ตอนที่ 1040 กลัวเจ้า! ข้าคนสำคัญระดับชาติ
วิหารปีศาจฟ้าตั้งอยู่ในพื้นที่ถูกผนึก
ผู้ท้าทายธรรมดาไม่สามารถเข้ามาได้
ลึกเข้าไปในอุโมงค์โบราณในหุบเขาปีศาจตามข้อมูลของแม่เฒ่าซา มีเมืองใต้ดินที่เหลือแต่ซากปรักหักพังเรียกกันว่ารังมารที่ซึ่งทางเข้าเทเลพอร์ตลับถูกพบเจอ ผู้ท้าทายผ่านด่านธรรมดาต้องการจะเข้ามาในอุโมงค์โบราณนับว่ายากมาก พวกเขาจะพบกับอสูรปีศาจโบราณที่น่ากลัวอย่างคาดไม่ถึง พวกมันสามารถสร้างอันตรายถึงชีวิตได้ทุกเวลา เป็นอสูรปีศาจโบราณที่มีชีวิตอยู่นานนับหมื่นปี แน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะไปยุ่งกับพวกมัน ถ้าต้องการเข้าไปในอุโมงค์มืดที่เต็มไปด้วยอสูรปีศาจโบราณ สำหรับผู้ท้าทายทดสอบนับว่าเป็นแค่ฝันกลางวัน!
เย่ว์หยางเป็นข้อยกเว้นแน่นอน
เขาไม่ใช่ผู้ท้าทายผ่านด่านธรรมดา ไม่ใช่ผู้ท้าทายผ่านด่านมือใหม่ แต่เป็นอัจฉริยะผิดธรรมดา ที่สามารถเล่นงานหัวหน้าปีศาจ
เนื่องจากทางเข้าสู่วิหารปีศาจฟ้าตั้งอยู่ในถ้ำมิติที่มืดและว่างเต็มไปด้วยอสูรปีศาจโบราณ เป็นเวลาหลายพันปีมีผู้ท้าทายเข้ามาน้อยมาก
หรืออาจจะมีบางคนที่รู้ตำนาน แต่พวกเขาไม่มีความคิดกล้าเสี่ยง
ท้ายที่สุดใช่ว่าผู้ท้าทายผ่านด่านทุกคนจะกล้าหาญอย่างเย่ว์หยาง!
หลังจากผ่านไปหลายหมื่นปี ภูมิประเทศ แผ่นดินและเครื่องหมายตามแผนที่ในหุบเขาปีศาจเปลี่ยนแปลงไปไม่น้อย อ้างอิงตามข้อมูลของแม่เฒ่าซา เย่ว์หยางสามารถเห็นภาพคร่าวๆ บนแผนที่ปัจจุบันได้ แต่เป็นไปไม่ได้ที่จะหาเป้าหมายตามเส้นทางเดิม
“โชคดีที่ค่ายเทพไม่มีการเปลี่ยนแปลงมากนัก...” เย่ว์หยางลอบดีใจกับเรื่องนี้ ถ้าแม้แต่ภายในค่ายฐานเหล่านี้เปลี่ยนไปคงไม่สามารถหาจุดหมายปลายทางในช่วงเวลาสั้นๆ แน่
เย่ว์หยางบินหาอยู่หนึ่งวัน
บินเปรียบเทียบในหลายภูมิภาคจากท้องฟ้า
ในที่สุดเขาแน่ใจได้ว่าพื้นที่ป่าหินขนาดใหญ่กินบริเวณหลายร้อยตารางกิโลเมตรด้านล่างเป็นทางเข้าที่ดีที่สุดเพื่อเข้าไปค้นหาวิหารปีศาจฟ้า
ก่อนเข้าสู่เส้นทางใต้ดิน เย่ว์หยางเรียกอิคคาออกมาและปล่อยให้นางอยู่ข้างนอก ถ้าไม่ต้องคิดถึงการต่อสู้ในวิหารปีศาจฟ้าอิคคาสามารถไล่ล่าศัตรูภายนอกฝ่ายค่ายมารได้อย่างปลอดภัย ด้วยพลังและสติปัญญาปัจจุบันของนาง เย่ว์หยางรู้สึกสบายใจมากกว่า แน่นอนว่าแสวงหาประสบการณ์อย่างมีอิสระมากจะเป็นส่วนหนึ่งให้อิคคาเติบโตอย่างรวดเร็วมาก
