วันพุธที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2563

เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ตอนที่ 1015 ข้าโกหกได้แล้ว!


ตอนที่  1015  ข้าโกหกได้แล้ว!
เย่ว์หยางใช้เวลาอยู่ร่วมกับราชันย์ปีศาจใต้สองสามวัน เพื่อเพิ่มระดับความอิ่มเอมใจให้กับภรรยาใหม่  ใบหน้านางเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวลด้วยประกายแห่งความสุข
 
ต่อมาบางทีอาจมีคนอื่นลอบเตือนนาง หรืออาจเป็นเพราะการเรียนรู้ของนาง  นางติดตามเย่ว์หยางกลับไปหอทงเทียน เพื่อพบแม่สี่ตามธรรมเนียม  แม้ว่าจะไม่เป็นทางการ แต่ก็ต้องถือว่านางเป็นผู้อาวุโสที่บ้าน  เนื่องจากนางเลื่อนระดับพลังเป็นพลังปราณราชันย์ระดับสอง ผนึกสายเลือดนางได้รับการปลดปล่อย แม่สี่และจักรพรรดินีราตรีที่เพิ่งกลับมายังวังเทียนหลัวมีความรู้สึกว่านางควรจะตั้งสมาธิกับการฝึกฝนในช่วงเวลานี้  แม้ว่าราชันย์ปีศาจใต้เพิ่งจะปลดผนึกสายเลือดได้ นางเองก็ตกใจคิดไม่ถึงเรื่องนี้เช่นกัน
สำหรับความรักและคำแนะนำของผู้อาวุโส  ราชันย์ปีศาจใต้สาวผีผาหยกนางมีความเฉลียวฉลาดและเห็นพ้องด้วย  ไม่ว่ายังไงก็ตามนางกลายเป็นภรรยาแล้ว  จะแยกห่างจากกันบ้างไม่มีอะไรผิดปกติ
นอกจากนี้ เขามีเข็มทิศสามภพ สามารถไปมาได้โดยใช้เวลาไม่ถึงสิบวันครึ่งเดือน
ราชันย์ปีศาจใต้รั้งอยู่ และจักรพรรดินีราตรีจะช่วยให้นางเลื่อนระดับอีก
เย่ว์หยางเตรียมตัวจะขึ้นไปค้นคว้ากำไลอสูรที่สร้างจากผลึกมังกรฟ้า เป็นกำไลอสูรคุณภาพดีที่สุด ซึ่งไม่ทราบว่าฝ่าบาทจะเห็นเป็นเช่นไร?
อย่างไรก็ตามยังไม่ทันจะเริ่มทำอย่างเป็นทางการ ตั่วตั่วก็รีบนำข่าวดีเข้ามาบอกเย่ว์หยาง  ภูตนำทางที่ซ่อนตัวอยู่กับนางรู้จักรูปและข้อความโบราณในคัมภีร์หุ่นรบโบราณ แต่ยังมีความลับอยู่บนลายแทงลับโบราณอีกชั้นหนึ่ง
หลังจากเกลี้ยกล่อมแล้ว นางสัญญาว่าจะให้เย่ว์หยางรับนางไว้ลี้ภัยชั่วคราว
แม้ว่านางจะปฏิเสธยอมรับนายใหม่ แต่นางรับใช้เขาได้
เงื่อนไขก็คือนางต้องการศิลาวิญญาณขนาดยักษ์นั่นจะทำให้นางได้รับพลังงานต่อเนื่อง
เย่ว์หยางกำลังคิดจะมอบศิลาวิญญาณขนาดยักษ์ให้อาหมันหรือภูตฟ้าปั่นป่วน เพื่อเพิ่มพลังให้อาหมันและภูตฟ้าปั่นป่วนอาจสร้างร่างใหม่ได้  ถ้าเขามอบให้ภูตนำทางก็คงไม่เป็นไร  อาหมันสามารถเข้าไปยังโลกศิลาในทะเลคลั่ง และซึมซับพลังงานจากที่นั่นได้ 
และภูตฟ้าปั่นป่วนจะมีโอกาสที่ดีในอนาคตแน่นอน
