ้าตำหนักน้ำคนใหม่
แล้วงานที่ข้ารับผิดชอบเล่า? คุณชายไตตัน
บางทีเจ้าคงเพิ่งจะได้ยินได้ฟังเรื่องของข้าผู้เป็นเจ้าตำหนักมาไม่นาน แต่เรื่องราวทั้งหมดของเจ้าเล่า ข้าผู้เป็นเจ้าตำหนักได้ยินมานานแล้ว
และมักให้ความสนใจในตัวเจ้าอยู่เสมอ
ก่อนนี้ข้ามักสงสัยว่าเจ้าเป็นเด็กหนุ่มแบบไหนถึงได้ฆ่าจักรพรรดินีฟ้าแห่งเผ่าเก้าแสงได้? เจ้ารู้ไหม,
จักรพรรดินีฟ้าแห่งเผ่าเก้าแสงเป็นใคร
นางคือคนที่มีคุณสมบัติมากที่สุดต่อการท้าทายตำแหน่งจอมภพแดนสวรรค์ตะวันตก หากเจ้าเปลี่ยนเป็นจ้าวสุริยา เจ้าคงไม่สามารถพูดได้ว่าเอาชนะได้ง่าย แล้วคุณชายไตตันเจ้าล่ะ?
ไม่เพียงแต่ฆ่าจักรพรรดินีฟ้าแห่งเผ่าเก้าแสงเท่านั้น แต่ยังทำลายตระกูลของนางทั้งหมดได้ ข้าผู้เป็นเจ้าตำหนักขอชื่นชมจากใจจริง หลังจากเจ้าถือกำเนิดขึ้นมา
นี่นับว่ายอดเยี่ยมจริงๆ”
“ข้าน่ากลัวมากมายขนาดนี้
เจ้ายังกล้าเข้ามาสู้กับข้าอีกหรือ?”
เย่ว์หยางยิ้ม
“อิงหลัว หรือเทวีเสรีภาพที่เจ้ารู้จักนั้น
ความจริงนางเป็นหลานสาวของหลานสาวข้า โชคไม่ดีเพื่อฟื้นฟูรูปแบบครอบครัว
เราเจ้าตำหนักผู้นี้ต้องถ่อกระดูกผุกร่อนเดินทางมาที่นี่
เราเจ้าตำหนักและจ้าวสุริยาแม้ว่าจะอยู่ในเส้นทางเดียวกัน
แต่เป้าหมายไม่เหมือนกัน ความทะเยอทะยานของจ้าวสุริยาสูงส่ง เขาไล่ตามหาคัมภีร์เทพ เขาจะเป็นเจ้าตำหนักสูงสุดในอนาคต ส่วนข้าเจ้าตำหนักนี้อ่อนแอแก่แล้ว หวังแค่ปกครองภูมิภาคสวนสวรรค์พื้นที่น้อยๆ
นี้ได้ก็พอใจแล้ว
ถ้าจะบอกว่าความพอใจเล็กๆ น้อยๆ ของข้าเจ้าตำหนักก็คือทำลายหอทงเทียนและตระกูลหมิงทั้งหมด ที่สำคัญผู้เยาว์เหล่านี้โตเร็วเกินไป
บีบบังคับให้คนชราอย่างเราไม่มีที่ยืน” ชายชราผู้มีใบหน้าใจดีค่อยๆ ผายมือของเขา
“ข้าเห็นคนแก่มามาก แต่ไม่เห็นใครน่าเกลียดเท่ากับเจ้า!”
เย่ว์หยางไม่อาจทนกับคนแบบนี้ได้
คนมีความสามารถแต่ไม่มีคุณธรรม
เจ้าตำหนักน้ำคนใหม่เป็นเช่นนั้น
ถ้าชายชราผู้นี้ไม่มีความสามารถใดๆ อย่างนั้นก็คงไม่เป็นไร ไม่มีความสามารถฝีมือ
แต่จิตใจแย่ก็คงไม่เป็นอันตรายกับผู้อื่น
แต่ชายชราผู้นี้มีพรสวรรค์ความสามารถ ทั้งมีจิตใจชั่วร้าย นั่นคือฝันร้าย!
สำหรับคนแบบนี้
เย่ว์หยางรู้สึกว่าไร้ประโยชน์
ดีที่สุดก็คือต่อสู้
ต้องทุบจนเขาต้องร้องเรียกหาแม่
ซัดให้ทรุดจนคลานกับพื้นมองหาฟันตัวเองถึงจะเหมาะสม!
เย่ว์หยางถลกแขนเสื้ออย่างโมโห อย่านึกว่าเจ้าแก่แล้วข้าจะไม่กล้าทำอะไร
“ฮ้า... คุณชายไตตัน
ดูเหมือนว่าเจ้าเตรียมพร้อมประลองกับเราสองคนแล้ว”
ชายชราชำเลืองมองหมิงลี่ฮ่าวที่อยู่ในโล่ม่านพลังทองและยิ้มด้วยความมั่นใจ “ข้าไม่ปฏิเสธว่าเจ้ามีความแข็งแกร่งมากพอฆ่าจักรพรรดินีฟ้าแห่งเผ่าเก้าแสงได้
นั่นเป็นเรื่องที่ข้าไม่อาจเพิกเฉยได้
อย่างไรก็ตามข้าได้รวบรวมข้อมูลทั้งหมดในสวนสวรรค์ศึกษาวิจัยมานานหลายพันปีแล้ว
ที่นี่ในพื้นที่คัมภีร์เทพ เจ้าอาจเอาชนะจักรพรรดินีฟ้าแห่งเผ่าเก้าแสงได้
ทั้งอาจเอาชนะจอมภพแดนสวรรค์ได้... แต่เจ้าไม่มีทางเอาชนะข้าได้!”