หลังจากผ่านด่านหุบเขาปีศาจได้ อิคคาซึ่งมีศักยภาพไม่จำกัด จะสามารถเติบโตเข้าสู่ระดับพลังใหม่แน่นอน
“เจ้าต้องสังเกตให้มาก อย่าหลงกลกับสิ่งต่างๆ ที่เป็นปรากฏการณ์ภายนอก ใช้สติปัญญาในการแก้ไขปัญหาศัตรู ในการต่อสู้จงใช้ทักษะที่ข้าสอนเจ้า สิ่งที่เจ้าควรให้ความสนใจเป็นพิเศษก็คือจงควบคุมความโกรธของเจ้าให้ถึงที่สุด แม้ว่าจะมีความโกรธในใจของเจ้าก็ตาม ตราบใดที่เจ้าไม่สูญเสียความคิดของเจ้า ข้าเชื่อว่าภายในหุบเขาปีศาจจะไม่มีอสูรใดเอาชนะเจ้าได้!” เย่ว์หยางลูบเส้นผมที่อ่อนนุ่มของอิคคาแล้วสอนซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“อืม...” อิคคาพยักหน้าอย่างจริงจัง
ในการทำตามคำสั่งของเย่ว์หยางนั้น เป็นเรื่องจริงจังที่สุดสำหรับอิคคาอย่างมิต้องสงสัย นางจะปฏิบัติตามคำสั่งอย่างเคร่งครัดแน่นอนร้อยเปอร์เซนต์
เย่ว์หยางยังคงเชื่อว่าตั้งแต่เกิดมา ลูกสาวนางฟ้าสงครามของเขาทำได้เกินคาดหมายไปมาก
ไม่ว่าจะเป็นการเรียนรู้หรือต่อสู้
นางทำได้อย่างคาดไม่ถึง
อิคคากางปีกดาบนางฟ้าบินไปรอบๆ สามครั้งและโบกมือให้เย่ว์หยางก่อนหายลับไปจากสายตาของเย่ว์หยาง ไม่ว่าจะเป็นศัตรูชนิดใดที่ขวางหน้านางฟ้าสงครามอย่างนางจะต้องเป็นเป้าหมายถูกล่าจากนางอย่างไม่หยุดยั้ง
เอาชนะและผ่านด่านได้ เย่ว์หยางไม่เคยสงสัยเรื่องนี้
เขาแค่ไม่แน่ใจว่าอิคคาจะทำได้ดีแค่ไหน!
เย่ว์หยางอยู่ตามลำพังอีกครั้ง และเข้าสู่เส้นทางใต้ดินที่คดเคี้ยวไม่รู้ว่าจะลงไปถึงพื้นล่างได้อย่างไร และมีเป็นจำนวนมาก เขาไม่ได้เล็งเป้าหมายแค่ทางเดียว แต่ดำเนินการไปตามความรู้สึกในใจ นั่นดีที่สุด หลังจากบินเป็นเวลาสองชั่วโมงเย่ว์หยางได้กลิ่นคาวเลือดทันที
บินไปข้างหน้าไม่ถึงสามนาที ร่างของสัตว์ประหลาดใต้ดินหลายตัวนอนกระจัดกระจายอยู่ทั่วพื้นในอุโมงค์
สัตว์ประหลาดเหล่านี้ บางตัวก็อาศัยลึกลงไปในใต้ดินมาตลอดหลายปี บางตัวดูแปลกประหลาด
เย่ว์หยางไม่เคยเห็นมาก่อน
บางตัวเป็นอสูรทั่วไปที่พบเจอในหอทงเทียน เช่นมนุษย์ถ้ำ แมงมุมดำดิน, หนอนหนาม แมลงตาปีศาจ ในบรรดาซากสัตว์ประหลาดนับไม่ถ้วน บางซากก็มองเห็นได้ และซากเหล่านั้นล้อมรอบไปด้วยสัตว์ประหลาดใต้ดินก่ายกองสูงเป็นกองพะเนิน
ทางเดินใต้ดินบางที่เป็นที่กว้างโล่งเป็นพิเศษ เมื่อแหงนมองให้ความรู้สึกเหมือนโดมท้องฟ้าสูงถึงหนึ่งกิโลเมตร
