วันอาทิตย์ที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2563

เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ตอนที่ 1094 ยิ้มของเจ้า คือความพยายามในชีวิตข้า



ตอนที่  1094  ยิ้มของเจ้า คือความพยายามในชีวิตข้า

เทวทูตสตรีชุดขาวทั้งสาม ไม่ได้พูดอะไร


แม้แต่ทูตสวรรค์หน้ากลมก็ใช้ดวงตากลมโตน่ารักของนางมองเย่ว์หยางและพบเจอว่าเขาปนอยู่ในกลุ่มผู้คนอย่างง่ายดาย

การมองอย่างนี้ทำให้เย่ว์หยางที่ทำตัวเหมือนบังเอิญผ่านทางมารู้สึกปวดเศียรเวียนเกล้ากับเทวทูตสาวทั้งสาม  แม้ว่าสาวงามชุดขาวทั้งสามมองดูก็รู้ว่าไม่ใช่จะหลอกพวกนางได้ง่ายๆ อย่างไรก็ตามวัตถุโบราณที่อยู่ในกระเป๋าของเขามีค่าเท่ากับอาหารในท้องของเขา เขาจะเอาออกมาได้อย่างไร? เขาต้องแกล้งทำเป็นโง่ต่อไปทำเป็นเหมือนว่าเขาก็หาไม่เจอ

เด็กหนุ่มจากโลกอื่นยังดูสงบมาก เขาทำเป็นมองดูท้องฟ้าทำมุม 45%  แต่เขาไม่ได้พูดถึงของที่อยู่กับตัวทำท่าทางเหมือนกับว่าไม่พบของโบราณที่ใต้ทะเล

สหายของจินฉีรออยู่นาน และไม่เห็นความเคลื่อนไหวอะไร พวกเขารีบเติมเชื้อไฟทันที

บางทีทูตสวรรค์ต้องการให้รางวัลตอนที่ไม่มีใครอยู่เป็นการส่วนตัว และทำในลักษณะที่ไม่เป็นจุดดึงดูดความสนใจ

แต่ในฐานะขุนนาง การแข่งขันก็เพื่อเกียรติยศ

สิ่งที่พวกเขาต้องการก็คือรางวัลต่อหน้าสาธารณะและดวงตาที่อิจฉาของทุกคน สิ่งที่พวกเขาต้องการคือความริษยาและความเกลียดชังในใจของผู้คน... จะไม่ประกาศชื่อเสียงได้อย่างไร?  พวกเขาต้องได้รับรางวัลนี้และได้รับความไว้วางใจต่อหน้านักเรียนหลายๆ คน!  จีอู๋ลี่, จงหัวและกัปตันคุ้กและแม้กระทั่งนักเรียนหัวกะทินับไม่ถ้วน อัจฉริยะไร้เทียมทานนับไม่ถ้วน  หากจินฉีได้รับชัยชนะในวันนี้ จากวันนี้ไปเขาเชื่อว่าศักดิ์ศรีเกียรติยศจะต้องเพิ่มขึ้นอย่างบ้าคลั่ง จีอู๋ลี่ผู้ใกล้ระดับเทพมากที่สุดก็ยังทำไม่ได้!

 “ขอแสดงความยินดีกับคุณชายจินฉี  คุณชายจินฉี เรากำลังรอคอยช่วงเวลาสำคัญจริงๆ ฮ่าฮ่าฮ่า  เราแทบรอไม่ไหวอยากรู้ว่าท่านจะได้รับรางวัลแบบไหนจากทูตสวรรค์ทั้งสาม!  จะเป็นอะไรดีนะ?  สมบัติชั้นศักดิ์สิทธิ์?  หุ่นรบระดับแพลตตินัม?”  สหายรอบตัวจินฉีกลายเป็นคนร้อนใจเสียแล้ว

 “ภารกิจเล็กน้อย โชคดีที่ทำได้สำเร็จ ถึงได้กล้ารับรางวัล!  ปากของจินฉีถ่อมตน  แต่หน้าของเขาเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจของการเป็นคนแรกในประวัติศาสตร์

ในเวลานี้ไม่ใช่เพียงสหายของจินฉีเท่านั้น แต่ยังรวมถึงนักเรียนผู้เกลียดชังด้วย

ต้องการรู้ว่ารางวัลสำหรับการทำภารกิจได้สำเร็จนั้นคืออะไร

ทางด้านจินฉีการได้รับรางวัลย่อมดีทั้งหมด แต่จะสมบูรณ์แบบก็คือได้หุ่นรบระดับศักดิ์สิทธิ์  อย่างไรก็ตามถ้าได้หุ่นรบแพลตตินัมสักหลายพันก็คงจะรับกันไม่หวาดไม่ไหว  นักเรียนที่มีความอิจฉาและเกลียดแอบสบถด่า จะเป็นการดีที่สุดเพียงแค่ให้คำชมด้วยวาจา แม้ว่าจะเป็นไปไม่ได้ก็ตาม  แต่พวกเขายังหวังว่าจินฉีจะไม่ได้รับรางวัลใหญ่  ตอนนี้มีเพียงหุ่นรบแม่เหล็กเท่านั้นที่ได้รับการกล่าวขวัญ ถ้าเขาได้รับสมบัติชั้นศักดิ์สิทธิ์ หรือหุ่นรบชั้นแพลตตินัม พวกเขาไม่รู้ว่าจะกระทบกระเทือนขนาดไหน?  อีกพวกหนึ่งก็สาปแช่งจินฉีให้พลาดท่าตายโดยเร็วที่สุด  จึงจะดีกว่า ฝูงชนจะได้มีความสุขเต้นรำอย่างบ้าคลั่ง หรือไม่ก็เมาแล้วถึงสุนัขขย้ำตาย

