วันอังคารที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2563

เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ตอนที่ 1041 กับดัก วิกฤต สนุก?



ตอนที่  1041  กับดัก วิกฤต สนุก?

แม้ว่าจะช่วยอะไรไม่ได้เพราะความสงสัยของเย่ว์หยาง เด็กช่างสงสัย ไม่ว่าจะเป็นคนตาเดียว ทอเรนเป่ยและบุรุษสี่แขนพวกเขาได้แต่ลืมตาแต่ปิดปาก


หลายครั้งที่เย่ว์หยางบอกว่าเขาแค่บังเอิญผ่านมาเท่านั้น

เขาต้องการกลับไปพักที่ค่าย

แต่ทอเรนเป่ยและมนุษย์สี่แขนรู้สึกว่า ประสาทจำแนกเส้นทางของเจ้าเด็กใหม่ยังแย่อยู่  พวกเขาไม่อาจฝืนมโนธรรมปล่อยเจ้าเด็กนี่ไปโดยไม่ดูแลแน่นอน

ดังนั้นพวกเขาจึงรั้งเย่ว์หยางไว้ครั้งแล้วครั้งเล่า หวังว่าเขาจะไม่เพ่นพ่านไปทั่วและพบเจอสัตว์ประหลาดโบราณโดยไม่ตั้งใจ ซึ่งจะทำให้กลุ่มเก็บกวาดสนามรบอย่างยากลำบากขึ้น  นอกจากนี้ คนที่ไม่สามารถทำงานได้ไม่ใช่มีแต่เย่ว์หยางเท่านั้น อย่างเช่นเจ้าสัวร่างอ้วนเตี้ยเป็นต้น พวกเขาไม่ใช่นักรบกองกำลังหลัก แต่ก็ยังติดตามอยู่แนวหลังด้วยไม่ใช่หรือ?

เย่ว์หยางติดตามกลุ่มผู้ท้าทายผ่านด่านนี้อยู่สามวัน

ที่สำคัญ หลังจากสู้รบแล้ว เขาได้ยินข้อมูลจากหัวหน้าใหญ่ทั้งห้าน้อยมาก

หัวหน้าใหญ่มีนามว่าเริ่นเทียนเกอ ได้รับการกล่าวขานว่ามีสายเลือดของเผ่าภูตบูรพา แม้ว่าจะเป็นบรรพบุรุษที่ห่างไกล  แต่สายเลือดของเผ่าพันธุ์ภูตบูรพาก็สืบทอดมาถึงเขาในวันนี้  นี่คือเหตุผลที่ทุกคนยอมรับเขาในฐานะหัวหน้าใหญ่

นักสู้ปราณราชันย์ระดับแปด

ในสายตาของผู้ท้าทายผ่านด่าน เขาเป็นเสมือนเทพมีพลังที่มิอาจคาดคิดไม่ใช่เพียงแค่นั้น เริ่นเทียนเกอมีสายเลือดเผ่าพันธุ์ภูตบูรพาที่สูงส่ง!

ในตอนที่จีอู๋ลี่อาละวาด เริ่นเทียนเกอเพิ่งจะถอยกลับมา

ตัวเขาต้องคลาดกับศัตรูระดับสูงขนาดนั้น

เริ่นเทียนเกอเสียใจ!

อย่างไรก็ตาม เขาเป็นคนมีเหตุผลมากและเขาไม่ผยองจนคิดว่าตัวเขาสามารถหยุดจีอู๋ลี่ได้แน่  เพราะในค่ายฝ่ายเทพมีเจ้าตำหนักแสงจงหัวที่เข้ามาและสามารถข่มพลังเขาได้  การมาถึงของเจ้าตำหนักแสงจงหัวกระทบกระเทือนต่อตำแหน่งหัวหน้าพันธมิตรฝ่ายเริ่นเทียนเกอมาก  เขาจึงต้องล่าถอยเพื่อไปฝึกปรือพลังฝีมือให้ก้าวหน้า  คาดไม่ถึงเลยว่าทันทีที่เขาหยุดพัก  จีอู๋ลี่ผู้น่ากลัวก็มาถึงและทำการต่อสู้ระหว่างฝ่ายเทพและฝ่ายมาร  จงหัวเสียยอดฝีมือระดับสูงฝ่ายเทพไปเกือบหมด

