ตอนที่ 992
ข้าจะเป็นเทพคนต่อไป!
ซุ้มประตูเมืองด้านตะวันตก
อู่หลานลอบกลับมายังที่ต่อสู้และพบว่าชี่เหยียนกลายเป็นปุ๋ยไปแล้ว
วานรทองแขนเหล็กทั้งสี่ก็มีชะตากรรมเช่นเดียวกับนาง
ในที่ต่อสู้เหลือแต่เพียงนางพญาดอกหนามมงกุฎทอง
นางยังคงยิ้มหวานดูน่ารักไม่เป็นพิษเป็นภัยต่อมนุษย์และสัตว์ทั้งหลาย
นางดูไม่เหมือนนักรบที่ผ่านการสังหารใหญ่มาแม้แต่น้อย แต่เป็นเหมือนเจ้าหญิงผู้รอยให้อัศวินมาช่วยเหลือนางมากกว่า
การต่อสู้พันตูในอุทยานเสียงดังสนั่นน่ากลัว
แรงระเบิดแผ่ออกไปราวกับคลื่นสึนามิ
คลื่นระเบิดกระจายไปไม่ขาดสาย มีมาเป็นระลอกแล้วระลอกเล่า
“ถ้าเจ้าชอบ จะส่งโลงทองนี้ให้พี่สาวเจ้าก็ได้” เสียงของตั่วตั่วสูง คนอื่นๆ ฟังแล้วสบายใจ
เข้าใจว่าหญิงสาวผู้นี้น่ารักตั้งแต่เกิด
“ถ้าข้าต้องการโลงทองนี้ ข้าเกรงว่าจะต้องอยู่ในนั้นตลอดไป” จู่ๆ อู่หลานแห่งเผ่ากาทองสามขาถอนหายใจ
“เป็นไปได้อย่างไร พี่สาวของเจ้าดุร้ายยิ่งนัก” ตั่วตั่วยิ้มและส่ายหน้า
เสียงของนางดังเหมือนระฆังเงิน ไพเราะเสนาะหู
“ข้าไม่ใช่คนโง่อย่างชี่เยี่ยน
ในการต่อสู้ครั้งนี้ ข้าไม่ต้องการสู้กับพวกเจ้าแม้แต่น้อย
เผ่ากาทองสามขาของเราไม่ได้มีความเกลียดชังกับชาวหอทงเทียน ตรงกันข้ามบรรพบุรุษของเรามีความเกี่ยวพันกันมานานแล้ว
เย่ว์ไตตันพาพวกเจ้าขึ้นมานั่นไม่มีอะไรเกี่ยวกับเรา ทั้งไม่ได้คุกคามเผ่ากาทองสามขาของเรา ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะจ้าวสุริยาขู่ว่าจะกำจัดข้าในเวลานั้น เพื่อความสงบสุขของหุบเขาสุริยันต์
ข้ายอมสลับกับน้องสาวและแต่งงานกับจ้าวสุริยา ข้าไม่เคยมีความสุขแม้แต่วันเดียว แต่ข้าไม่มีความสามารถฝืนชะตากรรม
และไม่มีทางที่ข้าจะดิ้นรนต่อสู้ได้
ตอนนี้ข้าเหนื่อย และไม่ต้องการต่อสู้อีกต่อไป ถ้าเย่ว์ไตตันได้ชัยชนะสุดท้าย
ข้าจะกลับไปใช้ชีวิตอย่างสงบสุขที่หุบเขาสุริยันต์” อู่หลานพูดมาถึงท้าย
นางคล้ายกับรำพึงกับตนเองด้วยความเสียใจ
“น่าเสียดาย!
ข้าสนใจเจ้ามากกว่าปุ๋ยชี่เยี่ยนเสียอีก”
ตั่วตั่วเก็บโลงทองไว้ในคัมภีร์อัญเชิญ จากนั้นหันมามองอู่หลานที่ก้าวเดินบนดอกไม้จากไป
“ข้าหวังว่าจะสามารถได้รับอิสรภาพคืนเท่านั้น...”