“เหรอ?”
เย่ว์หยางแค่นเสียงเย็นชา
เขาไม่เชื่อถืออย่างที่สุด และต้องการจะแกล้งทำตัวเป็นภูตผี
จากนั้นปรากฏตัว!
“หมิงลี่ฮ่าว! เจ้าจะเป็นคนต่อไป!”
เจ้าตำหนักน้ำคนใหม่ใช้ไม้เท้าหัวมังกรชี้พูดด้วยความมั่นใจ
“หากผู้อาวุโสชางพลาดท่า
ข้าก็ยังต้องรับผิดชอบเก็บกวาดการต่อสู้เหมือนเดิม”
จ้าวสุริยาดูเหมือนยมีความมั่นใจในตัวเจ้าตำหนักน้ำคนใหม่มาก
แม้ว่าเขาจะคำนวณความสามารถของเย่ว์หยางอย่างรอบคอบ แต่เขากลับจับตามองเย่ว์หยางตลอดเวลากลัวว่าจะประมาทเป็นครั้งที่สอง
แต่ครั้งนี้เขายินดีมอบหมายการจับตาให้กับเจ้าตำหนักน้ำคนใหม่
เย่ว์หยางได้ยินดวงตาเขายิ่งเย็นชา
เขาหายตัวไปทันที
เมื่อเขาปรากฏตัวอีกครั้ง
ศีรษะของเจ้าตำหนักน้ำคนใหม่เปล่งประกายอยู่แล้ว
ดาบมหึมาชั้นแพลตตินัมที่เขายึดมาจากนักรบหลี่ผานแห่งเผ่าเก้าแสงที่ทรงพลังที่สุดเย่ว์หยางฟันออกด้วยท่าผ่าปฐพี พลังที่น่ากลัวคาดไม่ถึงรุนแรงพอถล่มฟ้าทลายโลก
ปราณดาบระเบิดออกในอากาศเป็นรูปมังกรฟ้า
แม้ว่าจะมีพลังกฎสวรรค์ป้องกันไว้
แต่พลังทำลายของเย่ว์หยางก็น่ากลัวสร้างความแตกตื่นได้
ม่านพลังโล่ทองสั่นสะเทือนแตกร้าวรุนแรง
แต่พื้นของที่นี่แข็งแกร่งยิ่งกว่าเพชร อากาศมีรอยแตกลึกของมิติ
ไม่ต้องพูดถึงคนเลย
ต่อให้เป็นภูเขาเย่ว์หยางก็สามารถตัดขาดครึ่งได้!
ต่อให้คงกระพันแค่ไหนก็ไม่อาจต้านทานได้
เมื่อเขาฟันเสร็จสิ้น
เจ้าตำหนักน้ำคนใหม่ได้แต่รอคอยอยู่เงียบๆ
ประกายพลังสายฟ้ารอบตัวดาบที่อยู่เหนือศีรษะของเขา
มีสายหนึ่งอยู่เหนือศีรษะของเขาเพียงหนึ่งเซนติเมตร เขายกมือซ้ายที่ว่างอย่างสบายๆ
และมืออีกข้างหนึ่งถือไม้เท้ายืนหยัดหนักแน่นราวกับภูผา
และมือเลือดเนื้อของเขายกขึ้นต้านพลังดาบสะท้านฟ้าสะเทือนดิน
“ตาย!”
เย่ว์หยางคิดว่าถ้าชายชราผู้นี้ทำด้วยเหล็กกล้า
อย่างนั้นเขาสามารถตัดร่างให้ขาดครึ่งได้
“น่าขัน”
เจ้าตำหนักน้ำคนใหม่แค่นเสียงหัวเราะ
เขาชูมือเฉยๆ โดยไม่ต้องใช้ท่าตามแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตามเพียงเท่านี้เขาสามารถสลายพลังโจมตีเต็มที่ของเย่ว์หยางได้ทั้งหมด
พลังดาบที่สามารถถล่มฟ้าทำลายดินตัดเข้าไปในฝ่ามือของเขาสลายกลายเป็นหมอกหายไปไม่เหลือ
และในมือของเย่ว์หยางเหลือแต่มือเปล่าๆ
ดาบระดับแพลตตินัมถูกทำลายในลักษณะนี้หรือ?
นี่คือทักษะแฝงเร้นหรือ?
หรือว่านี่เป็นความสามารถในการใช้ทักษะแฝงเร้นในพื้นที่มิติเก็บคัมภีร์เทพหรือ?
เย่ว์หยางมองดูดาบที่สูญสลายหายไปในมือของเขา
โดยไม่ได้ทำอะไร บัดซบ,
ทักษะแฝงเร้นของตาแก่นี่แปลกเกินไปหรือเปล่า?
6 ความคิดเห็น:
ขอบคุณคับ
ทักษะชื่ออะไรอ่ะ ต้องติดตามต่อแล้ว
ใจจ้า
ขอบคุณครับ
ขอบคุณมากครับ
เก็บเรียบ
แสดงความคิดเห็น