ตอนที่ 986
ตำหนักทองและทางเลือกโชคชะตา!
ตำหนักทอง
เมื่อข้ามบันไดหยกผ่านโถงทางเดินสูงตระหง่านข้างหน้า
จากนั้นเดินไปตามเส้นทางมุ่งสู่ตำหนักทอง
มีลานจัตุรัสขนาดมหึมาและงดงามอยู่ข้างหน้า
เสาและผนังหยกแกะสลักลวดลายงดงามวิจิตร ถ้าเอาวังหลวงจากราชอาณาจักรใดๆ
มาเทียบก็ไม่ต่างกับรังมดหรือบ้านคนแคระเลย
แม้กระทั่งเกาะที่ว่างเปล่าซึ่งลอยอยู่ในอากาศ ก็ยังได้รับการปกป้องจากม่านพลังงานทองเป็นอย่างดี
ที่ด้านหน้านอกจากถนนหลักสามสายที่กว้างเกือบหนึ่งกิโลเมตรยาวหลายสิบกิโลเมตร
ยังมีบันไดทองคำนับไม่ถ้วน
บันไดทองนับหมื่นขั้นสร้างจากทองคำบริสุทธิ์
ถ้าเย่ว์หยางไม่เคยอยู่ที่บันไดสวรรค์และเคยเห็นโลกพฤกษาบันไดสวรรค์ที่เหลือเชื่อมาก่อน
น่าเชื่อเหลือเกินว่าอาคารที่น่าตื่นตะลึงนี้คงทำให้เขาต้องตะลึงมองตาค้าง
“เจ้าไล่ตามจ้าวสุริยาไปก่อน
เราจะอยู่วิเคราะห์สถานการณ์ก่อนแล้วค่อยตามเจ้าไป” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนมีลางสังหรณ์ในใจของนาง และนางมักจะรู้สึกว่านางต้องแยกตัวออกมาจากเย่ว์หยางชั่วคราวเพื่อช่วยเหลือเขาจริงจัง นางไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรรอบๆ สถานที่นี้
แต่หลังจากนางพบว่าเมื่อนางเข้ามาในตำหนักทอง
ทักษะแฝงเร้นหกรับรู้ของนางที่ถูกกฎสวรรค์กีดกัน กลับใช้ได้อีกครั้ง
“ข้า..ข้าจะไปทางทิศตะวันตก” เย่ว์หวี่เดินมาทางนี้
นางมีความรู้สึกว่ามีเสียงที่คนอื่นไม่ได้ยินกำลังเรียกตัวนางอยู่ตลอดเวลา ก็เหมือนกับคำที่องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนกล่าวไว้
นางรู้สึกว่านั่นจะเป็นกุญแจนำไปสู่ชัยชนะของน้องชายนางก็เป็นได้?
“อย่างนั้นข้ากับเชี่ยนเชี่ยนจะไปทางทิศตะวันตก!”
จุ้ยมาวอวี้ลังเลเล็กน้อยก่อนตัดสินใจ
ตำหนักทองนี้มุ่งหน้าจากเหนือลงไปทางใต้
จากจุดเริ่มต้น ข้างหน้าเป็นทิศเหนือ
ซ้ายมือเป็นตะวันตก ขวามือเป็นตะวันออก
เดิมทีองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนดูแข็งแกร่งมากกว่าเย่ว์หวี่มาก แต่จุ้ยมาวอี้เป็นห่วงแม่เสือสาวมากกว่าเย่ว์หวี่ผู้มีใจละเอียดอ่อนและเยือกเย็น อาจกล่าวได้ว่าถ้ามีศัตรูที่แข็งแกร่งทรงพลัง
เย่ว์หวี่จะป้องกันตัวได้ดีกว่าองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน ถ้าเย่ว์หวี่ไม่สามารถเอาชนะได้
นางจะไม่ฝืนตนเองต่อสู้อย่างหนัก ต่างจากองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน นางจะทุ่มสุดกำลังเพื่อเอาชนะศัตรู...
