ตอนที่ 985 ข้าจะเปลี่ยนเจ้าให้เป็นกองไฟ
ดาบของเย่ว์หยางนี้ไม่เพียงแต่ตัดมือข้างหนึ่งของชางหลงเจ้าตำหนักน้ำคนใหม่เท่านั้น
แต่ยังตัดเคราเขาขาดอีกด้วย
ชุดคลุมขาดที่หน้าอก ถูกโลหิตย้อมเป็นสีแดง
“เป็นไปไม่ได้!” ชางหลงร้องลั่น สีหน้าของเขาราวกับถูกผีหลอก
“เจ้าช่างเจ้าเล่ห์ไม่เบา
เข้าใจหลบซ่อนตัวเป็นอย่างดี
แต่ข้าขอบอกอย่างหนึ่ง ยุคสมัยของเจ้าจบลงแล้ว!”
เย่ว์หยางยิ้มสดใสราวกับอาทิตย์อุทัย
“และยิ่งไปกว่านั้น ชัยชนะไม่มีทางได้มาด้วยกลโกง
นั่นเป็นวิธีการที่ไม่ถูกต้อง”
คนที่มีพลังแข็งแกร่งที่สุดจะต้องได้ชัยชนะขั้นสุดท้ายอย่างมิต้องสงสัย
ตรงกันข้าม ต่อให้อีกฝ่ายแม้มีวิธีการสู้ที่ดี
แต่ไม่มีพลังพอเทียบได้
ในที่สุดแล้วย่อมกลายเป็นตัวตลก
เย่ว์หยางไม่ได้โจมตีซ้ำอีกครั้ง
เพียงแต่มองดูชายชราที่เหมือนจิ้งจอกเจ้าเล่ห์นี้
เจ้าตำหนักน้ำชางหลงมองดูมือที่ขาดอยู่นาน
ทันใดนั้นเขาหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง “ฮ่า
ฮ่า ฮ่า ฮ่า ข้าผู้เป็นเจ้าตำหนักขำจริงๆ! เจ้าคิดว่าใช้พลังของสนามพลัง หรือพลังกฎสวรรค์ก็สามารถทำลายทักษะแฝงเร้นที่สองของข้าเจ้าตำหนักได้หรือ? อ่อนเดียงสาเกินไปแล้ว!”
“?” เย่ว์หยางมองชายชราข้างหน้าอย่างประหลาดใจ
“จะบอกข่าวร้ายแก่เจ้า!”
เจ้าตำหนักน้ำชางหลงหัวเราะราวกับเสียงมีด
เขาก้มเก็บมือที่ขาดบนพื้น แล้วต่อบนข้อมือที่ขาด มือเชื่อมกันเหมือนไม่เคยได้รับบาดเจ็บมาก่อน
แผลที่หน้าอกไม่ทราบว่าสมานตัวตั้งแต่เมื่อใด แม้แต่เคราก็ค่อยๆ งอกยาวช้าๆ
จนเหมือนเดิม... เจ้าตำหนักน้ำชางหลงถือไม้เท้ามังกรอยู่ในมือ
และพูดเหมือนสั่งสอน “เด็กน้อย!
อย่าคิดว่าแดนสวรรค์อ่อนแอ
ต่อให้เจ้าฟันใส่กะโหลกของข้า ข้าก็ไม่ได้รับบาดเจ็บ เราไม่มีจุดอ่อนเหมือนร่างมนุษย์ของเจ้า เรามีร่างครึ่งหนึ่งเป็นพลังธาตุเป็นองค์ประกอบ เราจึงไม่มีวันตาย!”
