วันจันทร์ที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2563

เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ตอนที่ 992 ข้าจะเป็นเทพคนต่อไป!


ตอนที่  992  ข้าจะเป็นเทพคนต่อไป!
ซุ้มประตูเมืองด้านตะวันตก
 
อู่หลานลอบกลับมายังที่ต่อสู้และพบว่าชี่เหยียนกลายเป็นปุ๋ยไปแล้ว วานรทองแขนเหล็กทั้งสี่ก็มีชะตากรรมเช่นเดียวกับนาง
ในที่ต่อสู้เหลือแต่เพียงนางพญาดอกหนามมงกุฎทอง นางยังคงยิ้มหวานดูน่ารักไม่เป็นพิษเป็นภัยต่อมนุษย์และสัตว์ทั้งหลาย  นางดูไม่เหมือนนักรบที่ผ่านการสังหารใหญ่มาแม้แต่น้อย  แต่เป็นเหมือนเจ้าหญิงผู้รอยให้อัศวินมาช่วยเหลือนางมากกว่า
การต่อสู้พันตูในอุทยานเสียงดังสนั่นน่ากลัว แรงระเบิดแผ่ออกไปราวกับคลื่นสึนามิ
คลื่นระเบิดกระจายไปไม่ขาดสาย มีมาเป็นระลอกแล้วระลอกเล่า
 “ถ้าเจ้าชอบ จะส่งโลงทองนี้ให้พี่สาวเจ้าก็ได้”  เสียงของตั่วตั่วสูง  คนอื่นๆ ฟังแล้วสบายใจ เข้าใจว่าหญิงสาวผู้นี้น่ารักตั้งแต่เกิด
 “ถ้าข้าต้องการโลงทองนี้ ข้าเกรงว่าจะต้องอยู่ในนั้นตลอดไป”  จู่ๆ อู่หลานแห่งเผ่ากาทองสามขาถอนหายใจ
 “เป็นไปได้อย่างไร พี่สาวของเจ้าดุร้ายยิ่งนัก”  ตั่วตั่วยิ้มและส่ายหน้า เสียงของนางดังเหมือนระฆังเงิน ไพเราะเสนาะหู
 “ข้าไม่ใช่คนโง่อย่างชี่เยี่ยน ในการต่อสู้ครั้งนี้ ข้าไม่ต้องการสู้กับพวกเจ้าแม้แต่น้อย  เผ่ากาทองสามขาของเราไม่ได้มีความเกลียดชังกับชาวหอทงเทียน  ตรงกันข้ามบรรพบุรุษของเรามีความเกี่ยวพันกันมานานแล้ว  เย่ว์ไตตันพาพวกเจ้าขึ้นมานั่นไม่มีอะไรเกี่ยวกับเรา  ทั้งไม่ได้คุกคามเผ่ากาทองสามขาของเรา   ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะจ้าวสุริยาขู่ว่าจะกำจัดข้าในเวลานั้น  เพื่อความสงบสุขของหุบเขาสุริยันต์  ข้ายอมสลับกับน้องสาวและแต่งงานกับจ้าวสุริยา  ข้าไม่เคยมีความสุขแม้แต่วันเดียว  แต่ข้าไม่มีความสามารถฝืนชะตากรรม และไม่มีทางที่ข้าจะดิ้นรนต่อสู้ได้  ตอนนี้ข้าเหนื่อย และไม่ต้องการต่อสู้อีกต่อไป  ถ้าเย่ว์ไตตันได้ชัยชนะสุดท้าย  ข้าจะกลับไปใช้ชีวิตอย่างสงบสุขที่หุบเขาสุริยันต์” อู่หลานพูดมาถึงท้าย นางคล้ายกับรำพึงกับตนเองด้วยความเสียใจ
 “น่าเสียดาย!  ข้าสนใจเจ้ามากกว่าปุ๋ยชี่เยี่ยนเสียอีก”  ตั่วตั่วเก็บโลงทองไว้ในคัมภีร์อัญเชิญ จากนั้นหันมามองอู่หลานที่ก้าวเดินบนดอกไม้จากไป
 “ข้าหวังว่าจะสามารถได้รับอิสรภาพคืนเท่านั้น...”  อู่หลานให้ความสนใจกับการต่อสู้ในอีกฝั่งหนึ่งของจตุรัส  แต่นางไม่ยินดีจะเข้าไปใกล้ นางกลัวว่าจ้าวสุริยาที่ยังต่อสู้อย่างหนักจะพบเจอนาง