จุ้ยมาวอวี้รู้สึกว่านางต้องติดตามองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและคอยสนับสนุนเมื่อจำเป็น
เย่ว์หวี่ถ้านางร่วมทางกับอาหงหรืออาหมันพร้อมกันดูจะปลอดภัยมากกว่า
เย่ว์หยางขอให้อาหง
อาหมันรั้งอยู่ชั่วคราวแล้วค่อยกระจายกำลังตรวจสอบหาข้อมูลสำคัญของตำหนักทอง
ขณะที่การเผชิญหน้ากับจ้าวสุริยาไม่ใช่การต่อสู้ยืดเยื้อยาวนานที่อาจแบ่งแยกกำลังกันได้
ในช่วงเวลาสั้นๆ
เขาจะนำทุกคนมาเพราะต้องการให้ได้เปรียบจ้าวสุริยาและผนึกพลังรวมกันเพื่อให้ได้รับชัยชนะสุดท้าย
ถ้าเขาจับกลุ่มสู้กับจ้าวสุริยาตั้งแต่แรก มีโอกาสเป็นไปได้มากว่าจ้าวสุริยาอาจสู้โต้ตอบ แม้ว่าอาหมัน อาหง
และตั่วตั่วจะเป็นอสูรพิทักษ์ พวกนางจะไม่ตายอย่างแท้จริง
แต่เย่ว์หยางไม่ต้องการให้พวกนางเกิดข้อผิดพลาดใดๆ... การถูกฆ่าตายไม่มีอะไรมากไปกว่าทำให้พลังตกลง
แต่เย่ว์หยางกลัวที่สุดก็คือสติปัญญาและศักยภาพของพวกนางจะลดลงไปอย่างมาก
หากไม่จำเป็นจริงๆ
เย่ว์หยางไม่ต้องการให้พวกนางตาย
เขาต้องการให้พวกนางปลอดภัย
“ถ้าเจ้าไม่นำพวกนางไปด้วย นั่นคงไม่ดีแน่” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนรู้ว่าเย่ว์หยางป้องกันดูแลตัวเองได้
แต่นางกังวลความปลอดภัยของเขามากกว่าใครอื่นทั้งหมด ความปลอดภัยของเขาสำคัญเหนืออื่นใดทั้งหมด
“เสี่ยวเหวินหลี และสองพี่น้องอาหยู อาเหยาติดตามเสี่ยวซานไปเถอะ”
เย่ว์หวี่เดิมทีต้องการให้สาวมังกรไร้เขาและอิคคาติดตามเขา
แต่เมื่อเห็นเย่ว์หยางโบกมือ
นางจึงหยุดพูด
อสูรพิทักษ์กรูกันเข้ามามากเกินไป
จ้าวสุริยาจะพบเหตุผิดปกติทันทีซึ่งจะทำลายแผนการดั้งเดิมอย่างแน่นอน
เพื่อชัยชนะขั้นสุดท้าย
เย่ว์หวี่ตัดสินใจพาอาหมันและอาหงแยกออกมาจากพวกเขาและค้นหาความลับของตำหนักทองให้เร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้
ขณะเดียวกันพวกนางจะกางตาข่ายฟ้าเพื่อป้องกันไม่ให้บริวารของจ้าวสุริยาหนีไปได้ในภายหลัง
จ้าวสุริยาต้องถูกสังหาร
ถ้าปล่อยให้เขาหลบหนีไปได้
ไม่เพียงแต่เย่ว์หยางเท่านั้น แต่ผลกระทบที่ตามมาจะมีต่อหอทงเทียนนั้นมิอาจคาดคิดคำนวณได้
“พวกเจ้าต้องระวังตัวให้มาก!” เย่ว์หยางกอดองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและจุ้ยมาวอวี้ทีละคน
และคนสุดท้ายคือเย่ว์หวี่ เย่ว์หวี่ฝืนความอายกอดน้องชายแนบแก้มกับหน้าเขา
นางน้ำตาร่วง “เสี่ยวซาน,
เจ้าต้องระวังตัวให้มาก เราจะตามไปสมทบโดยเร็ว
เจ้าต้องรอเราให้ได้!”
