วันอาทิตย์ที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2563

เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ตอนที่ 984 ตัวต่อตัว


ตอนที่  984  ตัวต่อตัว
ความสามารถในการกัดกร่อนสลายอาวุธจนหายไป ทั้งที่นั่นคืออาวุธระดับแพลตตินัม ทักษะความสามารถเช่นนี้ทำให้เย่ว์หยางรู้สึกปวดเศียรเวียนเกล้า
 
เย่ว์หยางไม่ขาดแคลนอาวุธที่ดีกว่านี้  แต่เขาลังเลจะเอาออกมาใช้
ต่อให้ไม่ถูกกัดกร่อน  แต่มันก็ได้รับความเสียหาย
ก็ยังเป็นเรื่องน่าเสียใจอยู่ดี!
 “หมิงลี่ฮ่าว, เจ้าเป็นสหายประสาอะไร  เจ้าผีแก่นี่มีความสามารถอย่างนั้น ทำไมไม่บอกข้าให้เร็วกว่านี้?”  นี่เป็นครั้งแรกที่เย่ว์หยางถูกทำลายอาวุธอย่างเป็นทางการ เขาอดบ่นไม่ได้จึงไประบายลงกับหมิงลี่ฮ่าวที่ไม่ยอมให้ข้อมูลเขา
 “ข้าไม่รู้  ข้อมูลข้าผิดพลาด!  หมิงลี่ฮ่าวพูดเบาๆ เขารู้สึกเขาเหมือนจะตายอยู่แล้ว จึงคร้านทะเลาะด้วย
 “โอว, อาวุธฆ่าเจ้าไม่ตาย เราคุณชายจะใช้พลังลมปราณเต่าสะท้านฟ้าก็ได้!  เย่ว์หยางไม่เคยใช้พลังเต่าสะท้านฟ้า (เข้าใจว่าอ้างอิงจากเรื่องดรากอนบอลZ)  แต่เป็นเรื่องง่ายกับการกลั่นควบพลังเป็นลูกกลมพลังงานขนาดใหญ่ บอลพลังงานจะสามารถฆ่าเจ้าตำหนักน้ำคนใหม่ได้หรือไม่?  แน่นอน เย่ว์หยางคงไม่ทำอย่างนั้น  เขาคิดว่าพลังบอลพลังงานนั้นอยู่ภายใต้พลังกฎสวรรค์น้อยของเขาเปลี่ยนรูปไปเป็นดาบแพลตตินัมก่อนนั้นอย่างรวดเร็ว
ถ้าทักษะแฝงเร้นของเจ้าตำหนักน้ำคนใหม่สามารถทำลายและสลายโลหะอาวุธได้  อย่างนั้นดาบที่สร้างจากพลังงานเขาคงไม่สามารถกินได้แน่นอน
เย่ว์หยางแค่นเสียงและจำได้ว่าต้องฟันอีกครั้ง
ท่าที่สอง :  ฟ้าถล่มแผ่นดินทลาย!
เมื่อดาบพลังงานฟันถึงศีรษะของเจ้าตำหนักน้ำคนใหม่  อีกข้างหนึ่งของเย่ว์หยางเงื้อขึ้นกลั่นสร้างดาบพลังงานที่สองอย่างรวดเร็ว
คมดาบพลังงานที่สองนี้มีขนาดใหญ่กว่า ไวกว่าดาบแรก  เมื่อก่อตัวเป็นรูปร่าง มันมีพลังงานเหนือกว่าดาบพลังงานแรก นี่คือท่าดาบที่สาม ผ่าภูผามหานที
นี่คือพลังโจมตีที่ไม่ธรรมดาของเย่ว์หยาง การก่อตัวของพลังงานรวดเร็วมาก นอกจากนี้ยังมีพลังกฎสวรรค์น้อยอยู่ที่แขน  จ้าวสุริยาจ้องมองไม่วางตา แม้ว่ามองอย่างผิวเผินเขายังสงบอยู่ได้ แต่เขารู้สึกทึ่งในใจ เด็กหนุ่มคนนี้เป็นศัตรูที่เขาเพิ่งพบเห็นในชีวิตได้จริงๆ!   ต่อให้เป็นจีอู๋ลี่ผู้มีทักษะแฝงเร้นและความรู้สูงสุดในตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ยุคนี้  ก็คงทำอย่างเด็กหนุ่มนี่ในวัยเท่าเขาไม่ได้!  ใครจะเชื่อกันเล่าว่านี่เป็นนักรบมนุษย์ที่มีอายุเพียงยี่สิบปีเท่านั้น  ก็สามารถปะทะกับเจ้าตำหนักน้ำแห่งตำหนักกลางแดนสวรรค์ได้โดยตรงเชียวหรือ?   เขาทำใหจ้าวสุริยาแห่งตำหนักเทพสุริยะต้องตกอยู่ในวิกฤติได้ขนาดนี้เชียวหรือ?