เขตพื้นที่เชิงบันไดของตำหนักม่วงทอง
จ้าวสุริยากำลังต่อสู้อย่างยากลำบาก
ว่ากันตามระดับนักสู้และระดับพลัง  เขาเหนือกว่าเย่ว์หยางมาก  แต่ปัญหาก็คือเย่ว์หยางมีลูกไม้มากเกินไป และเริ่มมีผู้ช่วยที่แข็งแกร่งตามมาสมทบทีละคน
ชุดแรกเป็นอาหมันและอาหง จากนั้นที่ตามมาก็เป็นสาวมังกรไร้เขาเจี้ยงอิงและอิคคา  สุดท้ายเป็นตั่วตั่วที่เพิ่งย่อยชี่เหยียนให้เป็นปุ๋ย และทำให้อู่หลานรู้สึกกลัว  ความช่วยเหลืออย่างเดียวของจ้าวสุริยาก็คือประกายจากร่างกึ่งเทพ  อย่างไรก็ตามมีร่างฉายอสรพิษทองและเสี่ยวเหวินหลีคอยขัดขวางทำให้มันไม่มีเวลาช่วยเหลือ
ที่ด้านหลังตำหนัก องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและจุ้ยมาวอี้รีบเร่งมาสมทบกับเย่ว์หวี่และภูตน้อยตั๊กแตนมัจจุราชกับภูตเพลิงปั่นป่วน  นี่คือที่ซึ่งชี่เยี่ยนเคลื่อนย้ายโลงทองโบราณออกมา ที่ต่างกันคือชี่เยี่ยนเพียงแต่เคลื่อนย้ายโลงอย่างเดียว  แต่พวกนางมาที่นี่เพื่อหาความลับของของคัมภีร์เทพหรือตำหนักม่วงทอง  องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนมีลางสังหรณ์ว่าต้องมีกุญแจที่สามารถเอาชนะพลังของจ้าวสุริยาได้
จ้าวสุริยามีร่างกึ่งเทพและมีทักษะฟื้นฟูพลัง  ทำให้เขาเป็นอมตะได้ง่าย นางต้องค้นหาความลับของพลังเทพแบบนี้ และเอาชนะด้วยกฎสวรรค์โบราณให้ได้
และคนที่เป็นกุญแจสำคัญนี้ องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนคิดว่าอาจเป็นเย่ว์หวี่
ไม่ใช่ตัวนางเอง
 “ความลับอยู่ที่ไหน? รีบหาเร็ว!  เย่ว์หวี่กังวลจนหลั่งน้ำตา  นางรู้ว่าทุกนาทีที่การต่อสู้ถูกถ่วงเวลาล่าช้าออกไป น้องชายนางจะยิ่งเสียเปรียบ  ที่สำคัญระดับพลังและความแข็งแกร่งของจ้าวสุริยา จะเพิ่มความอันตรายมากขึ้นทุกขณะ
 “พระเจ้า!  ยังมีวิหารที่สูงกว่าอยู่ด้านหลัง....”  ภูตน้อยตั๊กแตนมัจจุราชบินออกไปและต้องประหลาดใจเมื่อนางพบว่าตำหนักทองม่วงเป็นเพียงตำหนักทางเข้าโลกคัมภีร์ ยังมีวิหารด้านหลังที่ใหญ่กว่าลึกเข้าไปอีก   ข้างหลังตำหนักม่วงทองยังมีพื้นที่โลกคัมภีร์ลึกเข้าไปอีกไม่มีที่สิ้นสุด พื้นที่โลกคัมภีร์เทพใหญ่โตเกินจินตนาการจริงๆ
 “ยังมีวิหารอีกหนึ่งหรือ?  เจ้าจะค้นหาความลับของคัมภีร์เทพได้อย่างไร!  องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนร้อนรน  นางไม่รู้จะทำอย่างไรต่อไป  จะเดินหน้าต่อหรือรออยู่ที่ด้านหลังตำหนักม่วงทอง
 “ใจเย็นๆ ต้องมีทางแก้สักอย่างแน่นอน”  จุ้ยมาวอี้ปลอบโยนคนอื่นแต่นางกลับหลั่งน้ำตา