ถ้าไม่ใช่เพื่อรีบฟื้นฟูพลังของฝ่ายเทพ เริ่นเทียนเกอคงไม่รวมกลุ่มกวาดล้างเส้นทางโบราณ และหาซากสมบัติโบราณ

เขาหวังจริงๆ ว่าจะได้รับสมบัติลับมาฟื้นฟูความรุ่งเรืองของฝ่ายเทพ

เริ่นเทียนเกอมีพละกำลังที่แข็งแกร่งแสดงพลังอำนาจในทุกที่เหมือนกับเป็นราชา  แต่ท่าทีของเขาไม่หยิ่ง  เขาเป็นหัวหน้าที่รับฟังข้อโต้แย้งและให้เกียรติกับคนที่มีปัญญามากกว่าอย่างสุภาพ  ด้วยสถานะของเขา เขาไม่ชอบผู้ท้าทายผ่านด่านฝีมือธรรมดา  แต่เริ่นเทียนเกอเก่งในการซื้อใจผู้คน  ขณะที่เย่ว์หยางอยู่ในหมู่ทหารผู้น้อยแต่มีพลังปราณฟ้าเพียงระดับห้า  ในช่วงเวลาสั้นๆ สามวันเขาสนใจสังเกตหลายอย่าง  ไม่ใช่แค่คนตาเดียวที่เป็นบริวารของเริ่นเทียนเกอ ทอเรนและคนอื่นจะส่งเสียงโห่ร้องเรียกชื่อเขา  แต่จะไม่เรียกเขาเป็นเจ้านาย

บุรุษตาเงินผู้มีปัญญาต่างจากเริ่นเทียนเกอ  เวลาเขาพูดคุยกับผู้คน คนรอบตัวจะทักทายเขาอย่างเป็นธรรมชาติ

เจ้าสัวผู้ร่ำรวยเงินทอง ไม่มีใครคาดถึง... บุคลิกภาพที่ทรงพลังของคนผู้นี้คือเสน่ห์  เย่ว์หยางมองด้วยทึ่ง

ชื่อจริงของบุรุษตาเงินไม่ค่อยเป็นที่รู้จัก และผู้นำทั้งห้าไม่ได้พูด เป็นแต่เย่ว์หยางบังเอิญพบ คนส่วนใหญ่จะเรียกเขาว่า บัณฑิตตาเงิน แต่บุรุษตาเงินไม่ได้แก้ไขเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด เขาเพียงแต่ยิ้มเล็กน้อย

บัณฑิตใหญ่ผู้นี้มีบุคลิกภาพที่มีเสน่ห์หาใครเทียบมิได้เขาเป็นเหมือนกระดูกสันหลังของฝ่ายเทพมานานเป็นเวลาพันปีแล้ว  เขาไม่เคยรับหน้าที่หัวหน้าใหญ่  ก่อนที่เริ่นเทียนเกอจะมา  เขาช่วยผู้นำมาหลายรุ่นแล้ว  ด้วยเหตุผลบางอย่างบัณฑิตใหญ่อาศัยอยู่ในหุบเขาปีศาจมาเป็นเวลานานและไม่เคยพูดถึงคะแนนของเขาว่ามีมากพอหรือไม่  สำหรับความเคลื่อนไหวนี้ ผู้ท้าทายผ่านด่านรู้สึกได้ถึงความเมตตาของบัณฑิตตาเงิน  เขาทนเห็นการล่มสลายของฝ่ายเทพไม่ได้  ดังนั้นเขาจึงอยู่ในหุบเขาปีศาจเพื่อรักษาฝ่ายเทพไว้ป้องกันไม่ให้ฝ่ายมารกลืนได้หมดสิ้น

ความจริงเมื่อจีอู๋ลี่เปิดฉากฆ่าฟัน เป็นบัณฑิตตาเงินที่นำกำลังต่อต้าน ถ้าไม่ใช่เพราะบัณฑิตใหญ่ผู้นี้ เกรงว่าจีอู๋ลี่และจงหัวคงร่วมมือกวาดล้างผู้ท้าทายผ่านด่านของฝ่ายเทพจนหมดไม่เหลือ