แม้ว่าการเติบโตก้าวหน้าของมนุษย์จะเร็วมาก  แต่ไม่ควรจะเร็วมากขนาดนั้น
หนุ่มสาวชาวมนุษย์ในวัยยี่สิบ พวกเขาทำอะไรอยู่กันแน่?
จ้าวสุริยาได้เห็นรายงานการสืบสวนของเสี่ยวโฉ่วและพบว่าก่อนการปรากฏตัวของเย่ว์หยาง  นักรบมนุษย์ในวัยยี่สิบปีสามารถประสบความสำเร็จได้ที่ชั้นนักรบสามัญระดับหก ต้องบอกว่าเป็นอัจฉริยะที่พบเห็นได้ยากในรอบร้อยปี  ประสบความสำเร็จเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดในวัยยี่สิบปี นั่นบางทีอาจเป็นอัจฉริยะที่พบได้ยากในรอบพันปี
อย่างไรก็ตาม  ขณะที่คนอื่นในหอทงเทียนยังอยู่ในระดับปราณก่อกำเนิด พวกเขาก็เหมือนกับนักสู้ปราณดินที่ต่อสู้กับระดับปราณฟ้าอย่างสิ้นหวัง
เย่ว์หยางผู้นี้ก้าวหน้าเหนือกว่าระดับปราณฟ้า เหนือกว่าระดับปราณราชันย์ และกำลังเข้าสู่ขอบเขตระดับเทพ
ทารกวัยยี่สิบปีสามารถไล่หลังเขามาได้ติดๆ
นอกจากคำว่าผิดมนุษย์
จ้าวสุริยานึกหาคำอื่นมาอธิบายไม่ได้อีกต่อไป.... สิ่งที่ทำให้เขารู้สึกสงสัยมากที่สุดก็คือ คนแบบไหนกันถึงฝึกให้เขามีพลังฝีมือได้จนถึงระดับวันนี้? ถ้าจะกล่าวว่าเป็นเช่นนี้ตั้งแต่เกิดโดยไม่มีนักสู้ไร้เทียมทานอยู่เบื้องหลัง จ้าวสุริยาไม่เชื่อเด็ดขาด  คำถามก็คือผู้ยิ่งใหญ่ไร้เทียมทานนั้นอยู่ใกล้เย่ว์หยางหรือเปล่า?
ถ้าไม่มี  อย่างนั้นเขาต้องฆ่าเจ้าเด็กนี่ให้เร็วที่สุด
แต่ถ้ามีเล่า  เขาอยู่ที่ไหน?
นักสู้ไร้เทียมทานที่คอยปกป้องเขานั้น แข็งแกร่งเพียงไหน?
ความคิดของจ้าวสุริยาปั่นป่วนเหมือนถูกคลื่นทะเลที่ซัดสาดถาโถม เพียงแต่เวลาในโลกภายนอกผ่านไปเพียงชั่วลัดนิ้วมือ
เจ้าตำหนักน้ำคนใหม่หลอกล่อปล่อยให้เย่ว์หยางโจมตีได้สำเร็จ  เพราะนอกจากเย่ว์หยางจะมีลูกไม้แปลกๆ และไม่สู้ให้เป็นไปตามกฎ  ไม่มีใครที่สามารถสู้แบบนั้นได้อีก  ในขณะที่เจ้าตำหนักน้ำคนใหม่ยกมือขึ้นรับดาบพลังงานดาบแรก เย่ว์หยางก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าวใช้ดาบพลังอีกสายหนึ่งทันที  ดาบผ่านมือข้างขวาของผู้เฒ่าผ่านแนวป้องกันเฉือนเข้าที่คอของฝ่ายตรงข้ามอย่างน่าทึ่ง