“เจ้าไม่รู้คุณประโยชน์ที่แท้จริงของร่างกายมนุษย์ ช่างเถอะ ข้าจะไม่เถียงกับเจ้าอีกแล้ว” เย่ว์หยางไม่ต้องการเถียงกับคนแก่ ร่างมนุษย์จุดอ่อนที่สุดย่อมเป็นเรื่องแน่นอน แต่ศักยภาพนั้นทรงพลังที่สุด
และเมื่อฝึกฝนจะมีความก้าวหน้าอย่างรวดเร็วเช่นกัน
“สามารถแทรกแซงทักษะแฝงเร้นที่สองของข้าได้ เด็กน้อย เจ้าทำได้ดี แต่ตราบใดที่เจ้ายังเป็นมนุษย์
ร่างกายเจ้าอ่อนแอและน่าสมเพช โจมตีรุนแรงก็บาดเจ็บปางตายได้!” เจ้าตำหนักน้ำชางหลงควงไม้เท้ามังกร
ร่างของเขามีละอองหมอกสีขาวเหมือนกับมีชีวิตขยายออกไปอย่างต่อเนื่องไม่หยุดยั้ง
เย่ว์หยางพบว่าหมอกขาวแปลกประหลาดนี้ทำให้เขาหายใจลำบากมากขึ้น
แม้ว่าสิ่งนี้จะเป็นก๊าซ
แต่ก็มีความชื้นหนาแน่น
ความรู้สึกอึดอัดเหมือนอยู่ในน้ำไม่สามารถหายใจได้ แต่หมอกเหล่านี้ไม่ใช่น้ำ แม้จะอยู่ใต้น้ำก็หายใจไม่ได้
เจ้าตำหนักน้ำชางหลงมีความพอใจอย่างมาก
หมอกขาวนี้คือสนามพลังทุ่งหมอกของเขา
ขอเพียงอยู่ในทุ่งหมอกทุกชีวิตจะต้องรับการจัดการจากเขา
ถ้าเปลี่ยนเป็นนักสู้ปราณฟ้าธรรมดา
เขาสามารถเอาชีวิตฝ่ายตรงข้ามได้ทันที
ด้วยการดูดน้ำในร่างกายของฝ่ายตรงข้ามโดยตรง
และทำให้ฝ่ายตรงข้ามแห้งเหมือนปลาตากแห้ง
อย่างไรก็ตามด้วยพลังปณิธานและพลังของเย่ว์หยาง
เย่ว์ไตตัน เขาไม่สามารถทำอย่างนี้ได้
คือดึงพลังชีวิตของเย่ว์ไตตันออกมาโดยตรง
เขาเกรงว่าต่อให้เทพก็ยังไม่อาจทำได้
เขาไม่จำเป็นต้องเอาชีวิตโดยตรง เพราะเขาคุ้นเคยกับจุดอ่อนของร่างมนุษย์
จุดอ่อนใหญ่ของร่างมนุษย์มีสามอย่างคือ
หนึ่งอยู่ที่ศีรษะถูกปกป้องโดยพลังปณิธาน ไม่อาจทำร้ายได้ง่าย สองอยู่ที่หัวใจ ถ้าหัวใจไม่เต้น
ร่างกายที่แข็งแรงของมนุษย์จะล้มเหลวในการทำงาน
และประการที่สามอวัยวะภายในโดยเฉพาะปอดซึ่งต้องรับอากาศภายนอก
สื่อสารกับอากาศภายนอกดูดซับอากาศ
และถ้าไม่หายใจสองสามนาที สภาพร่างกายของมนุษย์จะทรุดโทรม
เย่ว์ไตตันแข็งแกร่งมากก็จริง
แต่เขาก็เป็นแค่คนแข็งแกร่งคนหนึ่ง
ถึงจะแข่งแกร่งเพียงใดก็ตาม
แต่ก็หายใจไม่ออก
สนามพลังหมอกน้ำของเจ้าตำหนักน้ำชางหลง
ไม่อาจดึงความชื้นในตัวของฝ่ายตรงข้ามออกมาได้
ไม่อาจกันน้ำให้เข้าไปในตัวของฝ่ายตรงข้ามได้
แต่เขาสามารถกีดกันอากาศไม่ให้เข้ามาในสนามพลังและเติมช่องว่างในพื้นที่ด้วยหมอกน้ำ
ตราบเท่าที่หมอกน้ำอยู่เต็มปอดของฝ่ายตรงข้าม เขาสามารถพลิกแม่น้ำ
คว่ำทะเลในปอดของเย่ว์ไตตันได้!