 “ตราบใดที่นางช่วยแปลลายแทงขุมทรัพย์โบราณให้ ศิลาวิญญาณยักษ์จะเป็นของนาง”  เย่ว์หยางรู้ว่าไม่ง่ายที่จะแปลลายแทงขุมทรัพย์โบราณ  สำหรับคัมภีร์หุ่นโบราณ เกี่ยวกับคำที่เขาไม่รู้ไม่ค่อยเข้าใจ  เมื่อเวลาผ่านไป ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง  เขาจะค่อยๆ ค้นคว้าดู!  นอกจากนี้ พี่หวี่ยังฝึกอยู่ที่บันไดสวรรค์  ไม่มีใครช่วยงานทดลอง  ตั่วตั่วทราบการตัดสินใจของเย่ว์หยาง นางรีบกลับไปบอกข่าวให้ภูตน้อยนำทางทราบ  ทั้งสองต่างเต็มไปด้วยความกระตือรือร้นแบ่งงานกันทำและช่วยแปลทันที
เย่ว์หยางไม่ได้อยู่เฉย  ขณะที่พวกนางช่วยกันแปลลายแทงขุมทรัพย์โบราณ  เขากลั่นศิลาวิญญาณยักษ์ด้วยเพลิงอมฤตและปราณกระบี่ธรรมชาติ
หลังจากเหนื่อยแทบตาย  มันยากจะกลั่นศิลาวิญญาณยักษ์นี้ได้  เขาแค่เห็นความบริสุทธิ์เลือนราง
ศิลาวิญญาณยักษ์ลดขนาดลงมาก แต่ทำให้มันสว่างมากขึ้น
มองดูเหมือนดวงอาทิตย์น้อย
พลังงานมหาศาลไม่มีใดเทียบ
แม้ว่าภูตนำทางจะไม่กล้ามองเย่ว์หยาง  แต่เมื่อนางรับศิลาวิญญาณยักษ์จากตั่วตั่ว นางปลาบปลื้มจนแทบหลั่งน้ำตา  นางไม่รู้จะระบายความรู้สึกยังไง จึงได้แต่จูบหน้าตั่วตั่วสองสามครั้งด้วยความดีใจ บินรอบศิลาวิญญาณและบินอยู่ในอากาศอย่างมีความสุข  “แทบจะเหมือนกับที่ข้าคาดหวังเอาไว้ ตำแหน่งขุมทรัพย์ตามลายแทงอยู่ใกล้เมืองไป๋เหอจริงๆ!  เย่ว์หยางหยิบลายแทงขุมทรัพย์โบราณที่แปลแล้วพบว่าเป้าหมายนั้นอยู่ห่างจากเมืองไป๋เหอไม่ถึง 500 กิโลเมตร  ตามลายแทงหากต้องการเข้าสู่พื้นที่ลับของขุมทรัพย์ จะต้องปลดผนึกที่อยู่รอบๆ แปดตำแหน่ง  ประตูทางเข้าขุมทรัพย์จึงจะเปิดออก
 “นี่คือเมืองไป๋เหอจริงๆ หรือ?”  ตั่วตั่วพบว่าตำแหน่งทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ที่ต้องคลายผนึกใต้น้ำอยู่ห่างเมืองไป๋เหอสิบกิโลเมตร
 “ทำไมผนึกทั้งแปดถึงแยกห่างจากกัน?”  เย่ว์หยางสับสนเล็กน้อย  เพราะตำแหน่งทั้งแปดห่างกันเกือบพันกิโลเมตร
 “จะให้ตั่วตั่วไปร่วมสำรวจขุมทรัพย์ด้วยไหม?”  ตั่วตั่วอยากไปล่าสมบัติพร้อมกับเย่ว์หยาง
 “ไม่ต้องรีบ  รอให้ข้าปลดผนึกทั้งแปดให้หมดก่อน  แล้วค่อยเรียกเจ้าอีกครั้ง!  เย่ว์หยางหัวเราะและแนะนำนางไม่ให้ใจร้อน
 “ก็ได้ อย่างนั้นหลิงหลิงกับข้าจะช่วยแปลผังหุ่นรบต่อไป”  ตั่วตั่วตั้งชื่อภูตนำทางให้นางชื่อหลิงหลิง แนวทางการตั้งชื่อของนางคล้ายกับเย่ว์หยางที่คร้านจะกังวล อา.. นี่ไม่เป็นปัญหาอะไร ตราบใดที่ภูตนำทางชอบก็ไม่เป็นไร