แค่ในช่วงเวลาสั้นๆ ทั้งสองฝ่ายต่างแช่งชักหักกระดูกรุกกระหนาบอยู่สองฟากฝั่งของจินฉีที่รู้สึกดีใจ เขาพยายามแกล้งถ่อมตัวครั้งแล้วครั้งเล่า  แต่สายตาเต็มไปด้วยความโอหัง  เขาไม่ต้องการรับรางวัล  แต่ถ้าได้รางวัล เขาคงมิอาจปิดบังความภูมิใจได้

นอกจากคนสองกลุ่มแล้ว  ยังมีกลุ่มที่สามที่วางตัวเป็นกลาง อย่างเช่นคุณชายหมิงจู

ผู้ชมอื่นๆ ไม่มีอะไร

แค่มาดูความครึกครื้น

ดูว่าจินฉีจะทำหน้าอย่างไร และเหตุการณ์จะลงเอยเช่นไร

แน่นอนว่ามีเพียงไม่กี่คนที่รู้ความจริงชัดเจนอย่างหมิงจู แต่ต้องการดูการแสดงตลกของจินฉี แม้แต่จงหัวที่เฝ้าสังเกตจากระยะไกลก็เป็นหนึ่งในนั้น ยังมีเริ่นเทียนเกอ ฮ็อกและคนอื่นๆ บัณฑิตตาเงินที่แยกอยู่อีกฝั่งหนึ่งยิ้มมุมปากเป็นนัย ดูเหมือนจะเดาความจริงได้บ้าง

นอกจากนี้ยังมีชิงหมอที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืดมองดูเย่ว์หยางที่หยิบน่องไก่ออกมากิน จากนั้นก็หายตัวไปจากที่นั้น

ต่อไปจะเป็นอย่างไร?

คุณชายหมิงจูเดาว่าคงมีแผนร้ายกาจ

ภารกิจที่ได้มอบหมายนั้นไม่จำเป็นต้องพูดว่าจินฉียังทำไม่เสร็จสมบูรณ์  เว้นแต่ไตตันยินดีกำจัดวัตถุโบราณออกไป ก็จะไม่มีใครสามารถทำภารกิจที่ไม่มีใครสามารถทำให้สำเร็จนับแต่โบราณกาล

ใครจะคิดกันว่าโบราณวัตถุที่แท้จริงจำเป็นต้องรวบรวมหินพลังงานที่ไม่มีที่สิ้นสุดของประตูเทเลพอร์ตทั้งสี่เข้าด้วยกัน และส่งพวกเขาไปยังพื้นที่ใหม่และจากนั้นก็ต้องรับมือหุ่นรบยักษ์น้ำนับร้อยที่ขึ้นมาจากทะเล และค้นหาวัตถุโบราณ?  แม้ว่าบางคนจะเห็นด้วยกับความสงสัยของนักเรียนไตตัน แต่พวกเขารวบรวมศิลาศักดิ์สิทธิ์และถูกส่งไปยังกลางเกาะที่ได้รับการคุ้มกันจากหุ่นยักษ์น้ำ เป็นไปไม่ได้เลยที่จะได้รับวัตถุโบราณ  เพราะนอกเหนือจากไตตันแล้วที่สามารถสร้างหุ่นรบได้ทุกที่ทุกเวลาแล้ว ไม่มีใครบุกฝ่าการคุ้มกันของหุ่นยักษ์น้ำได้ หมิงจูคิดว่าชมดูโศกนาฏกรรมของคนอื่นนั้นถูกต้องแล้ว

ไม่ต้องพูดถึงความจริงว่าเย่ว์หยางมีจักษุญาณทิพย์ นับแต่โบราณกาล ไม่มีคนที่สองจริงๆ เขาสงสัยว่าศิลาศักดิ์สิทธิ์สำหรับใช้เทเลพอร์ตเป็นเงื่อนไขที่มีมาตั้งแต่เริ่มสร้างเพื่อใช้ในการรับวัตถุโบราณ