เทียบกันในเรื่องวัยแล้ว เย่ว์หยางไม่อาจเทียบกับเจ้าตำหนักน้ำคนใหม่ได้
อย่างไรก็ตาม เขาดีกว่าในทางกลยุทธ์
คาดกันว่าในเรื่องชั้นเชิงการต่อสู้ทั้งหมด เจ้าตำหนักน้ำไม่สามารถตามจินตนาการของเย่ว์หยางได้ทัน
กลยุทธ์ส่งเสียงบูรพาตีฝ่าประจิม การโจมตีที่สองต่อเนื่องจากครั้งแรก ดังนั้นเจ้าตำหนักน้ำคนใหม่ได้แต่ดูใบมีดตัดเข้าที่คอของเขาโดยไม่มีอาการสนองตอบใดๆ
จ้าวสุริยาเกือบใช้ทักษะย้อนเวลาเพื่อสลายพลังสังหารนี้ให้กับเจ้าตำหนักน้ำคนใหม่แล้ว
อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาเห็นสีหน้าของเจ้าตำหนักน้ำคนใหม่แล้ว เขายังมีความหยิ่งและอดทน
พลังดาบทั้งสองสายฟันเข้าที่คอและมือของเจ้าตำหนักน้ำคนใหม่ติดๆ กัน... ภายใต้สายตาของจ้าวสุริยาและเย่ว์หยาง พลังดาบทั้งสองสายไม่ได้สร้างจากโลหะ แต่ถูกสร้างด้วยเจตจำนงและพลังของเย่ว์หยาง ไม่ช้าพลังดาบนั้นก็สลาย
หายไปไม่เหลือร่องรอย
ไม่สามารถทำอันตรายเจ้าตำหนักน้ำใหม่แม้แต่เคราเส้นเดียว
ผิวหนังที่คอยังคงเหมือนเดิม ไม่เหมือนกับโดนฟันด้วยท่าที่สาม ผ่าภูผามหานที
เย่ว์หยางอึ้ง
ตาของเขาเหมือนกับเห็นผี
บ้าไปแล้ว!  นี่คือสิ่งที่สร้างขึ้นจากพลังปณิธานของเขาเอง ยังถูกสลายได้อีกหรือ?  ธาตุโลหะอาจบอกได้ว่าถูกกัดกร่อนได้ แต่การสลายพลังงานนี่คือทักษะผีสางอันใดกัน?  ยังไม่ต้องพูดถึงพลังดาบที่แฝงด้วยปณิธานปราณราชันย์!
 “บัดซบจริงๆ, เทพบริษัทเกมออกแบบเกมอะไรมากันแน่ น่ารังเกียจเป็นบ้า? เฮ้ย... ขอร้องเรียนหน่อยเถอะ แค่กวาดล้างตัวหัวหน้าฉบับคัดลอกทำไมต้องกำหนดให้พวกนี้มีความสามารถผิดธรรมดาด้วยเล่า? ตัวข้าไม่มีเพื่อนร่วมทีมผ่านด่าน ให้เล่นอยู่คนเดียว ข้าจะผ่านด่าน (เกมส์) ได้ยังไง? ยิ่งกว่านั้นเจ้าผู้นี้ไม่ใช่ตัวหัวหน้าที่แข็งแกร่งที่สุด ตัวหัวหน้าที่แข็งแกร่งที่สุดอยู่ข้างหลังเขา ทั้งยังไม่ได้ลงมือด้วยซ้ำ  แล้วอย่างนี้จะให้คนมีชีวิตต่อไปได้ยังไง!  เย่ว์หยางเกือบน้ำตาร่วง เกมนี้ผ่านยากเกินไปและไม่สนุก ตัวร้ายควรจะมีตัวเดียวก็จะง่ายกว่ามิใช่หรือ? 
 “อะไรของมัน???”  จ้าวสุริยาไม่เข้าคำบ่นเพ้อของเย่ว์หยาง  แต่เขาสามารถเข้าใจได้ว่าเย่ว์หยางกำลังโมโห  และคนที่โมโหมักจะพ่ายแพ้เป็นเรื่องธรรมดา
ความจริงแม้แต่เขาก็ไม่รู้จักทักษะแฝงเร้นของเจ้าตำหนักน้ำคนใหม่เช่นกัน
เขาไม่เข้าใจชัดว่าทักษะแฝงเร้นของผู้อาวุโสชางไม่ใช่อย่างนี้ แต่ทำไมเขาถึงทำให้ดาบพลังงานของเย่ว์ไตตันสลายกลายเป็นหมอกไปได้?