 “ใช่แล้ว, ข้าต้องสงบจิตใจลงให้ได้  ข้าต้องช่วยเสี่ยวซานให้ได้  ข้าต้องสงบ....”  ทันใดนั้นเย่ว์หวี่พึมพำราวกับคนเสียสติ  ดวงตาของนางเริ่มเหม่อมองไปไกล จิตใจของนางอยู่ในสภาพวุ่นวายสับสน  ดูเหมือนกับว่าจิตใจนางวนเวียนกับความคิดที่ไม่รู้จบ  องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนกอดโอบนางด้วยมือที่สั่นเทาและพยายามปลอบให้นางร่าเริงขึ้น  แต่กลับพบว่าลำคอของนางตีบตันเสียงแหบแห้ง และหลั่งน้ำตาสองสาย ไม่สามารถพูดออก
เมื่อเห็นสถานการณ์ของสตรีทั้งสาม แม้แต่ภูตเพลิงปั่นป่วนที่เต็มไปด้วยพลังงานและความกระตือรือร้นและมักหาโอกาสแยกออกจากกลุ่มไปดูดซับพลังงานก็ยังสงบเงียบลง
นางจะไม่โน้มน้าว
ได้แต่ลอยไปลอยมาคอยอย่างเงียบสงบ
 “บางทีความลับของคัมภีร์เทพอาจอยู่ในโลงทองก็ได้!  ภูตน้อยตั๊กแตนมัจจุราชก็เป็นห่วงเช่นกัน  ตัวนางเองไม่สามารถช่วยอะไรได้มาก  แต่นางเหมือนมีพรสวรรค์อยู่ในใจ และพอความคิดของนางผุดขึ้นมา นางร้องขึ้นดังๆ
 “ข้าจะกลับไปเอง  พวกเจ้าอยู่ดูแลพี่หวี่ก่อน  ระวังอย่าให้นางตกอยู่ในอันตราย”  องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนมองดูวิหารข้างหน้า ซึ่งสูงใหญ่เกินไป  การสำรวจอีกครั้งนางเกรงว่าจะไม่มีเวลามากพอ นางจึงรีบกลับไปที่โลงทองโบราณ เพื่อหาดูว่ามีความลับใดหรือไม่  ก่อนหน้านี้ในหอทงเทียน เย่ว์หยางเคยพาทุกคนไปที่เขตรอบนอกของคัมภีร์อัญเชิญระดับเทพ สาวกิเลนปิงหยินได้เอาโลงทองโบราณที่คล้ายกันมาให้เย่ว์หยาง ความลับเก็บอยู่ภายใน  จนกระทั่งบัดนี้ก็ยังคลี่คลายได้ไม่เต็มที่  บางทีความลับของตำหนักม่วงทองอาจจะอยู่ภายในโลงทองโบราณก็ได้
 “ท่านหญิง, ข้าเพิ่งคิดได้ว่า นั่นอาจไม่ถูกต้อง”  ภูตน้อยตั๊กแตนมัจจุราชมองดูองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนด้วยสีหน้าจริงจัง  “ข้าไม่มีความสามารถในเรื่องลางสังหรณ์เหมือนท่าน แต่ข้าแค่คิดดู  ถ้านั่นไม่ถูกต้อง ข้าควรทำเช่นไร? ไม่อยากหวนคิดถึงเรื่องนั้นเลย...”
 “เวลาสายเกินไปแล้ว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ข้าก็ต้องสู้”  องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนถือดาบเทพจักรพรรดิอวี้และปาดน้ำตา จากนั้นบินกลับไป
 “อย่าเพิ่งวู่วาม, เชี่ยนเชี่ยน...”  จุ้ยมาวอี้เกรงว่านางจะตกอยู่ในอันตรายจึงรีบติดตามไปทันที
 “ทีนี้ เราจะทำยังไงกันดี?”  ภูตน้อยตั๊กแตนมัจจุราชมองไปที่ภูตฟ้าปั่นป่วน  ภูตฟ้าปั่นป่วนไม่มีความเห็นแต่อย่างใด  ด้วยสติปัญญาของนาง นางไม่รู้วิธีคิดแก้ปัญหาเหล่านี้ ได้แต่รอคอยอย่างเงียบสงบ รอให้คนอื่นตัดสินใจ หรือทำตามสิ่งที่เย่ว์หยางสั่งไว้ก่อนนั้น