ความสงสัยที่น่าเหลือเชื่อนี้ไม่เคยเกิดขึ้นกับนักเรียนหัวดีทุกคนรวมทั้งจีอู๋ลี่

ตั้งแต่โบราณจนถึงปัจจุบัน

เชื่อได้ว่าหลายคนสงสัยว่าภารกิจที่ได้รับมอบหมายนั้นไม่ถูกต้อง

แต่ไม่มีใครค้นหาเป้าหมายที่แท้จริง เบาะแสมากมายที่น่าสงสัย แม้กระทั่งคนที่ฉลาดที่สุดก็ยังหลงไปได้  ในการไขความลึกลับที่แท้จริง ต้องมีดวงตาพิเศษคู่หนึ่งเหมือนเย่ว์หยางที่มองเห็นความจริง  จำเป็นต้องมีเงื่อนไขของการสืบทอดความรู้และการใช้อักขระรูนโบราณ ฯลฯ.. เพื่อเติมเต็มซึ่งกันและกัน ขาดอย่างใดไม่ได้  มันเป็นไปไม่ได้สำหรับนักเรียนทั่วไปที่จะบรรลุเงื่อนไขนี้

ก็เหมือนกับคนธรรมดาที่ไม่เคยสร้างหุ่นรบ ยิ่งเป็นไปไม่ได้กับการสร้างอาวุธเทพร่างอสูร

นักเรียนจำนวนมากเริ่มได้ยินข่าว

ในที่สุดก็รายล้อมไว้แน่น

สามสาวทูตสวรรค์ชุดขาวหลังจากมองหน้ากันเองก็เอ่ยปากพูดในที่สุด

จินฉีและคนอื่นๆ มีความสุขลำพองใจ พวกเขาตื่นเต้นใจเต้นแรงพยายามเงี่ยหูฟังคำชมทั้งหมดของสาวทูตสวรรค์ พวกเขาไม่ยอมพูดอะไร  เพราะถ้าพลาดช่วงเวลาในประวัติศาสตร์นี้ไป อาจต้องเสียใจไปทั้งชีวิต!

 “เกี่ยวกับการมอบหมายภารกิจหาโบราณวัตถุ ข้าไม่ต้องการให้คนจำนวนมากเข้าร่วม  ที่สำคัญนี่เป็นภารกิจที่ยากซึ่งทุกคนไม่สามารถทำได้  ถ้าทุกคนมีส่วนร่วมมันอาจรบกวนการดำเนินชีวิตและการเรียนรู้ของทุกคนเป็นอย่างมาก  ดังนั้นเราพี่น้องจึงมองหานักเรียนอย่างยากลำบาก เพราะต้องไม่ส่งผลต่อการเรียนและการใช้ชีวิตของพวกเขาจากการมอบหมายให้เขาค้นหาสิ่งต่างๆ”  สตรีชุดขาวคนกลางที่อ่อนโยนที่สุดใช้มือลูบคัมภีร์เงินในมือของนางและอธิบายว่าทำไมนี่จึงไม่ใช่งานที่คนธรรมดาทั่วไปสามารถทำได้

 “ถูกแล้วแม่นางทูตสวรรค์ทั้งสาม  ท่านคิดว่าเป็นการดีกว่าที่จะปล่อยให้คนเหล่านั้นเสียเวลาเคลื่อนไหวลงมือ ในเมื่อคุณสมบัติของพวกเขาที่จะได้รับความสำเร็จนั้นไม่มีเลย”  จินฉีฝืนอวดความยอดเยี่ยมเมื่อเขาได้ยินเรื่องราวต่างๆ แต่เขาก็มีความลำพองใจมากขึ้น

 “.....”

นักเรียนหลายคนโมโหและไม่คิดว่าทูตสวรรค์ทั้งสามมองหานักเรียนชั้นยอดเพื่อทำภารกิจให้สำเร็จ

เป็นเรื่องธรรมดาสำหรับทุกคนที่ไม่พบว่าตนเองโดดเด่นพอจะทำภารกิจให้สำเร็จ

แต่พวกนางดึงจินฉีมาที่นี่เพื่อทำอะไร?  ได้ยินว่าหุ่นรบแม่เหล็กของเขาก็เป็นคนอื่นสร้างขึ้น  เป็นแต่เขาแค่แอบอ้างฉวยโอกาสว่าเป็นหัวหน้าอำนวยการสร้าง  เขาก็แค่แขวนป้ายหลอกลวงชาวโลก ขโมยผลงาน เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญจริงๆ หรือ  เขาไม่เพียงแต่แอบอ้าง หลายคนเบื่อหน่ายคร้านจะรายงาน  แต่นี่ถือเป็นผลงานจริงๆ ของเขาหรือนี่?

ถ้าไม่ใช่เพราะสามทูตสวรรค์อยู่ข้างหน้า และจินฉีได้พบโบราณวัตถุและกำลังจะปิดภารกิจให้เสร็จสิ้น คงไม่มีใครหยุดยั้งการมอบรางวัลของทูตสวรรค์ได้

ถ้าจีอู๋ลี่ จงหัวและคนอื่นอ้างว่าพวกเขาเป็นนักเรียนหัวกะทิ นั่นแหละคือทั้งหมด

จินฉีเข้าร่วมประเมินกี่ครั้งแล้ว?

มีผลงานยอดเยี่ยมตั้งแต่เมื่อใด?

หากไม่มีหุ่นรบแม่เหล็กอยู่ในมือ เขาก็เป็นแค่ขยะเหลือใช้ที่นำมาหมุนเวียนใช้ใหม่ แล้วยังกล้าทำกร่างที่นี่อีกหรือ?