เย่ว์หยางควงดาบจันทร์เสี้ยวและฟันไปข้างหน้า
เห็นชัดๆ
ว่าชางหลงอยู่ข้างหน้า แต่ดาบของเขาถูกเบี่ยงเบนทิศทางในหมอกขาว
ย้อนกลับมาหาเย่ว์หยางและลอยผ่านไปด้านหลังของเขากลายเป็นวังวนหมอกหายไป
เย่ว์หยางควงดาบฟันลงพื้นเป็นครั้งที่สอง
ตามเหตุผลพื้นควรจะเป็นรอยตัดฟันลึกพอสมควร ก็ควรมีแค่รอยขีดข่วนสีขาวบนพื้นผิ
อย่างไรก็ตามมีบางอย่างแปลกๆ
เกิดขึ้น ดาบจันทร์เสี้ยวในมือของเย่ว์หยางไม่ทันได้สัมผัสพื้น
ตัวคนก็ลอยขึ้นเหมือนอยู่ในน้ำ ในสนามพลังหมอกน้ำของเจ้าตำหนักชางหลง
ทุกอย่างถูกเขาจำกัดไว้ เย่ว์หยางจะโจมตีหรือหลบหนีก็ไม่สามารถทำได้
“ถ้านี่ไม่ใช่เขตคัมภีร์เทพ
ข้าก็คงทำอะไรกับเจ้าไม่ได้ เพราะเจ้าสามารถเข้าไปซ่อนในคัมภีร์อัญเชิญได้ ข้าคงไม่อดทนรอเจ้านานมากมายขนาดนั้น” เจ้าตำหนักน้ำชางหลงพูดเหมือนชายชราใจดี แต่ขณะนี้มุมปากของเขายิ้มอย่างดุร้าย “น่าเสียดาย!
ที่นี่เรียกคัมภีร์อัญเชิญไม่ได้!”
“ข้าจะตายอย่างงั้นหรือ?” เย่ว์หยางพูดด้วยสีหน้าเฉื่อยชา
“เจ้าจะตายทั้งเป็นในสนามพลังหมอกน้ำนี้ ข้ารู้ว่าไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำให้คนอย่างเจ้าตาย
บางทีอาจต้องใช้เวลาหนึ่งวัน หนึ่งเดือน.. ไม่ ไม่ว่าต้องใช้เวลานานเพียงใดตราบเท่าที่มีความหวัง
แม้จะเป็นเวลาหนึ่งปี สิบปี ร้อยปีข้าทนรอได้”
ชางหลงยิ้ม
“สนามพลังใช้ได้ แต่เจ้าไม่ต้องการรู้หรือว่าสนามพลังของข้าเป็นยังไง?” เย่ว์หยางย้อนถามปัญหานี้
เขาเริ่มรู้สึกหายใจติดขัด ยากลำบากทุกขณะ
“อา..
ข้าไม่จำเป็นต้องรู้ว่าสนามพลังของเจ้าเรียกว่าอะไร”
ชางหลงยิ้มพร้อมกับอธิบาย
“เพราะสนามคลื่นหมอกของเขาแตกต่างจากสนามพลังคนอื่นเล็กน้อย
“?” เย่ว์หยางไม่เข้าใจ
“ตราบใดที่อยู่ภายในสนามพลังคลื่นหมอกน้ำของข้า ตราบนั้นน้ำศัตรูของข้าจะไม่มีโอกาสใช้งานสนามพลังได้
มันคือสนามพลังที่มีอำนาจครอบงำได้..”
เจ้าตำหนักน้ำชางหลงหัวเราะ
“นี่คือสิ่งที่เจ้าตำหนักกลางสูงสุดสอนเจ้าหรือ?” ในที่สุดเย่ว์หยางก็ตื่นเต้นเล็กน้อย
“บางทีเจ้าอาจไม่รู้
แต่นี่คือทักษะที่นักรบระดับเจ้าตำหนักทุกคนต้องเชี่ยวชาญ”
ชางหลงเห็นว่าเย่ว์หยางแทบไม่สามารถหายใจได้ อารมณ์ของเขายิ่งดีมากขึ้นเรื่อยๆ เขาทรมานคู่ต่อสู้อย่างที่เขาไม่เคยลองทำมาก่อน
และเขาไม่เคยพอใจมากขนาดนี้
การฆ่าศัตรูคู่แค้นเก่าจะน่าพอใจเท่ากับฆ่าจักรพรรดิอวี้รุ่นใหม่
ความหวังใหม่ของหอทงเทียนได้อย่างไร
“นี่เป็นจุดเริ่มต้นของการรู้แจ้งพลังกฎสวรรค์หรือไม่?” เย่ว์หยางพึมพำกับตนเอง
ตอนนี้เขาเข้าใจขึ้นเล็กน้อย ทำไมเจ้าตำหนักสูงสุดต้องการให้เจ้าตำหนักอื่นๆ
เข้าใจเชี่ยวชาญ เหตุผลก็เพื่อให้บริวารของเขามีความเข้าใจมากขึ้น
และก้าวหน้าขึ้นในการต่อสู้
จากสนามพลังกลายเป็นสนามพลังที่มีอำนาจครอบงำ
เลื่อนไปเป็นพลังกฎสวรรค์
เย่ว์หยางรู้สึกว่าตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ไม่มีสถานที่เหมือนกับประตูเป็นตายของหอทงเทียน
แต่ไม่ต้องการให้บริวารทุกคนเดินตามแนวรู้แจ้งสุดยอดปราณราชันย์
อย่างไรก็ตามการขยายทักษะแฝงเร้นธรรมชาตินี้หรือความสามารถในสนามพลังจากนั้นยกระดับเป็นพลังเฉพาะของสนามพลังได้กลายเป็นพลังพิเศษจำเพาะ...