เมื่อเห็นว่าเขาพาเสี่ยวเหวินหลีไป อาเหยาอาหยูสองพี่น้องวิ่งตามขึ้นบันไดทองคำไปกับเขา
เดินตามส่งเย่ว์หยางไปสองสามก้าว
นางส่งเสียงร้องเตือน
“อย่าฝืนสู้หนักเกินไปนะ ต้องระวังตัว
จดจำจุดอ่อนที่นางพญาเฟ่ยเหวินหลีบอกเจ้าไว้!”
เย่ว์หยางไม่กล้าหันหลังกลับ
เพราะกลัวว่าถ้าเขาหันหลังกลับ อาจจะเห็นพวกนางร้องไห้จนเขายอมแพ้เสียก่อน
เขาแข็งใจวิ่งขึ้นไปตามบันไดเป็นเส้นทางตรงหลายร้อยขั้น
และตั้งใจว่าจะไม่ให้องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนตามทัน เขาเพียงแต่ยกมือโบกให้เบาๆ
บอกว่าเขารับรู้แล้ว
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนในชุดเงินกัดริมฝีปาก
โบกมือเข้มแข็ง “ไปกันเถอะ
เราต้องลงมือให้เร็วเท่าที่เป็นไปได้!”
เสี่ยวหวินหลีและสองสาวมังกรพี่น้องอาเหยาอาหยูตามหลังเย่ว์หยางไปอย่างกระชั้น
จากเชิงบันไดทองวิ่งขึ้นไปนับหมื่นขั้นก่อนจะมองเห็นโถงหลักหลังม่านเมฆ
โถงท้องพระโรงนี้มีสีม่วงทองสดใสงดงามเกินคำบรรยายใดๆ
ในโลก ที่บันไดขั้นสุดท้ายมีปุยเมฆขาวกระจายเหมือนสวรรค์บนดิน
ด้านหน้าของห้องตำหนักทองมีเสาค้ำฟ้าขนาดมหึมาค้ำซุ้มประตูหยกสีขาวยาวร้อยเมตร
ตรงกลางซุ้มสลักอักขระรูนโบราณสี่ตัว ‘ตำหนักม่วงทอง’
ในที่ไกลออกไป
ที่ซุ้มประตูทั้งสามก็แขวนแผ่นป้ายไว้ด้วย
เขียนไว้ว่า ตำหนักสูงสุด
เย่ว์หยางกับเสี่ยวเหวินหลีชะลอความเร็วลงก้าวเดินไปที่กลางประตูทองด้วยความระมัดระวังอย่างยิ่ง
สองพี่น้องอาเหยาและอาหยูเดินทิ้งระยะสิบเมตรเพื่อป้องกันเหตุเปลี่ยนแปลง
ตำหนักม่วงทองมีขนาดใหญ่โตมโหฬารสูงประมาณสองสามร้อยเมตร
มีมุกส่องแสงขนาดใหญ่คล้ายกับดวงดาวในท้องฟ้าส่องแสงสว่างสง่างาม
ตรงกลางมีเสามังกรขนาดใหญ่หลายสิบคนโอบก็ยังไม่รอบ
เย่ว์หยางกะประมาณว่าตำหนักม่วงทองข้างหน้านี้ใหญ่ขนาดหลายสิบสนามฟุตบอลเห็นจะได้
เหนือบัลลังก์ข้างหน้า
มีคนผู้หนึ่งยืนอยู่ข้างหน้า
เป็นจ้าวสุริยานั่นเอง
“รวดเร็วมาก!”