นักเรียนเกือบทั้งหมดจ้องมองจินฉี นี่ไม่ใช่แค่ปัญหาความอิจฉาของภารกิจหาวัตถุโบราณ  จินฉีต้องวางแผนหลอกที่ไม่มีใครทนได้

 “สำหรับภารกิจค้นหาโบราณวัตถุ  เราพี่น้องต้องขอโทษนักเรียนอีกครั้ง”  ทูตสวรรค์ชุดขาวคนกลางผู้ถือคัมภีร์เงินและอีกสองคนซ้ายขวาคำนับเล็กน้อย  นักเรียนรอบๆ ตกใจรีบคำนับตอบ แม้จะพูดว่า มิกล้า แต่ความไม่พอใจที่เก็บซ่อนในใจหายไปทันที ภารกิจหาโบราณวัตถุนักเรียนธรรมดาไม่สามารถเข้าถึงได้นี่หมายถึงอะไร  ท้ายที่สุดแล้วชนชั้นสูงที่เป็นคนกลุ่มน้อยอย่างจินฉีก็ไม่ได้ขัดขวางทูตสวรรค์ทั้งสาม พวกนางไม่ได้มอบความไว้วางใจกับจินฉีจริงๆ!

 “การค้นหาโบราณวัตถุ เป็นกระบวนการที่มีอันตรายอย่างยิ่ง ต้องมีพลังใจที่เข้มแข็งมิอาจขาดได้”  สาวทูตสวรรค์ที่สูงที่สุดพยักหน้า  “นี่คือเหตุผลที่ไม่มีใครสามารถทำได้อย่างราบรื่นนับแต่โบราณกาล  เพื่อความปลอดภัยเราพยายามหานักเรียนบางคนที่สามารถป้องกันตนเองได้  กล่าวคือไม่ใช่ว่าเรามีนักเรียนระดับสูงอยู่ในใจของเรา  แต่นั่นเป็นเพราะเหตุผลเพื่อความปลอดภัยอย่างแท้จริง  จุดเริ่มต้นของนักเรียนนั้นเหมือนกันจริงๆ  แต่เนื่องจากความสามารถและแนวทางการเติบโตที่ต่างกัน  ตัวเลือกของเราจึงแตกต่างไปด้วย”

 “มันต้องเป็นเช่นนั้นอยู่แล้ว”  นักเรียนตระหนักได้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น

 “แต่ทำไม้เจ้าเมืองน้อยจินฉีแห่งเมืองใบทองถึงทำสำเร็จได้อย่างง่ายดาย?  ไม่มีอันตรายต่อชีวิตแม้แต่น้อย!  คุณชายหมิงจูยิ้มเหมือนดอกไม้แรกแย้ม และเย่ว์หยางรู้สึกว่านักเรียนหมิงจูนี้เอาแต่ใจจริงๆ

 “หือ?” พวกนักเรียนสนองตอบและหันไปมองทูตสวรรค์ทั้งสาม หรือว่าจะมีเหตุเปลี่ยนแปลง?

 “นี่เจ้าหมายความว่ายังไง?”  จินฉีโกรธ ว่ายังมีคนสงสัยเขาอีกหรือ?

 “ข้าไม่คิดว่ามันง่ายขนาดนั้น ใครเล่าจะไม่ขุดหินในป่า!  เย่ว์หยางไม่ต้องการพูด  แต่คุณชายหมิงจูย่ำเท้าเขาอย่างหนัก จึงต้องลุกขึ้นพูด

 “น่าขันเสียจริง ความอิจฉาเป็นจุดอ่อนของทุกคน พวกเจ้าก็แค่อิจฉาความสำเร็จของข้า!  โบราณวัตถุอยู่ในมือของข้า พวกเจ้าจะปฏิเสธไปก็เปล่าประโยชน์!  ไม่ใช่เรื่องยากกับการขุดโบราณวัตถุใจกลางทะเลต้นไม้ ใครให้พวกเจ้าแต่ละคนคิดซับซ้อนเกินไปเล่า ทำไมไม่คำนึงถึงความจริงที่ง่ายที่สุด  พวกเจ้าใช้สมองคิดเป็นบ้างหรือเปล่า?  ตอนนี้ข้าขุดโบราณวัตถุด้วยตัวเองมาแล้ว เจ้าคิดว่าง่าย พวกเจ้าไร้ยางอายเกินไปหรือไม่? ใครที่สามารถทำสิ่งต่างๆ ที่ไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์ มันคือความคิดริเริ่ม และจะต้องบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ นั่นคือการใช้สมองและและความสามารถที่ยอดเยี่ยมที่สุดในประวัติศาสตร์!

จินฉีและสหายชูรูปสลักหินที่มีรัศมีระยิบระยับ

ขณะนั้นเองหยางผิงแห่งเมืองเปลวอาทิตย์และสหายหน้าเศร้าของเขาถลึงมองเย่ว์หยางอย่างสิ้นหวัง ดวงตาที่ชั่วร้ายของเขาเหมือนมีดคม  โชคดีที่ไม่ใช่มีดจริง มิฉะนั้นเย่ว์หยางและคุณชายหมิงจูต่อให้มีสิบชีวิตก็คงไม่เหลือ

เย่ว์หยางไม่สนใจต่อสายตาอาฆาตเหล่านั้น ขณะเขาส่ายหน้าแทะน่องไก่ต่อ “ไม่ว่าจะเป็นโบราณวัตถุหรือไม่ สิ่งที่เจ้าพูดไม่นับ!