อู่หลานให้ความสนใจกับการต่อสู้ในอีกฝั่งหนึ่งของจตุรัส แต่นางไม่ยินดีจะเข้าไปใกล้
นางกลัวว่าจ้าวสุริยาที่ยังต่อสู้อย่างหนักจะพบเจอนาง
เขตพื้นที่เชิงบันไดของตำหนักม่วงทอง
จ้าวสุริยากำลังต่อสู้อย่างยากลำบาก
ว่ากันตามระดับนักสู้และระดับพลัง เขาเหนือกว่าเย่ว์หยางมาก แต่ปัญหาก็คือเย่ว์หยางมีลูกไม้มากเกินไป
และเริ่มมีผู้ช่วยที่แข็งแกร่งตามมาสมทบทีละคน
ชุดแรกเป็นอาหมันและอาหง
จากนั้นที่ตามมาก็เป็นสาวมังกรไร้เขาเจี้ยงอิงและอิคคา สุดท้ายเป็นตั่วตั่วที่เพิ่งย่อยชี่เหยียนให้เป็นปุ๋ย
และทำให้อู่หลานรู้สึกกลัว
ความช่วยเหลืออย่างเดียวของจ้าวสุริยาก็คือประกายจากร่างกึ่งเทพ
อย่างไรก็ตามมีร่างฉายอสรพิษทองและเสี่ยวเหวินหลีคอยขัดขวางทำให้มันไม่มีเวลาช่วยเหลือ
ที่ด้านหลังตำหนัก
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและจุ้ยมาวอี้รีบเร่งมาสมทบกับเย่ว์หวี่และภูตน้อยตั๊กแตนมัจจุราชกับภูตเพลิงปั่นป่วน นี่คือที่ซึ่งชี่เยี่ยนเคลื่อนย้ายโลงทองโบราณออกมา
ที่ต่างกันคือชี่เยี่ยนเพียงแต่เคลื่อนย้ายโลงอย่างเดียว
แต่พวกนางมาที่นี่เพื่อหาความลับของของคัมภีร์เทพหรือตำหนักม่วงทอง
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนมีลางสังหรณ์ว่าต้องมีกุญแจที่สามารถเอาชนะพลังของจ้าวสุริยาได้
จ้าวสุริยามีร่างกึ่งเทพและมีทักษะฟื้นฟูพลัง ทำให้เขาเป็นอมตะได้ง่าย
นางต้องค้นหาความลับของพลังเทพแบบนี้ และเอาชนะด้วยกฎสวรรค์โบราณให้ได้
และคนที่เป็นกุญแจสำคัญนี้
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนคิดว่าอาจเป็นเย่ว์หวี่
ไม่ใช่ตัวนางเอง
“ความลับอยู่ที่ไหน? รีบหาเร็ว!” เย่ว์หวี่กังวลจนหลั่งน้ำตา
นางรู้ว่าทุกนาทีที่การต่อสู้ถูกถ่วงเวลาล่าช้าออกไป
น้องชายนางจะยิ่งเสียเปรียบ
ที่สำคัญระดับพลังและความแข็งแกร่งของจ้าวสุริยา
จะเพิ่มความอันตรายมากขึ้นทุกขณะ
“พระเจ้า!
ยังมีวิหารที่สูงกว่าอยู่ด้านหลัง....”
ภูตน้อยตั๊กแตนมัจจุราชบินออกไปและต้องประหลาดใจเมื่อนางพบว่าตำหนักทองม่วงเป็นเพียงตำหนักทางเข้าโลกคัมภีร์
ยังมีวิหารด้านหลังที่ใหญ่กว่าลึกเข้าไปอีก
ข้างหลังตำหนักม่วงทองยังมีพื้นที่โลกคัมภีร์ลึกเข้าไปอีกไม่มีที่สิ้นสุด
พื้นที่โลกคัมภีร์เทพใหญ่โตเกินจินตนาการจริงๆ
“ยังมีวิหารอีกหนึ่งหรือ? เจ้าจะค้นหาความลับของคัมภีร์เทพได้อย่างไร!”