 “น่าเสียดายที่อู๋เหินยังติดงานสอน  ถ้านางอยู่ด้วยเจ้าคงไม่ต้องรับงานหนัก”  เย่ว์หยางลูบศีรษะของตั่วตั่ว  เชื่อว่าสาวน้อยจะทำงานสำคัญได้สำเร็จ
เด็กหนุ่มตัวร้ายออกจากวังเทียนหลัวและกลับไปยังเมืองไป๋เหอ
หลายวันมานี้หลิวเย่ไม่ได้ออกไปข้างนอก
นางขยันฝึกฝนเป็นอย่างมาก
นางกับเย่ว์ปิงเป็นเด็กที่ขยันและว่านอนสอนง่าย  คนอื่นไม่อาจเทียบกับพวกนางได้
เนื่องจากหลิวเย่พักอยู่ที่โรงแรมกางเขนเหล็กทุกวันเพื่อฝึกฝนฝีมือไปด้วย  ชิงผิงมักไปหานางอยู่บ่อยครั้ง  เพราะส่วนใหญ่นางซ่อนตัวอยู่ในโลกคัมภีร์ทุกวัน  โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเย่ว์หยางออกไป นางไม่เปิดโอกาสให้ศัตรูอย่างง่ายดาย
ตรงกันข้ามกับเจ้าอ้วนไห่ เย่คงและเสวี่ยทันหลาง ที่ออกไปเตร็ดเตร่ข้างนอกทั้งวันไม่หยุดพักเลยสักวัน
เพื่อจับตามองและเข้าใกล้พวกเขา ชิงผิงปล่อยวางไม่สนใจหลิวเย่ผู้ไม่มีอันตรายอย่างสิ้นเชิง  และร่วมกลุ่มของเจ้าอ้วนไห่และเย่คงอย่างตั้งใจและพาเขาเที่ยวทั่วเมืองไป๋เหอในฐานะมัคคุเทศก์   เพราะคนเหล่านี้ไม่ได้เป็นภัยคุกคาม ตอนแรกผู้เฒ่าเถี่ยเหมากังวลอยู่สองสามวันและเมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรผิดปกติจึงค่อยๆ ผ่อนคลาย
ถึงตอนนี้ข่าวการขึ้นครองบัลลังก์อย่างยิ่งใหญ่ของราชินีเว่ยฟงแพร่กระจายไปทั่ว
เมืองไป๋เหอตื่นตัวและหันมาให้ความสนใจเมืองลู่หลิวมากขึ้น
 “น้องหลิวเย่!  เรากำลังจะไปตกปลากันตอนบ่าย เจ้าจะมาด้วยหรือไม่?”  ชิงผิงมาหาหลิวเย่ทุกเช้า นางรู้ว่าแม้นางจะมาเร็ว  หลิวเย่ก็มีเหงื่อโชกทุกวัน
ถ้าไม่ใช่เพราะเมื่อใดก็ตามที่นางมากดกระดิ่งเรียกหลิวเย่  ซึ่งนางจะรู้สึกถึงข้างนอกได้  นางจะออกมาจากโลกคัมภีร์
ชิงผิงสงสัยว่าหลิวเย่ลอบออกไปสืบเรื่องลับๆ หรือไม่?
ความจริงคือ ไม่
หลังจากสังเกตมาหลายวัน ชิงผิงพบว่าหลิวเย่ฝึกฝนหนักมากจริงๆ ทุกเช้าก่อนฟ้าสางหลิวเย่ก็ลุกขึ้นมาฝึกฝนแล้ว  นางออกมาทักทายชิงผิง จากนั้นก็หยุดพักสักครู่ ทำอาหารกินเอง จากนั้นจะกลับไปฝึกฝนต่อไป ถ้าไม่มีอะไรเกิดขึ้นในตอนเช้า นางจะฝึก  ไม่มีอะไรทำตอนบ่าย นางก็ฝึก  ไม่มีอะไรทำตอนค่ำ นางจะฝึกต่อไป... ชิงผิงไม่เคยเห็นใครขยันเป็นบ้าเป็นหลังยิ่งกว่าหลิวเย่  ในเมืองไป๋เหอถ้าเอาคนที่บ้าฝึกฝนมาเทียบกับนาง   หลิวเย่คงทำให้คนเหล่านั้นละอายใจจนฆ่าตัวตายเป็นแน่
สำหรับคำถามของชิงผิง หลิวเย่ตอบว่านางยังแข็งแกร่งไม่พอ  ดังนั้นนางต้องฝึกฝนให้ทันคนอื่น
