ตอนที่ 1015
ข้าโกหกได้แล้ว!
เย่ว์หยางใช้เวลาอยู่ร่วมกับราชันย์ปีศาจใต้สองสามวัน
เพื่อเพิ่มระดับความอิ่มเอมใจให้กับภรรยาใหม่
ใบหน้านางเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวลด้วยประกายแห่งความสุข
ต่อมาบางทีอาจมีคนอื่นลอบเตือนนาง
หรืออาจเป็นเพราะการเรียนรู้ของนาง
นางติดตามเย่ว์หยางกลับไปหอทงเทียน เพื่อพบแม่สี่ตามธรรมเนียม แม้ว่าจะไม่เป็นทางการ
แต่ก็ต้องถือว่านางเป็นผู้อาวุโสที่บ้าน
เนื่องจากนางเลื่อนระดับพลังเป็นพลังปราณราชันย์ระดับสอง
ผนึกสายเลือดนางได้รับการปลดปล่อย
แม่สี่และจักรพรรดินีราตรีที่เพิ่งกลับมายังวังเทียนหลัวมีความรู้สึกว่านางควรจะตั้งสมาธิกับการฝึกฝนในช่วงเวลานี้ แม้ว่าราชันย์ปีศาจใต้เพิ่งจะปลดผนึกสายเลือดได้
นางเองก็ตกใจคิดไม่ถึงเรื่องนี้เช่นกัน
สำหรับความรักและคำแนะนำของผู้อาวุโส
ราชันย์ปีศาจใต้สาวผีผาหยกนางมีความเฉลียวฉลาดและเห็นพ้องด้วย ไม่ว่ายังไงก็ตามนางกลายเป็นภรรยาแล้ว จะแยกห่างจากกันบ้างไม่มีอะไรผิดปกติ
นอกจากนี้
เขามีเข็มทิศสามภพ สามารถไปมาได้โดยใช้เวลาไม่ถึงสิบวันครึ่งเดือน
ราชันย์ปีศาจใต้รั้งอยู่
และจักรพรรดินีราตรีจะช่วยให้นางเลื่อนระดับอีก
เย่ว์หยางเตรียมตัวจะขึ้นไปค้นคว้ากำไลอสูรที่สร้างจากผลึกมังกรฟ้า
เป็นกำไลอสูรคุณภาพดีที่สุด ซึ่งไม่ทราบว่าฝ่าบาทจะเห็นเป็นเช่นไร?
อย่างไรก็ตามยังไม่ทันจะเริ่มทำอย่างเป็นทางการ
ตั่วตั่วก็รีบนำข่าวดีเข้ามาบอกเย่ว์หยาง ภูตนำทางที่ซ่อนตัวอยู่กับนางรู้จักรูปและข้อความโบราณในคัมภีร์หุ่นรบโบราณ
แต่ยังมีความลับอยู่บนลายแทงลับโบราณอีกชั้นหนึ่ง
หลังจากเกลี้ยกล่อมแล้ว
นางสัญญาว่าจะให้เย่ว์หยางรับนางไว้ลี้ภัยชั่วคราว
แม้ว่านางจะปฏิเสธยอมรับนายใหม่
แต่นางรับใช้เขาได้
เงื่อนไขก็คือนางต้องการศิลาวิญญาณขนาดยักษ์นั่นจะทำให้นางได้รับพลังงานต่อเนื่อง
เย่ว์หยางกำลังคิดจะมอบศิลาวิญญาณขนาดยักษ์ให้อาหมันหรือภูตฟ้าปั่นป่วน
เพื่อเพิ่มพลังให้อาหมันและภูตฟ้าปั่นป่วนอาจสร้างร่างใหม่ได้ ถ้าเขามอบให้ภูตนำทางก็คงไม่เป็นไร อาหมันสามารถเข้าไปยังโลกศิลาในทะเลคลั่ง
และซึมซับพลังงานจากที่นั่นได้
และภูตฟ้าปั่นป่วนจะมีโอกาสที่ดีในอนาคตแน่นอน
“ตราบใดที่นางช่วยแปลลายแทงขุมทรัพย์โบราณให้
ศิลาวิญญาณยักษ์จะเป็นของนาง”
เย่ว์หยางรู้ว่าไม่ง่ายที่จะแปลลายแทงขุมทรัพย์โบราณ สำหรับคัมภีร์หุ่นโบราณ
เกี่ยวกับคำที่เขาไม่รู้ไม่ค่อยเข้าใจ
เมื่อเวลาผ่านไป ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง
เขาจะค่อยๆ ค้นคว้าดู!