มีแร่ที่ส่องสว่างนับไม่ถ้วนกำลังส่องแสง และบางที่สว่างมากกว่าดวงดาว
นอกจากนี้ยังมีเส้นทางให้เห็นหลายทาง
แม่น้ำใหญ่ที่มีขนาดพอๆ กับที่ปรากฏบนผิวโลก
เย่ว์หยางมองดูไปตามเส้นทาง สัตว์ประหลาดใต้ดินไม่ได้ถูกฆ่าและกองซากเอาไว้ แต่ถูกขับไล่ออกไปในระยะไกล แม้จะพบว่าเย่ว์หยางมาแค่คนเดียว แต่พวกสัตว์ประหลาดที่เหลือจะกลัวและวิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิต
“หรือว่าผู้ท้าทายผ่านด่านของฝ่ายเทพจะมากวาดล้างเส้นทาง? ต่อให้มาหาประสบการณ์ ก็ไม่จำเป็นต้องฆ่าอสูรเหล่านี้ทั้งหมดไม่ใช่หรือ?” เย่ว์หยางประหลาดใจเล็กน้อย ความเคลื่อนไหวนี้ผิดปกติเกินไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งเส้นทางเข้าสู่รังมารแห่งวังปีศาจฟ้า การกวาดล้างเส้นทางขนาดใหญ่ทำให้เย่ว์หยางสงสัยในเจตนาที่แท้จริงของผู้นำเขา
เขาไปข้างหน้าอีกหนึ่งชั่วโมง
เขาพบว่ามีการเข่นฆ่าสัตว์ประหลาดข้างหน้าอย่างมากมายนับไม่ถ้วน และอสูรของผู้ท้าทายผ่านด่านกำลังต่อสู้อย่างบ้าคลั่ง
ถ้ำคูหาแห่งนี้มีโดมขนาดใหญ่กว้างมากกว่ายี่สิบตารางกิโลเมตร อสูรปีศาจบินนับไม่ถ้วนและอสูรของผู้ท้าทายผ่านด่านกำลังไล่ล่าฆ่าฟันเป็นการต่อสู้ทางอากาศที่น่าตื่นตะลึง
ขณะที่บนพื้นมีอสูรประเภทแมลงและร่างอสูรปีศาจสูงมากกว่าร้อยเมตรคำรามใส่ผู้ท้าทายผ่านด่านบนพื้น ที่ยืนอยู่หน้าพวกเขาทรงพลังมากกว่าผู้ท้าทายผ่านด่าน และในบรรดาผู้ท้าทายผ่านด่านนับพันคน มีหลายพันคนที่มีพลังปราณฟ้าระดับสามเป็นอย่างน้อย มีกระทั่งตั้งแต่ปราณฟ้าระดับห้าขึ้นไป แม้ว่าสัตว์ประหลาดจะเหมือนคลื่นแมลงมีอยู่มากมาย และอสูรโบราณจะมีร่างกายใหญ่โต แต่มันถูกตัดสินชะตาไว้แล้ว
เย่ว์หยางมีสายตาระดับใดแล้ว
เขาสามารถมองเห็นผู้ท้าทายผ่านด่านที่ต่อสู้เคียงข้างกันนั้น มีผู้นำควบคุมอยู่ห้าคน
ในผู้นำที่ยิ่งใหญ่ทั้งห้าคน ผู้ที่มีพลังอ่อนแอที่สุดก็คือปราณราชันย์ระดับห้า ซึ่งเป็นระดับพลังปัจจุบันของเย่ว์หยาง และผู้นำของกลุ่มห้าคนนี้ เย่ว์หยางประเมินว่าคนผู้นี้มีพลังปราณราชันย์ระดับแปด ซึ่งเป็นระดับเดียวกับหมิงลี่ฮ่าว เพียงแต่ผู้นี้พลังจะด้อยกว่าหมิงลี่ฮ่าวเล็กน้อย เทียบกับราชาเฉินม่อและชางหลงเจ้าตำหนักน้ำ คนผู้นี้เอาชนะได้หลายด้าน
มีคนที่ทรงพลังมากขนาดนี้อยู่ข้างหน้าโดยไม่คาดคิด เย่ว์หยางต้องลอบทอดถอนใจ
แดนสวรรค์เต็มไปด้วยพยัคฆ์ซ่อนมังกรหมอบจริงๆ!