ยิ่งกว่านั้นหลิวเย่ยังบอกอีกว่า นางไม่ใช่คนที่ขยันที่สุดยังมีคนที่ขยันกว่านางอีกมากมาย
ชิงผิงไม่เชื่อคำตอบนี้
แต่นางไม่เคยเห็นหลิวเย่หลับนอน  ในที่สุดนางต้องถอนหายใจยอมรับว่าหลิวเย่หรือคนที่นางรู้จักเป็นพวกบ้าฝึกทั้งนั้น   ต่อมาเหตุผลที่นางเชื่อหลิวเย่เล็กน้อย นางพบว่าเจ้าอ้วนไห่คนไร้ยางอายและน่าขัน เย่คง เสวี่ยทันหลาง องค์ชายเทียนหลัว พี่น้องตระกูลหลี่และพวกทุกคนบ้าฝึกฝนกันทั้งนั้น
การเอาแต่เล่น ไม่รู้จักขยันทุ่มเทฝึกฝน  นั่นเป็นการทำร้ายตนเอง
ถ้าว่ากันถึงเวลาของการฝึกฝน  พวกเขามิอาจเทียบหลิวเย่ได้
แต่ในแง่ของความขยัน
พวกเขายอดเยี่ยม
ธรรมเนียมของคนพวกนี้เป็นเช่นนี้
ชิงผิงรายงานเรื่องนี้กับหัวหน้าของนางอย่างไม่เต็มใจ  การฝึกฝนหนักเป็นธรรมเนียมของคนเหล่านี้ พวกเขามีนิสัยที่ว่างเมื่อไหร่เป็นฝึกฝนเมื่อนั้นอย่างนั้นหรือ?  เฒ่าเถี่ยเหมาหลังจากทราบข้อมูล ถึงกับพูดไม่ออกไปครึ่งชั่วโมง
หลิวเย่อยู่หลังประตูกำลังใช้ผ้าขนหนูขาวเช็ดเหงื่อทำให้หน้าผากขาวละเอียดอ่อนเหมือนหยกของนางติดกับไรผมอ่อนเปียกโชก   นางเพิ่งล้างหน้าใหม่มองเห็นผิวของนางอมชมพู  หลังจากฝึกเสร็จอกของนางยังสะท้อนขึ้นลงตามจังหวะหายใจเข้าออก หยดเหงื่อที่เกาะพราวไหลกลิ้งลงไปตามลำคอ
แม้ว่านางจะใช้น้ำล้างหน้า  นางไม่สามารถหยุดความร้อนในร่างได้ ร่างของนางมีไอน้ำระเหยออก
เพราะเห็นลักษณะของหลิวเย่ ชิงผิงไม่รู้สึกอิจฉาแต่อย่างใด
เมื่อเทียบกับชิงผิงที่โตเต็มวัยแล้ว  หลิวเย่ยังไม่เติบโตเต็มที่  นางยังเป็นสาวบริสุทธิ์ แม้ว่าในอนาคตนางจะต้องเป็นหญิงงามอย่างแน่นอน  แต่ตอนนี้นางแค่เพิ่งแตกวัยสาว  นอกจากนี้ไม่ว่ารูปร่างนางจะดูบอบบางเพียงใด สาวมนุษย์เงือกกลายพันธุ์มีความมั่นใจแน่นอน
อย่างไรก็ตามนางรู้สึกอิจฉากลิ่นหอมสดชื่นเป็นธรรมชาติของหลิวเย่
กลิ่นหอมของหลิวเย่ไม่ชัดเจน
เว้นแต่นางหลั่งเหงื่อขณะฝึกฝน นางจึงจะรู้สึกได้
นั่นเป็นแค่กลิ่นสาวพรหมจรรย์ของหลิวเย่บริสุทธิ์และเป็นธรรมชาติ  ไม่ใช่กลิ่นหอมปรุงแต่งอย่างใดอย่างหนึ่ง  จากกลิ่นหอมนี้ชิงผิงสามารถรู้สึกได้ว่าร่างกายของหลิวเย่กำลังเติบโตแข็งแรง เต็มไปด้วยพลัง  ถ้าสุขภาพร่างกายไม่ดีเป็นไปไม่ได้ที่จะสร้างกลิ่นหอมอย่างนั้น  ขณะเดียวกันกลิ่นหอมจากร่างที่เป็นสาวพรหมจรรย์ แตกต่างจากกลิ่นหอมปรุงแต่งโดยสิ้นเชิง
น้ำหอมอาจดึงดูดความสนใจของบุรุษ  เหมือนสุนัขตัวผู้ที่ติดตัวเมีย
แต่ไม่มีทางเป็นไปได้ที่จะสร้างกลิ่นสาวพรหมจรรย์ขึ้นมา
ต้องเป็นกลิ่นโดยธรรมชาติ!