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนร้อนรน
นางไม่รู้จะทำอย่างไรต่อไป
จะเดินหน้าต่อหรือรออยู่ที่ด้านหลังตำหนักม่วงทอง
“ใจเย็นๆ ต้องมีทางแก้สักอย่างแน่นอน” จุ้ยมาวอี้ปลอบโยนคนอื่นแต่นางกลับหลั่งน้ำตา
“ใช่แล้ว, ข้าต้องสงบจิตใจลงให้ได้ ข้าต้องช่วยเสี่ยวซานให้ได้ ข้าต้องสงบ....” ทันใดนั้นเย่ว์หวี่พึมพำราวกับคนเสียสติ ดวงตาของนางเริ่มเหม่อมองไปไกล
จิตใจของนางอยู่ในสภาพวุ่นวายสับสน
ดูเหมือนกับว่าจิตใจนางวนเวียนกับความคิดที่ไม่รู้จบ
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนกอดโอบนางด้วยมือที่สั่นเทาและพยายามปลอบให้นางร่าเริงขึ้น แต่กลับพบว่าลำคอของนางตีบตันเสียงแหบแห้ง
และหลั่งน้ำตาสองสาย ไม่สามารถพูดออก
เมื่อเห็นสถานการณ์ของสตรีทั้งสาม
แม้แต่ภูตเพลิงปั่นป่วนที่เต็มไปด้วยพลังงานและความกระตือรือร้นและมักหาโอกาสแยกออกจากกลุ่มไปดูดซับพลังงานก็ยังสงบเงียบลง
นางจะไม่โน้มน้าว
ได้แต่ลอยไปลอยมาคอยอย่างเงียบสงบ
“บางทีความลับของคัมภีร์เทพอาจอยู่ในโลงทองก็ได้!” ภูตน้อยตั๊กแตนมัจจุราชก็เป็นห่วงเช่นกัน ตัวนางเองไม่สามารถช่วยอะไรได้มาก แต่นางเหมือนมีพรสวรรค์อยู่ในใจ
และพอความคิดของนางผุดขึ้นมา นางร้องขึ้นดังๆ
“ข้าจะกลับไปเอง พวกเจ้าอยู่ดูแลพี่หวี่ก่อน ระวังอย่าให้นางตกอยู่ในอันตราย” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนมองดูวิหารข้างหน้า
ซึ่งสูงใหญ่เกินไป
การสำรวจอีกครั้งนางเกรงว่าจะไม่มีเวลามากพอ นางจึงรีบกลับไปที่โลงทองโบราณ
เพื่อหาดูว่ามีความลับใดหรือไม่
ก่อนหน้านี้ในหอทงเทียน
เย่ว์หยางเคยพาทุกคนไปที่เขตรอบนอกของคัมภีร์อัญเชิญระดับเทพ
สาวกิเลนปิงหยินได้เอาโลงทองโบราณที่คล้ายกันมาให้เย่ว์หยาง ความลับเก็บอยู่ภายใน
จนกระทั่งบัดนี้ก็ยังคลี่คลายได้ไม่เต็มที่ บางทีความลับของตำหนักม่วงทองอาจจะอยู่ภายในโลงทองโบราณก็ได้
“ท่านหญิง, ข้าเพิ่งคิดได้ว่า
นั่นอาจไม่ถูกต้อง”
ภูตน้อยตั๊กแตนมัจจุราชมองดูองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนด้วยสีหน้าจริงจัง
“ข้าไม่มีความสามารถในเรื่องลางสังหรณ์เหมือนท่าน แต่ข้าแค่คิดดู ถ้านั่นไม่ถูกต้อง ข้าควรทำเช่นไร?
ไม่อยากหวนคิดถึงเรื่องนั้นเลย...”