อย่างเช่นหัวหน้าใหญ่ผู้นี้ ถ้าเขาออกไปแดนสวรรค์ภายนอก ไม่ว่าจะไปอยู่ตะวันออก ตะวันตก เหนือ ใต้ อย่างน้อยเขามีคุณสมบัติเป็นจักรพรรดิแดนดินได้ และอาจส่งผลกระทบต่อจอมภพแดนสวรรค์ได้ แต่ที่นี่เขาเป็นผู้นำที่ยิ่งใหญ่เหนือสหายผู้นำอื่นอีกสี่คน หลังจากมองดูบุรุษผู้นี้เย่ว์หยางอดรู้สึกแปลกใจมิได้ ด้วยความแข็งแกร่งของบุรุษผู้นี้ การผ่านหุบเขาปีศาจไม่ใช่เรื่องยาก แต่ทำไมเขาถึงรั้งอยู่ในหุบเขาปีศาจแทนที่จะไปต่อยังด่านที่เจ็ด หุบเขามนุษย์?
คนผู้นี้มีความคิดเช่นเดียวกับเขาหรือเปล่า
ถ้านับเรื่องพลัง คนที่เป็นผู้นำกลุ่มนี้แข็งแกร่งที่สุด เย่ว์หยางเห็นด้วย แต่ในใจเขามีความรู้สึกว่าคนที่อยู่ข้างหัวหน้าใหญ่ มือกระบี่รูปงามยังดูน่าเกรงขามกว่า.. เป็นเพราะเขามีรูปร่างหล่อเหลา?
เย่ว์หยางพบว่าบางครั้งบุรษหล่อเกินไป ก็ไม่น่าสนใจจริงๆ
ตัวอย่างเช่นเขา ไม่ค่อยชอบคนรูปหล่อไร้ค่าผู้นี้
โชคดีที่พลังของคนผู้นี้ยังคงเป็นปราณราชันย์ระดับห้า ต่ำที่สุดเป็นอันดับสองของผู้นำทั้งห้าไม่มากไปกว่าที่เย่ว์หยางคาดในใจ ดังนั้นเย่ว์หยางจึงยิ้มออก และเปลี่ยนไปใช้จักษุทิพย์มองดูเป้าหมายอื่น ไม่ได้มองที่ฝ่ายตรงข้ามอีก
หน้าตาดีสตรีสนใจอาจไม่ใช่เรื่องแย่ แต่ไม่มีประโยชน์กับการต่อสู้ มีแต่จะเพิ่มความริษยา
นอกจากหัวหน้าใหญ่ที่แข็งแกร่งที่สุดและมือกระบี่รูปงามแล้ว ยังมีหัวหน้าอีกสามคน
คนสุดท้ายในห้าคนคือนักรบผู้กล้าใช้ขวานทองคำเป็นอาวุธ ร่างเขาสูงสามเมตรมีผมสีแดงเหมือนปีศาจร่างเต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อมองดูเหมือนผนังทองแดงกำแพงเหล็กที่ยากจะทำลาย นอกจากเขาและมือกระบี่ผู้หล่อเหลาแล้ว ยังมีบุรุษร่างผอมสวมหน้ากาก มีพลังปราณราชันย์ระดับห้า แต่ความแข็งแกร่งนั้นดีกว่าสองคนก่อนหน้านั้นเล็กน้อย ทันทีที่เห็นดวงตาและมือสีดำของเขาก็รู้ได้ทันทีว่าคนผู้นี้เป็นยอดฝีมือด้านพิษ เย่ว์หยางจับตาดูคนผู้นี้เป็นพิเศษขณะที่มองดูหัวหน้าใหญ่ทั้งห้า
นอกจากคนทั้งสี่แล้ว ผู้นำคนสุดท้ายเป็นบัณฑิตชุดขาวนัยน์ตาสีเงิน
คนผู้นี้อยู่ในวัยกลางคน
อย่างไรก็ตาม เมื่อมองเห็นคนผู้นี้ เขารู้สึกว่าเขาน่าจะเป็นปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่สะสมความรู้มากมายผ่านยุคสมัยมาหลายพันปี เย่ว์หยางอดชื่นชมเขามิได้