ความหมายโดยนัยของเขาหมายถึงสาวทูตสวรรค์ทั้งสาม

เขาบอกว่าไม่นับ

ประโยคนี้พอเข้าใจได้

แต่กระทบใจคนฝ่ายจินฉีอย่างมาก

พวกจินฉีจ้องมองเย่ว์หยางด้วยสายตาเกลียดชัง  ถ้าสาวทูตสวรรค์ทั้งสามยืนยันโบราณวัตถุ คาดว่าพวกเขาคงบังคับให้เย่ว์หยางกินรูปสลักที่ทำจากหินนี้... ในที่สุดทุกคนมองไปทางทูตสวรรค์ชุดขาวทั้งสาม จินฉีไม่พูด ทุกคนก็ไม่พูด

ตอนนี้รอให้พวกนางเฉลยว่ารูปสลักหินแปลกประหลาดนี้เป็นวัตถุโบราณหรือไม่?

 “เหตุผลที่เราให้คำบอกใบ้สามข้อสำหรับนักเรียนทุกคนที่เข้าร่วมค้นหาวัตถุโบราณนั้นมีเหตุผลจริงๆ”  ทูตสวรรค์หน้ากลมที่เย่ว์หยางอยากหยิกแก้มยิ้มเล็กน้อย “ถ้าพวกเจ้ารู้คำใบ้ทั้งสามข้อก็เอาไปไตร่ตรองได้  คำใบ้หนึ่งเราบอกว่าเป็นโบราณวัตถุไม่ใช่หนึ่ง  คำใบ้ที่สองคือกุญแจสำคัญในการเปิดการทำงานโบราณ คำใบ้ที่สาม พลังลึกลับจะนำทางผู้นั้น...”

นางพูดไม่ทันจบ กลุ่มนักเรียนก็โห่ร้องยินดี

บางคนตะโกนใส่จินฉีอย่างเกลียดชัง  “เจ้าโง่ โบราณวัตถุ ไม่ใช่หนึ่ง ไม่ใช่ชิ้นเดียว เข้าใจไหม?”

เสียงตะโกนดังขึ้นพร้อมเพรียงกันเป็นคลื่นเสียงดังมากขึ้นทุกทีราวกับว่าจะทับถมจินฉีให้จมดิน

หน้าของจินฉีแดงเหมือนตับหมู  แต่เขาไม่ยอมรับ  “พวกเจ้าจะรู้อะไร ข้าเห็นในสถาบันผู้พเนจรแดนฟ้าเมื่อคืนนี้ มีโบราณวัตถุที่คล้ายกันอยู่ในนั้น  แน่นอนว่ามันไม่ได้เป็นของชิ้นเดียวที่มีอยู่ในสถาบันผู้พเนจรแดนฟ้า  ข้าไม่ผิด เป็นเจ้านั่นแหละผิด!

เมื่อเขาตอบโต้เช่นนี้ทุกคนจึงสงบลง

แม้ว่าจินฉีจะละเมิดระเบียบและเข้าไปในสถาบันผู้พเนจรแดนฟ้า แต่อย่างที่เขากล่าวไว้ ไม่มีอะไรผิดปกติจากนั้น

 “ในโบราณวัตถุนี้ มีพลังลึกลับเก็บกักไว้ ตราบเท่าที่รวมเอาไว้ในสถาบันผู้พเนจรแดนฟ้า  เข้าเชื่อว่ามันจะใช้เปิดประตูโบราณอย่างที่ท่านเทวทูตได้กล่าวไว้ และแสดงตำแหน่งทางที่ถูกต้อง!  พวกโง่อย่างเจ้าจะตะโกนทำไม? พวกเจ้าคิดว่าตะโกนแล้วจะเปลี่ยนแปลงข้อเท็จจริงได้หรือ?  พวกเจ้าคิดว่าตะโกนไปแล้วจะเปลี่ยนแปลงชะตากรรมของพวกปัญญาอ่อนอย่างพวกเจ้าได้หรือ? เจ้าพวกปากมาก”  จินฉีหัวเราะด้วยความลำพอง เนื่องจากเขาเสียหน้า ดังนั้นเขาจึงไม่สุภาพอีกต่อไป และพูดจาตอบโต้โดยตรง

 “อ่า...” พวกนักเรียนหันไปมองคุณชายหมิงจูเหมือนขอความช่วยเหลือ

คุณชายหมิงจูอยู่ข้างเย่ว์หยาง  แต่พวกเขาไม่รู้จักเย่ว์หยาง

แต่คุณชายหมิงจูเป็นใคร มีกี่คนที่ไม่รู้จัก?  พวกเขารู้ดีว่าไม่มีใครที่ไม่รู้!  ดูเหมือนว่ามีแต่คุณชายหมิงจูที่สามารถเหยียบเท้าคุณชายจินฉีได้