นี่ก็เป็นความก้าวหน้าอีกรูปแบบหนึ่งเช่นกัน
แม้แต่รูปแบบเติบโตก้าวหน้าแบบนี้ก็ยังได้รับการยอมรับในแดนสวรรค์มากขึ้น
เช่นเดียวกับหอทงเทียน พวกเขาต้องอาศัยความรู้สึกเฉพาะบุคคล
ทำให้ยากเกินกว่าจะก้าวหน้าได้
หอทงเทียนเดินตามแนวทางอัจฉริยะอย่างแท้จริง
หากไม่ประสบความสำเร็จ ทุกอย่างจะกลายเป็นธรรมดา
ตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์เดินตามเส้นทางที่ยอดเยี่ยม
ถึงแม้ว่าไม่จำเป็นต้องมีอัจฉริยะถือกำเนิด
แต่อย่างน้อยจะมีกองกำลังผู้มีฝีมือสูงส่งจำนวนมาก ซึ่งเป็นเรื่องจำเป็นในการรักษาอำนาจของพวกเขาไว้
เพียงชั่วขณะเย่ว์หยางก็เข้าใจความตั้งใจของเจ้าตำหนักสูงสุด
และดูเหมือนคนผู้นี้มีความสามารถมาก
ได้ใช้ความพยายามมากมายเพื่อรับรองความเป็นเลิศของตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์!
“สูดหายใจเข้า
สูดหายใจให้หนัก!”
เจ้าตำหนักน้ำชางหลงหัวเราะลั่น
“ยิ่งเจ้าหายใจมากเท่าใดน้ำก็เข้าไปอยู่เต็มปอดของเจ้า
สนามพลังคลื่นหมอกน้ำของข้าไม่เพียงแต่ละลายในอากาศได้เท่านั้น
แต่ยังเข้าไปรวมอยู่ในร่างของเจ้า
ใช้เวลาอีกไม่นานร่างของเจ้าจะพองบวมขึ้นเหมือนศพที่ขึ้นอืดอยู่ในน้ำ”
“เจ้าบอกว่า
เจ้าได้ศึกษาจุดอ่อนร่างกายมนุษย์มาเป็นอย่างดี” เย่ว์หยางพูดทำนองชื่นชม
จากนั้นเปลี่ยนน้ำเสียงเป็นแค่นเยาะเย้ย
“แต่ทุกอย่างมีข้อยกเว้น ร่างกายของข้าไม่ใช่ร่างที่เหมือนคนธรรมดาทั่วไป
เจ้าไม่มีทางค้นพบได้
นี่คือความพลาดพลั้งครั้งใหญ่ที่สุดของเจ้า!”