คนผมแดงเหมือนปีศาจมีชื่อว่า “ฮ็อก” มีพลังชั้นปราณราชันย์ระดับห้า  แต่เป็นลำดับสุดท้ายของห้าผู้นำ

เย่ว์หยางคิดว่าฮ็อกผู้นี้เป็นคนที่ง่ายที่สุดในหัวหน้าห้าคน

เพราะคนผู้นี้ไม่มีความลับ

บุรุษหนุ่มรูปงามชื่อเฉียนจ้ง  ถึงแม้ว่าความแข็งแกร่งของเขาเป็นลำดับที่สองจากท้าย  แต่เย่ว์หยางมักรู้สึกว่าผิดปกติเล็กน้อย  เขานึกถึงเหตุผลเจาะจงไม่ออก...  อาจเป็นเพราะเขาเสียใจที่คนอื่นหล่อกว่า  ต้องอธิบายว่านี่เป็นผลมาจากความริษยาในใจของเขาเอง

บุรุษผอมสวมหน้ากากทรงพลังในกลุ่มผู้นำมีชื่อว่าชิงหมอ

เล่ากันว่าเขาเป็นฆาตกรกระหายเลือดและมีความกระตือรือร้นมากขนาดไหน คิดไม่ถึงเลยว่าคนที่จิตผิดปกตินี้มาอยู่ในฝ่ายเทพได้

สำหรับชิงหมอที่อยู่ฝ่ายเทพนี้ แม้ฝ่ายเทพเองก็มักมีศัตรูของเขาบ่อยๆ

ไม่มีใครกล้าเข้าไปใกล้เขาง่ายๆ

แต่สิ่งที่คาดไม่ถึงก็คือเมื่อจีอู๋ลี่จะทำลายปราสาทเทวดา  เขาเข้าต่อต้านและเกือบตาย โดยเขาตรึงจีอู๋ลี่ได้เกือบสิบนาทีช่วยชีวิตสหายเกือบห้าพันคนให้ล่าถอยอย่างปลอดภัย  จนถึงตอนนี้ร่างกายของเขายังไม่ฟื้นฟูเต็มที่ และเพราะเหตุนี้เองสหายในฝ่ายเทพจึงยอมรับฆาตกรบ้าคลั่งอย่างชิงหมอร่วมในกลุ่มผู้นำฝ่ายเทพ ต่างหากจากบัณฑิตตาเงิน เริ่นเทียนเกอ ก็มีชิงหมอผู้นี้ที่สำคัญรองลงมา

เย่ว์หยางรู้สึกคุ้นกับกลิ่นอายของชิงหมอเลือนราง  เขาไม่แน่ใจสถานะของชิงหมอ  แต่เขารู้สึกว่าคนผู้นี้มาจากหอทงเทียน

บางทีอาจเป็นคนหอทงเทียนที่รอดชีวิตตกค้างอยู่ในแดนสวรรค์  หรืออาจเป็นตระกูลกบฏของหอทงเทียนก็ได้

อย่างไรก็ตามชิงหมอผู้นี้ เขาค่อนข้างคุ้นจากการใช้จักษุทิพย์ตรวจดู

มุ่งหน้าสู่ทางผ่านไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง

มีผู้นำทั้งห้านั่งอยู่ในสนามรบ และมีนักสู้ผู้ท้าทายผ่านด่านเกือบพันคน นอกเหนือจากการหมุนเวียนผู้ท้าทายผ่านด่านฝีมือธรรมดาสองพันคน  แม้ว่าพวกเขาจะต่อสู้มาอย่างหนักตลอดทาง ไม่มีอะไรที่จะหยุดยั้งพลังยิ่งใหญ่นี้ได้  สัตว์ประหลาดในอุโมงค์โบราณ พบกับความตายมากมาย และตอนแรกพวกมันพยายามต่อสู้ดิ้น  แต่ต่อมาก็ไม่สามารถต่อต้านได้  พอสัตว์ประหลาดขวัญเสียมันจึงเริ่มหนี  พอล้มตายตัวหนึ่ง พวกมันก็เสียกำลังใจ... นักสู้ผู้ท้าทายผ่านด่านธรรมดาคิดว่า จะต้องทุ่มเงินและประสบการณ์ไปมากเพื่อเข่นฆ่าหาเมืองล่มสลายใต้ดิน