นอกจากนี้ พี่หวี่ยังฝึกอยู่ที่บันไดสวรรค์ ไม่มีใครช่วยงานทดลอง ตั่วตั่วทราบการตัดสินใจของเย่ว์หยาง
นางรีบกลับไปบอกข่าวให้ภูตน้อยนำทางทราบ
ทั้งสองต่างเต็มไปด้วยความกระตือรือร้นแบ่งงานกันทำและช่วยแปลทันที
เย่ว์หยางไม่ได้อยู่เฉย ขณะที่พวกนางช่วยกันแปลลายแทงขุมทรัพย์โบราณ
เขากลั่นศิลาวิญญาณยักษ์ด้วยเพลิงอมฤตและปราณกระบี่ธรรมชาติ
หลังจากเหนื่อยแทบตาย มันยากจะกลั่นศิลาวิญญาณยักษ์นี้ได้ เขาแค่เห็นความบริสุทธิ์เลือนราง
ศิลาวิญญาณยักษ์ลดขนาดลงมาก
แต่ทำให้มันสว่างมากขึ้น
มองดูเหมือนดวงอาทิตย์น้อย
พลังงานมหาศาลไม่มีใดเทียบ
แม้ว่าภูตนำทางจะไม่กล้ามองเย่ว์หยาง แต่เมื่อนางรับศิลาวิญญาณยักษ์จากตั่วตั่ว
นางปลาบปลื้มจนแทบหลั่งน้ำตา
นางไม่รู้จะระบายความรู้สึกยังไง
จึงได้แต่จูบหน้าตั่วตั่วสองสามครั้งด้วยความดีใจ
บินรอบศิลาวิญญาณและบินอยู่ในอากาศอย่างมีความสุข
“แทบจะเหมือนกับที่ข้าคาดหวังเอาไว้ ตำแหน่งขุมทรัพย์ตามลายแทงอยู่ใกล้เมืองไป๋เหอจริงๆ!” เย่ว์หยางหยิบลายแทงขุมทรัพย์โบราณที่แปลแล้วพบว่าเป้าหมายนั้นอยู่ห่างจากเมืองไป๋เหอไม่ถึง
500 กิโลเมตร ตามลายแทงหากต้องการเข้าสู่พื้นที่ลับของขุมทรัพย์
จะต้องปลดผนึกที่อยู่รอบๆ แปดตำแหน่ง
ประตูทางเข้าขุมทรัพย์จึงจะเปิดออก
“นี่คือเมืองไป๋เหอจริงๆ หรือ?”
ตั่วตั่วพบว่าตำแหน่งทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ที่ต้องคลายผนึกใต้น้ำอยู่ห่างเมืองไป๋เหอสิบกิโลเมตร
“ทำไมผนึกทั้งแปดถึงแยกห่างจากกัน?” เย่ว์หยางสับสนเล็กน้อย เพราะตำแหน่งทั้งแปดห่างกันเกือบพันกิโลเมตร
“จะให้ตั่วตั่วไปร่วมสำรวจขุมทรัพย์ด้วยไหม?” ตั่วตั่วอยากไปล่าสมบัติพร้อมกับเย่ว์หยาง
“ไม่ต้องรีบ
รอให้ข้าปลดผนึกทั้งแปดให้หมดก่อน
แล้วค่อยเรียกเจ้าอีกครั้ง!”
เย่ว์หยางหัวเราะและแนะนำนางไม่ให้ใจร้อน
“ก็ได้
อย่างนั้นหลิงหลิงกับข้าจะช่วยแปลผังหุ่นรบต่อไป”
ตั่วตั่วตั้งชื่อภูตนำทางให้นางชื่อหลิงหลิง
แนวทางการตั้งชื่อของนางคล้ายกับเย่ว์หยางที่คร้านจะกังวล อา..