เย่ว์หยางเก็บดาบจันทร์เสี้ยวและกวาดมือทั้งสองออก
กุ่ยหยินไฟก้อนหนึ่งปล่อยพลังอยู่รอบตัวเขา
สิ่งที่ทำให้เจ้าตำหนักน้ำชางหลงเห็นแล้วตกตะลึงก็คือ
เปลวไฟที่น่าสยดสยองเหล่านี้จะระเบิดออกมาตราบเท่าที่มีพลังงานเปลี่ยนแปลง ขณะนี้มันยังสงบนิ่งเหมือนทะเลสาบไร้ระลอกคลื่น
“ยังไม่เข้าใจอีกหรือ?” เย่ว์หยางค่อยๆ เดินเข้าหาชางหลง ไม่ว่าชางหลงจะกระตุ้นสนามพลังคลื่นหมอกน้ำเพียงไหน
ก็ไม่ส่งผลต่อความเคลื่อนไหวของเย่ว์หยาง
ตรงกันข้ามชางหลงต้องการถอย
แต่สนามพลังคลื่นหมอกน้ำกลับขัดขวางเขาไม่ให้เคลื่อนไหวโดยง่าย
ผู้เชี่ยวชาญในสนามพลังคลื่นหมอกน้ำในตอนนี้คือเย่ว์หยาง
ไม่ใช่เจ้าตำหนักน้ำคนใหม่
“เป็นไปไม่ได้
นี่มันสนามพลังคลื่นหมอกน้ำของข้าชัดๆ”
ชางหลงสีหน้าเปลี่ยน
“ผิดแล้ว, นี่คือสนามพลังสร้างโลกของข้า เจ้าอยู่ในความฝันตั้งแต่เจ้าสุริยาออกไปแล้ว
เข้าใจไหม?”
เย่ว์หยางสวมกำไลแปลงธาตุก่อนที่เจ้าตำหนักน้ำใหม่จะเรียกมันว่าพลังธาตุวิบัติ “ถ้าจ้าวสุริยาไม่ไป
ข้าคงไม่สามารถใช้สนามพลังของข้าได้ง่ายๆ และข้าคงไม่สามารถปกปิดได้ว่าสิ่งใดจริง
สิ่งใดเท็จ ความฝันทำให้ข้าได้รู้ความลับหลายอย่างในฝันของเจ้า บัดนี้ทุกอย่างจบแล้ว
ข้ามีความสุขมากที่ได้รู้ความลับของเจ้าตำหนักสูงสุดมากมาย
ขอบคุณเจ้าที่ให้ความร่วมมือ!”
“ต่อให้เจ้ามีกำไลธาตุวิบัติ เจ้าก็ไม่มีทางฆ่าข้าได้!”
ชางหลงใช้พลังต่อต้านอย่างดื้อรั้น
“ข้าจะไม่ฆ่าเจ้า” เย่ว์หยางยิ้ม
“ข้าแค่ทำให้เจ้ากลายเป็นกองไฟ ปล่อยให้เจ้าได้เผาไหม้ไปตลอดกาล ข้าคิดว่าเจ้าคงจะรู้สึกอบอุ่นดีนะ”
“ไม่!”
เจ้าตำหนักน้ำชางหลงเมื่อได้ฟังเขาพูดถึงกับถอดสีหน้า
เขาจ้องมองมือซ้ายของเย่ว์หยาง มิทราบว่าเพลิงอมฤตปรากฏอยู่บนของเขาตั้งแต่เมื่อใด
“เพราะเจ้าน่ากลัวเกินไป
ช่วงเวลาแปลงพลังงานอาจต้องใช้เวลายาวนาน ข้าหวังว่าเจ้าจะให้ความร่วมมืออย่างดี! อ้อ..
อย่าคิดว่าอสรพิษลับที่มองผิวเผินเหมือนหัวมังกรบนไม้เท้ามังกรแต่เป็นอสูรพิทักษ์จะช่วยเจ้าได้ ทุกอย่างที่เจ้าเห็นเป็นเท็จ
แต่ก็อาจเป็นจริงได้เหมือนกัน”
เย่ว์หยางดึงไม้เท้ามังกรออกมาจากมือชางหลง ขณะนั้นชางหลงเชื่อจริงๆ
ว่าเขาติดอยู่ในกับดักความฝันของเย่ว์ไตตัน
“อภัยให้ข้าด้วย, ข้าขอยอมแพ้!”
ชางหลงตะโกนประโยคนี้ออกมาในที่สุด
“ขอโทษที, ข้าไม่ได้ยินว่าเจ้าพูดอะไร, ช่วยพูดอีกครั้งได้ไหม?”