ชิงผิงยากจะมีกลิ่นตัวแบบนี้ได้โดยเฉพาะสาวเผ่ามนุษย์เงือกกลายพันธุ์  เพราะสาวมนุษย์เงือกกลายพันธุ์ไม่เพียงแต่ชอบน้ำหอมเท่านั้น  แต่ยังปล่อยเนื้อปล่อยตัว พวกนางเปิดกว้างไม่สนใจเรื่องความบริสุทธิ์หรือธรรมเนียมทางจริยธรรมที่ลูกผู้หญิงควรให้ความสำคัญ
โลกภายนอกไม่ค่อยรู้เรื่องของมนุษย์เงือกกลายพันธุ์มากนัก และคิดเอาเองว่าพวกเขาเป็นพวกหัวอนุรักษ์
ความจริงพวกเขาไม่เคยแสดงออกมา...
หญิงสาวเผ่ามนุษย์เงือกกลายพันธุ์ เพราะข้อจำกัดของบรรพบุรุษขีดเส้นให้พวกนางมีความสุขอยู่ในแวดวงของมนุษย์เงือกกลายพันธุ์ด้วยกันเท่านั้น
แน่นอนคนนอกไม่รู้อะไรเกี่ยวกับพวกเขาถ้าไม่ใช่คนแก่เฒ่าที่อยู่ในเมืองไป๋เหอมานาน  ไม่กี่วันที่ผ่านมาเจ้าอ้วนไห่ยังคงร่ำร้องและพูดว่าสาวๆ เมืองไป๋เหอกำลังมีปัญหาในการพูดคุย  ชิงผิงอดแอบขำมิได้  ถ้าบุรุษอ้วนผู้นี้เป็นมนุษย์เงือกกลายพันธุ์ แม้ว่าเขาจะเติบโตขึ้นมาเหมือนสุกรโง่  นางเชื่อว่ายังจะมีสาวเผ่ามนุษย์เงือกกลายพันธุ์นับไม่ถ้วนพากันแย่งชิงเขา... เทียบกับบุรุษเผ่ามนุษย์เงือกกลายพันธุ์จำนวนมากที่ดูเหมือนภูตผี  คนตาย  เจ้าอ้วนบ้านี่ก็ยังดูดีกว่าเล็กน้อยไม่ใช่หรือ?
 “พี่ชิงผิงมาถึงแล้วหรือ  ข้าคงไม่ไปตกปลาแน่  ข้าจะออกไปหาอะไรบางอย่างข้างนอก”  หลิวเย่ไม่คิดว่าเพียงเปิดประตูออกมาขณะที่นางกำลังเช็ดหน้า  หญิงสาวเผ่ามนุษย์เงือกกลายพันธุ์จะมีความคิดมากมายอยู่ในใจ
 “อา..ก็ดี!  ชิงผิงชินกับการปฏิเสธของหลิวเย่แล้ว
 “พี่ชิงผิง ขอให้สนุกนะ!  หลิวเย่พยักหน้าอย่างสุภาพและเตรียมจะปิดประตู
 “เดี๋ยวก่อน, เจ้าจะออกไปข้างนอกหรือ?”  ชิงผิงถามกลับทันที  หลิวเย่ไม่ได้ออกไปข้างนอกตลอดเวลาไม่ใช่หรือ?  ทำไมวันนี้นางถึงออกไปเล่า?
 “อาจารย์กลับมาเมื่อวานนี้  วันนี้ข้าจะไปที่สมาคมเหล็กกล้าพูดคุยธุรกิจหลายแห่ง!  หลิวเย่เผลอพูดข่าวใหญ่  ชิงผิงอยู่ต่ออีกนานก่อนจะถามขึ้น  “อาจารย์เจ้า?  เจ้างี่เง่า อุ๊ย.. ขอโทษ  ท่านเย่ว์หยางใช่ไหม?   เขามาเมื่อวานนี้ ทำไมข้าไม่รู้เลย?  นอกจากเขาแล้ว มีใครอื่นมาด้วยหรือไม่?”
 “อาจารย์กลับมาคนเดียว และกลับมาดึก เจ้าไม่รู้นั่นเป็นเรื่องปกติ  ข้าจะไปโอนเงินและรวบรวมมณีหลากสีสักสองสามกล่องก่อน เรารวบรวมแร่ได้มากขึ้นด้วย!  หลิวเย่บอกข่าวแก่ชิงผิงง่ายๆ
 “หวังว่าเจ้าจะทำงานได้ราบรื่น  เจ้าต้องการให้ข้าเป็นมัคคุเทศก์ด้วยไหม?”  ชิงผิงลังเลเล็กน้อยแล้วถาม