นี่ไม่เป็นปัญหาอะไร ตราบใดที่ภูตนำทางชอบก็ไม่เป็นไร
“น่าเสียดายที่อู๋เหินยังติดงานสอน ถ้านางอยู่ด้วยเจ้าคงไม่ต้องรับงานหนัก” เย่ว์หยางลูบศีรษะของตั่วตั่ว เชื่อว่าสาวน้อยจะทำงานสำคัญได้สำเร็จ
เด็กหนุ่มตัวร้ายออกจากวังเทียนหลัวและกลับไปยังเมืองไป๋เหอ
หลายวันมานี้หลิวเย่ไม่ได้ออกไปข้างนอก
นางขยันฝึกฝนเป็นอย่างมาก
นางกับเย่ว์ปิงเป็นเด็กที่ขยันและว่านอนสอนง่าย คนอื่นไม่อาจเทียบกับพวกนางได้
เนื่องจากหลิวเย่พักอยู่ที่โรงแรมกางเขนเหล็กทุกวันเพื่อฝึกฝนฝีมือไปด้วย ชิงผิงมักไปหานางอยู่บ่อยครั้ง
เพราะส่วนใหญ่นางซ่อนตัวอยู่ในโลกคัมภีร์ทุกวัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเย่ว์หยางออกไป
นางไม่เปิดโอกาสให้ศัตรูอย่างง่ายดาย
ตรงกันข้ามกับเจ้าอ้วนไห่
เย่คงและเสวี่ยทันหลาง ที่ออกไปเตร็ดเตร่ข้างนอกทั้งวันไม่หยุดพักเลยสักวัน
เพื่อจับตามองและเข้าใกล้พวกเขา
ชิงผิงปล่อยวางไม่สนใจหลิวเย่ผู้ไม่มีอันตรายอย่างสิ้นเชิง และร่วมกลุ่มของเจ้าอ้วนไห่และเย่คงอย่างตั้งใจและพาเขาเที่ยวทั่วเมืองไป๋เหอในฐานะมัคคุเทศก์ เพราะคนเหล่านี้ไม่ได้เป็นภัยคุกคาม
ตอนแรกผู้เฒ่าเถี่ยเหมากังวลอยู่สองสามวันและเมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรผิดปกติจึงค่อยๆ
ผ่อนคลาย
ถึงตอนนี้ข่าวการขึ้นครองบัลลังก์อย่างยิ่งใหญ่ของราชินีเว่ยฟงแพร่กระจายไปทั่ว
เมืองไป๋เหอตื่นตัวและหันมาให้ความสนใจเมืองลู่หลิวมากขึ้น
“น้องหลิวเย่! เรากำลังจะไปตกปลากันตอนบ่าย
เจ้าจะมาด้วยหรือไม่?”
ชิงผิงมาหาหลิวเย่ทุกเช้า นางรู้ว่าแม้นางจะมาเร็ว หลิวเย่ก็มีเหงื่อโชกทุกวัน
ถ้าไม่ใช่เพราะเมื่อใดก็ตามที่นางมากดกระดิ่งเรียกหลิวเย่ ซึ่งนางจะรู้สึกถึงข้างนอกได้ นางจะออกมาจากโลกคัมภีร์
ชิงผิงสงสัยว่าหลิวเย่ลอบออกไปสืบเรื่องลับๆ
หรือไม่?
ความจริงคือ ไม่
หลังจากสังเกตมาหลายวัน
ชิงผิงพบว่าหลิวเย่ฝึกฝนหนักมากจริงๆ ทุกเช้าก่อนฟ้าสางหลิวเย่ก็ลุกขึ้นมาฝึกฝนแล้ว นางออกมาทักทายชิงผิง จากนั้นก็หยุดพักสักครู่
ทำอาหารกินเอง จากนั้นจะกลับไปฝึกฝนต่อไป ถ้าไม่มีอะไรเกิดขึ้นในตอนเช้า
นางจะฝึก ไม่มีอะไรทำตอนบ่าย นางก็ฝึก ไม่มีอะไรทำตอนค่ำ นางจะฝึกต่อไป...