“เวลาสายเกินไปแล้ว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
ข้าก็ต้องสู้” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนถือดาบเทพจักรพรรดิอวี้และปาดน้ำตา
จากนั้นบินกลับไป
“อย่าเพิ่งวู่วาม, เชี่ยนเชี่ยน...”
จุ้ยมาวอี้เกรงว่านางจะตกอยู่ในอันตรายจึงรีบติดตามไปทันที
“ทีนี้ เราจะทำยังไงกันดี?”
ภูตน้อยตั๊กแตนมัจจุราชมองไปที่ภูตฟ้าปั่นป่วน ภูตฟ้าปั่นป่วนไม่มีความเห็นแต่อย่างใด ด้วยสติปัญญาของนาง นางไม่รู้วิธีคิดแก้ปัญหาเหล่านี้
ได้แต่รอคอยอย่างเงียบสงบ รอให้คนอื่นตัดสินใจ
หรือทำตามสิ่งที่เย่ว์หยางสั่งไว้ก่อนนั้น
“ข้าต้องช่วยเสี่ยวซาน ข้าต้องช่วยเสี่ยวซานให้ได้...” เย่ว์หวี่ตกอยู่ในอาการสับสน
จิตวิญญาณแทบพังทลาย เพราะนางเห็นวิหารใหญ่ที่ด้านหลังอีก
“ข้าจะทำอย่างไร? ข้าไม่อาจทำคนเดียวได้! ข้าไม่อาจตัดสินใจได้
ข้าอยากช่วยนายท่าน แต่ข้าไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร! ท่านหญิงหวี่ ขอร้อง..ตื่นเถอะ
ข้าถนัดแต่เพียงต่อสู้ ไม่อาจทำการตัดสินใจเปลี่ยนชะตาชีวิตข้าได้!
ความลับอาจอยู่ที่วิหารข้างหน้าก็ได้
บางทีอาจอยู่ในโลงทองโบราณก็ได้
ในตำหนักม่วงทองท่านหญิงหวี่บอกว่ามีคัมภีร์อัญเชิญชั้นเทพซึ่งมองคล้ายคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์
และดูเหมือนจะเป็นคัมภีร์เทพอาจจะมีความลับที่แท้จริงก็ได้
บางทีที่นี่อาจมีพลังงานผิดปกติมากมายเช่นเดียวกับกฎสวรรค์ที่บิดเบือนและพลังงานแปลกประหลาด...
โอวพระเจ้า...หัวข้าจะระเบิดอยู่แล้ว สถานที่ลับของตำหนักม่วงทองอยู่ที่ใดกันแน่? โดยรอบจะมีพื้นที่มิติมากมาย
และมีม่านพลังคุ้มกัน ความลับอยู่ที่ใดกันแน่?
ท่านหญิงหวี่ ขอร้อง ฮือๆๆ ได้โปรดตื่นเร็วๆ เถิด...”
ภูตน้อยตั๊กแตนมัจจุราชกระวนกระวายมากขึ้นทุกที
แรงกดดันในใจนางมากเกินไปจนนางต้องร้องไห้ระบายออกมา
นางกอดแขนเย่ว์หวี่และร้องไห้ดังขึ้นทุกที
หลั่งน้ำตามากขึ้น
เพราะเสียงร้องไห้ของนาง
เย่ว์หวี่จึงค่อยๆ ได้สติ
ดูเหมือนว่าเสียงร้องไห้ของนางจะปลุกให้เย่ว์หวี่ตื่นจากภวังค์
ร่างของเย่ว์หวี่เปล่งรัศมีศักดิ์สิทธิ์บริสุทธิ์
ในห้วงเวลาแห่งความเป็นและความตายนี้นางสามารถบรรลุผ่านสภาวะจิตสับสนวนเวียนกับความคิดเดิม
และได้รู้แจ้งยกวิญญาณขึ้นสู่ระดับใหม่
บุคลิกที่เงียบสงบเหมือนกับทะเลสงบฟื้นฟูกลับมาทันที
เย่ว์หวี่หลับตาเบาๆ
แต่น้ำตานางยังไม่หยุดไหล
เพราะรัศมีจากร่างของนางเป็นประกายระยิบระยับสีทองใสและสว่าง
เมื่อนางลืมตาอีกครั้งแสงปัญญาปรากฏอยู่ในดวงตาของนางแผ่ออกมาด้านนอกสว่างน่าเลื่อมใสจนทำให้ภูตน้อยตั๊กแตนมัจจุราชมองดูด้วยอาการตกตะลึง
ก้าวหน้า
ยกระดับภูมิปัญญาในชั่วพริบตา....