 “ข้าต้องช่วยเสี่ยวซาน  ข้าต้องช่วยเสี่ยวซานให้ได้...”  เย่ว์หวี่ตกอยู่ในอาการสับสน จิตวิญญาณแทบพังทลาย เพราะนางเห็นวิหารใหญ่ที่ด้านหลังอีก
 “ข้าจะทำอย่างไร?  ข้าไม่อาจทำคนเดียวได้!  ข้าไม่อาจตัดสินใจได้ ข้าอยากช่วยนายท่าน แต่ข้าไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร!  ท่านหญิงหวี่ ขอร้อง..ตื่นเถอะ ข้าถนัดแต่เพียงต่อสู้ ไม่อาจทำการตัดสินใจเปลี่ยนชะตาชีวิตข้าได้!   ความลับอาจอยู่ที่วิหารข้างหน้าก็ได้  บางทีอาจอยู่ในโลงทองโบราณก็ได้  ในตำหนักม่วงทองท่านหญิงหวี่บอกว่ามีคัมภีร์อัญเชิญชั้นเทพซึ่งมองคล้ายคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ และดูเหมือนจะเป็นคัมภีร์เทพอาจจะมีความลับที่แท้จริงก็ได้  บางทีที่นี่อาจมีพลังงานผิดปกติมากมายเช่นเดียวกับกฎสวรรค์ที่บิดเบือนและพลังงานแปลกประหลาด... โอวพระเจ้า...หัวข้าจะระเบิดอยู่แล้ว สถานที่ลับของตำหนักม่วงทองอยู่ที่ใดกันแน่?  โดยรอบจะมีพื้นที่มิติมากมาย และมีม่านพลังคุ้มกัน ความลับอยู่ที่ใดกันแน่?  ท่านหญิงหวี่ ขอร้อง ฮือๆๆ ได้โปรดตื่นเร็วๆ เถิด...”
ภูตน้อยตั๊กแตนมัจจุราชกระวนกระวายมากขึ้นทุกที แรงกดดันในใจนางมากเกินไปจนนางต้องร้องไห้ระบายออกมา
นางกอดแขนเย่ว์หวี่และร้องไห้ดังขึ้นทุกที หลั่งน้ำตามากขึ้น
เพราะเสียงร้องไห้ของนาง เย่ว์หวี่จึงค่อยๆ ได้สติ
ดูเหมือนว่าเสียงร้องไห้ของนางจะปลุกให้เย่ว์หวี่ตื่นจากภวังค์ ร่างของเย่ว์หวี่เปล่งรัศมีศักดิ์สิทธิ์บริสุทธิ์  ในห้วงเวลาแห่งความเป็นและความตายนี้นางสามารถบรรลุผ่านสภาวะจิตสับสนวนเวียนกับความคิดเดิม และได้รู้แจ้งยกวิญญาณขึ้นสู่ระดับใหม่ บุคลิกที่เงียบสงบเหมือนกับทะเลสงบฟื้นฟูกลับมาทันที
เย่ว์หวี่หลับตาเบาๆ แต่น้ำตานางยังไม่หยุดไหล
เพราะรัศมีจากร่างของนางเป็นประกายระยิบระยับสีทองใสและสว่าง
เมื่อนางลืมตาอีกครั้งแสงปัญญาปรากฏอยู่ในดวงตาของนางแผ่ออกมาด้านนอกสว่างน่าเลื่อมใสจนทำให้ภูตน้อยตั๊กแตนมัจจุราชมองดูด้วยอาการตกตะลึง
ก้าวหน้า ยกระดับภูมิปัญญาในชั่วพริบตา....  “ตอนนี้ข้าเข้าใจแล้ว”  รอยยิ้มปรากฏที่มุมปากของเย่ว์หวี่ นางหลับตาสูดหายใจลึกแล้วหันหลังบินกลับไป  ภูตน้อยตั๊กแตนมัจจุราชและภูตฟ้าปั่นป่วนรีบบินตามประกบซ้ายขวาเพื่อคุ้มครองนางรู้สึกประหลาดใจมาก นางถามอย่างกังวล  “ท่านหญิงหวี่ ท่านเข้าใจว่ากระไร? ท่านต้องการให้เราทำอะไรกันแน่?”
 “สำหรับตอนนี้ ข้าจะยังไม่อธิบาย เรากลับกันก่อน!  เย่ว์หวี่กางร่มชี่หลัวระดับกึ่งเทพ ความเร็วของนางเพิ่มขึ้นสิบเท่า ปีกของนางกระพือราวกับนางฟ้า