หน้าของเย่ว์หยางมีรอยยิ้มที่น่ากลัวยิ่งกว่าปีศาจร้าย ชางหลงอ้าปากเตรียมพูด
แต่ปากของเขากลับพ่นเปลวไฟออกมาแทน
เย่ว์หยางกับเจ้าตำหนักน้ำชางหลงเผชิญหน้ากันนานก็จริง แต่ในความเป็นจริงในสนามพลังสร้างโลกนี้
เวลาผ่านไปไม่กี่วินาทีเท่านั้น
ทั้งหมดนี้ตกอยู่ในสายตาของหมิงลี่ฮ่าว
เขาเห็นเย่ว์หยางจับคอของเจ้าตำหนักน้ำชางหลงด้วยมือข้างเดียวและทำให้ตาแก่ผู้ที่ไม่มีใครฆ่าได้นี้ให้กลายเป็นกองไฟโดยตรง
จากนั้นโยนทิ้งต่อหน้าเขาราวกับขยะ
ในใจของเขารู้สึกหวาดกลัว นี่เป็นเรื่องที่น่าตกใจราวกับเห็นเทพโบราณจุติ
“เจ้าทำได้ยังไง?”
หมิงลี่ฮ่าวรู้ว่าเย่ว์หยางสามารถเอาชนะได้
แต่ไม่เคยรู้ว่าเจ้าเด็กนี่จะเอาชนะได้ไวขนาดนี้
ทั้งชนะได้อย่างหมดจดสง่างาม
เย่ว์หยางพึมพำบอก “มันเป็นความลับ!”
เย่ว์หวี่เหินร่างเข้ามาแต่ไกล
นางลอบปิดปากขำขัน ความจริงเป็นเพราะร่างครึ่งหนึ่งของชางหลงเป็นองค์ประกอบธาตุ
ถ้าเปลี่ยนเป็นคนอื่นเย่ว์หยางคงจะเอาชนะไม่ได้ง่ายๆ อย่างนี้ นอกจะมีข้อจำกัดของธาตุธรรมชาติแล้ว
ยังมีการครอบงำสนามพลังด้วยเพลิงอมฤต เพลิงพิโรธบัวแดง เพลิงเมฆา
เพลิงแดงศักดิ์สิทธิ์ มีกุ่ยหยินไฟเป็นพื้นฐานประกอบเข้าในสนามพลังสร้างโลก
ทั้งยังมีกำไลแปลงพลังซึ่งนักสู้เรียกกันว่าพลังธาตุวิบัติ ถ้าเย่ว์หยางยังไม่สามารถโค่นเจ้าตำหนักน้ำชางหลงได้
อย่างนั้นเขาก็ไม่สมควรเป็นคุณชายสามตระกูลเย่ว์อีกต่อไป!
สิ่งที่สำคัญที่สุด
ในสนามพลังสร้างโลก
แทนที่เย่ว์หยางจะใช้เวลาหลายวันเปลี่ยนชางหลงให้เป็นกองไฟ
แต่เขาทำเสร็จได้ในช่วงเวลาไม่กี่วินาทีเท่านั้น
ปรากฏว่าสนามพลังสร้างโลกนั้นลึกลับยิ่งกว่าประตูเป็นตาย
ทั้งมิติ เวลา ชีวิต พลังงาน ทุกอย่างตกอยู่ในเงื้อมมือของเย่ว์หยาง
ในสนามพลังสร้างโลก
เย่ว์หยางคือพระเจ้าผู้สร้างโลกใบน้อย!
“จะจัดการกับสตรีผู้นี้อย่างไร?”
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเห็นเทวีเสรีภาพนอนอยู่บนขวางอยู่บนบันได
นางมองเย่ว์หยางราวกับใช้สายตาจับผิดขโมย
9 ความคิดเห็น:
ผู้ชายตีกันมาหลายตอน..ตอนนี้ถึงคราวผู้หญิงตีกันบ้างแล้ว555555
ใจจ้า
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
ดีจังที่เทวียังไม่ตาย นางต้องได้เป็นสาวคนใหม่ในสังกัดพระเอก
เย่ว์หยางมองไปยังเทวีเสรีภาพ เมื่อเงยหน้ามาสบสายตากับองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน พบรังสีมหิตในแววตาอีกฝ่าย สีหน้าพลันซีดขาว เหงื่อซึม เย็นวาบไปทั่วสันหลัง ยิ่งกว่าตอนประจัญหน้ากับจ้าวสุริยา
ขอบคุณครับ
ขอบคุณมากครับ
6555
แสดงความคิดเห็น