แม้ว่าบุรุษกลางคนมองดูเหมือนคนตาบอด แต่เมื่อเห็นนัยน์ตาสีเงินของเขา ทุกคนจะรู้สึกว่าเขาสามารถมองผ่านไปถึงหัวใจได้
เขาไม่ยิ้ม คนที่ยืนอยู่รอบๆ เขามีความรู้สึกสบายใจเหมือนได้รับสายลมเย็นในฤดูใบไม้ผลิ เหมือนกับว่าการยืนอยู่ข้างๆ เขาจะพลอยได้รับความรู้ประเทืองปัญญาที่หาได้ยาก ถ้าเขาไม่พูดคนอื่นที่ยืนอยู่ใกล้ๆ จะคิดว่ากำลังฟังคำสอนอยู่ทั่วไป.... เย่ว์หยางไม่เคยเห็นคนแบบนั้น เทียบกับผู้เฒ่าหนานกงบุรุษวัยกลางคนนี้ทรงพลังมากกว่า งามสง่ากว่าและมีพลังที่ละเอียดอ่อนมากกว่า
เย่ว์หยางพบว่าคนผู้นี้มีพลังถึงชั้นปราณชันย์ระดับเจ็ด แต่ซ่อนงำพลังไว้
ถ้าปลดปล่อยพลังทั้งหมด
เย่ว์หยางคาดว่าคนผู้นี้ไม่เป็นรองหัวหน้าผู้แข็งแกร่งที่สุด
ความสนใจของเย่ว์หยางมาจากระยะไกล นอกจากบุรุษวัยกลางคนตาสีเงินแล้ว อีกสี่คนไม่รู้สึก แต่บุรุษวัยกลางคนดูเหมือนจะรู้สึกได้ เขาเหลียวมองมาทางที่เย่ว์หยางมอง
ถ้าไม่ใช่เพราะเย่ว์หยางมีทักษะแฝงเร้นพราง และเขายืนอยู่ในกลุ่มคนผู้ท้าทายผ่านด่านอยู่ก่อนแล้ว น่ากลัวว่าเขาคงถูกอีกฝ่ายหนึ่งตรวจพบเจอแล้ว
“เจ้าพบเจออะไรหรือ?” หัวหน้าใหญ่ให้ความสนใจความคิดเห็นบุรุษตาเงินเป็นพิเศษ
“ไม่มีอะไร”
บุรุษตาเงินยิ้มและส่ายหน้า
“......” เย่ว์หยางไม่สามารถได้ยินเสียงกระซิบสนทนาของคนทั้งสองได้ ในสนามรบมีเสียงที่ดังมาก แต่เขาลอบร้องในใจว่าเกือบไป คิดไม่ถึงเลยว่าทั้งที่ยืนอยู่ในกลุ่มผู้คนอย่างระมัดระวังตัว อีกฝ่ายหนึ่งก็ยังสังเกตได้ แต่โชคดีที่เขามีทักษะแฝงเร้นพราง ไม่ยอมให้อีกฝ่ายหาตัวได้เจอ เย่ว์หยางแค่ต้องการก้มหน้าจากไป ทันใดนั้นมีมือที่แข็งแรงคว้าแขนเขาไว้แน่น
“เจ้าโง่! อยากตายหรือไง?” เมื่อเย่ว์หยางหันกลับมา เขาเห็นบุรุษร่างผอมตาเดียวกำลังพูดกับเขาด้วยความโมโห “ใครเป็นหัวหน้าค่ายของเจ้า? เด็กมาใหม่ยังกล้าเข้ามาที่นี่โดยไม่รู้จักคิด หาที่ตายไม่เข้าเรื่อง! ยิ่งกว่านั้นเจ้าไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ สัตว์ประหลาดอยู่ข้างหน้าแท้ๆ นักสู้เตรียมปราณฟ้าอย่างเจ้ายังโง่เข้าไปสู้อีกหรือ? รีบกลับเข้ามาก่อนเลย