ซุ้มประตูเมืองทางทิศตะวันตก
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและจุ้ยมาวอี้รีบเร่งกลับมาถึง  แต่ก็พบว่าโลงทองโบราณหายไปแล้ว
 “โลงทองโบราณเล่า?”  องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนรู้สึกหน้ามืดไปชั่วขณะ  ตอนนี้ไม่มีเวลาจัดระเบียบ  หรืออาจจะเป็นอู่หลานที่หลบหนีไปได้จะขโมยไป? ถ้าเป็นอย่างนั้นก็คงแย่แน่
 “บางทีอาจเป็นตั่วตั่วเอาไปก็ได้ ใจเย็นๆ ตั่วตั่วคงไม่ยอมทิ้งของสำคัญอย่างนั้นไว้”  จุ้ยมาวอี้รีบแนะนำ
 “อย่างนั้นก็ไปตามหานาง!  องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนยกดาบเทพจักรพรรดิอวี้และบินนำหน้า นางต้องรีบเร่งไปพบตั่วตั่ว
เวลานี้ที่จัตุรัสม่วงทอง การต่อสู้มาถึงระดับสูงสุด
จ้าวสุริยาใช้ไม้ตายที่ยอดเยี่ยมที่สุดกับเย่ว์หยาง ระเบิดสุริยันต์ พลังงานของมันจะกวาดล้างทำลายทุกชีวิตที่อยู่ในพื้นที่  จ้าวสุริยาสูญเสียความเยือกเย็นดั้งเดิม เขาได้รับบาดเจ็บสาหัส ตอนนี้เขาต้องการฆ่าเย่ว์หยางให้ได้
แต่เย่ว์หยางนอกจากเพลิงอมฤต วงจักรนิรันดรและปราณกระบี่ไร้ลักษณ์แล้ว เขายังมีไม้ตายที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
นั่นคือพลังของยักษ์ทองที่เกิดจากไพ่ชะตา
นี่เป็นพลังอย่างเดียวที่เย่ว์หยางไม่สามารถควบคุมได้
อย่างไรก็ตาม ตราบใดที่ชีวิตตกอยู่ในห้วงอันตรายที่สุด พลังนี้จะถูกกระตุ้นออกมาใช้
เมื่อมองดูยักษ์ทอง เขาเห็นได้แต่เพียงร่างของยักษ์เท่านั้นไม่ได้มองเห็นร่างได้เต็มที่ บางทีนั่นอาจหมายถึงพลังกฎสวรรค์แห่งโชคชะตา  พลังที่ไม่มีทางพ่ายแพ้มีแต่จะกดดันศัตรูให้รู้สึกต่ำต้อย... เมื่อมันปรากฏตัวขึ้นมนุษย์ทุกคนต้องก้มหัวคารวะ นับตั้งแต่ศัตรูคนแรกที่พบเจอไปจนถึงจักรพรรดินีฟ้ายังต้องก้มหัว  จ้าวสุริยาก็ไม่ยกเว้น
ขณะที่เย่ว์หยางปล่อยเปลวเพลิงศักดิ์สิทธิ์เพื่อจัดการกับระเบิดสุริยันต์  พลังใดๆ ที่อยู่หน้ายักษ์ทองล้วนตกอยู่ในความนิ่งเฉย
เย่ว์หวี่ที่กำลังบินไปหาองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนในอากาศ ไม่สามารถเคลื่อนต่อไปได้
เวลาหยุดนิ่ง
เมื่อยักษ์ทองเกิดขึ้นมา พลังใดๆ ในโลกไม่อาจต้านทานได้  ในชั่วพริบตา เย่ว์หวี่ที่บินกลับมาจากทิศตะวันออก และองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนที่มาจากทิศตะวันตกสามารถเคลื่อนที่ได้ต่อไป  ทว่าช้ามาก เหมือนกับว่ามีของหนักเป็นพันๆ กิโลกรัมถ่วงอยู่บนไหล่  ความจริงพวกนางไม่รู้สึกถึงแรงกดดันที่หนักหน่วง  ยังเคลื่อนไหวได้อยู่