แม้ว่าเขาจะมีทักษะแฝงเร้นเช่นนั้น แต่เขาไม่สามารถใช้ทักษะแฝงเร้นนั้นที่นี่ได้ ทำไมผู้อาวุโสชางถึงใช้ทักษะแฝงเร้นได้ภายใต้กฎสวรรค์จำกัดพลังได้?  นั่นเป็นความลับบางอย่างที่ไม่สามารถอธิบายได้แน่นอน
 “จ้าวสุริยา!  คัมภีร์เทพเป็นของท่าน!  ส่วนเด็กหนุ่มนี่ เราผู้เฒ่าจะส่งเขาเอง เพื่อหลีกเลี่ยงฝันในราตรีที่ยาวนาน, จ้าวสุริยาท่านยังคงเข้าสู่ตำหนักทองให้เร็วที่สุด”  เจ้าตำหนักน้ำรู้สึกภูมิใจมาก รอยยิ้มที่ดูฉลาดและดูเหมือนคนใจดีปรากฏบนใบหน้า ราวกับว่าเขาคือปราชญ์ผู้รู้ในตำนานผู้สั่งสอนให้ความรู้ผู้มานับไม่ถ้วน
จ้าวสุริยาเข้าใจ
ผู้อาวุโสชางนี้ตั้งใจฆ่าเย่ว์ไตตันตามลำพังเพื่อรับความดีความชอบ
สำหรับคัมภีร์เทพ ตาเฒ่าเจ้าเล่ห์รู้ตัวดีว่าเขาไม่มีทางประสบความสำเร็จได้รับมาได้  ดังนั้นเขาจึงเน้นให้จ้าวสุริยาให้ความสำคัญคัมภีร์เทพ ส่วนตนเองเตรียมฆ่าเย่ว์ไตตัน
แน่ใจได้เลยว่านักรบในแดนสวรรค์ของตำหนักกลางยอมรับว่าชางหลงคือนักรบที่น่ากลัวที่สุดของตำหนักกลางแดนสวรรค์
จ้าวสุริยารำพึงในใจ นี่เขาเชื่อมั่นตนเองขนาดนั้นเชียวหรือ? ดูเหมือนว่าพลังลับที่ซ่อนไว้ของตาเฒ่านี่ไม่เลว!
ความอยากของเขาก็ใหญ่ตามเช่นกัน!
 “ขอบคุณที่ผู้อาวุโสชางช่วยเหลือ ข้าซาบซึ้งจริงๆ”  ลึกเข้าไปในดวงตาของจ้าวสุริยา มีประกายเย็นยะเยือกแฝงไปด้วยเสียงกระซิบเบา  “เย่ว์ไตตันผู้นี้เก่งกาจโดดเด่น เจ้าแน่ใจหรือว่าไม่ต้องการให้ข้าผู้นี้ช่วยกวาดล้าง?”
 “ท่านจ้าวสุริยาได้ทำสัญญากับคัมภีร์เทพเป็นเรื่องสำคัญที่สุด  จะมัวเสียเวลาล่าช้านานเกินไปได้อย่างไร?  ไม่ต้องห่วงข้างนอก เราผู้เฒ่าจะพยายามให้หนักยิ่งขึ้น!  เจ้าตำหนักน้ำตอบพร้อมกับยิ้ม  เขาคาดไว้ว่าจ้าวสุริยาไม่ต้องการให้เกิดเหตุเปลี่ยนแปลงมากเกินไปในเวลานี้  ความกังวลส่วนใหญ่อยู่ที่คัมภีร์เทพ  ส่วนการฆ่าเย่ว์ไตตัน  ส่วนใหญ่เขาจะไม่หันมาแย่งชิงความดีความชอบนี้  นอกจากนี้หากไม่มีความสามารถเช่นนั้น จ้าวสุริยาคิดจะฆ่าเย่ว์ไตตัน แม้จะมีความมั่นใจ แต่ก็ต้องใช้เวลาและคนมากมายแน่นอน  เจ้าสุริยาจะเสี่ยงฆ่าตัวเองภายใต้สถานการณ์อย่างนั้นหรือไม่?
 “ในกรณีเช่นนี้  จุดนี้จะเป็นก้าวแรก  ข้าขอให้ผู้อาวุโสทำงานสำเร็จ”  จ้าวสุริยากระซิบและจากนั้นกลายเป็นแสงสีทองพุ่งผ่านม่านพลังทองก้าวผ่านหมิงลี่ฮ่าวที่กำลังนั่งอยู่และหายวับไปในทันที
 “ฮึ่ม!  เจ้าตำหนักน้ำคนใหม่ลอบแค่นเสียงเยาะเย้ย