จ้าวสุริยาหันหน้ากลับมา สีหน้าของเขาจริงจังมาก เขามองเย่ว์หยางอย่างจริงจัง
เมื่อเขาพบว่าเย่ว์หยางไม่มีบาดแผล และไม่มีร่องรอยต่อสู้ เขามองดูอย่างเยือกเย็นส่ายหน้าและถอนหายใจ “ข้ารู้ว่าเป็นไปไม่ได้ที่ชางหลงจะเอาชนะเจ้าได้
แต่ข้าไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะไม่สามารถหยุดเจ้าได้แม้แค่เพียงสิบนาที เย่ว์ไตตัน
เจ้าแข็งแกร่งพอจะฆ่าเจ้าตำหนักคนหนึ่งได้ภายในสิบนาทีจริงๆ หรือ?
และในกรณีนี้ยังมีความจริงที่ว่าความสามารถของทักษะแฝงเร้นถูกจำกัดโดยกฎสวรรค์
ขณะที่คัมภีร์อัญเชิญใช้งานไม่ได้?”
“เขาเป็นแค่ของปลอมเก่งไม่จริง เจ้าควรจะรู้เรื่องนี้ไว้” เย่ว์หยางทำเป็นหัวเราะอย่างสบายๆ
“ถ้าชางหลงเป็นของปลอม
จะมีกี่คนในโลกนี้ที่เป็นคนจริง?
คนที่แข็งแกร่งทรงพลังอย่างหมิงลี่ฮ่าว
เมื่อเผชิญหน้ากับศัตรูเก่ายังไม่มีปัญญาล้างแค้น
แต่เจ้าเย่ว์ไตตันใช้เวลาสิบนาทีกลับเล่นงานเจ้าตำหนักน้ำจนตายได้ แม้แต่ข้าเองก็ยังทำไม่ได้ง่ายๆ อย่างนี้
แต่เจ้ากลับทำได้ข้าต้องบอกว่าชื่นชมเจ้าจริง!”
ขณะที่จ้าวสุริยาพูดเขาเร่งพลังเพิ่มขึ้น
จ้าวสุริยาหันมาชื่นชม แต่เริ่มแข็งกร้าวมากขึ้น
นอกจากเร่งเร้าพลังขึ้นอย่างรวดเร็วแล้วเขายังปรายตาดูสองพี่น้องอาเหยาและอาหยู
เย่ว์หยางไม่ได้มีนิสัยทุกข์ใจกับความพ่ายแพ้ขณะที่เร่งพลังขึ้น
เขาสังเกตรอบด้าน จุดตั้งบัลลังก์ และส่วนประกอบอีกหลายอย่างตั้งแต่กระดาษ
หินฝนหมึก ตราประทับหยก และแม้แต่คัมภีร์เทพขนาดใหญ่ก็ไม่เว้น
ที่อยู่ไกลออกไป
เย่ว์หยางมองไม่เห็นหนังสือเล่มใหญ่มหึมาวางอยู่บนโต๊ะกินพื้นที่ถึงสามในสี่ นั่นคือคัมภีร์อัญเชิญชั้นเทพ
เป็นไปไม่ได้ที่จะแยกแยะได้ว่านี่เป็นคัมภีร์เทพหรือคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์
อย่างไรก็ตาม ตามที่เขาเคยเห็นมาก่อน
เขารู้สึกว่ารัศมีของคัมภีร์นี้อย่างน้อยต้องเป็นคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์
หรือเป็นไปได้ว่าอาจเป็นคัมภีร์อัญเชิญชั้นเทพ!
คัมภีร์เทพจริงๆ หรือ?
ถ้าเป็นเช่นนั้น
ทำไมจ้าวสุริยาถึงไม่พยายามทำสัญญา?