คาดไม่ถึงเลยว่าเมื่อห้าผู้นำตามมาถึง

ซากเมืองใต้ดินกลับว่างเปล่าและมีอสูรปีศาจจำนวนนับไม่ถ้วนตายอยู่แล้ว

ห้าผู้นำสั่งให้กองทหารที่ใหญ่ที่สุดระวังทั้งวัน และพบว่าสัตว์ประหลาดโบราณหลบหนีไปไม่เหลือร่องรอย พวกเขาจึงรู้สึกโล่งใจ

การต่อสู้ครั้งนี้เหมือนกับนักมวยสองคนต่อยตีกันเพื่อแย่งเนื้อ แม้แต่ฝ่ายที่ได้เปรียบก็ยังวางใจไม่ได้ง่ายๆ  นักมวยที่แรงหมดแล้วพร้อมที่ทุ่มพลังอึดสุดท้ายโจมตีอย่างเด็ดขาด  คาดไม่ถึงว่าก่อนจะปล่อยหมัดออกมา ศัตรูกลับทรุดกับพื้นอย่างอ่อนแรง

แม้ว่าผลลัพธ์จะออกมาไม่ดีกว่า

แต่ก็ยังให้ความรู้สึกที่ไม่ดีไม่น่าพอใจ  “ทุกคนแบ่งเป็นกองละร้อยคน ร้อยคนแบ่งออกเป็นสิบหมู่ หมู่ละสิบคน  จงค้นหาซากเมืองโบราณ ถ้าเราค้นพบสมบัติลับมีค่า  เราจะทำการแบ่งปันอย่างเหมาะสมตามการมีส่วนร่วมของพวกเจ้า”  เริ่นเทียนเกอออกคำสั่ง ผู้ท้าทายผ่านด่านส่งเสียงโห่ร้องตอบรับ  หัวหน้าใหญ่ทั้งห้าไม่ผูกขาดสมบัติลับนี้  เรื่องดีอย่างนี้ไม่ต้องสงสัยเลยว่าจะเป็นแรงบันดาลใจให้ทุกคนค้นสมบัติ

 “.....”  ทุกคนกำลังโห่ร้อง  มีแต่เย่ว์หยางขมวดคิ้ว

เห็นได้ชัดว่าผู้นำทั้งห้าไม่ได้มาเพื่อสมบัติลับใดๆ  เป้าหมายของพวกเขาก็คือวิหารปีศาจฟ้า

ถ้าจุดนี้ยังอยู่ในความคาดหวังของเย่ว์หยาง  พื้นที่รังมารของเมืองใต้ดินนี้คงอยู่ได้มานาน  ความเงียบสนิทเป็นสิ่งที่เย่ว์หยางคาดไม่ถึง  ผู้ท้าทายผ่านด่านธรรมดาไม่สามารถมองเห็นความแปลกประหลาดของเรื่องได้  แต่เย่ว์หยางคิดว่าเรื่องไม่ง่ายอย่างนั้น  สัตว์ประหลาดที่อ่อนแอ พวกมันพยายามต้านทานทำไม  ทำไมสัตว์ประหลาดโบราณเหล่านี้จึงเลี่ยงที่จะหนี?  ตามที่เย่ว์หยางคาด อสูรปีศาจโบราณที่อาศัยอยู่ในซากเมืองใต้ดิน น่าจะแข็งแกร่งพอๆ กับฝ่ายเทพ  มิฉะนั้นพวกมันคงจะสูญพันธุ์ไปหลายล้านปีแล้ว

ในเมื่อพวกมันแข็งแกร่งกว่า แล้วทำไมพวกมันจึงหนีผู้ท้าทายผ่านด่าน?