“ตอนนี้ข้าเข้าใจแล้ว” รอยยิ้มปรากฏที่มุมปากของเย่ว์หวี่
นางหลับตาสูดหายใจลึกแล้วหันหลังบินกลับไป
ภูตน้อยตั๊กแตนมัจจุราชและภูตฟ้าปั่นป่วนรีบบินตามประกบซ้ายขวาเพื่อคุ้มครองนางรู้สึกประหลาดใจมาก
นางถามอย่างกังวล “ท่านหญิงหวี่
ท่านเข้าใจว่ากระไร? ท่านต้องการให้เราทำอะไรกันแน่?”
“สำหรับตอนนี้ ข้าจะยังไม่อธิบาย เรากลับกันก่อน!”
เย่ว์หวี่กางร่มชี่หลัวระดับกึ่งเทพ ความเร็วของนางเพิ่มขึ้นสิบเท่า
ปีกของนางกระพือราวกับนางฟ้า
ซุ้มประตูเมืองทางทิศตะวันตก
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและจุ้ยมาวอี้รีบเร่งกลับมาถึง แต่ก็พบว่าโลงทองโบราณหายไปแล้ว
“โลงทองโบราณเล่า?”
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนรู้สึกหน้ามืดไปชั่วขณะ ตอนนี้ไม่มีเวลาจัดระเบียบ หรืออาจจะเป็นอู่หลานที่หลบหนีไปได้จะขโมยไป?
ถ้าเป็นอย่างนั้นก็คงแย่แน่
“บางทีอาจเป็นตั่วตั่วเอาไปก็ได้ ใจเย็นๆ
ตั่วตั่วคงไม่ยอมทิ้งของสำคัญอย่างนั้นไว้”
จุ้ยมาวอี้รีบแนะนำ
“อย่างนั้นก็ไปตามหานาง!” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนยกดาบเทพจักรพรรดิอวี้และบินนำหน้า
นางต้องรีบเร่งไปพบตั่วตั่ว
เวลานี้ที่จัตุรัสม่วงทอง
การต่อสู้มาถึงระดับสูงสุด
จ้าวสุริยาใช้ไม้ตายที่ยอดเยี่ยมที่สุดกับเย่ว์หยาง
‘ระเบิดสุริยันต์’ พลังงานของมันจะกวาดล้างทำลายทุกชีวิตที่อยู่ในพื้นที่ จ้าวสุริยาสูญเสียความเยือกเย็นดั้งเดิม
เขาได้รับบาดเจ็บสาหัส ตอนนี้เขาต้องการฆ่าเย่ว์หยางให้ได้
แต่เย่ว์หยางนอกจากเพลิงอมฤต วงจักรนิรันดรและปราณกระบี่ไร้ลักษณ์แล้ว
เขายังมีไม้ตายที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
นั่นคือพลังของยักษ์ทองที่เกิดจากไพ่ชะตา
นี่เป็นพลังอย่างเดียวที่เย่ว์หยางไม่สามารถควบคุมได้
อย่างไรก็ตาม
ตราบใดที่ชีวิตตกอยู่ในห้วงอันตรายที่สุด พลังนี้จะถูกกระตุ้นออกมาใช้
เมื่อมองดูยักษ์ทอง
เขาเห็นได้แต่เพียงร่างของยักษ์เท่านั้นไม่ได้มองเห็นร่างได้เต็มที่
บางทีนั่นอาจหมายถึงพลังกฎสวรรค์แห่งโชคชะตา
พลังที่ไม่มีทางพ่ายแพ้มีแต่จะกดดันศัตรูให้รู้สึกต่ำต้อย...