จากมุมมองของนักเรียนกลุ่มหนึ่งคาดหวังว่าคุณชายหมิงจูจะช่วยกู้หน้า และมองไปทางเย่ว์หยาง

เย่ว์หยางรีบปัดก้นเล็กน้อยและย้ายเก้าอี้ออกมาให้พ้นสายตาทุกคน  “คุณชายหมิงจูบุคคลที่มีบุคลิกเป็นผู้กอบกู้โลก ส่วนข้าเป็นผู้ติดตามคอยเอาใจรับใช้เท่านั้น เชิญนั่งได้ แน่ใจได้ว่าเจ้าไม่เสียเวลาเปล่าแน่”

คุณชายหมิงจูมีความสุขปนหงุดหงิด

เขาต้องการหยุดยิ้มและทำจริงจัง แต่ว่าเป็นไปไม่ได้

เขาปฏิเสธน่องไก่ที่เย่ว์หยางส่งให้ และนั่งลงอย่างสบายใจ ทำเป็นโบกมือออกคำสั่ง “ให้โอกาสดีๆ กับเจ้า ถ้าเจ้าทำได้ไม่ดี อย่ากลับมา!

จินฉีโกรธมาก หายใจหนักหน่วง น่าอาย น่าขายหน้า!  เขาจะไม่ยอมโดนดูถูกทั้งชีวิตแน่

นี่มันสมเหตุสมผลหรือไม่?

คุณชายหมิงจูต้องการทะเลาะกับตัวเขาผู้ที่คนอื่นบอกว่าเป็นอัจฉริยะ ลืมไปแล้วหรือว่าเขาเป็นใคร  บังอาจพูดแบบนี้ รนหาที่ตายชัดๆ!

 “หยุดพูดเลย เจ้าบอกว่านี่คือวัตถุโบราณปลอม  เจ้ามีหลักฐานอะไร?”  หยางผิงตอนนี้ดีใจ และนี่คือเวลาดีที่สุดที่จะได้เหยียบย่ำเจ้าเด็กนี่

 “ไม่มีหลักฐาน” เย่ว์หยางโบกมือกล่าว  “ก็เหมือนกับเจ้า อาจใช่หรือไม่ใช่ลูกข้า  ข้าไม่มีหลักฐานเหมือนกัน!

 “ฮ่าฮ่าฮ่า....”  กลุ่มผู้ชมดูหัวเราะลั่น

 “โปรดอย่าดูหมิ่นญาติของคนอื่นในเมื่อเจ้าก็เรียกตนเองว่ามาจากตระกูลชนชั้นสูง”  หยางผิงตัวสั่นด้วยความโกรธ แต่เขาไม่สามารถหันหน้าไปมองดูรอบๆ ได้จนกว่าเขาจะเหยียบย่ำเจ้าเด็กข้างหน้าเขา หยางผิงสูดหายใจลึก “เจ้าบอกว่าวัตถุโบราณนี้เป็นของปลอม  เจ้าอาศัยหลักฐานอะไร?  เจ้าเคยเห็นมาจริงๆ หรือ?”

 “ข้าไม่เคยเห็นมาก่อนจริงๆ!  เย่ว์หยางตอบโดยไม่ลังเล  “แต่ข้าเคยกินขาหมู”

 “กราวววว”  พวกนักเรียนเริ่มรู้สึกว่าการโต้ตอบของเจ้าเด็กนี่ไม่เลว พวกเขาเริ่มปรบมือให้เย่ว์หยาง

 “เจ้าไม่ได้เห็นโบราณวัตถุ และเจ้าไม่สามารถเอาหลักฐานมาให้ดูได้ ทำไมเจ้าถึงคิดว่านี่เป็นของปลอม หยางผิงรู้สึกว่าเขาชนะมองดูนักเรียนรอบๆ และตะโกน “อย่าทำเมินเฉยเพราะการถูกปฏิเสธ  ข้อเท็จจริงก็คือเจ้าไม่พึงพอใจกับความสำเร็จของคนอื่น  ความอิจฉาทำให้เจ้าบิดเบือนข้อเท็จจริง  นี่คือพฤติกรรมที่สูงส่งอย่างนั้นหรือ?  เฉพาะเจ้าต้องการทำให้คนร้ายกาจอย่างข้าต้องสับสนโดยจงใจ!  เจ้าคิดว่าการกระทำแค่นี้จะทำให้ปฏิเสธการมีอยู่ของวัตถุโบราณได้หรือ?  เราสามารถปฏิเสธการยอมรับของท่านทูตสวรรค์ทั้งสามได้หรือไม่?  ดูสิ มันอยู่ตรงหน้าเจ้าแล้ว  ไม่ว่าเจ้าจะอิจฉาหรือไม่ก็ลบล้างไม่ได้ มันไม่ได้หายไปไหน และการยอมรับความจริงหลักของทูตสวรรค์ทั้งสามจะไม่เปลี่ยน นี่คือความจริงที่แน่นอน!