จ้าวสุริยาร้องโหยหวนและถูกยักษ์ทองเหยียบย่ำ
ขณะนั้นร่างทองกึ่งเทพของเขาไม่สามารถต้านทานได้แม้แต่วินาทีเดียว มันถูกบดขยี้แตกสลายอย่างสิ้นเชิง
นาฬิกาสุริยาถูกเหยียบย่ำลงกับพื้น เข็มชั่วโมง เข็มนาทีพังบิดเบี้ยวไม่ทราบว่าแต่ละชิ้นส่วนกระเด็นกระจายไปบนพื้นทิศทางใดบ้าง.. อู่หลานอยู่ที่ซุ้มประตูเมือห่างออกไป หายใจแทบไม่ออก  ในมุมมองของนาง นางห็นได้แต่เพียงยักษ์ใหญ่สูงตระหง่านเทียมฟ้า นางไม่ทราบว่าสูงเพียงไหน อย่างน้อยน่าจะสองสามกิโลเมตร นางไม่สามารถมองเห็นร่างหรือหน้ายักษ์ทองได้ชัดไม่เห็นรายละเอียดที่แท้จริง
ในทางกลับกัน เสี่ยวเหวินหลีที่ต่อสู้กับร่างทองกึ่งเทพของจ้าวสุริยา ภาพฉายปีศาจอสรพิษทองของเธอที่ใกล้จะถึงขีดแตกดับเต็มทีกลับฟื้นฟูสู่สภาพเดิม เจี้ยงอิง และอาหงที่ใกล้จะหมดแรงสู้ พวกนางกลับฟื้นฟูพลังเต็มที่
อิคคาตวาดร้องควงดาบนางฟ้าอย่างรวดเร็ว  อาหมันตวาดลั่นปลดปล่อยพลังเทพห้าธาตุ
ร่างของตั่วตั่วมีดอกไม้เบ่งบานเป็นจำนวนมาก... หัวใจของเย่ว์หยางที่หยุดเต้นมานานก็พลันฟื้นฟู และเต้นแรงจนใครเห็นก็ตกใจ!
ยักษ์ทองหายไป และเมื่อเย่ว์หยางหัวใจกลับมาเต้นอีกครั้งเขาล้มลงกับพื้นและฟื้นฟูทันที ยักษ์ทองจะหายไปต่อเมื่อเย่ว์หยางได้สติ มันหายไปราวกับว่าไม่เคยปรากฏตัวมาก่อน
มีแต่เพียงรอยเท้ายักษ์ใหญ่บนพื้น เป็นเครื่องหมายของพลังที่ไร้เทียมทาน
 “ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า ฮ่า เจ้ามีพลังที่แข็งแกร่งที่สุด เจ้าเป็นที่รักของเทพแห่งชะตา ข้ายอมรับ, เย่ว์ไตตัน แม้ว่าเจ้าเป็นเช่นนี้ แต่เจ้าก็ยังเอาชนะข้า จ้าวสุริยาไม่ได้...”  ร่างที่บอบช้ำบาดเจ็บสาหัสของจ้าวสุริยาหลั่งโลหิตจากทวารทั้งเจ็ด หน้าของเขาดูน่ากลัว เลือดหยดลงพื้นตลอดเวลา  และนาฬิกาสุริยะอสูรพิทักษ์ของเขาระเบิดไปแล้ว ชิ้นส่วนกระจายไปในทิศต่างๆ  และหายไป  ยักษ์ทองฆ่ามันได้ในทันที  แม้ว่าต่อมามันจะเกิดใหม่ได้อีก  แต่เขาเชื่อว่ามันจะสูญเสียพลัง และพลังของมันจะตกลดลงไปมาก
 “ตายซะเถอะ!  องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเห็นจ้าวสุริยาบาดเจ็บสาหัส นางเงื้อดาบเทพจักรพรรดิอวี้ทันที
 “ไม่!  เย่ว์หวี่หุบร่มชี่หลัวและเหินบินราวกับลูกธนูและรับร่างเย่ว์หยางที่กำลังร่วงลงพื้นได้ทัน  นางตะโกนบอก  “ไม่ต้องกังวลเรื่องของเขา  เราต้องช่วยเสี่ยวซานก่อน จ้าวสุริยาถูกกำหนดชะตาไว้แล้ว!
 “ท่านพูดอะไรนะ?”  องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนได้ยินคำพูดของเย่ว์หวี่ดูเหมือนจะตระหนักได้ว่าดวงตาของนางเปล่งประกายปัญญา