 “คงไม่, ดูเหมือนสมาคมเหล็กกล้าจะมีผู้จัดการชื่อชี่เหออยู่แล้ว”  หลิวเย่พูดถึงชื่ออย่างไม่ใส่ใจนัก  เมื่อชิงผิงได้ยินชื่อนี้นางยิ้มทันที “ช่วยไม่ได้ เสียดายจริงๆ ที่ผ่านมาข้าอยากช่วยเจ้า ในเมื่อมีการเตรียมการที่ดีอยู่แล้ว นั่นก็ดีแล้ว  ข้าจะเอาของขวัญมาให้เจ้าตอนกลางคืน  แม้ว่าข้าจะไม่ได้ทำธุรกิจ  แต่ข้าตกปลาเก่งนะ!  น้องหลิวเย่!  อย่างนั้นข้าไม่รบกวนเจ้าอีกแล้ว ฝากทักทายท่านเย่ว์หยางแทนข้า  ถ้ามีเวลาว่างเราค่อยไปจับจ่ายซื้อของด้วยกัน!
 “ลาก่อน”  หลิวเย่ปิดประตู และนำกระดิ่งประตูกลับเข้ามา นางเรียกคัมภีร์อัญเชิญและกลับเข้าไปในคัมภีร์  เย่ว์หยางรออยู่ข้างในอยู่แล้ว  หลิวเย่มองดูเขาและแล่บลิ้นอย่างน่ารัก  “ข้าโกหกกลับได้ดีไหม..”
 “เจ้าไม่ใช่คนโกหกหลอกลวง!  เย่ว์หยางมีความสุขอย่างมาก  นางผู้นี้ไม่ได้โกหก เพียงแต่นางไม่ได้พูดความจริงทั้งหมดทำให้คนเข้าใจผิดไปเอง
 “อย่างไรก็ตาม เราก็หลอกนางไปแล้ว”  หลิวเย่วิ่งเข้าครัวจัดเตรียมอาหารเช้าให้เย่ว์หยาง จากนั้นนางกลับไปอาบน้ำอีกครั้งหลังจากเปลี่ยนเป็นชุดรบรัดกุมเรียบร้อย นางหวีผมที่หน้ากระจกมัดผมหางม้า จากนั้นรีบเดินออกมาเคียงข้างไปกับเขา ด้วยเหตุนี้ผมรวบหางม้าของนางจึงแกว่งไปมา
เย่ว์หยางส่งน้ำและของว่างให้นาง นางกินอย่างรวดเร็ว
บางครั้งนางลอบมองเขาผ่านขนตางอนยาว
เมื่อเขามอง นางรีบหลบตาอีกครั้ง
ปกติไม่ค่อยมีโอกาสที่นางจะอยู่กับเขาตามลำพัง  ตอนนี้ไม่รู้ว่าทำไม ไม่มีคนอื่นมากับเขาปล่อยให้นางกับเขาค้นหาสมบัติกันเองสองต่อสอง
หลิวเย่รู้สึกชุ่มชื่นในหัวใจ แม้แต่จิบน้ำก็รู้สึกว่าน้ำพลอยหวานไปด้วย!

12 ความคิดเห็น:

อ่าห้า กล่าวว่า...

ไม่น๊าาหลิวเย่น้อยย อย่าตกหลุมเจ้าหมาป่านั้นนน

Wa Wakung กล่าวว่า...

อีกหนึ่งคน

manit กล่าวว่า...

ใจจ้า

krisda กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ นึกว่าจะมีรอดสักคน

zen zen กล่าวว่า...

เดาได้เลยว่าเย่หวี่ไม่ใช้คนในตระกูลเย่แต่เป็นหลิวเย่แทนแค่ตอนนี้ยังไม่มีเฉลย

Outlaw12 กล่าวว่า...

รายต่อไป

oBABYVOXo กล่าวว่า...

อย่าเพิ่งรู้เลย ให้กินตับก่อน อิอิ

Boybravo กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

zen zen กล่าวว่า...

ก็คิดเหมือนกัน555

akekapoj-tee กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

chay กล่าวว่า...

ไม่ใช่ทั้งคู่ครับ (เดาล้วนๆ)555

Puisiwa กล่าวว่า...

แม่นาง นั่นหมาป่านะครับ

แสดงความคิดเห็น