 “พูดได้ยอดเยี่ยม ไพเราะกว่าสุนัขเห่า”  เย่ว์หยางปรบมือชม  “อย่างไรก็ตาม ข้าขอเตือนเจ้าว่าความเป็นจริงที่ยากลำบากอาจเป็นเรื่องตลกที่กุขึ้นจากความโลภและผยองเกินไป”

 “เจ้าพูดไร้สาระ!  จินฉีและหยางผิงตวาดพร้อมกัน

 “ถ้าพวกเจ้าคิดว่าข้าพูดไม่ยั้งคิด อย่างนั้นพวกเจ้าสามารถถามบารอนจงหัวได้ ในฐานะผู้ได้รับตำแหน่งรองชนะเลิศในการประเมินครั้งล่าสุด พวกเจ้าเองก็ยอมรับความเป็นอัจฉริยะของเขา ไม่ควรมีข้อสงสัย”  เย่ว์หยางดึงจงหัวที่มองดูอยู่แต่ไกลลงน้ำในครั้งนี้ด้วย  จงหัวทั้งที่อยากดูละครฉากนี้จึงต้องรีบเข้ามาคารวะทูตสวรรค์ทั้งสามก่อนและทักทายกับนักเรียนจำนวนมากแสดงภาพลักษณ์ของสุภาพบุรุษเรียบร้อย

 “ไม่มีประโยชน์ที่จะหาใครมาเป็นพยาน ความจริงคือความจริง  เจ้าไม่อาจบิดเบือนเป็นอย่างอื่น”  จินฉีสงสัยว่าเย่ว์หยางจงใจพูดหรือไม่ หลังจากปล่อยมือวัตถุโบราณชิ้นนี้ โอกาสจะหลุดลอยไปหรือไม่

 “เป็นของปลอมแน่นอน”  จงหัวเอ่ยปากครั้งแรกสร้างเสียงฮือฮาตามมา

 “อะไรนะ?”  แม้ว่าพวกนักเรียนต้องการฟังคำตอบนี้ แต่เมื่อได้ยินจริงๆ กลับรู้สึกเหลือเชื่อ

 “เหตุผลที่ข้าบอกว่าโบราณวัตถุนี้เป็นของปลอม เพราะข้าก็ถูกหลอกด้วยเช่นกัน จงหัวฝืนยิ้ม “ความจริงแล้วของชิ้นนี้ถูกจีอู๋ลี่ขโมยไปจากสถาบันผู้พเนจรแดนฟ้าแล้วเอาไปฝังไว้ในทะเลต้นไม้ ความจริงข้อสงสัยว่าวัตถุโบราณถูกฝังอยู่ในกลางทะเล มีกันอยู่ทุกคน ไม่ใช่แค่ข้า แต่จีอู๋ลี่เชื่อว่าเขาถูกหลอก  อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ต้องใช้ความพยายามมากแต่อย่างใดในการขุดที่ใจกลางทะเลต้นไม้ และถือว่าไม่เสียหายอะไรแม้ว่าข้าจะโง่นิดหน่อย  แต่ข้าเชื่อว่าหลังจากเข้าสู่ทะเลตะวันออก มีเพียงไม่กี่คนที่ขุดพื้นที่ตรงกลาง  เราทุกคนหลงกล...  แต่ไม่จำเป็นต้องเอารูปสลักหรืออะไรที่ถูกฝังในอดีตออกมา...”

 “ทำไมจีอู๋ลี่ถึงทำเช่นนี้?”  จินฉีตวาดร้อง

 “ไม่เพียงแต่เขาเท่านั้น แต่ทุกคนที่ถูกหลอก คาดว่าพวกเขาก็จะทำอย่างนั้น!  จงหัวพูดอย่างนั้นทำให้ทุกคนหัวเราะขำขัน

 “เป็นไปไม่ได้  เจ้าโกหก!  หยางผิงเห็นรอยยิ้มของเย่ว์หยางแล้วรู้สึกว่ารอยยิ้มนี้ทำให้เขาอึดอัดเจ็บปวดเหมือนถูกเชือดเฉือน

 “ข้าสามารถเป็นพยานได้ ก่อนที่พวกเจ้าจะขุดขึ้นมาดู”  เริ่นเทียนเกอเดินยิ้มออกมา  “ข้าสงสัยว่าวัตถุโบราณไม่ได้อยู่ที่ยอดเขาตะวันออก  ที่นั่นไม่มีทะเลแม้แต่น้อย  ทะเลต้นไม้ไม่ใช่ทะเล แค่ชื่อก็บอกไว้ชัดเจนแล้ว  โบราณวัตถุของแท้คงไม่ได้ถูกฝังไว้ที่กลางป่า ไม่ว่าจะไตร่ตรองยังไงก็ไม่สอดคล้องกัน”

 “คำใบ้ของทูตสวรรค์ไม่ผิดแน่นอน เป็นพวกเจ้าหลายคนพูดส่งเดช  ความจริงไม่เป็นอย่างนั้นแน่!  จินฉีคำรามด้วยความโกรธ  และเขาถือรูปปั้นไว้ในอ้อมแขนราวกับว่าเขาจะไม่ยอมปล่อย  รูปปั้นนี้ประหลาดนี้จะไม่กลายเป็นของปลอมแน่