ชิงผิงไม่เคยเห็นใครขยันเป็นบ้าเป็นหลังยิ่งกว่าหลิวเย่ ในเมืองไป๋เหอถ้าเอาคนที่บ้าฝึกฝนมาเทียบกับนาง
หลิวเย่คงทำให้คนเหล่านั้นละอายใจจนฆ่าตัวตายเป็นแน่
สำหรับคำถามของชิงผิง
หลิวเย่ตอบว่านางยังแข็งแกร่งไม่พอ
ดังนั้นนางต้องฝึกฝนให้ทันคนอื่น
ยิ่งกว่านั้นหลิวเย่ยังบอกอีกว่า
นางไม่ใช่คนที่ขยันที่สุดยังมีคนที่ขยันกว่านางอีกมากมาย
ชิงผิงไม่เชื่อคำตอบนี้
แต่นางไม่เคยเห็นหลิวเย่หลับนอน
ในที่สุดนางต้องถอนหายใจยอมรับว่าหลิวเย่หรือคนที่นางรู้จักเป็นพวกบ้าฝึกทั้งนั้น ต่อมาเหตุผลที่นางเชื่อหลิวเย่เล็กน้อย นางพบว่าเจ้าอ้วนไห่คนไร้ยางอายและน่าขัน
เย่คง เสวี่ยทันหลาง องค์ชายเทียนหลัว พี่น้องตระกูลหลี่และพวกทุกคนบ้าฝึกฝนกันทั้งนั้น
การเอาแต่เล่น
ไม่รู้จักขยันทุ่มเทฝึกฝน นั่นเป็นการทำร้ายตนเอง
ถ้าว่ากันถึงเวลาของการฝึกฝน พวกเขามิอาจเทียบหลิวเย่ได้
แต่ในแง่ของความขยัน
พวกเขายอดเยี่ยม
ธรรมเนียมของคนพวกนี้เป็นเช่นนี้
ชิงผิงรายงานเรื่องนี้กับหัวหน้าของนางอย่างไม่เต็มใจ การฝึกฝนหนักเป็นธรรมเนียมของคนเหล่านี้
พวกเขามีนิสัยที่ว่างเมื่อไหร่เป็นฝึกฝนเมื่อนั้นอย่างนั้นหรือ? เฒ่าเถี่ยเหมาหลังจากทราบข้อมูล
ถึงกับพูดไม่ออกไปครึ่งชั่วโมง
หลิวเย่อยู่หลังประตูกำลังใช้ผ้าขนหนูขาวเช็ดเหงื่อทำให้หน้าผากขาวละเอียดอ่อนเหมือนหยกของนางติดกับไรผมอ่อนเปียกโชก
นางเพิ่งล้างหน้าใหม่มองเห็นผิวของนางอมชมพู
หลังจากฝึกเสร็จอกของนางยังสะท้อนขึ้นลงตามจังหวะหายใจเข้าออก
หยดเหงื่อที่เกาะพราวไหลกลิ้งลงไปตามลำคอ
แม้ว่านางจะใช้น้ำล้างหน้า นางไม่สามารถหยุดความร้อนในร่างได้
ร่างของนางมีไอน้ำระเหยออก
เพราะเห็นลักษณะของหลิวเย่
ชิงผิงไม่รู้สึกอิจฉาแต่อย่างใด
เมื่อเทียบกับชิงผิงที่โตเต็มวัยแล้ว หลิวเย่ยังไม่เติบโตเต็มที่ นางยังเป็นสาวบริสุทธิ์
แม้ว่าในอนาคตนางจะต้องเป็นหญิงงามอย่างแน่นอน
แต่ตอนนี้นางแค่เพิ่งแตกวัยสาว
นอกจากนี้ไม่ว่ารูปร่างนางจะดูบอบบางเพียงใด สาวมนุษย์เงือกกลายพันธุ์มีความมั่นใจแน่นอน
อย่างไรก็ตามนางรู้สึกอิจฉากลิ่นหอมสดชื่นเป็นธรรมชาติของหลิวเย่
กลิ่นหอมของหลิวเย่ไม่ชัดเจน
เว้นแต่นางหลั่งเหงื่อขณะฝึกฝน
นางจึงจะรู้สึกได้
นั่นเป็นแค่กลิ่นสาวพรหมจรรย์ของหลิวเย่บริสุทธิ์และเป็นธรรมชาติ ไม่ใช่กลิ่นหอมปรุงแต่งอย่างใดอย่างหนึ่ง
จากกลิ่นหอมนี้ชิงผิงสามารถรู้สึกได้ว่าร่างกายของหลิวเย่กำลังเติบโตแข็งแรง
เต็มไปด้วยพลัง
ถ้าสุขภาพร่างกายไม่ดีเป็นไปไม่ได้ที่จะสร้างกลิ่นหอมอย่างนั้น ขณะเดียวกันกลิ่นหอมจากร่างที่เป็นสาวพรหมจรรย์
แตกต่างจากกลิ่นหอมปรุงแต่งโดยสิ้นเชิง
น้ำหอมอาจดึงดูดความสนใจของบุรุษ เหมือนสุนัขตัวผู้ที่ติดตัวเมีย
แต่ไม่มีทางเป็นไปได้ที่จะสร้างกลิ่นสาวพรหมจรรย์ขึ้นมา
ต้องเป็นกลิ่นโดยธรรมชาติ!