ยิ่งไปกว่านั้นฝ่ายพันธมิตรเทพไม่ได้ยังไม่มีความสมบูรณ์แม้แต่น้อย เพราะถูกจีอู๋ลี่เข่นฆ่าสังหารไปมาก  นักสู้ฝีมือดีของห้าหัวหน้าใหญ่มีเหลือเพียงพันคน  ด้วยกำลังคนเพียงเท่านี้จะทำให้สัตว์ประหลาดโบราณนับไม่ถ้วนกลัวได้อย่างไร?

ล้อเล่นแน่ๆ!

ปัญหาก็คือเรื่องล้อเล่นนี้เกิดขึ้นจริง....เย่ว์หยางรู้สึกว่าเมืองรังมารใต้ดินนี้เหมือนเป็นกับดักหลุมพราง  แต่ว่าจะมีหลุมพรางมากี่หลุมกันแน่! 

 “จีอู๋ลี่ไปแล้ว  ในค่ายมารใครอื่นที่ยังมีความสามารถแบบห้าผู้นำฝ่ายเทพหรือไม่?  ถ้าไม่ใช่เพราะคนของค่ายมารเป็นราชาแห่งอสูรปีศาจโบราณจะมีปัญญาสูงเช่นนี้หรือไม่?”  เย่ว์หยางยิ่งคิดก็ยิ่งอึดอัด  ทันใดนั้นมีความคิดที่น่ากลัวผุดขึ้นมาในใจของเขา  เขาอดหนาวยะเยือกไม่ได้  ไม่น่าจะเป็นจอมปีศาจไคเทียนที่ถูกผนึกในวิหารปีศาจฟ้าหลุดหนีออกมาจากผนึกได้?”

ถ้าเป็นเรื่องจริง อย่าว่าแต่หัวหน้าใหญ่ทั้งห้าเลย  เย่ว์หยางเองก็ต้องระวัง

มิฉะนั้นอาจเป็นกับดักหลุมพรางที่จอมปีศาจไคเทียนสร้างไว้ที่นี่

เย่ว์หยางหลั่งเหงื่อพรั่งพรู

เขารู้สึกว่าขนในร่างกายลุกชูชัน  เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกสยองขวัญราวกับอยู่ที่ปากเสือร้าย

นั่นเป็นชีวิตอมตะที่อยู่มานานเป็นหมื่นๆ ปีแล้วไม่ควรข้าไปยุ่งง่ายๆ มีแต่จะถูกจอมปีศาจไคเทียนกำจัดมากกว่า คนจะตายมากขึ้น  “เจ้า..โง่หรือเปล่ายังรออะไรอยู่ตรงนี้?  เจ้าได้ยินเรื่องรังมารแล้วไม่ใช่หรือ?   เจ้าเคยได้ยินเมืองใต้ดินที่ล่มสลายมาบ้างไหม?  ที่นี่มีสมบัติลับ  เด็กน้อย เจ้ายังจะรออะไ?  รีบไปหาสมบัติ”  บุรุษตาเดียวเขย่าปลุกเย่ว์หยางให้ตื่นจากภวังค์

 “สมบัติลับของโลก?”  หลังจากได้ยินแล้วเย่ว์หยางมีอาการสั่น กลืนน้ำลายถาม “มีสมบัติลับอยู่ที่นี่  ใครเคยมาถึงที่นี่ก่อนหรือ?”

 “เจ้าเป็นตัวอะไร?  นี่เป็นบัณฑิตตาเงินพูดเอง! เด็กน้อย!  เจ้าคงไม่คิดหรอกนะว่าคนอย่างเขาจะโกหก?  ข้าจะบอกให้ สิ่งที่เจ้าต้องทำคืออย่าถามเหตุผล อย่าพูดเรื่องไร้สาระ สิ่งเดียวที่เจ้าต้องทำคือลงมือ!  บุรุษตาเดียววิพากษ์วิจารณ์เย่ว์หยางอย่างไม่เกรงใจ  เมื่อเห็นว่าเย่ว์หยางเป็นเด็กใหม่ที่ไม่เข้าใจอะไร เขาต้องการชกเย่ว์หยาง  เพราะต่อหน้าเขาไม่ควรมีใครสงสัยบัณฑิตตาเงิน