 “เราไม่ได้โกหก  คำใบ้นั้นถูกต้อง”  สาวทูตสวรรค์ชุดขาวผู้ถือคัมภีร์เงินกล่าว จินฉีมีความสุขทันที ราวกับคนจะจมน้ำแล้วได้ฟางช่วยชีวิต  แต่คำพูดของนางยังไม่จบ นางพูดต่อ “อย่างไรก็ตามเจ้าไม่สามารถทำตามคำใบ้ของเราได้ เราแค่บอกได้บางส่วนตามข้อบังคับ สำหรับส่วนที่เหลือพวกเจ้าต้องใช้สติปัญญาคิดค้นไตร่ตรอง ข้าเชื่อว่านักเรียนหลายคนเข้าใจว่าคำว่าทะเลตะวันออกเป็นเพียงการเริ่มต้น ไม่ใช่ทั้งหมด  โบราณวัตถุไม่ได้มีแค่ชิ้นเดียว ข้าได้บอกใบ้ไปแล้ว มันไม่ง่ายเหมือนการขุดของในทะเลตะวันออก  มันยากมากขนาดคุกคามเอาชีวิตได้  ถึงได้ไม่มีใครทำได้สำเร็จนับแต่โบราณ”

 “ฮืมๆๆๆๆ, กาลครั้งหนึ่งยังมีเจ้าโง่ตัวใหญ่แต่ขี้โม้ไม่อายใครมาถึงยอดเขาตะวันออก เขาพบเห็นแตงโมอยู่บนไม้พันธุ์ เขาเด็ดแตงโมขึ้นมากิน แล้วมีความรู้สึกว่าเขาฉลาดขึ้น เขาจึงขุดๆๆๆๆ  ขุดเอาดินเน่าแล้วหอบกลับบ้านไปถามแม่ด้วยความดีใจ  แม่บอกว่ามันเป็นความภาคภูมิใจเทียมฟ้า ทำให้เจ้าโง่นั้นมีความสุข เจ้าโง่นั่นยิ้มราวกับมีดอกไม้บานเต็มหน้าเที่ยวรับรางวัลตอบแทนกันให้วุ่น ข้าเห็นแล้วยังอดขำไม่ได้”

เย่ว์หยางปรบมือท่องบอกเล่าเรื่องราวเป็นทำนองจังหวะ

จินฉีได้ยินแล้วเส้นเลือดแทบระเบิด

เขาอยากเป็นลม

แต่ไม่อาจเป็นลมได้ สติเขาแจ่มใสอย่างน่าประหลาด

คนรอบตัวจินฉีอยากแทรกแผ่นดินหนีจริงๆ

นักเรียนที่ไม่สบายใจอึดอัดตอนแรก พอได้ฟังเย่ว์หยางร้องเป็นทำนองอีก ต่างก็ตบมือโห่ร้องกันมากขึ้นทุกที บางคนก็ตะโกนว่าเจ้าโง่ๆ เสริมเป็นระยะๆ

 “หมิงจู!  จะให้ข้าเล่นบทไหนอีก?”  เย่ว์หยางถอยกลับไปปรึกษา  ทำตัวเหมือนสามีที่ดีปรึกษาภรรยาด้วยความจริงใจ

 “ไม่ต้องมากนักก็ได้”  คุณชายหมิงจูลุกขึ้นจากเก้าอี้อย่างตื่นเต้นและกอดเขา แล้วใช้มือทุบเขาหหนึ่งครั้ง และยิ้มกล่าว  “เจ้าร้ายกาจจริงๆ”

 “รอยยิ้มของเจ้าคืองานหนักในชีวิตของข้า!

เย่ว์หยางทำตัวเป็นอัศวินพิทักษ์หญิงงาม

หลายวันมานี้มีความเปลี่ยนแปลงโดยไม่ต้องหาข้ออ้างมากล่าว

9 ความคิดเห็น:

oBABYVOXo กล่าวว่า...

เริ่มหลงพี่เย่แล้วใช่มั้ย

สมประสงค์ อินทรกำแหง กล่าวว่า...

โลกภายนอก
กด:1 หมิงจูญาติสาวของหมิงเย่กวง
กด:2 หมิงเย่กวง

นักอ่านนิยายเรื่อยเปื่อย กล่าวว่า...

หมิงเย่กวง ชัดๆ

ïиƒïиï†ч гє†гч กล่าวว่า...

เรื่องตกสาวทางเค้าละ

DexterAndDdy กล่าวว่า...

หมิงเย่กวงคือใครจำไม่ได้ละครับ

ชายหนุ่มผู้ผ่านทางมา กล่าวว่า...

3 จอมภพแดนสวรรค์

manit กล่าวว่า...

ใจจ้า

Lukung กล่าวว่า...

หมิงเย่กวงแน่นอน น่าจะมีไอเท็มปกปิดเพศ พออ่านแล้วนึกถึงคาโอริกับซาเอบะ เรียวในcity hunter เลย ฆ้อน100t 55555

Puisiwa กล่าวว่า...

เหมือนจารย์ใหญ่จะรู้ว่าเป็นหญิง

แสดงความคิดเห็น