เมื่อมันปรากฏตัวขึ้นมนุษย์ทุกคนต้องก้มหัวคารวะ นับตั้งแต่ศัตรูคนแรกที่พบเจอไปจนถึงจักรพรรดินีฟ้ายังต้องก้มหัว จ้าวสุริยาก็ไม่ยกเว้น
ขณะที่เย่ว์หยางปล่อยเปลวเพลิงศักดิ์สิทธิ์เพื่อจัดการกับระเบิดสุริยันต์ พลังใดๆ ที่อยู่หน้ายักษ์ทองล้วนตกอยู่ในความนิ่งเฉย
เย่ว์หวี่ที่กำลังบินไปหาองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนในอากาศ
ไม่สามารถเคลื่อนต่อไปได้
เวลาหยุดนิ่ง
เมื่อยักษ์ทองเกิดขึ้นมา พลังใดๆ
ในโลกไม่อาจต้านทานได้ ในชั่วพริบตา
เย่ว์หวี่ที่บินกลับมาจากทิศตะวันออก
และองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนที่มาจากทิศตะวันตกสามารถเคลื่อนที่ได้ต่อไป ทว่าช้ามาก เหมือนกับว่ามีของหนักเป็นพันๆ
กิโลกรัมถ่วงอยู่บนไหล่
ความจริงพวกนางไม่รู้สึกถึงแรงกดดันที่หนักหน่วง ยังเคลื่อนไหวได้อยู่
จ้าวสุริยาร้องโหยหวนและถูกยักษ์ทองเหยียบย่ำ
ขณะนั้นร่างทองกึ่งเทพของเขาไม่สามารถต้านทานได้แม้แต่วินาทีเดียว
มันถูกบดขยี้แตกสลายอย่างสิ้นเชิง
นาฬิกาสุริยาถูกเหยียบย่ำลงกับพื้น
เข็มชั่วโมง เข็มนาทีพังบิดเบี้ยวไม่ทราบว่าแต่ละชิ้นส่วนกระเด็นกระจายไปบนพื้นทิศทางใดบ้าง..
อู่หลานอยู่ที่ซุ้มประตูเมือห่างออกไป หายใจแทบไม่ออก ในมุมมองของนาง
นางห็นได้แต่เพียงยักษ์ใหญ่สูงตระหง่านเทียมฟ้า นางไม่ทราบว่าสูงเพียงไหน
อย่างน้อยน่าจะสองสามกิโลเมตร
นางไม่สามารถมองเห็นร่างหรือหน้ายักษ์ทองได้ชัดไม่เห็นรายละเอียดที่แท้จริง
ในทางกลับกัน
เสี่ยวเหวินหลีที่ต่อสู้กับร่างทองกึ่งเทพของจ้าวสุริยา
ภาพฉายปีศาจอสรพิษทองของเธอที่ใกล้จะถึงขีดแตกดับเต็มทีกลับฟื้นฟูสู่สภาพเดิม
เจี้ยงอิง และอาหงที่ใกล้จะหมดแรงสู้ พวกนางกลับฟื้นฟูพลังเต็มที่
อิคคาตวาดร้องควงดาบนางฟ้าอย่างรวดเร็ว อาหมันตวาดลั่นปลดปล่อยพลังเทพห้าธาตุ
ร่างของตั่วตั่วมีดอกไม้เบ่งบานเป็นจำนวนมาก...
หัวใจของเย่ว์หยางที่หยุดเต้นมานานก็พลันฟื้นฟู และเต้นแรงจนใครเห็นก็ตกใจ!