หลังจากสู้เสร็จแล้ว งานที่เจ้าทำได้มีแค่เก็บกวาดสนามรบเท่านั้น! ถึงอย่างนั้นเจ้าก็ยังต้องระมัดระวังสัตว์ประหลาดที่ยังตายไม่สนิทอยู่ดี ก่อนมันจะตาย มันยังทำร้ายเจ้าได้อย่างหนัก เฮ่ย.. ข้ารู้ว่าเจ้าไม่เข้าใจอะไรเลยใช่ไหมนี่? เจ้ามันโง่จริงๆ ข้าไม่รู้ว่าเจ้ามาจากค่ายไหน หลงปะปนเข้ามาในกลุ่มที่มีการสู้รบอย่างดุเดือดได้อย่างไร ข้าขอเตือนไว้เลย เจ้าเด็กน้อย ถ้าทักษะสู้ระยะประชิดเจ้าไม่ดี เจ้าอาจตายได้ตลอดเวลา”
“หัวหน้า! ให้เขาอยู่กับเราก่อน! ถ้าเจ้าเด็กนี่วิ่งพล่านไปข้างหน้า เขาจะตายอย่างสูญเปล่า” มีทอเรน (มนุษย์หัววัว) ผู้ใช้ขวานหินมือเดียวรีบบินเข้ามาทันที
“เจ้าดูแลเขา แม้ว่าเจ้าจะรอผลัดเปลี่ยนรบ เจ้าก็ต้องดูแลเขา พลังแค่นี้มาถึงที่นี่มีแต่จะเป็นอาหารหนอนยักษ์เท่านั้น!” บุรุษตาเดียวผิวดำหงุดหงิดเล็กน้อยและกระแทกใส่ไหล่เย่ว์หยางแรงๆ ส่งสัญญาณเย่ว์หยางไม่ให้รีบทำงานในสนามรบหาเรื่องตายอย่างโง่เขลา เพราะแม้แต่ผู้ท้าทายผ่านด่านที่มีพลังปราณฟ้าระดับห้าก็แทบจะทนไม่ไหวแล้ว ต้องกันเข้ามารับมือ
“แม้ว่าหัวหน้าของเราจะดุมาก แต่เขาก็มีจิตใจดีงาม เจ้าเป็นเด็กมาจากค่ายไหน?” คนแปลกหน้าสี่แขนถามเย่ว์หยาง
“อ่า..ข้าเป็นเด็กใหม่ที่เพิ่งจะเข้ามา...” เย่ว์หยางบอกว่าเขายังเป็นคนใหม่มาก
“อะไรนะ, เจ้าเป็นเด็กใหม่หรือ? เด็กใหม่อย่างเจ้าปนเข้ามาในนี้ได้ยังไง?” ทอเรนและบุรุษสี่แขนหลั่งเหงื่อเยียบเย็น
“ข้าเดินออกมาจากค่ายแล้วหลงทาง” เย่ว์หยางยักไหล่ ข้ออ้างของเขาเด็กแปดขวบยังไม่เชื่อ แต่มนุษย์หัววัวและบุรุษสี่แขนเชื่อ พวกเขาส่ายหน้า “ประสาทจำแนกทิศอย่างนี้ข้าเห็นมามาก แต่แย่ขนาดเจ้าข้าเพิ่งเห็นครั้งแรก
“เพราะไม่มีสัตว์ประหลาดตามรายทาง ข้าก็เลยเข้ามาเรื่อย” เย่ว์หยางพูดเช่นนี้ค่อยสมเหตุผล
“วันนี้นับว่าเจ้าโชคดี และถนนสายนี้เป็นถนนสายโชคดีเช่นกัน! หากเปลี่ยนเป็นเวลาปกติ เจ้าหลงทางที่นี่ ในหุบเขาปีศาจเจ้าคงมีสถานะเป็นแค่มูลหนอนยักษ์!” ทอเรนหัวเราะ เขาวางขวานหินถูมือสองครั้งก่อนจะจับมือเย่ว์หยาง “เด็กน้อยผู้โชคดี เจ้าชื่ออะไร? เจ้ามายืนใกล้ๆ ข้า บางทีข้าอาจโชคดีไปด้วย พวกกรงเล็บพิษ เหล็กในพิษจะได้อยู่ห่างๆ ข้าบ้าง ฮ่าฮ่าฮ่า!”