เย่ว์หยางตกใจเมื่อได้ยินคำพูดของเขา

ตอนแรกเขาสงสัยบัณฑิตตาเงินเล็กน้อย แต่ตอนนี้เขายิ่งสงสัยมากขึ้น

ดูเหมือนว่าเย่ว์หยางถามเกี่ยวกับเรื่องเขาตัวเขาเอง บัณฑิตตาเงินหันมาทันที เขาคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้มมองดูเย่ว์หยาง  เขารู้สึกตัวชาและรีบหดตัวซ่อนอยู่ในกลุ่มคนหวังว่าทักษะอำพรางของจะปกปิดตัวตนเขาได้สำเร็จ

เริ่นเทียนเกอสังเกตเห็นบัณฑิตตาเงินเช่นกัน เขาหันไปถาม  “มีอะไรไม่ถูกต้องหรือ?”

คำตอบของบัณฑิตตาเงินไม่เหมือนก่อนอีกต่อไป แต่เขายิ้มและพยักหน้าเล็กน้อย  “มีเด็กใหม่ที่ดูน่าสนใจจริงๆ”

เขาพูดเช่นนี้

สี่หัวหน้าที่เหลือ ทุกคนมีปฏิกิริยาแตกต่างออกไป

เริ่นเทียนเกอตะลึงตอนแรก จากนั้นเขาหัวเราะพอใจ  “เพราะเจ้าพูดตลก ฮ่าฮ่าฮ่า  เจ้าเด็กใหม่นั่นต้องน่าสนใจแน่  ข้าก็ชอบเจ้าเด็กใหม่นี่”

ฮ็อกบุรษแดงแค่นเสียงไม่พอใจ  เขาไม่สนใจเด็กใหม่อ่อนแอ

มือกระบี่รูปงามและหยิ่งขมวดคิ้วเล็กน้อย

แต่เขารีบหันไปสนใจทางอื่นอย่างรวดเร็ว

บุรุษผอมสวมหน้ากากชื่อชิงหมอค้นหาตำแหน่งเย่ว์หยางอย่างระมัดระวัง  ดูเหมือนเขาต้องการค้นหาเด็กใหม่ที่น่าสนใจผู้ปะปนอยู่ในกลุ่มผู้คน นอกจากการฆ่าหรือเป็นเครื่องจักรฆ่าคนแล้ว... ถ้าไม่ใช่เพราะเริ่นเทียนเกอคอยกันเขาออกห่างคาดว่าชิงหมอผู้นี้คงต้องตามหาเย่ว์หยาง  ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงมีความคิดอยากฆ่าเด็กใหม่อย่างรุนแรงนัก

 “บางครั้งชีวิตจำเป็นต้องมีเรื่องสนุกเล็กน้อย”  บัณฑิตตาเงินพูดเชิงปรัชญา  แต่ในหูของเย่ว์หยาง เขารู้สึกว่านี่เป็นการพูดเล่นสำนวน  ไม่มีความหมายอื่น

8 ความคิดเห็น:

ulomzx กล่าวว่า...

ปัญหาใหญ่รออยู่ข้างหน้าเย่ว์หยางแล้วสิ

Unknown กล่าวว่า...

พูดอะไร ทำอะไร คิดอะไรก็ได้ แต่ถ้าขัดใจคุณชายสาม รับประกันจบอนารถทุกราย

l3ell_Zaa กล่าวว่า...

ตบให้ยับ

Unknown กล่าวว่า...

0

zen zen กล่าวว่า...

ถึงกับสยองขวัญไอ่หยางได้แปลว่ามันไค่เทียนต้องอันตรายกว่าจีอู๋ลี่อะดิส่วนไอ้ห้าตัวหัวหน้าก็คงไม่เกินเจ้าสุริยาหรอกมั้ง

l3ell_Zaa กล่าวว่า...

ผมก้อคิดแบบนั้น

manit กล่าวว่า...

ใจจ่า

Puisiwa กล่าวว่า...

กับดักใหญ่

แสดงความคิดเห็น