ชิงผิงยากจะมีกลิ่นตัวแบบนี้ได้โดยเฉพาะสาวเผ่ามนุษย์เงือกกลายพันธุ์
เพราะสาวมนุษย์เงือกกลายพันธุ์ไม่เพียงแต่ชอบน้ำหอมเท่านั้น แต่ยังปล่อยเนื้อปล่อยตัว
พวกนางเปิดกว้างไม่สนใจเรื่องความบริสุทธิ์หรือธรรมเนียมทางจริยธรรมที่ลูกผู้หญิงควรให้ความสำคัญ
โลกภายนอกไม่ค่อยรู้เรื่องของมนุษย์เงือกกลายพันธุ์มากนัก
และคิดเอาเองว่าพวกเขาเป็นพวกหัวอนุรักษ์
ความจริงพวกเขาไม่เคยแสดงออกมา...
หญิงสาวเผ่ามนุษย์เงือกกลายพันธุ์
เพราะข้อจำกัดของบรรพบุรุษขีดเส้นให้พวกนางมีความสุขอยู่ในแวดวงของมนุษย์เงือกกลายพันธุ์ด้วยกันเท่านั้น
แน่นอนคนนอกไม่รู้อะไรเกี่ยวกับพวกเขาถ้าไม่ใช่คนแก่เฒ่าที่อยู่ในเมืองไป๋เหอมานาน
ไม่กี่วันที่ผ่านมาเจ้าอ้วนไห่ยังคงร่ำร้องและพูดว่าสาวๆ
เมืองไป๋เหอกำลังมีปัญหาในการพูดคุย ชิงผิงอดแอบขำมิได้ ถ้าบุรุษอ้วนผู้นี้เป็นมนุษย์เงือกกลายพันธุ์
แม้ว่าเขาจะเติบโตขึ้นมาเหมือนสุกรโง่
นางเชื่อว่ายังจะมีสาวเผ่ามนุษย์เงือกกลายพันธุ์นับไม่ถ้วนพากันแย่งชิงเขา...
เทียบกับบุรุษเผ่ามนุษย์เงือกกลายพันธุ์จำนวนมากที่ดูเหมือนภูตผี คนตาย
เจ้าอ้วนบ้านี่ก็ยังดูดีกว่าเล็กน้อยไม่ใช่หรือ?
“พี่ชิงผิงมาถึงแล้วหรือ ข้าคงไม่ไปตกปลาแน่ ข้าจะออกไปหาอะไรบางอย่างข้างนอก”
หลิวเย่ไม่คิดว่าเพียงเปิดประตูออกมาขณะที่นางกำลังเช็ดหน้า
หญิงสาวเผ่ามนุษย์เงือกกลายพันธุ์จะมีความคิดมากมายอยู่ในใจ
“อา..ก็ดี!”
ชิงผิงชินกับการปฏิเสธของหลิวเย่แล้ว
“พี่ชิงผิง ขอให้สนุกนะ!” หลิวเย่พยักหน้าอย่างสุภาพและเตรียมจะปิดประตู
“เดี๋ยวก่อน, เจ้าจะออกไปข้างนอกหรือ?” ชิงผิงถามกลับทันที
หลิวเย่ไม่ได้ออกไปข้างนอกตลอดเวลาไม่ใช่หรือ? ทำไมวันนี้นางถึงออกไปเล่า?
“อาจารย์กลับมาเมื่อวานนี้
วันนี้ข้าจะไปที่สมาคมเหล็กกล้าพูดคุยธุรกิจหลายแห่ง!”
หลิวเย่เผลอพูดข่าวใหญ่
ชิงผิงอยู่ต่ออีกนานก่อนจะถามขึ้น
“อาจารย์เจ้า? เจ้างี่เง่า อุ๊ย..
ขอโทษ ท่านเย่ว์หยางใช่ไหม? เขามาเมื่อวานนี้ ทำไมข้าไม่รู้เลย? นอกจากเขาแล้ว มีใครอื่นมาด้วยหรือไม่?”
“อาจารย์กลับมาคนเดียว และกลับมาดึก เจ้าไม่รู้นั่นเป็นเรื่องปกติ
ข้าจะไปโอนเงินและรวบรวมมณีหลากสีสักสองสามกล่องก่อน
เรารวบรวมแร่ได้มากขึ้นด้วย!”