ยักษ์ทองหายไป
และเมื่อเย่ว์หยางหัวใจกลับมาเต้นอีกครั้งเขาล้มลงกับพื้นและฟื้นฟูทันที
ยักษ์ทองจะหายไปต่อเมื่อเย่ว์หยางได้สติ มันหายไปราวกับว่าไม่เคยปรากฏตัวมาก่อน
มีแต่เพียงรอยเท้ายักษ์ใหญ่บนพื้น
เป็นเครื่องหมายของพลังที่ไร้เทียมทาน
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า ฮ่า เจ้ามีพลังที่แข็งแกร่งที่สุด
เจ้าเป็นที่รักของเทพแห่งชะตา ข้ายอมรับ, เย่ว์ไตตัน แม้ว่าเจ้าเป็นเช่นนี้
แต่เจ้าก็ยังเอาชนะข้า จ้าวสุริยาไม่ได้...”
ร่างที่บอบช้ำบาดเจ็บสาหัสของจ้าวสุริยาหลั่งโลหิตจากทวารทั้งเจ็ด หน้าของเขาดูน่ากลัว
เลือดหยดลงพื้นตลอดเวลา และนาฬิกาสุริยะอสูรพิทักษ์ของเขาระเบิดไปแล้ว ชิ้นส่วนกระจายไปในทิศต่างๆ และหายไป
ยักษ์ทองฆ่ามันได้ในทันที
แม้ว่าต่อมามันจะเกิดใหม่ได้อีก
แต่เขาเชื่อว่ามันจะสูญเสียพลัง และพลังของมันจะตกลดลงไปมาก
“ตายซะเถอะ!”
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเห็นจ้าวสุริยาบาดเจ็บสาหัส
นางเงื้อดาบเทพจักรพรรดิอวี้ทันที
“ไม่!”
เย่ว์หวี่หุบร่มชี่หลัวและเหินบินราวกับลูกธนูและรับร่างเย่ว์หยางที่กำลังร่วงลงพื้นได้ทัน นางตะโกนบอก
“ไม่ต้องกังวลเรื่องของเขา
เราต้องช่วยเสี่ยวซานก่อน จ้าวสุริยาถูกกำหนดชะตาไว้แล้ว!”
“ท่านพูดอะไรนะ?”
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนได้ยินคำพูดของเย่ว์หวี่ดูเหมือนจะตระหนักได้ว่าดวงตาของนางเปล่งประกายปัญญา
นางผ่อนดาบเทพจักรพรรดิอวี้ทันที
และรีบเข้ามาสมทบ
นางกอดศีรษะเย่ว์หยางแนบอกเพื่อให้เย่ว์หวี่รักษาเขาได้
เสี่ยวเหวินหลีมีเนื้อตัวเปื้อนเลือดมีสองสาวมังกรพี่น้องอาเหยาอาหยูเข้ามาช่วยประคอง
ตั่วตั่วและเจี้ยงอิงก็เหมือนกัน พวกนางมีพลังในการเยียวยารักษา สำหรับอาหมันและอาหงรับหน้าที่รักษาความปลอดภัย
ภูตน้อยตั๊กแตนมัจจุราชกับภูตฟ้าปั่นป่วนเพิ่งตามมาสมทบ...
ทุกคนร่วมกันช่วยรักษาเย่ว์หยาง
ไม่มีใครให้ความสนใจจ้าวสุริยาที่หัวเราะอย่างบ้าคลั่งและพยายามตะเกียกตะกายไปที่ตำหนักม่วงทอง
จ้าวสุริยาหัวเราะอย่างบ้าคลั่งพร้อมกับหลั่งน้ำตาปนโลหิต “ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า
ข้าชนะ, เย่ว์ไตตัน ในที่สุดข้าก็ชนะ ข้าชนะเจ้า! คัมภีร์เทพเป็นของข้า และหอทงเทียน ตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์
ทุกอย่างจะต้องเป็นของข้า!