“อา..รู้เอาไว้ ข้าชื่อสี่แขน ข้าเคยเป็นชาวเผ่าเก้าแสง เพราะข้ามีความผิดร้ายแรง จึงถูกบังคับให้เป็นนักรบเถื่อน” นักรบสี่แขนแนะนำตนเอง
“ข้าชื่อเป่ย และน้องข้าชื่อหนานเป็นคู่หูนักล่าปีศาจที่มีชื่อเสียงในแดนสวรรค์ตะวันตก ฉายาขุนขวานเหนือ-ใต้ จนถึงตอนนี้ ข้าเป็นคนเผ่าพันธุ์ทอเรน (หัววัว) โชคร้ายที่อาหนานน้องข้าตายในหุบเขาอสูร เพื่อสานต่อความตั้งใจเขา ข้าจึงต้องไปต่อจนกว่าข้าจะผ่านด่านและกลับไปรวมกลุ่มเผ่าทอเรนที่แข็งแกร่งที่สุด บ้านบรรพบุรุษของเราเป็นเผ่าภูตบูรพา ปีศาจวัวฟ้า เขาสีทองคือเกียรติยศสูงสุดของพวกเรา เด็กใหม่! แล้วเจ้าเล่า”
“เพราะข้าชอบเหรียญสีทองเหลืองอร่ามและชอบความร่ำรวย ข้าจึงเรียกว่า เจ้าสัว” บุรุษอ้วนเตี้ยคนหนึ่งเบียดตัวขึ้นแนะนำตนเอง
“เราไม่ได้ถามเจ้า!” ทอเรนแค่เสียงไม่พอใจ
“ถ้าเจ้าต้องการแลกเปลี่ยนสิ่งของใด โปรดติดต่อข้า ข้าร่ำรวยและมีทุกอย่าง” คนอ้วนเตี้ยเรียกตัวเองว่าเจ้าสัวเบียดตัวขึ้นมาเพื่อทักทายและโฆษณาตนเอง
เย่ว์หยางเห็นทอเรนและเจ้าสี่แขนกำลังมองมาทางเขาทุกคน ไม่ง่ายเลยที่จะกลมกลืนเข้ากับพวกเขา จึงได้แต่หัวเราะ “ชื่อข้าไม่ดังก้องฟ้าเท่ากับพวกเจ้า ข้าเป็นมนุษย์มาจากแดนสวรรค์ตะวันออกมีนามว่าต่งฟง ความจริงก็เป็นประเทศเล็กๆ ไม่ควรแก่การเหลียวมอง เขาสามารถแสวงความร่ำรวยจากศัตรู จนมีประเทศดีๆ ได้”
ทอเรนกับพวกพอได้ฟังก็สงสัย? ประเทศทางตะวันออก
อยากรู้อยากเห็น
พวกเขาคาดหวังเต็มที่
เย่ว์หยางยกมือทั้งสองอธิบาย “ข้าเล่นไพ่นกกระจอก!”
สี่แขนและทอเรนหลั่งเหงื่อ แม้ว่าพวกเขาไม่รู้ว่าไพ่นกกระจอกคืออะไร แต่เมื่อเห็นลักษณะของเจ้าเด็กนี่ พวกเขารู้ว่านั่นไม่ใช่สิ่งดี ช่างเถอะ เวลานี้ให้มองไปข้างหน้า เด็กใหม่คนหนึ่งสามารถอยู่ในสนามรบอย่างนั้นได้ โดยที่แข้งขาไม่อ่อนก็ดีมากแล้ว พวกเขายังต้องการอะไรอีก?
“เราจะต้องทำอะไร? ฝึกวิชา? ฆ่าตัวบอส?” เย่ว์หยางแสดงความอยากรู้อยากเห็นของผู้มาใหม่อย่างเต็มที่!
5 ความคิดเห็น:
เย่าว์หยางชอบทำตัวกลมกลืนกับผู้อื่นแล้วกวาดทรัพย์สินสงครามหมด555
ขอบคุณครับ
ใจจ้า
ไม่บอกเผ่าเก้าแสงสูญพันธุ์ไปแล้ว ต่งฝงจัดเอง
Poker face
แสดงความคิดเห็น