หลิวเย่บอกข่าวแก่ชิงผิงง่ายๆ
“หวังว่าเจ้าจะทำงานได้ราบรื่น เจ้าต้องการให้ข้าเป็นมัคคุเทศก์ด้วยไหม?” ชิงผิงลังเลเล็กน้อยแล้วถาม
“คงไม่,
ดูเหมือนสมาคมเหล็กกล้าจะมีผู้จัดการชื่อชี่เหออยู่แล้ว” หลิวเย่พูดถึงชื่ออย่างไม่ใส่ใจนัก เมื่อชิงผิงได้ยินชื่อนี้นางยิ้มทันที
“ช่วยไม่ได้ เสียดายจริงๆ ที่ผ่านมาข้าอยากช่วยเจ้า
ในเมื่อมีการเตรียมการที่ดีอยู่แล้ว นั่นก็ดีแล้ว
ข้าจะเอาของขวัญมาให้เจ้าตอนกลางคืน
แม้ว่าข้าจะไม่ได้ทำธุรกิจ
แต่ข้าตกปลาเก่งนะ!
น้องหลิวเย่!
อย่างนั้นข้าไม่รบกวนเจ้าอีกแล้ว ฝากทักทายท่านเย่ว์หยางแทนข้า ถ้ามีเวลาว่างเราค่อยไปจับจ่ายซื้อของด้วยกัน!”
“ลาก่อน”
หลิวเย่ปิดประตู และนำกระดิ่งประตูกลับเข้ามา
นางเรียกคัมภีร์อัญเชิญและกลับเข้าไปในคัมภีร์
เย่ว์หยางรออยู่ข้างในอยู่แล้ว
หลิวเย่มองดูเขาและแล่บลิ้นอย่างน่ารัก
“ข้าโกหกกลับได้ดีไหม..”
“เจ้าไม่ใช่คนโกหกหลอกลวง!”
เย่ว์หยางมีความสุขอย่างมาก
นางผู้นี้ไม่ได้โกหก เพียงแต่นางไม่ได้พูดความจริงทั้งหมดทำให้คนเข้าใจผิดไปเอง
“อย่างไรก็ตาม เราก็หลอกนางไปแล้ว” หลิวเย่วิ่งเข้าครัวจัดเตรียมอาหารเช้าให้เย่ว์หยาง
จากนั้นนางกลับไปอาบน้ำอีกครั้งหลังจากเปลี่ยนเป็นชุดรบรัดกุมเรียบร้อย
นางหวีผมที่หน้ากระจกมัดผมหางม้า จากนั้นรีบเดินออกมาเคียงข้างไปกับเขา
ด้วยเหตุนี้ผมรวบหางม้าของนางจึงแกว่งไปมา
เย่ว์หยางส่งน้ำและของว่างให้นาง
นางกินอย่างรวดเร็ว
บางครั้งนางลอบมองเขาผ่านขนตางอนยาว
เมื่อเขามอง
นางรีบหลบตาอีกครั้ง
ปกติไม่ค่อยมีโอกาสที่นางจะอยู่กับเขาตามลำพัง ตอนนี้ไม่รู้ว่าทำไม
ไม่มีคนอื่นมากับเขาปล่อยให้นางกับเขาค้นหาสมบัติกันเองสองต่อสอง
หลิวเย่รู้สึกชุ่มชื่นในหัวใจ
แม้แต่จิบน้ำก็รู้สึกว่าน้ำพลอยหวานไปด้วย!
12 ความคิดเห็น:
ไม่น๊าาหลิวเย่น้อยย อย่าตกหลุมเจ้าหมาป่านั้นนน
อีกหนึ่งคน
ใจจ้า
ขอบคุณครับ นึกว่าจะมีรอดสักคน
เดาได้เลยว่าเย่หวี่ไม่ใช้คนในตระกูลเย่แต่เป็นหลิวเย่แทนแค่ตอนนี้ยังไม่มีเฉลย
รายต่อไป
อย่าเพิ่งรู้เลย ให้กินตับก่อน อิอิ
ขอบคุณครับ
ก็คิดเหมือนกัน555
ขอบคุณครับ
ไม่ใช่ทั้งคู่ครับ (เดาล้วนๆ)555
แม่นาง นั่นหมาป่านะครับ
แสดงความคิดเห็น