ตั้งแต่วันนี้ไปจะไม่มีใครกล้าดูแคลนข้า
ไม่ว่าจะเป็นเจ้าจักรพรรดิอวี้รุ่นใหม่แห่งหอทงเทียน
หรือจีอู๋ลี่แห่งตำหนักศักดิ์สิทธิ์ เจ้าไม่มีทางเอาชนะข้า ข้าคือผู้ชนะ!”
“คัมภีร์เทพเป็นของข้า....”
“คัมภีร์เทพ....”
ไม่ทราบว่าใช้เวลานานเท่าใด
จ้าวสุริยาลากสังขารหลั่งเลือดไปตามเส้นทางไต่ไปตามบันได ขึ้นไปจนถึงตำหนักม่วงทองมือที่เปื้อนเลือดของเขาสัมผัสกับคัมภีร์เทพเล่มยักษ์!
ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความกระตือรือร้นอิ่มเอมพอใจกับชัยชนะที่ยากลำบาก
เขาพยายามข่มอารมณ์จนสีหน้าบิดเบี้ยว
ขณะเดียวกันความคิดสติปัญญาของเขาก็ผิดเพี้ยนไปด้วย
“เป็นของข้า, เจ้าต้องเป็นของข้า คัมภีร์เทพเอ๋ย, ข้าเป็นเจ้าของเจ้า ข้าคือเทพเจ้า ข้าคือเทพเจ้าในอนาคต!”
“ข้าจะเป็นเทพเจ้าในอนาคต!”
ขณะที่เลือดของจ้าวสุริยาหยดลงบนคัมภีร์อัญเชิญขนาดใหญ่
เกิดแสงสว่างเจิดจ้าทันที...จากพื้นที่จัตุรัสม่วงทองด้านล่าง
เย่ว์หวี่และองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเงยหน้ามองแสงสีทองเจิดจ้า
จากนั้นได้ยินเสียงระเบิดดังสนั่น เลือดเนื้อกระดูกปลิวกระจายเต็มตำหนักม่วงทอง
เมื่อแสงสีทองหายไป ทุกอย่างไม่มีอะไรเหลือ!
คัมภีร์อัญเชิญถูกระเบิดกระเด็นออกมาจากห้องท้องพระโรงและตกหล่นที่เชิงบันไดอับรัศมีลงอย่างรวดเร็ว
นี่มัน...
นี่คือคัมภีร์อัญเชิญของจ้าวสุริยา
ในตำหนักทองม่วง
คัมภีร์อัญเชิญที่งดงามซึ่งดูเหมือนจะเป็นคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์และคัมภีร์เทพยังคงวางนิ่งอยู่บนโต๊ะ
เหมือนกับว่าไม่เคยถูกต้องสัมผัสมาก่อนตั้งแต่ครั้งโบราณกาล...
15 ความคิดเห็น:
..บทจะตายก็ตายโง่เนอะ
อ่าวตายง่ายแท้555
เห้ยตายเสย
อ้าวตายซ่ะล่ะ
ใจจ้า
นั่นสิ ...มานตายง่ายเกินไปแล้ว
เเบบนี้เเม่งไม่ต้องสู้ก้ได้อะปล่อยมันทำสํญญาละตายเเเต่เเรกเลย55555
อ่าวถ้ารู้งี้ปบ่อยมันไปแตะตายดีกว่า 55 ง่ายเกิ้นนน
ตายซะงั้น 555
ขอบคุณครับ
ลำบากสู้ตั้งนาน
สังเวยรึเปล่า
เขาเรียกตายแบบไม่รู้ตัวครับ😁😁😁
มันไม่เชิงตายง่ายนะถึงเจ้าสุริยาจะไม่ได้บาดเจ็บจากไอ่หยางก่อนน่านี้ก็เอาคัมภีเทพไปไม่ได่อยู่ดีเพราะมันต้องเข้าใจในพลังเทพก่องถึงจะเอาไปได้แบบที่ไอ่หยางได้คัมภีเทพฤทธิ์ไง
ขอบคุณครับ
ขอบคุณมากครับ
เวรกำ
แสดงความคิดเห็น