ถ้าไม่ใช่เพราะผู้อาวุโสตำหนักสนับสนุน  เจ้ายังจะได้เป็นจ้าวสุริยาอีกหรือ?
ในช่วงเวลาที่ผ่านมา เจ้าก็แค่มีทักษะแฝงเร้นที่ดีอยู่บ้าง  และยังเป็นผู้ช่วยกวาดล้างให้จีอู๋ลี่เท่านั้น
แค่เพียงแต่เจ้า ยังหมายคิดจะและเล็มคัมภีร์เทพหรือ?  แม้แต่จีอู๋ลี่ผู้มีสายเลือดยอดเยี่ยมที่สุดมีเลือดคุณภาพดีที่สุด เป็นศิษย์ของเจ้าตำหนักสูงสุด  ยังไม่กล้าพูดว่าจะทำสัญญากับคัมภีร์เทพ  ผู้ช่วยที่มีสายเลือดคุณภาพชั้นสามยังกล้าและเล็มคัมภีร์เทพด้วยความหยิ่งยโสอีกหรือ?  น่าขัน!  กลุ่มผู้อาวุโสทำงานอย่างหนักเพื่อช่วยฝึกฝนจ้าวสุริยาจนมีชื่อเสียงโด่งดังก็จริง  แต่เขาสามารถแข่งขันท้าทายเจ้าตำหนักใหญ่ชั้นในทั้งสามหรือไม่? แม้ว่าเจ้าจะไล่ตามจีอู๋ลี่ทันก็ตาม แต่อนาคตเล่า? จ้าวสุริยามีแต่จะหมดศักยภาพลง เกรงว่ายังจะเทียบกับจีอู๋ลี่ผู้มีศักยภาพไม่สิ้นสุดได้อีกหรือ?
ต้องการใช้ภูมิภาคสวนสวรรค์เพื่อกำจัดข้าหรือ
ยังอ่อนด้อยเกินไป!
นอกจากเจ้าตำหนักสูงสุดแล้ว ไม่มีใครต้องการได้ความภักดีตนเอง กลุ่มผู้อาวุโสผู้เฒ่าเหล่านั้น  แม้จะคอยโดดขึ้นโดดลงส่งเสียงสนับสนุนเจ้า ก็ยังใช้ไม่ได้!  จ้าวสุริยา เจ้ามันโมฆบุรุษไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะทำสัญญากับคัมภีร์เทพจะต้องมีเงื่อนไขใด!
เจ้าตำหนักหนักน้ำใหม่ยิ้มอำมหิต  เขารู้คำตอบ  แต่เขาไม่พูด เมื่อเห็นคนอื่นวิ่งชนกำแพง นั่นเป็นเรื่องที่ดีที่สุดไม่ใช่หรือ?
 “เจ้ามีทักษะแฝงเร้นสองอย่างใช่ไหม?”  จู่ๆ เย่ว์หยางพยายามพูดบางอย่าง
 “หืมม...”  เจ้าตำหนักน้ำคนใหม่ไม่เข้าใจ เจ้าเด็กนี่รู้ได้อย่างไร?  ตามบันทึกในตำนาน พื้นที่เก็บคัมภีร์เทพนี้  ทักษะแฝงเร้นของผู้เข้ามาในพื้นที่ถูกจำกัดทั้งหมด เพื่อจะผสานพลังเข้ากับพื้นที่นี้ได้อย่างเต็มที่จะต้องมีทักษะแฝงเร้นคู่ไม่เหมือนใครในโลก... นักรบที่มีทักษะแฝงเร้นสองอย่างมาตั้งแต่แรก นับว่ามีอยู่แต่ในตำนานเท่านั้น
อย่างไรก็ตามอาจมีการฝ่าฝืนหลักการบางอย่างได้ เช่นได้รับรางวัลจากเทพโบราณ
มีนักรบน้อยมากที่สามารถพัฒนาทักษะแฝงเร้นอย่างที่สองขึ้นมาได้
สวรรค์อาจเปิดทักษะแฝงเร้นอย่างที่สองที่ดูเหมือนมองอย่างผิวเผินอาจง่าย  แต่ในตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์มีไม่เกินห้าคนที่มีทักษะแฝงเร้นสองอย่าง ทั่วทั้งแดนสวรรค์รวมทั้งอัจฉริยะจากสี่ตระกูลใหญ่ของแดนสวรรค์บน ก็ยังมีไม่เกินสิบคน
นอกเหนือจากสองประเภทนี้ที่มีทักษะแฝงเร้นสองอย่าง ยังมีคนอีกประเภทหนึ่ง