นางผ่อนดาบเทพจักรพรรดิอวี้ทันที และรีบเข้ามาสมทบ
นางกอดศีรษะเย่ว์หยางแนบอกเพื่อให้เย่ว์หวี่รักษาเขาได้
เสี่ยวเหวินหลีมีเนื้อตัวเปื้อนเลือดมีสองสาวมังกรพี่น้องอาเหยาอาหยูเข้ามาช่วยประคอง ตั่วตั่วและเจี้ยงอิงก็เหมือนกัน พวกนางมีพลังในการเยียวยารักษา  สำหรับอาหมันและอาหงรับหน้าที่รักษาความปลอดภัย  ภูตน้อยตั๊กแตนมัจจุราชกับภูตฟ้าปั่นป่วนเพิ่งตามมาสมทบ... ทุกคนร่วมกันช่วยรักษาเย่ว์หยาง ไม่มีใครให้ความสนใจจ้าวสุริยาที่หัวเราะอย่างบ้าคลั่งและพยายามตะเกียกตะกายไปที่ตำหนักม่วงทอง
จ้าวสุริยาหัวเราะอย่างบ้าคลั่งพร้อมกับหลั่งน้ำตาปนโลหิต  “ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า  ข้าชนะ, เย่ว์ไตตัน ในที่สุดข้าก็ชนะ ข้าชนะเจ้า!  คัมภีร์เทพเป็นของข้า  และหอทงเทียน ตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ ทุกอย่างจะต้องเป็นของข้า!  ตั้งแต่วันนี้ไปจะไม่มีใครกล้าดูแคลนข้า ไม่ว่าจะเป็นเจ้าจักรพรรดิอวี้รุ่นใหม่แห่งหอทงเทียน หรือจีอู๋ลี่แห่งตำหนักศักดิ์สิทธิ์ เจ้าไม่มีทางเอาชนะข้า  ข้าคือผู้ชนะ!
 “คัมภีร์เทพเป็นของข้า....”
 “คัมภีร์เทพ....”
ไม่ทราบว่าใช้เวลานานเท่าใด จ้าวสุริยาลากสังขารหลั่งเลือดไปตามเส้นทางไต่ไปตามบันได  ขึ้นไปจนถึงตำหนักม่วงทองมือที่เปื้อนเลือดของเขาสัมผัสกับคัมภีร์เทพเล่มยักษ์!
ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความกระตือรือร้นอิ่มเอมพอใจกับชัยชนะที่ยากลำบาก เขาพยายามข่มอารมณ์จนสีหน้าบิดเบี้ยว
ขณะเดียวกันความคิดสติปัญญาของเขาก็ผิดเพี้ยนไปด้วย
 “เป็นของข้า, เจ้าต้องเป็นของข้า  คัมภีร์เทพเอ๋ย, ข้าเป็นเจ้าของเจ้า  ข้าคือเทพเจ้า ข้าคือเทพเจ้าในอนาคต!
 “ข้าจะเป็นเทพเจ้าในอนาคต!
ขณะที่เลือดของจ้าวสุริยาหยดลงบนคัมภีร์อัญเชิญขนาดใหญ่ เกิดแสงสว่างเจิดจ้าทันที...จากพื้นที่จัตุรัสม่วงทองด้านล่าง เย่ว์หวี่และองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเงยหน้ามองแสงสีทองเจิดจ้า จากนั้นได้ยินเสียงระเบิดดังสนั่น เลือดเนื้อกระดูกปลิวกระจายเต็มตำหนักม่วงทอง
เมื่อแสงสีทองหายไป  ทุกอย่างไม่มีอะไรเหลือ!
คัมภีร์อัญเชิญถูกระเบิดกระเด็นออกมาจากห้องท้องพระโรงและตกหล่นที่เชิงบันไดอับรัศมีลงอย่างรวดเร็ว
นี่มัน...
นี่คือคัมภีร์อัญเชิญของจ้าวสุริยา
ในตำหนักทองม่วง คัมภีร์อัญเชิญที่งดงามซึ่งดูเหมือนจะเป็นคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์และคัมภีร์เทพยังคงวางนิ่งอยู่บนโต๊ะ เหมือนกับว่าไม่เคยถูกต้องสัมผัสมาก่อนตั้งแต่ครั้งโบราณกาล...