จ้าวสุริยายังไม่ได้ทำสัญญาก็หมายความว่า
มันทำสัญญาไม่ใช่ง่ายๆหรือ?
แม้ว่าเย่ว์หยางเคยมีประสบการณ์มาแล้ว
แต่เมื่อเห็นคัมภีร์เทพที่น่าสงสัยนี้
เขารู้สึกปากแห้งและหัวใจเต้นเร็ว.... “ข้าก็มีอสูรเหมือนกัน แต่สำหรับเวลานี้
ข้าคิดว่าเราสองคนมาเป็นตัวหลักในการสู้กันดีกว่า! ถ้าเจ้าชนะ
ข้าจ้าวสุริยาจะยอมตายโดยไม่มีความเสียใจ
คัมภีร์เทพตกเป็นของเจ้า
อนาคตของแดนสวรรค์จะเป็นของของเจ้า!
แต่ถ้าเจ้าแพ้
ข้าจะให้ความปรารถนาสุดท้ายกับเจ้าสามข้อ
ถ้าทำได้ข้าจะทำให้เจ้า”
จ้าวสุริยาเปล่งรัศมีกล้าแกร่งยิ่งกว่าดวงอาทิตย์! ในนาทีสุดท้ายเขาหยุดเล็กน้อยและพูดอย่างจริงใจ
“ข้าไม่เคยพบคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งขนาดนี้มาก่อน
ถ้าไม่ใช่เพราะเป็นชะตากรรม ข้าคงจะให้ทางเลือกกับเจ้า เย่ว์ไตตัน บอกตามตรง ข้าไม่อยากเป็นศัตรูกับเจ้า!”
“จ้าวสุริยา!
ข้าเองก็ไม่ต้องการเป็นศัตรูกับท่าน
แต่ข้าไม่มีทางเลือกที่สอง!”
เย่ว์หยางสร้างสนามพลังดารารายของจักรพรรดินีราตรี ดวงดาวมากมายส่องแสงสว่างต่อเนื่องอยู่รอบตัวร่างของจ้าวสุริยาปรากฏเป็นดวงไฟประหลาด
“ทุกอย่างขึ้นอยู่กับชะตาเลือกสรร!” จ้าวสุริยาเร่งพลังทันที
ขณะนั้นไม่ว่าความใจเย็นหรือแผนต่อสู้ใดๆ ย่อมใช้ไม่ได้
เมื่อเผชิญหน้ากับผู้แข็งแกร่งแท้จริง
สิ่งเดียวที่เย่ว์หยางทำได้ก็คือตอบโต้อย่างหนัก
เขาไม่มีทางเลือก
นี่ไม่ใช่การสู้กับเจ้าตำหนักน้ำชางหลง นี่คือจ้าวสุริยาซึ่งมีสนามพลัง
พลังกฎสวรรค์และพลังปณิธานที่อยู่ในระดับสูงส่ง
ปัง!
การปะทะกันระหว่างพลังที่แข็งแกร่งที่สุดโดยตรงทำให้ทั้งตำหนักม่วงทองสั่นสะเทือนไปทั้งหมด
ขณะที่องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนกำลังวิ่งอยู่บนพื้น
นางเงยหน้ามองก็พบว่าท้องฟ้าทั้งหมดปกคลุมไปด้วยรัศมีดวงอาทิตย์มิอาจมองตรงได้
แรงระเบิดกระจายไปทั่วทุกพื้นที่ปะทะทุกอย่างราวกับเป็นวันสิ้นโลก
ใบหน้างดงามของเย่ว์หวี่ถึงกับเปลี่ยนสี
นางหันหน้าไปทางด้านหลังหลับตาอธิษฐานให้น้องชายนาง นางพบว่าไม่สามารถทำอะไรได้มากกว่านั้น
6 ความคิดเห็น:
ใจจ่า
เริ่มสู้กันแล้ว
ลุ้น
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณมากครับ
แสดงความคิดเห็น