นั่นคือทักษะแฝงเร้นเทียม ที่เจ้าตำหนักสูงสุดเปิดพลังให้เองโดยใช้พลังกฎสวรรค์
ทักษะแฝงเร้นเทียมนี้ มีความใกล้เคียงกับทักษะแฝงเร้นที่สองอย่างไม่มีขีดจำกัด  และเจ้าตำหนักน้ำคนใหม่ชางหลงมีความภักดีต่อเจ้าตำหนักสูงสุด จึงเป็นผู้โชคดีเพียงไม่กี่คนที่ได้รับการเปิดทักษะแฝงเร้นที่สองเพราะความภักดีของพวกเขาและเงื่อนไขเฉพาะตัว... โดยผิวเผินไม่มีใครมองเห็นได้ ไม่มีใครรู้  แต่ด้วยทักษะแฝงเร้นเทียมที่สองนี้จะช่วยให้มีความแข็งแกร่งรุดหน้าเป็นอย่างมากแน่นอน
ด้วยทักษะแฝงเร้นเทียมที่สองนี้  ผู้อาวุโสชางมักจะแข็งแกร่งคงกระพันในสภาพแวดล้อมบางอย่างได้อย่างไม่มีที่สุด
ตัวอย่างเช่นตอนนี้
คำถามก็คือ เย่ว์ไตตันผู้นี้คาดเดาได้อย่างไรว่าเขามีทักษะแฝงเร้นที่สอง?
น่าแปลก เด็กคนนี้คิดได้อย่างไร?  เขาฉลาดมากจริงๆ หรือ?  จ้าวสุริยาไม่เข้าใจสถานการณ์ว่าเจ้าเด็กนี่จะถูกทำลายหรือ?
 “ข้าคาดเดาได้ถูกต้อง”  เย่ว์หยางหัวเราะเมื่อเห็นสีหน้าเจ้าตำหนักน้ำชางหลง  “ในเมื่อเป็นอย่างนี้  งั้นข้าก็มีวิธีแล้ว!  เพียงแต่ก่อนนี้เจ้าพูดถึงข้าว่ายังไงนะ?  น่ารังเกียจคือชื่อเล่นของข้า  หน้าด้านคือชื่อจริงของข้าใช่ไหม?  ก็ได้ข้าตัดสินใจให้เจ้าได้ดูความหน้าด้านที่แท้จริง!  ถ้าจ้าวสุริยายังอยู่ตรงนั้น ข้ายังไม่กล้าใช้ลูกเล่นนี้  เดี๋ยวเขาจะจับไต๋ข้าได้  แต่ตอนนี้เขาไม่อยู่ที่นี่ ข้าโล่งใจแล้ว...ตาแก่.. มองลองเจอดาบของข้าก่อน  เพลงดาบนี้เรียกว่าพลิกจักรวาล!
เย่ว์หยางเรียกดาบจันทร์เสี้ยวออกมาจากในแหวนเก็บสมบัติและมองดูชางหลงเจ้าตำหนักน้ำคนใหม่
รับพลังดาบโดยตรง!
เจ้าตำหนักน้ำคนใหม่ชูมืออย่างย่ามใจเหมือนครั้งก่อนรับพลังดาบโดยตรง  อย่างไรก็ตามผลที่ได้กลับแตกต่าง พอดาบฟันลง โลหิตฉีดพุ่งกระจาย  เย่ว์หยางรั้งดาบกลับ มือมนุษย์ข้างหนึ่งขาดตกลงพื้น...

7 ความคิดเห็น:

Nasee กล่าวว่า...

ทักษะแฝงเร้น2อย่่างหรืออ..พี่เยว์มีม่รุกีอย่างง..ขอบคุณคับ

manit กล่าวว่า...

ใจจ้า

nutzido กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

ulomzx กล่าวว่า...

เอาเลือดมานมาเลี้ยงตั้วตั้วสิ ฉลาดนัก

เนพื กล่าวว่า...

เกี่ยวกับคัมภีร์เทพหรือเปล่า หยางมันเข้ามาก่อนเจ้าสุริยาแล้วหนิ มันต้องมาทำอะไรแล้วแน่เลย

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

akekapoj-tee กล่าวว่า...

ขอบคุณมากครับ

แสดงความคิดเห็น