15 ความคิดเห็น:

Unknown กล่าวว่า...

..บทจะตายก็ตายโง่เนอะ

Unknown กล่าวว่า...

อ่าวตายง่ายแท้555

นักอ่านนิยายเรื่อยเปื่อย กล่าวว่า...

เห้ยตายเสย

Popcorn กล่าวว่า...

อ้าวตายซ่ะล่ะ

manit กล่าวว่า...

ใจจ้า

ulomzx กล่าวว่า...

นั่นสิ ...มานตายง่ายเกินไปแล้ว

อ่าห้า กล่าวว่า...

เเบบนี้เเม่งไม่ต้องสู้ก้ได้อะปล่อยมันทำสํญญาละตายเเเต่เเรกเลย55555

My_Lord กล่าวว่า...

อ่าวถ้ารู้งี้ปบ่อยมันไปแตะตายดีกว่า 55 ง่ายเกิ้นนน

Boybravo กล่าวว่า...

ตายซะงั้น 555
ขอบคุณครับ

kamine กล่าวว่า...

ลำบากสู้ตั้งนาน

Unknown กล่าวว่า...

สังเวยรึเปล่า

Popcorn กล่าวว่า...

เขาเรียกตายแบบไม่รู้ตัวครับ😁😁😁

zen zen กล่าวว่า...

มันไม่เชิงตายง่ายนะถึงเจ้าสุริยาจะไม่ได้บาดเจ็บจากไอ่หยางก่อนน่านี้ก็เอาคัมภีเทพไปไม่ได่อยู่ดีเพราะมันต้องเข้าใจในพลังเทพก่องถึงจะเอาไปได้แบบที่ไอ่หยางได้คัมภีเทพฤทธิ์ไง

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

akekapoj-tee กล่าวว่า...

ขอบคุณมากครับ

เวรกำ

แสดงความคิดเห็น